พฤศจิกายน 2555

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
 
 
30 พฤศจิกายน 2555
โรคขาดรัก




ไม่รู้ว่าใครเป็นโรคขาดรักกันบ้างหรือเปล่า  โรคขาดรักที่ว่านี้หมายถึงโรคที่เกิดจากจิตใจที่ขาดความรักความอบอุ่น ซึ่งอาจจะเกิดได้จากการขาดความอบอุ่นในครอบครัว ปัญหาการปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ ในกรณีคนที่ต้องย้ายถิ่นฐานบ่อย ๆ (ซึ่งอาจจะทำให้คบกับผู้อื่นได้ไม่สนิทใจนัก) หรืออาจจะเกิดจากการที่มีทัศนคติในแง่ลบกับความรัก (ทั้งแบบรักของหนุ่มสาว รักแบบครอบครัว หรือรักแบบเพื่อน )


ซึ่งในปัจจุบันนี้พบว่ามีคนที่เป็นโรคนี้เยอะขึ้นมาก โดยเฉพาะในสังคมเมืองที่เน้นความเป็นอยู่แบบตัวใครตัวมันทำให้น้ำใจที่เคยมีต่อกันค่อย ๆ ลดเลือนหายไป เมื่อน้ำใจค่อย ๆ เหือดแห้งไป จิตใจก็เริ่มแข็งกระด้าง กลายเป็นคนที่ค่อย ๆ อ่อนแอในเรื่องของจิตใจ บ้างก็ตั้งกำแพงเรื่องจิตใจของตัวเองเอาไว้สูงมาก บ้างก็เรียกร้องความสนใจจากคนรอบข้างโดยใช้ความรักเป็นเครื่องต่อรอง บ้างก็บูชาความรักอย่างไม่ลืมหูลืมตา



เชื่อหรือไม่ค่ะว่าบางคนก็เป็นโรคนี้ได้โดยไม่รู้ตัว เพราะโรคนี้นั้นไม่ได้รุกคืบแบบจู่โจม แต่จะค่อย ๆ กัดกร่อนหัวใจของเราไปทีละนิด ๆ จนมารู้ตัวอีกที อ้าว .... กลายเป็นโรคขาดความรักเสียแล้วเพราะฉะนั้นเรามาสร้างภูมิคุ้มกันให้หัวใจกันดีกว่า

ก่อนอื่นเลยต้องเริ่มจากการรักตัวเองเสียก่อน ง่าย ๆ แค่คุณเห็นคุณค่าของตัวเอง ภูมิใจในความเป็นตัวเอง ไม่รู้สึกว่าเราด้อยค่ากว่าคนอื่น ๆ การเปรียบเทียบตัวเองกับคนที่มีทุกสิ่งเหนือกว่านั้นไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย เพราะมีแต่จะทำให้คุณมีแต่ความทุกข์ใจที่ต้องพยายาม "มี" ให้ได้เท่าเขาอย่างเดียว การรักตัวเองที่ถูกที่ควรนั้นไม่ได้เป็นเรื่องที่ยากเย็นเลย เพียงแค่คุณรู้ว่าตัวเองเป็นเช่นไร และดำเนินชีวิตโดยไม่เบียดเบียนใครแค่นี้ก็ถือว่าคุณเป็นคนหนึ่งที่รักตัวเองแล้ว


เมื่อรักตัวเองก็อย่าละเลยในการรักครอบครัว เพราะครอบครัวเป็นหน่วยทางสังคมแรกที่เรารู้จักเมื่อลืมตามาดูโลกใบนี้ การรักใคร่ปรองดองกันในครอบครัวนั้นถือเป็นภูมิคุ้มกันทางใจที่ดีรองลงมาจากการรักตัวเอง เพราะครอบครัวนั้น จะเป็นเสมือนที่พึ่งของเราได้ตราบชั่วชีวิต เพราะไม่ว่าเราจะเดือดเนื้อร้อนใจ เพราะใคร จากที่ไหน ๆ พ่อแม่พี่น้องก็ยินดีที่จะปลอบใจคุณเมื่อคุณมีความทุกข์ใจอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นก็อย่าละเลยที่จะเอาใจใส่คนในครอบครัวเหมือนที่คุณเอาใจใส่ตัวเอง


เมื่อรักตัวเองแล้ว รักครอบครัวของตัวเองแล้วก็อย่าลืมแบ่งปันความรักแก่คนอื่น ๆ ด้วย บางครั้งการที่เราทำสิ่งดี ๆ แม้จะเป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้คนอื่นก่อน เช่นการยิ้มทักทาย การช่วยเหลือคนอื่นตามควรแก่เวลาและโอกาส แม้ว่าจะไม่ได้รับการแสดงตอบ หรือไม่ได้รับความขอบคุณจากคนอื่นตอบก็ไม่เป็นไร เพราะอย่างน้อย ๆ คุณก็ได้ทำ ดีกว่ามานั่งเสียใจทีหลังว่า "รู้อย่างนี้น่าจะทำ ..... อย่างนั้น / อย่างนี้กับเขาเสียก็ดี"

และที่สำคัญที่สุดคือ พยายามอย่ายึดกับความรักจนเกินไป เรื่องนี้เข้าใจว่าเป็นเรื่องที่ถือว่าลำบากมาก ๆ เพราะคนเราเมื่อตกอยู่ในห้วงของความรักมักจะใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลเสียเป็นส่วนใหญ่

แต่ก็อยากให้ทุก ๆ คนพึงระลึกเสมอว่า สรรพสิ่งล้วนไม่เที่ยง เมื่อมีเกิดย่อมมีดับ เมื่อมีพบย่อมมีพลัดพราก เมื่อมีจากย่อมมีเจอกันใหม่ ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามสัจธรรม วันนี้เราอาจจะรักกันมาก แต่วันหนึ่งเราอาจจะไม่รักกันแล้ว ล้วนอาจจะเกิดขึ้นได้กับหลาย ๆ คนทั้งนั้น เพราะฉะนั้นเมื่อจะรักใคร พยายามใช้สติมากกว่าใช้เหตุผลนะคะ


ความรักเป็นสิ่งที่สวยงามที่จรรโลงให้โลกนี้น่าอยู่น่าดู แต่การรักโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้างหรือแม้แต่ตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก ความรักที่ดีคือการให้โดยไม่เห็นแก่ตัว รักในแบบพอดี ๆ ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป แต่ก็อย่าลืมว่าก่อนที่จะรักคนอื่นคุณก็ต้องรักตัวเองให้เป็นก่อนนะคะ





ขอบคุณภาพจากกูเกิ้ลและข้อมูลจากเวปอาหารสมองค่ะ




Create Date : 30 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 30 พฤศจิกายน 2555 17:21:06 น.
Counter : 1880 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

peka
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



คนซื่อๆ มองโลกตามความจริง ใช้ชีวิตไปตามสภาพดินฟ้าอากาศ วันไหนฟ้าใส จิตใจสดชื่น อาจหัวเราะเริงร่า พูดคุยสนุก วันไหนฟ้ามืด จิตใจซึมเศร้า อาจนั่งเงียบเหงาเขียนบทกวี วันไหนโลกแล้งยุติธรรม จิตใจหดหู่ อาจกินๆนอนๆดูทีวีทั้งวัน