Bloggang.com : อู๋ปังจู้ : ..Buffet Diary..... ตอน........ บุฟเฟต์ BBQ ซีฟูด โรงแรมแม่น้ำเจริญกรุง .........

..Buffet Diary..... ตอน........ บุฟเฟต์ BBQ ซีฟูด โรงแรมแม่น้ำเจริญกรุง .........

สวัสดีปีใหม่แด่เพื่อนๆทุกท่าน

คอลัมน์ ว่าด้วยบุฟเฟต์ ปรับชื่อรับปีใหม่
เป็นบุฟเฟต์ไดอารี่
นอกนั้นก็ยังเหมือนเดิมทุกประการ
เช่น ยาวเหยียด และ ไม่มีรูป
ก็เพราะว่ามันเป็นเพียงบันทึกส่วนตัวเพ้อไปวันๆ อิอิ

*********

ช่วงนี้ไปกินไหนไม่ค่อยได้รีวิว แต่เคยเกริ่นๆว่า จะต่อเรื่องบฟ มื้อเย็นของที่นี่ ก็ว่ากันดังนี้

เรานำบัตรหนึ่งที่นั่ง
อันซื้อลดราคาจากงานออกบูธนานโข มาใช้ก่อนหมดอายุจนได้ ผู้คนแน่นขนัด
บริกรตรงที่รับจอง อ่านขานชื่อเราตามที่จองไว้แล้ว
ก็นำพาเดินไปยังที่นั่ง

ที่นั่ง ริมน้ำมี แบบระเบียงยาว กับ ระเบียงยื่น
ระเบียงยาวขนานฝั่งน้ำนั้น วันนี้ทัวร์จองมาหลายสิบคนยาวเหยียด
ลูกค้าที่นี่ส่วนใหญ่เป็นทัวร์จีน

ส่วนระเบียงยื่น เป็นคล้ายชานเรือนยื่นออกไปในท้องน้ำ มีสองระเบียงด้วยกัน เราได้ระเบียงขวาสุด ซึ่งแม้เป็นมุมมืด ติดกับโกดังข้างๆโรงแรม
โกดังที่สว่างด้วยแสงสลัวจากนีออนในยามค่ำนี้
คล้ายเป็นฉากของการส่งมอบสินค้า ตกลงธุรกิจ นัดเจรจา ท้าดวล
ของเหล่าอาชญากรในหนังยิ่งนัก
แต่มุมนี้ก็อยู่ใกล้ไลน์อาหารที่สุด

มองจากที่นั่ง
ด้านซ้ายไกลออกไปเป็นสะพานกรุงเทพ เก่าและใหม่
ทางขวา เป็นสะพานสาทร มองเห็นตึกสูงมีหลังคาคล้ายกะลาครอบ ยอดตึกเป็นที่ตั้งร้านอาหารของเจ้าแม่แห่งวงการหนึ่ง
เจ้าแม่คงดีใจว่า ร้านอาหารอันโด่งดัง
ได้ช่วยเสริมบารมีให้ตึกเจ้าปัญหาที่รับซื้อต่อมาแห่งนี้
เป็นที่รู้จักกันมากขึ้น

เวิ้งกลางระหว่างสองสะพาน ยังว่าง
ชาวบ้านร้านช่องแถบนั้น คงใจไม่ว่าง
ภาวนาให้บ้านตนแคล้วคลาดจากโครงการยึดบ้านทั้งหลาย

ใครนั่งตรง ระเบียงยื่นนี้
จะอดเห็นเวทีการแสดงประจำวัน ที่ตั้งอยู่ตรงระเบียงยาว
เราไม่อยากขาดทุน
ขณะกินไป จึงพยายามเดินออกมาเพื่อดูการแสดงเป็นระยะ ๆ

*********

บริกรแจ้งว่า บุฟเฟต์รวมน้ำเปล่า และยังรวมน้ำอัดลมสองอย่างคือน้ำดำ และน้ำส้ม
เราแจ้งตอบรับเฉพาะน้ำเปล่าไป

