Group Blog |
งานศพ...1 งานศพ 1 นับเป็นช่วงเวลาแห่งความโศกเศร้าของครอบครัวนางยุพาอีกครั้งหลังจากหกปีมาแล้วที่นางต้องสูญเสียสามีที่เป็นเสาหลักของครอบครัวไป มาคราวนี้ นุชนารถลูกสาวคนเล็กที่หลังแต่งงานได้ย้ายครอบครัวไปอยู่กับสามีที่อีกจังหวัดหนึ่ง ก็มาประสบชะตากรรมเช่นเดียวกับนางเมื่อ สมศักดิ์ สามีของเธอได้ประสบอุบัติเหตุและเสียชีวิตลงอีกคน นางรับรู้ข่าวด้วยความสะเทือนใจและรู้สึกเวทนาลูกสาวยิ่งนัก เพราะพวกเขายังอยู่ในวัยหนุ่มสาว เพิ่งเริ่มต้นชีวิตครอบครัวได้ไม่ถึงห้าปีและลูกๆสองคนก็ยังเล็กอยู่ แต่นางก็ต้องพยายามระงับใจ เตรียมตัวที่จะจัดงานศพให้ลูกเขยเพราะนุชนารถต้องการนำศพสามีมากลับมาฝังที่ป่าช้าของวัดบ้านเกิดใกล้ๆกับคนในครอบครัว นางจึงต้องรีบไปติดต่อพ่อเจ้าวัดเพื่อขออนุญาตจัดงานศพ จองศาลาตั้งศพและซื้อหลุมฝังศพด้วย ......นางยุพาอาศัยอยู่ในชนบทเล็กๆรอบวัดคริสต์แห่งหนึ่งนางก็เหมือนชาวบ้านคนอื่นๆที่เช่าที่ของวัดปลูกบ้านและทำสวนผลไม้เลี้ยงชีพ นางมีลูกชายหญิงถึง๙ คน ที่ส่วนมากแต่งงานไปแล้วและแยกครอบครัวออกไป บ้างก็อยู่ในละแวกนี้บ้างก็ย้ายไปอยู่ที่จังหวัดอื่น คงเหลือเพียงอนงค์ลูกสาวคนโตที่ไม่แต่งงานและยังคงพักอาศัยอยู่กับนางเท่านั้น.... ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
นางยุพาไปถึงที่วัดพร้อมกับอนงค์และธนิตย์ลูกชายอีกคนหนึ่งซึ่งอาศัยอยู่บ้านภรรยาของเขาในละแวกนี้ เป็นจังหวะดีที่ศาลาสุขนิรันดร์ซึ่งเป็นศาลาเอนกประสงค์แห่งใหม่ที่ชาวบ้านนิยมใช้ตั้งศพว่างอยู่ แต่พ่อเจ้าวัดกลับไม่เห็นด้วยกับการที่ลูกเขยนางซึ่งเป็นคนต่างถิ่นจะมาจัดงานศพและฝังศพของเขาไว้ที่นี่ เขาไม่ใช่สัตบุรุษวัดเรา จะมาฝังที่นี่ไม่ได้หรอกนะ แม่ยุพา พ่อเจ้าวัดบอกกับนาง จะให้เอาไปฝังที่วัดไหนล่ะคะ เขาเป็นคริสตังใหม่ญาติๆของเขาก็เป็นคนพุทธทั้งนั้น ไม่รู้จักวัดคริสต์ที่ไหนสักแห่งและคงไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไรให้ถูกต้องตามจารีตของเรา เขาเข้าวัดไหนก็ให้ไปฝังที่นั่นแหละ เฉพาะสัตบุรุษวัดเราก็แทบจะไม่มีที่ฝังอยู่แล้ว จนพ่อต้องขยายป่าช้าอีกแล้วเห็นไหม พ่อเจ้าวัดอธิบาย รู้ค่ะว่าพ่อกำลังขยายป่าช้าแต่สมศักดิ์เขาก็เหมือนสัตบุรุษวัดนี้เหมือนกัน