เจ้าถิ่นบอกกินเบาๆ ก่อนแล้วกันเลยพามากินที่ร้านเอี่ยม "อร่อยสมัยใหม่" ที่นี่เหมือนฟู้ดแลนด์
สามารถสั่งจากร้านไหนมากินก็ได้
พอทานมื้อเช้ากันเสร็จแล้วเวลายังเหลือไปไหนดีล่ะ จำได้ว่าที่นี่มีพิพิธภัณฑ์รอบก่อนมากับการท่องเที่ยวแล้วเค้าปิด
จึงทำให้อดเข้ามารอบนี้ขอวนไปดูซะหน่อย ปรากฏว่าเปิดจ้า งั้นเราเข้าไปดูประวัติเมืองกันดีกว่า
ที่นี่เค้ามีชื่อว่า "โฮงมูนมัง" ค่าเข้า 20 บาท ชื่อสถานที่เรียกยากมาก แต่เค้ามีประวัติความเป็นมานะคำนี้มาจากคำ 2 คำของอีสาน โฮง หมายถึง ห้องโถงหรือหอที่มีขนาดกว้างใหญ่ มูนมัง หมายถึง ทรัพย์สมบัติหรือมรดก รวมกัน โฮงมูนมัง จึงมีความหมายว่า ห้องที่เก็บรวบรวมทรัพย์สมบัติ อันสื่อถึงความเป็นมาและเรื่องราวของเมืองขอนแก่นซึ่งเป็นสิ่งที่สะท้อนให้ผู้คนได้สัมผัสถึงสภาพชีวิต ความเป็นอยู่ของชาวขอนแก่นนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ภัทรานิตย์บอกเลยว่าก่อนจะไปเที่ยวที่อื่นสายชอบศึกษาควรมาเริ่มต้นจากที่นี่ เพราะจะได้เข้าใจเมืองขอนแก่นดีมากยิ่งขึ้นก่อนการเดินทางจ้า
โซนที่ 1 แนะนำเมืองขอนแก่น จะบอกเล่าเรื่องราวเมืองขอนแก่นอย่างละเอียด จากข้อมูลเมืองขอนแก่นเป็นเมืองที่น่าค้นหาอยู่ตลอดเวลา เช่น ชื่อของขอนแก่น ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถหาข้อยุติได้ว่า ความเป็นมาของชื่อเมืองขอนแก่นมาจากที่ใดหรือมีความหมายเช่นไร แต่มีผู้เชี่ยวชาญได้ตั้งสมมติฐานที่แตกต่างกันไป 3 ประเด็น การขุดค้นพบซากโครงกระดูกไดโนเสาร์เป็นแห่งแรกของประเทศไทย โดยตั้งชื่อว่า "ไซแอมโมเซารัส อีสานแนนวีส ภูเวียงโกโนเซารัส สิรินธรเน่" มีอายุนับ 1,600 ล้านปี แม้ว่ายังไม่ได้มีการขุดค้นดงเมืองแอม เมืองโบราณที่มีอายุกว่า 1,200 ปี อย่างจริงจัง แต่หลักฐานที่ปรากฏเป็นสิ่งที่ยืนยันว่าภายใต้ผืนดินแห่งนี้มีเมืองโบราณที่ใหญ่ที่สุดของไทยหลับไหลอยู่
โซนที่ 2 ประวัติศาสตร์เมืองขอนแก่นและวัฒนธรรมโบราณ หากเราย้อนเวลากลับไปอดีตประมาณ 3,000 - 5,000 ปี เพื่อศึกษาประวัติศาสตร์เมืองขอนแก่น จะเห็นได้ว่าวัดจะเป็นจุดกำเนิดของการเกิดขนบธรรมเนียมประเพณีและความเชื่อต่างๆ ของผู้คนในชุมชนทั้งสิ้น รวมถึงการเป็นศูนย์รวมทางด้านจิตใจ ซึ่งจะช่วยจัดการด้านความสัมพันธ์ของชาวบ้านให้ดำเนินตามฮีตเก่าคองหลังที่ปฏิบัติสืบทอดกันต่อมา
ตลอดการเกิดวัฒนธรรมที่มีความสัมพันธ์กับการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นด้านการทอผ้า แต่งกาย เกษตร สร้างบ้านเรือนและการบำบัดรักษาผู้ป่วยของหมอจากความเชื่อที่แตกต่างกันไป เพิ่งรู้ว่าศาลปูศาลยายต้นกำเนินมาจากภาคอีสาน
โซนที่ 3 การตั้งเมือง กว่าจะมาเป็นขอนแก่นที่มีความมั่นคงเป็นปึกแผ่นและร่มเย็นอย่างเช่นในวันนี้ บรรพบุรุษของชาวขอนแก่นซึ่งเป็นผู้ที่มีความกล้าหาญต้องใช้ความอดทน มานะ เพียรพยายาม และมีความสามัคคีกันในหมู่คณะ ในการร่วมมือร่วมใจพากันเดินทางอพยพโยกย้ายหาพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์เพื่อตั้งถิ่นฐานสร้างบ้านแปงเมืองถึง 7 ครั้ง โดยยังคงมีหลักฐานปรากฏให้ลูกหลานได้เคารพสักการะ ศึกษาและยึดถือปฏิบัติสืบทอดต่อไป เช่น ประวัติของผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการตั้งเมือง พิธีกรรมตั้งเสาหลักเมือง ใบบอกการตั้งเมือง ตราเจ้าเมืองเป็นต้น
โซนที่ 4 บ้านเมืองและวิถีชีวิตของชาวขอนแก่น การเป็นผู้มีอัธยาศัยดี มีน้ำใจ มีมิตรไมตรีที่ดีและชอบช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่นอยู่เป็นเนืองนิตย์ของคนขอนแก่น รวมทั้งการที่เมืองขอนแก่น เป็นเมืองที่ได้เปรียบทางลักษณะภูมิประเทศ และลักษณะทางกายภาพจึงทำให้ขอนแก่นเป็นเมืองที่มีความน่าสนใจ จะเห็นได้จากการที่มีผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรม
จากทั่วทุกสารทิศหลั่งไหลเข้ามาตั้งถิ่นฐาน และประกอบอาชีพทำมาค้าขายสร้างความเจริญในด้านต่างๆ โดยมีระบบเศรษฐกิจและกิจกรรมทางศาสนามาเป็นตัวเชื่อมโยงให้ทุกคนสามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างสอดคล้องลงตัวและมีความสุข ได้แก่ ชาวจีน เวียตนาม อินเดีย ปากีสถาน หรืแม้แต่บาทหลวงในศาสนาคริสต์
โซนที่ 5 ขอนแก่นวันนี้ เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่าขอนแก่นมีความเจริญรุ่งเรือง อาจมิใช้เพียงแค่วัตถุที่มองเห็นได้เท่านั้น แต่การที่ลูกหลานของชาวขอนแก่น ได้นำเอาขนบธรรมเนียมประเพณีตามฮีตสิบสองคองสิบสี่ที่แฝงไว้ด้วยคำสอบที่ดีมาปฏิบัติและประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันมาตลอดนั้น ก็เป็นสิ่งที่ช่วยส่งเสริมให้บ้านเมืองก้าวหน้าได้
ขอนแก่นวันนี้จึงเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยศิลปะ วัฒนธรรม สถาปัตยกรรม สถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามอันเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่นและพรั่งพร้อมด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้หล่อหลอมให้ประชาชนชาวขอนแก่นเป็นบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถมากมายหลายสาขาอาชีพ
พี่กุ้งมาเป็นวิทยากรพาพวกเราชมโฮงมูนมังเล่าว่า ท้าวเสือ หรือนางคำแว่น ในปี พ.ศ. ๒๓๓๒ ได้มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับนางคำแว่นสืบต่อกันมาว่า "ในบ่ายวันหนึ่งขณะที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรรทมอยู่ พระองค์ทรงละเมอขึ้นด้วยพระสุรเสียงอันดังเป็นเวลานานก็ยังไม่รู้สึกพระองค์ นางสนมกำนัลต่างพากันตกใจไม่ทราบว่าจะทำประการใด ครั้นจะปลุกพระองค์ก็เกรงพระราชอาญา นางคำแว่นซึ่งอยู่ ณ ที่นั้น จึงคลานเข้าไปใกล้แท่นพระบรรทมกราบถวายบังคมเสร็จแล้ว
นางใช้ปากกัดที่นิ้วพระบาทจนสมเด็จพระเจ้าอยู่ทรงรู้สึกพระองค์ แล้วได้ทรงตรัสถามไปว่าผู้ใดเป็นผู้ปลุกพระองค์ นางเขียวค่อมกราบทูลถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นและความเป็นมาของนางคำแว่น เมื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฟังความ พระองค์ทรงดำริว่า นางคำแว่นเป็นผู้จงรักภักดีและกล้าหาญเป็นที่พอพระราชหฤทัยของพระองค์ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามแก่นางคำแว่นเป็น "ท้าวเสือ" เพื่อเป็นเกียรติสมกับความกล้าหาญของนางและได้เป็นนางสนมของพระองค์ในเวลาต่อมา
หากใครสังเกตุตรงหัวเสาไฟที่สวยๆ ในเมืองขอนแก่นจะรูปจากตัวละครในวรรณคดีรูปในนี้แหละ
ไหนๆ ชื่อทริปเราชื่อทริปตัวแตกแดกสนุกแล้ว ปิดทริปเราก็ต้องไม่ทิ้งสโลแกนเช่นกัน ดังนั้นมีเวลาเหลือก่อนไปขึ้นเครื่องมีร้านขนมหวานอีกร้านที่มาขอนแก่นแล้วต้องห้ามพลาด
บรรยากาศในร้านตกแต่งได้น่ารักมาก และที่สำคัญของหวานที่นี่รสชาติดีของคาวก็จัดว่าเด็ดในราคามิตรภาพด้วย ด้วยประการนี้ร้านนี้จึงมีคิวยาวพอสมควรรอนานนิดหนึ่งนะ อยากกินของอร่อยต้องใจเย็นๆ
มีความฟินกันทั่วหน้าสบายท้องแล้ว ขึ้นเครื่องจะได้หลับสนิทกันไปเลย สำหรับทริปนี้ก็ต้องขอขอบคุณเจ้าบ้านหนูเชอร์คนสวย และชาวคณะตัวแตกแดกสนุก เปา กิ๊ก หนูน้อง แกงค์นี้เรื่องกินเรื่องใหญ่ ทริปนี้กลับบ้านพร้อมน้ำหนักกันเลยทีเดียว ถือเป็นทริปชิวๆ อีกทริปที่ไม่มีความรีบแต่อย่างใด ถึงเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นไม่มีความกดดันเพราะชิลทั้งคณะ 555 แล้วพบกันใหม่ทริปหน้าอุทัยธานีจ้า