อาหารที่นี่เป็นเชิงผสมผสาน ระหว่าง ตามสั่ง กับ บุฟเฟต์
มีมุมเขียนว่า clay pot เป็นจุดสนใจหลัก
มุมนี้จะมีเมนูอาหารอยู่ด้านหน้า มีรายชื่ออาหารยอดฮิต
สรุปได้ว่า เอาของทะเล อันมี กุ้ง ปูม้า ปลา มาผัดสามอย่าง คือ

1ผัดพริกไทยดำ
2 ผัดซอส XO
3 ผัดผงกะหรี่

ยังมีกุ้งอบวุ้นเส้น อีกด้วย
เมนูเหล่านี้เป็นที่ดึงดูดนักบุฟเฟต์อย่างมาก
แน่นอนว่า มุม clay pot ไม่มีให้ตัก ต้องนำตัวหนีบจากโต๊ะมาสั่งให้ทำตรงนี้

แม้เขียนว่า clay pot แต่ทุกอย่างล้วนทำออกมาในหม้ออลูมิเนียมมีด้ามหูจับยาวทั้งสิ้น

เราคะเนดูตัวหนีบบนโต๊ะ มีอยู่หกอัน
จึงลงมือชุดแรกด้วยการสั่ง ปู และ กุ้ง
ผัดด้วยซอสให้ครบสามชนิด รวมแล้วเป็นหกหม้อพอดี

************

แล้วจึงบ่ายหน้า มุ่งไปจุดยอดนิยมอีกจุด คือส่วนของ BBQ
บนตะแกรงเหล็ก มีกุ้ง และ กั้ง กระดำกระด่างด้วยรอยไหม้นอนทับถมกันอยู่จำนวนหนึ่ง
มองเข้าไปด้านหลัง เห็นเตาใหญ่ในมุมมืด กำลังทำการย่างกุ้งกับกั้งเป็นร้อยๆตัว
พอสุกหรือไหม้ดีแล้ว จึงโกยมาวางไว้ตะแกรงด้านหน้านี้
ไหม้มากไหม้น้อย สุกปานกลางบ้าง คละเคล้ากันมา
จะสั่งเอาสุกมากสุกน้อย คงยากหน่อย เพราะเขาย่างกันแบบอุตสาหกรรมเตาใหญ่เป็นร้อยตัว

*********

ประเดิมด้วยกั้งย่างไปสามตัวใหญ่
จานนั้น ใส่กั้งได้พอไม่น่าเกลียด ก็สามตัวเท่านั้น
กั้งที่น่าสงสาร
ในรูปลักษณ์อันโบร่ำโบราณใหญ่โตเทอะทะนั้น
มีเนื้ออยู่เพียงน้อยนิด
กั้งทั้งตัวยังกินง่ายกว่ากุ้งทั้งตัว
เพราะเขาผ่าหลังกั้งไว้แล้ว
แต่ไม่ยอมผ่าหลังกุ้ง ผ่าข้างก็ไม่มี
กุ้งทำตัวมิดชิดจริงๆ
นักบุฟเฟต์ส่วนมากจึงมุ่งจัดการแต่กั้งที่ผ่าให้ท่าไว้แล้ว
เราลงมือจัดการกั้งนำไปก่อนเก้าตัว
เป็นออเดิฟเริ่มมื้อที่ดูเป็นมงคลมาก

ซากกั้งที่ทั้งหนาทั้งหนัก ถูกทยอยเก็บไป
กั้งผู้อาภัพ
ซากอันใหญ่โตของมัน มีค่าเพียงแค่เพิ่มน้ำหนักขยะเท่านั้น
มีใครคิดเอาซากกั้งไปรีไซเคิลให้มันมีมูลค่าเพิ่มบ้าง