เขาเรียนคำสอนและรับศีลล้างบาปที่วัดนี้ พ่อดูในสมุดรายชื่อก็ได้ ศีลสมรสพวกเขาก็รับกันที่วัดนี้ด้วย พ่อเจ้าวัดลุกขึ้นไปหยิบสมุดสีฟ้าเล่มหนาเตอะออกมาจากตู้ แล้วพลิกดูตามที่นางยุพาบอก หลังจากครุ่นคิดอยู่สักครู่ก็เอ่ยปากอนุญาต นางยุพาถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก ศพคงมาถึงพรุ่งนี้ตอนบ่ายๆ เราตกลงจะสวดคืนพรุ่งนี้เป็นคืนแรก และคิดกันว่าจะฝังวันเสาร์ตอนเช้าจะสะดวกไหมคะ วันเสาร์เช้าหรือ ? คุณพ่อก้มมองปฏิทินที่วางอยู่ตรงหน้า เสาร์เช้าคงไม่ได้ พ่อไม่อยู่มีประชุมที่ศูนย์ พ่อปลัดก็มีประชุมสภาวัด นางยุพาหันไปมองลูกๆเพื่อขอความเห็น คงไม่มีปัญหาอะไรมั้งคะ อนงค์สรุปแทนแม่ เป็นอันตกลงตามนี้นะ พ่อเจ้าวัดจดรายละเอียดลงไปในสมุดบันทึก เดี๋ยวไปติดต่อลุงโต้งแล้วกันเรื่องกุฏิฝังศพน่ะ ลุงโต้งเป็นผู้จัดการทั่วไปของวัด นางยุพาและลูกๆ กล่าวขอบคุณและลาคุณพ่อเจ้าวัดเพื่อไปหาที่ฝังศพต่อไป ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ การสวดอุทิศให้กับวิญญาณของสมศักดิ์ผ่านไปด้วยดีในสองคืนแรกมีชาวบ้านละแวกวัดมาช่วยกันสวดเต็มศาลา เพราะแม้จะไม่ได้รู้จักกับผู้ตาย แต่เนื่องจากเป็นคนในครอบครัวของคนวัดเดียวกัน ทุกคนจึงมีน้ำใจมาช่วยกันสวด นางยุพาและลูกๆรู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก...
แต่ตอนสายๆของงานศพวันที่สองกลับมีเรื่องที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น.... ที่บ้านของนางยุพาซึ่งปกติค่อนข้างเงียบเหงาตอนนี้กลับดูคึกคักวุ่นวายไปด้วยสมาชิกที่เป็นลูกๆหลานๆญาติสนิทและญาติๆของฝ่ายเขย ทั้งหมดรวมกันแล้วมากกว่ายี่สิบคน ทำให้บ้านดูแคบไปถนัดตา แต่ยังดีที่เป็นบ้านใต้ถุนสูง พวกเด็กๆส่วนใหญ่วิ่งเล่นอยู่ใต้ถุนบ้าน ในขณะที่ผู้ใหญ่ต่างแยกกันอยู่แต่ละมุมเป็นกลุ่มๆตามอัธยาศัย บ้างก็ช่วยกันตระเตรียมอาหารอยู่ในครัวสำหรับมื้อเที่ยง บ้างก็ทำดอกไม้สำหรับนำไปเปลี่ยนในงานศพ บ้างก็เตรียมห่อของชำร่วย ส่วนนางยุพาก็กำลังนั่งสนทนาเรื่องต่างๆกับญาติๆฝ่ายเขย ทันใดนั้นเสียงระฆังที่วัดก็ดังขึ้น นางยุพาเอ็ดให้เด็กๆเงียบและเงี่ยหูฟัง ระฆังส่งวิญญาณนี่นา แม่ยุพาพูดขึ้น ผู้ชาย นางบอก ยายรู้ได้อย่างไรคะ หลานสาวของนางยุพาถามขึ้น