มิถุนายน 2555

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
8
10
12
13
14
15
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
งานศพ...3


งานศพ.....3


                                     คนมาสวดศพบางตาลงไปจริงๆ เพราะชาวบ้านส่วนมากไปสวดศพของครูวิโรจน์ มีเพียงลูกๆหลานๆ และญาติทางฝ่ายผู้ตายเท่านั้น จึงเป็นงานศพที่ดูหงอยเหงาเข้าบรรยากาศจริงๆ ไม่มีแม้แต่คนก่อสวด อนงค์จึงรับหน้าที่เอง ทุกคนก็ช่วยกันออกเสียงสวดตามกันไปอย่างเงียบๆ ต่างกับงานศพของครูวิโรจน์ที่มีคนมาสวดกันแน่นศาลา เสียงสวดที่เข้าเครื่องขยายสียงดังกลบเสียงสวดของลูกๆหลานๆของนางยุพาจนสิ้น

.................................................

คืนสุดท้ายของการสวดส่งวิญญาณคนตาย พ่อปลัดมาทำพิธีมิสซาให้ ทางงานศพครูวิโรจน์ก็มีมิสซาด้วยเหมือนกันนางยุพารู้สึกสงสัย ขณะที่ลูกๆหลานๆของนางยกข้าวต้มปลาออกมาเสริฟเพื่อนบ้านที่มาร่วมพิธี ลุงโต้งซึ่งเดินออกมาจากงานศพครูวิโรจน์ก็ตรงมาหานางยุพา

“ มีอะไรอีกล่ะลุงโต้ง ” นางยุพารีบถามทันที

“ พรุ่งนี้เขาจะฝังศพครูวิโรจน์แล้ว ตอนบ่ายสองโมง ”

“ อะไรกัน เขาเพิ่งสวดได้สามคืนจะฝังแล้วหรือ ฉันได้ยินว่าเขาจะฝังบ่ายวันอาทิตย์ไม่ใช่หรือ ” นางยุพาพูดเสียงอึง

“ เขาขอเลื่อนเวลากระทันหันเพราะผู้ใหญ่หลายคนติดภาระราชการมาวันอาทิตย์ไม่ได้ เขาให้ฉันมาขอร้องให้ป้าเลื่อนมาฝังตอนเช้าได้ไหม ”

“ อะไรกันลุงโต้ง นี่มันชักจะมากไปแล้วนะ ฝังตอนเช้าแล้วใครจะมาทำพิธีให้ล่ะ พ่อเจ้าวัดก็ไม่อยู่ พ่อปลัดก็ไม่ว่าง” นางยุพาฉุนจัด

“ พ่อเจ้าวัดได้บอกให้พ่อปลัดเลื่อนประชุมและมาทำมิสซาให้ป้าแล้ว ทางโน้นเขาเสนอจะช่วยออกเงินค่าดอกไม้ที่จัดในวัดให้ทั้งหมดด้วย เป็นการชดเชยให้น่ะ”

“ มันคุ้มกันนักหรือกับความรู้สึกของพวกเรา กับค่าดอกไม้ไม่กี่ร้อยบาท เอาเปรียบกันชัดๆ ”

“ ผมแค่มาบอกไว้ เดี๋ยวเขาคงมาหาและคุยกับป้าเอง ” ลุงโต้ง พูดแล้วก็เดินไปอีกทาง

นางยุพาโกรธจนหน้าแดง อนงค์พยุงแม่ให้ไปนั่งลงบนเก้าอี้ และส่งหลอดยาดมให้

“เราจะยอมเขาไม่ได้นะแม่ พวกคิดเอาแต่ได้ ไม่คิดถึงคนอื่นบ้างเลย” ธนิตย์เอ่ยขึ้น

ทุกคนนั่งเงียบกริบ นางยุพารู้สึกคับแค้นใจยิ่งนัก

“ น่าสงสารครูวิโรจน์เหมือนกันนะ ดูซิ ตายยังไม่ครบสามวันเลยก็รีบฝังเหมือนให้จบๆซะทำเหมือนแกไม่มีความหมายอะไร ” ธนิตย์พูดต่อ