********

อาหารตามสั่งทยอยมาแล้ว
พบว่า ไม่ว่าสั่งสัตว์ทะเลใด ผัดซอสแบบใด
จะต้องมาในลักษณะร่วมแบบเดียวกัน คือ

หม้ออลูมิเนียมหูยาว รองก้นด้วยหมี่เหลืองขยุ้มใหญ่
และมีพริกวานแดงเขียวผัดรวมใส่มา

นั่งกินไปหมดทั้งหกหม้อ
ลิ้นอันชาด้านของเราไม่อาจจำแนกความแตกต่างของซอส XO กับซอสพริกไทยดำได้
แน่นอน หกหม้อ ที่ยังไม่อิ่ม เพราะหม้อกุ้ง มีกุ้งหนึ่งตัว หม้อปู มีปูสองชิ้น

บริกรเอาตัวหนีบมาคืนพร้อมกับอาหาร
จึงคว้าไปสั่ง พวกอาหารทะเล กะทะร้อน มาเพิ่มอีก
กุ้งทะทะร้อน มาในกระทะร้อนมีแครอท
หอมใหญ่ เคียงข้าง กุ้ง ที่ผ่าหลัง แบบผ่ายาว
ถ้ามันยังมีชีวิต มันจะว่ายน้ำสะดวกขึ้นไหมนะ
แน่นอน กุ้งเพียงหนึ่งตัว
ยังมีแซลมอนกระทะร้อน สั่งมาอีกหนึ่งกะทะ

ขณะนี้ ถ้านับดู กินไป หกหม้อ (ดิน) กับ สองกะทะ (ร้อน) แล้ว
ยังรู้สึกเฉยๆ สงสัยว่า
การที่ต้องล้างชามเพิ่ม เก็บชามเพิ่ม เปลืองแก๊ซเพิ่ม
มันคงประหยัดกว่า การใส่กุ้งใส่ปู มาเยอะๆในคราวเดียว แน่ๆ
แต่อย่างน้อย หกหม้อสองกะทะนี้ หากตะกายส่งไปร้านยอดตึกทางขวามือนั่น
มันคงราคาเป็นหมื่นโน่น ว่าแล้วก็จงดีใจต่อไป

ซาบซึ้งดีแล้ว จึงมุ่งหน้าไปดูของที่ตักได้เองต่อ
ไม่ลืมติดตัวหนีบไปแวะสั่ง กุ้งอบวุ้นเส้น มาทีเดียวสองหม้อ
เพียงเพื่อหวังจะกินให้ได้
สองตัว
แล้วคอยลุ้นว่า วุ้นเส้นที่นี่ จะเป็นหมี่เหลือง
และใช้พริกหวานแดงเขียว เป็นเครื่องปรุงอีกหรือไม่

*********

ซุ้มแรกที่ให้ตักเอง มีของสี่อย่าง ไก่ผัดเม็ดมะม่วง ปลาผัดขิง ผัดผักรวมจมน้ำมันเยิ้ม หมูผัดน้ำมันหอย
สี่อย่างนี้ ไม่เห็นมีการเติม ก็เพราะไม่ค่อยมีใครตัก
มุมอาหารญี่ปุ่น ผู้คนล้นหลามตามแฟชั่นเช่นเคย มีข้าวห่อสาหร่ายแบบไส้ปูอัด ปลาดิบ
มีปลาแซลมอนดิบด้วย

ซุ้มของทอดมีไฟส่อง ที่ยอดนิยมสุด ต้องเป็นเทมปุระ
ในกองผักต่างๆชุบทอดนั้น จะมีแจกพ็อตเป็นกุ้งอยู่ด้วย
ซึ่งทั้งถาดจะมีประมาณสี่ห้าตัว คุ้ยกันให้ดี
หมดแล้วจะเหลือแต่ผักเทมปุระอยู่พักใหญ่จนบริกรแอบเอากุ้งไปหมกไว้อีกสี่ห้าตัว
ให้ผู้โชคดี จับมันได้ไป
คนเราก็แปลก อยากเป็นผู้โชคดี ต่างแวะเวียนมาคุ้ยๆกองของทอดนี้อยู่ตลอด
ของทอดอื่น มีพวก ปอเปี๊ยะทอด ถุงทองทอด ทอดมัน
ยังมีซุ้มส้มตำ ซุ้มก๋วยเตี๋ยวเป็ด ให้ด้วย