การตีระฆังส่งวิญญาณ หากคนตายเป็นผู้ชายจะตีระฆังใหญ่ก่อน ๓ครั้ง หากเป็นผู้หญิงจะตีเพียงสองครั้ง แล้วตามด้วยระฆังเล็ก นางยุพาอธิบายให้หลานสาวฟังอย่างผู้ชำนาญ เอ! มีใครตายกันนะ อนงค์ซึ่งกำลังจัดเตรียมพื้นที่ตรงกลางบ้านสำหรับยกอาหารมาตั้ง พูดขึ้นลอยๆ หรือจะเป็นครูวิโรจน์ วันก่อนได้ยินว่าแกแย่แล้ว นางยุพาเดา ใช่คนที่เป็นอบต. ไหมจ๊ะแม่ นุชนาถถามเพราะไม่ได้อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้ว จึงไม่ค่อยรู้ความเป็นไป ใช่ คนเดียวกันนั่นแหละ เขาลาออกจากครูมาสองสามปีแล้วเพื่อมาสมัครเป็นอบต. แล้วเขาก็ได้รับเลือก ชาวบ้านเทคะแนนให้ นางยุพาตอบ อาศัยอิทธิพลของพ่อตามากกว่ามั้ง ธนิตย์เอ่ยขึ้นขณะเดินเข้ามาสมทบ พ่อตาเขาเป็นกำนัน แถวนี้เขาคุมหมดไม่ว่าจะเป็นเจ้ามือหวย เท้าแชร์ เจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบ จนกระทั่งเป็นคนกลางรับซื้อ รับเหมาผลไม้ของทุกสวน ธนิตย์แจกแจงรายละเอียดให้ญาติฝ่ายน้องเขยฟังเสียแรงที่ชาวบ้านไว้ใจ เลือกเขาหวังจะให้ช่วยกันพัฒนาตำบลของพวกเรา แต่เขากลับเอาแต่พัฒนาบ้านตัวเอง เงินกองทุนหมู่บ้านแทนที่จะเอามาสร้างอาชีพให้ชาวบ้านกลับเอามาให้ชาวบ้านกู้และคิดดอกเบี้ยเข้ากระเป๋าตัวเอง ชาวบ้านเป็นหนี้กันหัวโต มิหนำซ้ำยังชอบกดราคารับซื้อผลผลิตของชาวบ้านอีก แต่ละวันได้ยินแต่คนก่นด่า ทำแบบนี้แล้ว คราวหน้าก็คงไม่มีใครเลือก ญาติฝ่ายเขยคนหนึ่งเปรยขึ้น คงไม่มีคราวหน้าหรอก เพราะยังไม่หมดวาระด้วยซ้ำ เขาก็ล้มป่วยเป็นมะเร็งที่ลำไส้ เข้าๆออกโรงพยาบาลอยู่เกือบปี เมื่ออาทิตย์ที่แล้วได้ยินเขาพูดกันว่าอาการแกหนักมาก นี่แหละบาปกรรมมีจริง ธนิตย์พูดต่อ ถ้าเขาเป็นอะไรไปพวกเราคงเดือดร้อน นางยุพาพูดด้วยสีหน้ากังวล มีอะไรหรือแม่ นุชนาถถาม ก็ที่ตั้งศพไง ถ้าเป็นคนอื่นยังพออะลุ้มละหล่วยบ้าง แต่หากเป็นคนนี้ละก้อสงสัยมีปัญหามาถึงพวกเราแน่ ใช่ซีนะ ตั้งแต่ศาลาสุขนิรันดร์สร้างเสร็จ ใครตายก็ตั้งศพกันที่นั่นไม่มีใครไปตั้งศพที่ศาลาเล็กที่เคยใช้อีกเลย และก็น่าแปลกที่ไม่เคยมีงานศพซ้อนกันสักที พอศพนั้นเอาไปฝัง ศพใหม่เข้ามา เหมือนกับจัดคิวกันไว้ แต่คราวนี้เห็นทีจะยุ่งนา หากมีสองศพจริงๆ และหากเป็นครูวิโรจน์ เขาจะยอมไปตั้งศพที่ศาลาเล็กรึ ธนิตย์พูดเช่นนี้ ทำให้ทุกคนมีสีหน้าเคร่งเครียด ทำไมล่ะคะ ญาติฝ่ายเขยคนหนึ่งถาม แม้ตำแหน่งของเขาจะเป็นแค่อบต.