ก่อนมาก็ไม่ได้ดูข้อมูลอะไรมาก็นึกว่าพระธาตุคู่เมืองจะต้องอลังการงานสร้างแน่ๆ 

พอได้มาเห็นปรากฏว่าเป็นพระธาตุองค์น้อย ความรู้สึกช็อคไปชั่วขณะอารมณ์เดียวกับเห็นเจดีย์สามองค์สังขละบุรีเลย

ระหว่างที่ไหว้อยู่ก็เห็นคนมาห่มพระธาตุด้วย อารมณ์แบบต้องมาขออะไรแล้วได้แน่ๆ ซึ่งก็เป็นไปตามคิด

เมื่อได้ฟังแล้วสายบนบานศาลกล่าวอย่างภัทรานิตย์ไม่พลาดแน่นอน ขอให้ลูกถูกรางวัลใหญ่ๆ จะได้มาห่มผ้าพระธาตุมั้ง!!

ไหนๆ มาแล้วมาทำความรู้จักประวัติพระธาตุแห่งนี้กันคะ

ประวัติโดยย่อพระธาตุขามแก่น .. นับแต่การเสด็จดับขันธปรินิพานของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระบรมสารีริกธาตุได้ถูกนำไปประดิษฐานในที่ต่างๆ หนึ่งในพระบรมสารีริกธาตุเหล่านั้น คือ พระอังคารธาตุ (ฝุ่น) ซึ่งพระยาหลังเขียวโมริยกษัตริย์ได้นำไปประดิษฐานไว้ที่ประเทศกัมพูชา แต่เมื่อทราบว่า พระมหากัสสปะเถระเจ้าพร้อมด้วยพระอรหันต์ 500 องค์ นำพระอุรังคธาตุ (กระดูกส่วนอก) ไปประดิษฐานที่ภูกำพร้า (พระธาตุพนมในปัจจุบัน)

พระยาหลังเขียวโมริกษัตริย์และพระอรหันต์อื่นๆ อีก 9 องค์ จึงจะอัญเชิญพระอังคารธาตุไปบรรจุไว้ในพระธาตุพนมด้วย ขณะเดินทางได้พักแรมที่ดอนมะขามแห่งหนึ่ง โดยได้นำพระอังคารธาตุวางพักไว้บนตอมะขามใหญ่ที่ตายแล้วเหลือแต่แก่น ครั้นไปถึงปรากฏว่าพระธาตุพนมสร้างเสร็จแล้ว จึงนำพระอังคารธาตุกลับเส้นทางเดิม เมื่อมาถึงดอนมะขามซึ่งเคยพักแรมครั้งก่อน ได้เห็นต้นมะขามใหญ่ที่เหลือแต่แก่นกลับลุกขึ้นผลิดอก ออกผล แตกกิ่งก้านสาขามีใบเขียวชะอุ่มเป็นที่อัศจรรย์ จึงได้ก่อสร้างพระธาตุครอบต้นมะขามและบรรจุพระอังคารไว้ภายใน และเรียกชื่อว่า "พระธาตุขามแก่น"

ส่วนพระอรหันต์ทั้ง 9 องค์ เมื่อดับขันธปรินิพาน ชาวเมืองได้นำเอาอัฐิธาตุของพระองค์ท่านบรรจุไว้ในพระธาตุองค์เล็กโดยเรียกพระธาตุองค์ใหญ่ว่า "ครูบาทั้งเก้าเจ้ามหาธาตุ" และพระธาตุองค์เล็กเรียกว่า "ครูบาทั้งแปด" 

วัดพระธาตุขามแก่นแห่งนี้ีมีพื้นที่กว้างขวางพอสมควรเลยทีเดียว อยู่ไกลจากเมืองเลยการเดินทางต้องมีรถส่วนตัวมาจะดีกว่า

หลังจากที่ทำภารกิจสำเร็จแล้ว ต้องมาไหว้พระธาตุแห่งนี้ให้ได้สบายใจแล้ว ได้เวลากลับเข้าเมือง

นี่ก็เย็นแล้วสายแดกอย่างเราก็เริ่มหิวแล้วล่ะ กินอะไรดีที่นี่ก็ของกินล้นหลามมาก

เจ้าบ้านบอกว่าไปกินปลาวาฬใจดีกัน เป็นบุฟเฟ่ต์ยอดฮิตของที่นี่ แหมเกริ่นกันขนาดนี้ต้องลองกันเสียแล้ว

ราคาไม่แพงแค่ 179 บาท มาเสริฟ์นี่ตกใจหม้ออะไรวะ เจ้าบ้านบอกว่าอันนี้หม้อใส่น้ำกินของเราค่ะ

หืมนี่เรากินน้ำกันเยอะขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย 555

ที่นี่เค้าฉลาดมากเพื่อกันความวุ่นวาย เค้าเสริฟ์เป็นชุดมาตรฐานมาให้แต่ละโต๊ะก่อนเลย

พอไม่อิ่มก็สั่งเพิ่มเอาเท่ากับลดการเสริฟ์ลงไปคนก็ไม่เดินกันวุ่นวายด้วย

ที่นี่เน้นวัตถุดิบดีจึงไม่แปลกใจที่ทำไมคนเยอะ เด็กมหาลัยเพียบเลยจ๊ะ

หลังจากทานกันจุใจอิ่มมากมายแล้ว พวกเราก็ไปเดินเล่นกันที่สวนสาธารณะต่ออุตส่าห์แบกขาตั้งกล้องมาแล้ว

ต้องใช้เสียหน่อย นานๆ จะเห็นพระธาตุเปิดไฟสว่าง

เที่ยวเมืองขอนแก่นมาสองวัน เมืองนี้ไม่ธรรมดานอกจากสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย ของกินก็ละลานตาเช่นกัน หันซ้ายก็ของกินขวาก็ของกินมีความอุดมสมบูรณ์มั่งคั่งมากๆ ขับรถวนไปวนมาในเมืองขอนแก่นเนี่ยมีหลงนะ วัดเยอะมาก มีความเจริญเป็นที่สุดเสียดายไม่ได้มาตอนเปิดเทอม ไม่งั้นจะได้พิสูจน์ข้อเท็จจริงที่ว่า เด็ก มข. หน้าตาดีซะหน่อย มานี่เงียบกริบมหาลัยปิดซะงั้น ป้าเพลียจิต!!

วันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายของการเที่ยวเมืองขอนแก่นแล้ว พรุ่งนี้ต้องเดินทางกลับกันแล้ว เวลาผ่านไปไวจริงๆ ความสุขมีน้อยใช้สอยให้สุดขั้วนะคะ แล้วจะพาไปเที่ยวต่อที่พิพิธภัณฑ์เมืองขอนแก่นค่ะ ถือเป็นบล็อกส่งท้ายปี 2017 แล้วกันนะเล่ากันข้ามปีเลยทีเดียว ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะค๊า