ศิลาจันทร์ลอยปาฏิหาริย์ริมฝั่งแม่น้ำป่าสัก จังหวัดพระนครศรีอยุทธยา
ศิลาจันทร์ลอยปาฏิหาริย์ริมฝั่งแม่น้ำป่าสัก จังหวัดพระนครศรีอยุทธยา
ศิลาจันทร์ลอย ตั้งอยู่ภายในวัดปราสาทนครหลวง ตำบลนครหลวง
อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
พิกัด : https://goo.gl/maps/YxMeDoeYorHPBNZr7 



หากใครไปได้ไปเที่ยวชมปราสาทนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจและควรเข้าไปสักการะคือ "ศิลาจันทร์ลอย"



ซึ่งประดิษฐานอยู่ในมณฑปหน้าปราสาทนครหลวง ซึ่งชาวอยุธยาเชื่อกันว่า
ศักดิ์สิทธ์ บนบานขอสิ่งใดมักจะสัมฤทธิ์ผลทุกประการ



มีประวัติความเป็นมาเหนือธรรมชาติอันสุดพิสดารด้วยลักษณะของศิลาโบราณแผ่นนี้เป็น
แผ่นหินกลมมนราวกับใช้วงเวียนวาดแล้วตัดออกมาโดยช่างฝีมือชั้นยอดเยี่ยม



ผสมผสานกับแผ่นทองคำที่ชาวบ้านนำมาปิดด้วยความเลื่อมใสจนเหลืองอร่าม
เปล่งประกายรัศมีเจิดจ้ายามที่กระทบกับแสงได้อย่างน่าอัศจรรย์ ประดุจดั่งพระจันทร์
ในคืนเดือนเพ็ญ ย้อนเวลากลับไปในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชกาลที่ 5)



แผ่นศิลาศักดิ์สิทธิ์ลอยน้ำมาติดหน้าวัดประสาท ชาวบ้านต่างตะลึงกับสิ่งที่พบเห็น
จึงนำเรื่องไปบอกกับอดีตเจ้าอาวาส ซึ่งชาวบ้านยกย่องให้ท่านเป็นเกจิอาจารย์สมัยนั้น
พระคุณท่านได้บริกรรมพระคาถา ใช้ด้ายสายสิญจน์เพียง 3 เส้น



คล้องอัญเชิญ ศิลาแผ่นมหึมาขึ้นมาจากแม่น้ำ มาประดิษฐานไว้กลางชุมชน
เพื่อเป็นสิ่งเคารพสักการบูชา ข่าวความศรัทธาของชาวบ้านได้ล่วงรู้ถึงพระกรรณของ
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชการที่4)



พระองค์จึงเสด็จมาทอดพระเนตรและทรงดำริว่า ควรอัญเชิญศิลาศักดิ์สิทธิ์นี้เข้าเมืองหลวง
ศิลาพระจันทร์ลอยจึงได้รับการอัญเชิญไว้ที่ท่าเรือริมแม่น้ำเจ้าพระยา
เพราะเป็นชุมชนใหญ่จะได้เป็นที่กราบไหว้บูชาของประชาชน



ต่อมาพระจันทร์ลอย จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของท่าเรือแห่งนี้ ผู้คนต่างขนานนามท่าเรือแห่งนี้ว่า
" ท่าพระจันทร์ " แต่ศิลาจันทร์ลอยก็อยู่ที่กรุงเทพฯได้ไม่นานนัก



เพราะพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชการที่5) ทรงสุบิน (ฝัน) ว่า
ให้นำพระจันทร์ลอยกลับไปยังที่เดิมด้วยเหตุนี้ พระจันทร์ลอยจึงถูกอัญเชิญ
กลับไปประดิษฐานไว้ในมณฑปกลางอำเภอนครหลวง ตามเดิม ตราบเท่าทุกวันนี้



แต่ก็มีนิทานปรัมปราพื้นบ้านได้เล่าถึงตำนานของศิลาจันทร์ลอยว่า ศิลานี้ได้ลอยมา
ตามแม่น้ำป่าสัก ชาวชุมชนแถวนั้นเห็นด้วยความประหลาดใจจึงนำเชือกมาผูกหินยึดไว้
กับศาลาของ วัดในชุมชนเพื่อไม่ให้หินลอยไปไหน



แต่ด้วยความอัศจรรย์ หินนั้นมีแรงขับเคลื่อนมหาศาล จนสามารถดึงศาลาให้ลอยไปด้วย
วัดนั้นจึงถูกเรียกว่า “วัดศาลาลอย” ครั้นหินนั้นลอยมาอีกชุมชนหนึ่ง
ชาวบ้านเห็นความแปลกประหลาดจึงนำเชือกไปผูก



หินกับกับต้นโพธิ์ที่วัดแห่งหนึ่ง แต่ด้วยแรงขับเคลื่อนของหินเช่นกันทำให้ต้นโพธิ์นั้นเองลง
วัดนั้นจึงถูกเรียกว่า “วัดโพธิ์เอน” และหินก็หลุดลอย จนมาหยุดอยู่ที่หน้าวัดปราสาท
อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา



เกจิอาจารย์ผู้ขมังเวทบริกรรมพระคาถา ใช้ด้ายสายสิญจน์เพียง 3 เส้นเท่านั้น
ก็สามารถอัญเชิญขึ้นมาจากน้ำได้



ทั้งนี้ วัดศาลาลอย และวัดโพธิ์ก็มีอยู่จริง ริมฝั่งแม่น้ำป่าสักอีกด้วย



ขอบคุณข้อมูล : คุณธัญพิสิษฐ์ เลิศบำรุงชัย



ใครที่ยังไม่ได้เข้าไปอ่านบล๊อก ร้านอริยะเบเกอร์รี่ จังหวัดสิงห์บุรี สามารถกดที่นี่ได้เลยครับ



ฝากกด like Facebook นายแว่นขยันเที่ยว : 
https://www.facebook.com/นายแว่นขยันเที่ยว-110467381183341



ฝากกดติดตาม YouTube กูรูเอมมี่ แชลแนล : 
https://www.youtube.com/channel/UCRYXqGydbgKYciPr2Kilw3g
ขอขอบคุณ อาจาร์เอมมี่ เทพนิมิตต์ โหราเวทย์ศรีธนญชัย



ขอบคุณที่เข้ามาเป็นกำลังใจให้ผม
"นายแว่นขยันเที่ยว"



ขอบคุณเพลง : จันทร์เจ้าเอ๋ย
ศิลปิน : PHAMEK
Vote : ท่องเที่ยวไทย




Create Date : 18 เมษายน 2565
Last Update : 18 เมษายน 2565 1:35:42 น.
Counter : 2447 Pageviews.

0 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณnewyorknurse, คุณSleepless Sea, คุณหอมกร, คุณปรศุราม, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณสองแผ่นดิน, คุณKavanich96, คุณInsignia_Museum, คุณแมวเซาผู้น่าสงสาร

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นายแว่นขยันเที่ยว
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]



เมษายน 2565

 
 
 
 
 
2
3
5
7
9
10
12
14
16
17
19
21
23
24
26
28
30
 
All Blog