มีไลน์สลัดอยู่ตรงกลาง เป็นผักพื้นฐาน พวกข้าวโพด หอมใหญ่ มะเขือเทศ
ที่คนรุมกันตรงมุมนี้ คือทำขนมปังเป็นถ้วยพิมพ์แล้วเอากุ้งทอดหนังยานหนึ่งตัววางไว้
มีมุมชาบู ชาบู ต้องใช้คลิบหนีบสั่งทำเช่นกัน วัตถุดิบมี เนื้อ หมู ไก่ กุ้ง ปลา
ส่วนมุมของหวานนั้น มีเครปแบบใหม่ เป็นเครปที่ทำไว้แล้ว พร้อมซอสให้ราดกันเอง
เค้กที่นี่ เป็นก้อนประมาณก้อนละเจ็ดบาท
ทั้งหมดคัดมาแบบชนิดเนื้อแข็ง มดปลวกของหวานทั้งหลาย ยากจะชอนไชเข้าไปได้

***********

การแสดงมีหนุมาร
ผู้แสดงร่างยักษ์ชนิดยักษ์ก็ยังต้องเกรง
คงต้องเป็นจอมมาร
ใหญ่กว่าที่เคยพบเห็นในเวทีใดๆ
ขนาดจะประมาณคนอ้วนปกติ สามคนโอบจึงรอบ
ดังนั้น จึงขอเรียก หนุมาร

หนุมาร ไล่ล่า สาวชุดไทย
ซึ่งดูไม่ออกว่าเป็นตัวละครใด
จึงขอเรียก สาวชุดไทยไม่ทราบบทบาท
ไล่ล่าจากเวที ลามมาถึงโต๊ะแขก โต๊ะโน้นโต๊ะนี้
เราถือจานกั้งที่แกะแล้วเดินมาจิ้มกินดูไปแบบค็อกเทล ด้วยความลุ้น
ลุ้นว่า จะมีฉากพิเศษ ก๊อตซิลมาร ถล่มโต๊ะแขกชาวจีนคว่ำหงายหรือไม่

แต่อนิจจา ก๊อตซิลหนุมาร
แม้ร่างยักษ์แต่แคล่วคล่องมาก ไม่มีพลั้งพลาด
แขกต่างชาติตื่นเต้นกรี๊ดกร๊าดมาก
หนุมารและสาวชุดไทยไม่ทราบบทบาท
ก็ให้ความร่วมมือ ยืนประกบแขกให้ถ่ายรูป
เป็นอย่างดี
นอกจากหนุมาร ก็มี รำวง กลองยาว บรรเลงระนาด
เป็นที่ตื่นตาแก่แขกต่างบ้านต่างเมืองเป็นอันมาก
ข้างๆเวที มีร้านขายของที่ระลึก เหลียวไปดูกระเป๋าเล็กๆลายช้าง
แบบที่งาน OTOP ขายใบละ ยี่สิบบาท ที่นี่ก็นำมาเสนอให้ถึง สี่สิบบาทเชียว

ปล บฟ บาร์บีคิวที่นี่
เริ่มหกโมงเย็น ถึงสี่ทุ่ม
ตั้งราคาปกติไว้ 813 บาท
ตอนออกบูธ ก็มักจะมาลด50%
แต่ตอนนี้ใครไปกินไม่ซื้อบูธ ก็จะได้ลด 30% เหลือ 591 ถ้วน

Create Date : 13 มกราคม 2548

Last Update : 13 มกราคม 2548 9:02:02 น.

14 comments

Counter : 1337 Pageviews.