นางยุพาได้ยินแล้วเห็นคล้อยตาม ความคับแค้นใจของนางก็เบาบางลง

นุชนารถเดินเข้ามาสมทบหลังจากส่งเพื่อนบ้านที่มาร่วมพิธีกลับไปหมดแล้ว ธนิตย์บอกเรื่องทั้งหมดกับน้องสาว นุชนารถครุ่นคิดอยู่เพียงครู่แล้วเอ่ยว่า

“ พวกเราก็อยู่กันพร้อมหน้าตรงนี้แล้ว ไม่ต้องรอใครอีก มีพระสงฆ์ทำพิธีให้ จะฝังกี่โมงก็ไม่มีปัญหา ฝังเช้าก็ดีนะแม่ เผื่อคนทางไกลจะได้กลับบ้านเร็วขึ้น ”

นางยุพาค่อยสบายใจขึ้นและรู้สึกดีใจที่ลูกๆของนางมักเป็นคนอ่อนน้อมและผ่อนปรนง่ายเช่นนี้เสมอ

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

อากาศในเช้าวันรุ่งขึ้นขมุกขมัว นางยุพาเริ่มกังวลใจหากฝนตกลงมานอกจากจะทำให้การฝังศพยุ่งยากขึ้นด้วยแล้ว คนที่มาร่วมพิธีก็จะลำบากเพราะพื้นดินโดยรอบที่ฝังศพ พ่อเจ้าวัดเพิ่งสั่งให้ถมดินแดงไว้ก่อนจะเอาหินโรยทับอีกชั้นเพื่อยกพื้นให้สูงขึ้นกว่าเดิม หากฝนตกดินแดงคงเปียกแฉะ คนที่จะมาร่วมฝังศพก็ต้องย่ำลงไปบนดินแดง รองเท้าคงเหนอะหนะเลอะเทอะไปหมดเป็นแน่ นางจึงได้แต่ภาวนาเงียบๆวอนขอพระช่วยอย่าให้ฝนตกลงมาเลย.........

แต่ทุกอย่างก็ไม่เลวร้ายอย่างที่นางยุพาคิด เพราะเมื่อพิธีมิสซาเริ่มขึ้น แสงแดดก็จัดจ้าขึ้น นางยุพาพลอยโล่งใจ

หลังพิธีฝังศพเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางยุพาก็เชิญญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านที่สนิทกันไปรวมตัวกันที่บ้านอีกครั้งเพื่อสวด ๗ วันให้ผู้ตาย และร่วมรับประทานอาหารกลางวัน ก่อนจะแยกย้ายกันกลับ

ตอนบ่ายราวสี่โมงกว่านางยุพากำลังนอนพักดูทีวีอยู่กับหลานๆเสียงระฆังวัดดังขึ้น นางคะเนว่าคงเป็นเวลาที่พวกเขาจะเคลื่อนศพออกจากวัดไปยังสุสาน ฉับพลันมีลมกรรโชกมากรูใหญ่ ท้องฟ้าที่สว่างอยู่ดีๆกลับมืดครึ้มลง เมฆดำค่อยๆแผ่กระจายเต็มท้องฟ้า สักครู่เดียวเสียงเม็ดฝนหนาๆก็ตกลงมากระทบหลังคาสังกะสีบ้านดังเปาะแปะๆแล้วค่อยทวีจำนวนขึ้นจนกลายเป็นห่าฝนตกลงมาอย่างแรง เหมือนจะสั่งฟ้าในช่วงปลายฤดู

......... บริเวณสนามฟุตบอลข้างวัดมีโต๊ะและเก้าอี้จัดวางไว้เต็มไปหมดทั้งสนาม เพื่อเลี้ยงโต๊ะจีนให้บรรดาแขกเหรื่อที่มาร่วมพิธีฝังศพ แรงลมกรรโชกกรูเดียวทำให้ของที่วางอยู่บนโต๊ะหล่นกระจายเกลื่อนกลาดไปทั่วสนาม ผ้าปูโต๊ะก็ปลิวว่อนไปตามแรงลมและตกไปที่พื้นดินเลอะเทอะเปียกปอนไปหมด พนักงานทำกับข้าวและเด็กเสริฟต่างช่วยกันวิ่งเก็บของกันจ้าละหวั่นและเอาเข้าไปกองหลบฝนไว้ในศาลาเล็กที่อยู่ใกล้ที่สุด

ฝนตกอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง รอบวัดนองไปด้วยน้ำ ครูอรุณศรีกระวนกระวายใจจนนั่งไม่ติด เพราะเกรงใจบรรดาแขกสำคัญที่มาในงาน ที่ต้องมาพลอยเสียเวลากับฝน

พอฝนหายขบวนศพจึงได้เคลื่อนต่อไปยังป่าช้า ทุกคนต้องเดินลุยน้ำที่ยังขังอยู่บนทางเดินไปจนถึงทางเข้าป่าช้าและยังต้องย่ำลงไปบนดินแดงเพื่อโปรยดินสอพองและดอกไม้ในหลุมศพ ทำให้รองเท้าของแต่ละคนเลอะเทอะเปรอะเปื้อนไปด้วยก้อนดินแดงหนาเตอะ จนเดินไม่ได้ต้องเอารองเท้าป้ายกับขอบถนนเพื่อรูดดินแดงออกก่อน มีบางคนถึงกับก็ลื่นล้มเสื้อผ้าเลอะเทอะไปหมดดูทุลักทุเลยิ่งนัก หลายคนที่ไม่อยากให้รองเท้าเลอะ ไม่ยอมย่ำลงไปบนดินแดงแฉะๆ และกลัวลื่นล้ม พวกเขาใช้วิธีโยนดอกไม้และดินสอพองไปที่หลุม แต่ก็ลงบ้างไม่ลงบ้าง ดินสอพองและดอกไม้จึงตกเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้นข้างๆหลุมนั่นเอง

หลังพิธีในป่าช้าเรียบร้อยแล้วครูอรุณศรีและลูกๆออกมายืนรออยู่ตรงทางออกของสุสานเพื่อเชิญบรรดาผู้มาร่วมพิธีรับประทานอาหารโต๊ะจีนก่อนแยกย้ายกันกลับ แต่เก้าอี้ที่จะนั่งเปียกไปหมด ผ้าเช็ดก็ไม่พอ เพราะไม่ได้เตรียมกันมา แขกผู้ใหญ่คนสำคัญส่วนมากขอตัวกลับ เหลือคนโหรงเหรงอยู่ไม่กี่โต๊ะที่ต้องนั่งลงไปทั้งเปียกๆอย่างนั้น ครูอรุณศรียืนหน้าเสียส่งแขกพร้อมกับขอโทษแทนฝนที่ตกมาโดยไม่บอกกล่าว...

        ...........นางยุพาได้ฟังคนที่ไปร่วมพิธีศพครูวิโรจน์เล่าถึงสภาพงานศพแล้ว ความขุ่นเคืองใจของนางมลายหายไปทันที ทั้งนึกขอบคุณอรุณศรีที่ช่วยให้งานศพของลูกเขยเสร็จไปได้ด้วยดีตั้งแต่เช้า .Smiley




Create Date : 07 มิถุนายน 2555
Last Update : 7 มิถุนายน 2555 18:20:10 น.
Counter : 949 Pageviews.

1 comments
  
เคยมีแต่ใกล้ตัวอ่ะค่ะ, ญาติของเพื่อน เสียได้สองวันแล้ว อีกศพหนึ่งมาใหญ่โตเลยทีเดียว ให้ย้ายศาลาทันทีทันใดเลยทีเดียว

ความเสียใจก็มากพออยู่แล้ว ยังจะมีเรื่อนให้ขุ่นเคืองใจอีก

สุดท้ายญาติทางเพื่อนค่อนข้างแรงเหมือนกัน คือไม่ย้าย ค่ะ
โดย: เด็กน้อยตัวแสบ วันที่: 14 มิถุนายน 2555 เวลา:10:46:05 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

peka
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



คนซื่อๆ มองโลกตามความจริง ใช้ชีวิตไปตามสภาพดินฟ้าอากาศ วันไหนฟ้าใส จิตใจสดชื่น อาจหัวเราะเริงร่า พูดคุยสนุก วันไหนฟ้ามืด จิตใจซึมเศร้า อาจนั่งเงียบเหงาเขียนบทกวี วันไหนโลกแล้งยุติธรรม จิตใจหดหู่ อาจกินๆนอนๆดูทีวีทั้งวัน