มิถุนายน 2555

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
8
10
12
13
14
15
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
งานศพ ........2


งานศพ ...2


“ ใครตายกันหละ ลุงโต้ง ” นางยุพาถามทันทีที่ลุงโต้งเดินพ้นประตูบ้านเข้ามา นางเรียกเขาว่าลุงตามคนอื่นๆทั้งๆที่เขาอายุเท่ากับอนงค์

“ ครูวิโรจน์ ตายเมื่อเช้า ” ลุงโต้งตอบ ขณะหย่อนก้นลงนั่ง

“ นึกแล้วเชียว แล้วไง ลุงโต้งต้องถึงกับมาส่งข่าวเอง ”

“ ก็ปัญหาเรื่องที่ตั้งศพ ”

“ ทำไมล่ะ ไม่เกี่ยวกับพวกฉันเลย ” นางทำไขสือ

“ ป้าก็รู้ว่าครูวิโรจน์เขามีคนรู้จักนับหน้าถือตามาก คงมีคนมาสวดศพเยอะ พ่อเจ้าวัดจึงบอกให้ฉันมาคุยกับป้า ขอย้ายศพลูกเขยป้าไปที่ศาลาเล็กได้ไหม ”

“ เขาจะใหญ่โตอย่างไรฉันไม่สน เขามาทีหลังก็ให้เขาไปตั้งที่ศาลาเล็กซี หรือไม่ก็ตั้งคู่กันก็ได้ฉันไม่ว่าหรอก ” นางยุพาตอบกลับด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

“ ถ้าทำอย่างนั้นได้ ผมก็ไม่ต้องมาถามป้าให้เสียเวลาหรอก แล้ววัดเราก็ไม่เคยมีการตั้งศพคู่กันมาก่อนเลย ”

“ มันจะเป็นอะไรไป คนมาสวดก็คนวัดเดียวกัน ที่กรุงเทพเขายังมีการตั้งศพคู่กันเลย มีศาลาเดียวทำไงได้ ”

“ ลูกเขยป้าเขาก็มาจากที่อื่น ถ้าเทียบกันแล้ว ครูวิโรจน์เขาสำคัญกว่า ”

“ เขาเป็นคนที่อื่นแต่เขาก็ล้างบาปและแต่งงานที่วัดนี้ เขาเท่ากับเป็นสัตบุรุษวัดนี้เหมือนกัน และถึงเขาจะเป็นคนธรรมดาไม่มียศศักดิ์ใหญ่โตอะไร แต่เขาก็เป็นคนดี ไม่เคยสร้างความทุกข์ร้อนให้ใคร ลุงโต้งไม่ต้องมาบอกหรอกว่าใครจะสำคัญกว่าเขา ตายแล้วก็เท่ากันทั้งนั้นหละ ” นางยุพาขึ้นเสียงด้วยความไม่พอใจ

“ แต่คนมาสวดศพก็คงมีน้อย ศาลาเล็กก็น่าจะพอ ป้าน่าจะอะลุ้มอะหล่วย ถ้าไม่จำเป็นจริงๆผมคงไม่มาขอร้องป้าหรอก ”

“ คนจะมากจะน้อยมันไม่เกี่ยวนี่ ฉันตั้งศพมาสองวันแล้ว จะให้โยกย้ายแบบนี้ มันเสียความรู้สึกนะลุงโต้ง ”

“ ผมเข้าใจ แต่ผมก็เห็นใจฝ่ายโน้นเขาด้วย แขกเขามีระดับทั้งนั้น ตั้งแต่ผู้ว่าฯ นายอำเภอ สารวัตร กำนันและลูกศิษย์ลูกหาเขาอีกมากมาย ”

“ โอ้ย....พอแล้วลุงโต้ง ไม่ต้องมาสาธยายความยิ่งใหญ่ของเขาหรอก ฉันรู้ว่าชาวบ้านชาวสวนธรรมดาอย่างพวกฉันนะเทียบเขาไม่ติดหรอก กลับไปบอกพวกเขาเถอะว่า...ฉันไม่ย้าย ” นางเน้นเสียงที่ประโยคหลังอย่างโมโหเดือด

“ ป้าทำให้ผมลำบากใจ ” ลุงโต้งหน้าสลด

“ ศาลาเล็กคุ้มแดดคุ้มฝนก็ไม่ได้ ถ้าฝนตกละ พวกฉันจะทำอย่างไร ” นางลดเสียงลง

“ พฤศจิกาแล้วนะป้า ฝนคงไม่ตกหรอก มันหมดฤดูไปแล้ว ”

“ ใครจะไปรู้ได้ละ กลับไปเถอะลุงโต้ง ให้เขาใช้ศาลาเล็กนั่นแหละ เช่าเต็นท์ผ้าใบมากางรอบๆก็ดูดีเองแหละ อย่าคิดมาเบียดเบียนกันเลย งานศพครั้งนี้ พวกฉันก็ทุกข์ใจกันมากพออยู่แล้ว ”

“ หากป้าไม่ยอม ผมคงต้องกลับไปบอกพ่อเจ้าวัด ให้พ่อมาพูดเองแล้วกัน ”

ลุงโต้งลากลับไปด้วยสีหน้าวิตกกังวล แม่ยุพาค้อนควับตามหลัง ด้วยความหมันไส้

“ โธ่เอ้ย เอาพ่อเจ้าวัดมาขู่รึ ” นางบ่นไล่หลัง

“ เราจะทำไงกันดีละ แม่ ” อนงค์ถาม

“ เฉยๆไว้ รอดูเขาไปก่อน ”

นางยุพารู้สึกเครียด จึงเดินกลับไปที่เก้าอี้นอนอย่างเดิมหมายจะหลับสักงีบ นุชนาถตามมานั่งลงข้างๆ