ในตำบลเล็กๆอย่างนี้ แต่คนที่สนับสนุนเขามีตั้งแต่พ่อตาที่เป็นกำนันถึงผู้ว่าฯโน่นเลย แล้วก็พวก สส.อีกล่ะ งานนี้เขาคงทำแบบเล็กๆไม่ได้ นางยุพาตอบแทน ครูวิโรจน์กับบ้านเรา เคยมีปัญหากันมาเสมอ เมื่อก่อนเรื่องทำถนนเข้าบ้านแกก็ทีหนึ่งแล้วแกจะตัดถนนผ่านสวนเรา ทำให้เราจะต้องเสียสวนร่องใหญ่ทั้งร่อง และสวนก็จะแยกเป็นสองส่วน สมัยพ่อเด็กๆยังมีชีวิตอยู่ แกก็มาอ้อนวอนหลายหน แต่พ่อเด็กก็ไม่ยอมให้ ตอนนั้นผลไม้ในสวนของเราถูกขโมยเป็นประจำ แม้แต่น้ำก็มีคนมาแอบเปิดฝาท่อทำให้น้ำในสวนแห้งเราไม่มีน้ำใช้รดต้นไม้กันบ่อยๆเลยล่ะ แต่ที่สุดเมื่อพ่อเจ้าวัดคนเก่าย้ายไป พ่อคนใหม่มาอยู่เธอให้รอมชอมกัน และอนุญาตให้ครูวิโรจน์ตัดถนนได้ เราเสียผลประโยชน์ไปเท่าไหร่ เรียกร้องจากแกไม่ได้สักบาท อนงค์เสริมขึ้น แต่แกก็ยังไม่หายเคืองพวกเรา เวลาเอาอะไรไปขายแกมักกดราคา หาว่าของๆเราลูกเล็กบ้าง ไม่หวานบ้าง ขายอะไรให้แกไม่เคยได้ราคาดีเลยสักครั้ง นี่หากเป็นแกตายจริงๆ หนูว่าเราคงมีปัญหาแน่ๆ ครูอรุณศรีเมียของแกก็ไม่ใช่ย่อยเลย เอาหละ เอาหละ อย่าเพิ่งไปวิตกกังวลกันเลย ไปยกสำรับกับข้าวมากินกันก่อน เกิดอะไรขึ้นแล้วค่อยคุยกันใหม่ นางยุพาตัดบทเพราะเห็นว่าทุกคนเริ่มกังวลใจมากขึ้น หลังจากมื้อกลางวันผ่านไปเรียบร้อยแล้ว ขณะที่ทุกคนแยกย้ายไปนอนพักอยู่เงียบๆ นางยุพาที่กำลังนอนเล่นอยู่บนเก้าอี้นอนหน้าโทรทัศน์ ก็ได้ยินเสียงเรียกอยู่ที่หน้าบ้าน ใครมาเรียก ไปดูทีซิ นิด นางบอกลูกชาย ให้ลุกขึ้นไปดู ธนิตย์ เดินไปที่หน้าต่าง และตอบกลับมา ลุงโต้งมา ธนิตย์บอกพร้อมเชื้อเชิญลุงโต้งขึ้นมาบนบ้าน ขอเถอะอย่าให้เป็นอย่างที่กังวลกันเลย นางยุพารำพึงพลางลุกขึ้นไปนั่งที่เก้าอี้รับแขก (อ่านต่อภาค 2 )
|
peka
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] คนซื่อๆ มองโลกตามความจริง ใช้ชีวิตไปตามสภาพดินฟ้าอากาศ วันไหนฟ้าใส จิตใจสดชื่น อาจหัวเราะเริงร่า พูดคุยสนุก วันไหนฟ้ามืด จิตใจซึมเศร้า อาจนั่งเงียบเหงาเขียนบทกวี วันไหนโลกแล้งยุติธรรม จิตใจหดหู่ อาจกินๆนอนๆดูทีวีทั้งวัน Friends Blog |