“ ลุงโต้งเขาพูดก็มีเหตุมีผลนะแม่ ” นุชนารถ เอ่ยขึ้น

“ หมายความว่านุชจะยอมย้ายไปศาลาเล็กหรือ ”

“ คืนนี้คงสวดพร้อมกันสองศพ ชาวบ้านเขาคงไปสวดศพครูวิโรจน์จนหมดละแม่ คงมีแต่พวกเราๆเท่านั้น ศาลาใหญ่จะยิ่งดูโหรงเหรง ”

“ หากนุชยอมย้ายก็ตามใจ แต่รอให้เขามาพูดอีกทีแล้วกัน ”

นางยุพาหลับตาลง รู้สึกโล่งใจไปเปราะหนึ่ง เพราะสิ่งที่ห่วงคือความรู้สึกของลูก แต่ก็ยังไม่วายคับแค้นใจ คนตายแล้วก็เป็นผุยผงเหมือนกันแหละไม่ว่าจะยิ่งใหญ่ด้วยตำแหน่งหรือ ยศศักดิ์สูงส่งแค่ไหนก็ตาม กับแค่ตั้งศพไม่กี่วันก็ต้องลงหลุมในป่าช้าเดียวกันแล้ว ไม่รู้จะต้องเอาหน้าเอาตาไปทำไมกัน นางบ่นในใจกับตัวเอง

แต่ขณะกำลังจะเคลิ้มหลับ นางยุพาก็สะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงหลานชายมาเรียกข้างๆหูบอกว่ามีคนมาหา

นางงัวเงียลุกขึ้นนั่ง “ ไปเรียกเขาขึ้นมาบนบ้านซี ”

“ บอกแล้วเขาไม่ยอมขึ้นมา เขาให้ย่าลงไปหาเขาข้างล่าง ”

นางยุพารู้สึกฉงนใจ ใครกันนะ มาถึงบ้านแล้วยังไม่ยอมขึ้นบ้าน นางบ่นพึมพำขณะลุกขึ้นเดินไปยังหน้าบ้าน

ที่พื้นดินใต้ต้นมะม่วงหน้าบ้านมีแคร่ไม้ใผ่ที่สามีของนางทำไว้นั่งเล่นเวลาแดดร่ม กลายเป็นที่รับรองแขกผู้มาเยือนยามนี้ อรุณศรีภรรยาของครูวิโรจน์นั่นเอง นางยุพารู้จักกิติศัพท์ความถือตัวของเธอดี นี่ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญจริงๆแล้ว อรุณศรีคงไม่มาถึงบ้านของนางให้เสียเกียรติหรอก นางจึงจำใจเดินลงไปพบเธอ

“ พี่ยุพาคะ เราก็คนวัดเดียวกัน น่าจะเห็นใจกันบ้าง คืนนี้เป็นคืนแรกคงมีคนมาเยอะ ศาลาเล็กไม่พอรองรับแน่ๆ แล้วแขกที่มาก็ล้วนแต่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งนั้น หากศพครูไปตั้งที่ศาลาเล็กก็จะดูไม่สมเกียรติขอร้องเถอะนะคะ ”

อรุณศรีพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อม ในใจแม่ยุพานั้นแม้รู้สึกขุ่นเคืองตั้งแต่ครั้งแรกที่ลุงโต้งมาส่งข่าวแล้ว แต่เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของผู้หญิงที่นั่งตรงหน้า ทำให้จิตใจของนางอ่อนโยนลงด้วยความเห็นใจ แต่ยังไม่วายสงวนท่าที นางเงยหน้าขึ้นไปมองลูกสาวคนเล็กที่โผล่หน้าออกมาทางหน้าต่างฟังทั้งสองสนทนากัน

“ ขอให้ฉันปรึกษากับลูกๆก่อนแล้วกัน ว่าอย่างไรแล้วจะไปบอก ”นางแกล้งบ่ายเบี่ยง

“ บอกเดี๋ยวนี้เลยได้ไหมคะ รถบรรทุกศพเขารออยู่ จะได้เอาศพตั้งให้เสร็จเสียที ”

“ ให้เขาไปเถอะ แม่ เราย้ายไปศาลาเล็กก็ได้ ถึงอย่างไรคืนนี้ คนคงมาสวดน้อยเพราะต้องไปสวดศพคนใหญ่คนโต ” นุชนารถพูดเสียงเรียบๆแกมประชดประชัน

“ ขอบใจนะจ๊ะหนูที่เข้าใจ แล้วฉันจะจัดการย้ายศพของสามีของหนูให้ด้วย” อรุณศรีแหงนหน้าขึ้นไปพูดกับนุชนาถและยิ้มอย่างโล่งใจ ก่อนขอตัวกลับ

“ ตายลงหลุมแล้วมันก็เท่ากันหละน้า จะต้องมามีกงมีเกียรติอะไรให้มันยุ่งวุ่นวายกับคนอื่นเขาด้วยฮึ ” นางยุพาไม่วายบ่นไล่หลังอรุณศรี

(อ่านต่อภาค 3 )




Create Date : 07 มิถุนายน 2555
Last Update : 7 มิถุนายน 2555 18:16:32 น.
Counter : 513 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

peka
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



คนซื่อๆ มองโลกตามความจริง ใช้ชีวิตไปตามสภาพดินฟ้าอากาศ วันไหนฟ้าใส จิตใจสดชื่น อาจหัวเราะเริงร่า พูดคุยสนุก วันไหนฟ้ามืด จิตใจซึมเศร้า อาจนั่งเงียบเหงาเขียนบทกวี วันไหนโลกแล้งยุติธรรม จิตใจหดหู่ อาจกินๆนอนๆดูทีวีทั้งวัน