Buffet diary...... ตอน ......... โรงแรม Swissotel Le Concorde ........( Merchant court เดิม ).......

ชื่อแซ่ เหมือนเป็นภาพมายา เปลี่ยนไป เปลี่ยนมา
โรงแรมเมอร์ชั่นคอร์ท รัชดา
เปลี่ยนชื่อเป็นสวิสโซเทล
แต่ห้องบุฟเฟต์นานาชาติ ยังคงชื่อ ฟาวเท่นคาเฟ่ เช่นเดิม
น่าเสียดาย โปรโมชั่น สามจ่ายสอง ที่ยืนหยัดมาเนิ่นนาน ก็พาลเลิกไปเสียด้วย
ที่จริงโปร 3 จ่ายสอง เหมาะกับบ้านเราที่มีสามคนมาก ดีกว่าพวก สี่จ่ายสาม เป็นไหนๆ
ขอเสียดายอีกที



วันนี้แขกน้อยจริงๆ มีเพียงโต๊ะที่จองมาโต๊ะใหญ่สักยี่สิบคน นอกนั้นก็มีอีกเพียงสี่ห้าโต๊ะ
บริกรทั้งฝ่ายต้อนรับ และฝ่ายเก็บจาน ดูง่วงงัน ในชุดเครื่องแบบสีฟ้า
สำหรับเราแล้วดูไปคล้ายบุรุษพยาบาล
ไลน์บุฟเฟต์มีกระจายอยู่สามจุดหลัก รอบเสาใหญ่สองต้น และแถบริมกำแพง
แถบริมกำแพงนั้นเป็นอาหารคาว ลองมาดู
เปิดหม้อแรก แกงจืดมะระ และซุปแครอท
จานในแท่นอุ่น หยิบมาต้องระวัง อย่าเพิ่งสะบัดทิ้งไปด้วยความร้อน


ปิดฝาโถข้าวผัดไก่ลงอย่างง่วงงันเช่นกัน ข้าวผัดไก่ ที่ใครๆก็หมางเมิน
ของหลายอย่าง มีอยู่เพื่อให้คนหมางเมินดีแท้
คนป่วยเรื้อรังอย่างเรา ก็เช่นกัน
ยิ่งเป็นโรคใหม่ ปวดประสาทท้ายทอยเรื้อรังเพิ่มอีก
ยิ่งน่าไปกินบุฟเฟต์ให้มากๆไว้ เพราะใน รพ ไม่มีบฟ

ยังมีข้าวขาว อีกหนึ่งถาด ข้างๆเป็นห่อหมกทะเล
หนึ่งถาดใส่มาสองก้อนใหญ่ ในห่อกระดาษฟลอยด์
ต้องลองคุ้ยดู ว่ามีของทะเลใด
ปลาหมึกนอนหลับก่ายเกยกันอยู่เป็นส่วนใหญ่
แซมเล็กน้อยด้วยกุ้งตัวเล็ก เล็กจนเนื้อออกใสดุจกระจก
ใครบอกมากินบุฟเฟต์มื้อธรรมดาที่นี่ แล้วไม่มีกุ้ง เราจะเถียงแทนให้ในบัดนี้

ปลากะพงแดงนึ่ง ไม่มีใครสามารถบอกรสชาติได้แน่ เพราะนึ่งมาแบบไม่ปรุงรสใดๆ
มีน้ำจิ้มวางไว้ น้ำจิ้มผสมมะเขือเผาชนิดเผ็ดจัด
น่าแปลก การกินปลานี้ไม่มีทางเลือกที่สาม ระหว่างเผ็ดจัด กับ จืดจัด
หมูผัดน้ำพริกเผา ไม่เผ็ดมากนัก เพียงแต่เค็มเท่านั้น


กะหล่ำปลี ห่อหมู ราดด้วยน้ำแป้งเคี่ยวข้น มีปูผสมในน้ำราด
ปูต้องไม่มาล้วนๆ แต่ปลอมตัวปะปนมากับไข่ขาว
มุขปูผสมไข่ขาว ยังคงใช้ได้แพร่หลายในร้านบุฟเฟต์ชั้นนำทั่วไป
เราจัดการกวาดเลือกปู บรรดามี ออกจากไข่ขาว มาเพียงหนึ่งทัพพี ก็หมดแล้ว
การเติมครั้งที่สอง ปูปลอมตัวมิดชิดขึ้น จนแทบไม่เห็นอีกเลย






ที่ว่ามา จัดได้ว่าเป็นอาหารไทย จีน
อาหารฝรั่ง มี ปลาแมคเคอเรล กริลล์ ในซาลซาซอส
ปลาชิ้นอ้วนใหญ่ หมกอยู่ในมะเขือเทศและหอมสับ
เมนูนี้คนส่วนมากชื่นชอบ วนเวียนตักกันอย่างเมามัน
ข้างๆกัน เป็นไก่ย่างปิดท้ายไลน์แถบนี้


ตรงกลาง เป็นซุ้มก๋วยเตี๋ยว ขอข้ามไปสุดมุมทางซ้ายมือ มีอีกสามโถ
ผักผัดเนย หน่อไม้ฝรั่งห่อเบคอนในซอสมะเขือเทศ ยังไม่พอ มีผักผัดรวมอีกโถ
สามโถที่ถูกทอดทิ้ง ยิ่งกว่าข้าวผัดไก่เสียอีก


ตรงเสากลาง ต้นแรก มีสลัดบาร์ ผักพื้นฐานธรรมดา
อ่างละเลงสลัดไม่ค่อยมีใครลงมือเล่นกับมันนัก
ถาดอาหารญี่ปุ่น ที่ต้องมีคนกลุ้มรุมเสมอ มีซูชิ
ในบรรดาสามสี่หน้านั้น แน่นอนว่าหน้าแซลมอนดิบ ต้องเป็นที่สนใจที่สุด
เวียนมาตรงออเดิฟ ที่เด่นสุดคงเป็น smoked salmon ถาดใหญ่
และซีฟูด ซึ่งมีปลาหมึกธรรมดา
และหอยแมลงภู่ กึ่งดิบกึ่งสุก
นักบุฟเฟต์ย่อมดำรงชีวิตรอดในทุกสถานการณ์แห่งหอย
มีหอยเชลล์ก็จะรุมแต่หอยเชลล์
มีหอยนางรม ก็เวียนแต่หอยนางรม
ครั้งมีแต่หอยแมลงภู่ไทยเช่นนี้ ก็เช่นกัน
จะเห็นปลาหมึกเหลืออยู่เต็ม
แต่หอยร่อยหรอไปเกือบหมด


เดินเลยผ่านออเดิฟอื่น พวกยำเนื้อ ยำหมูยอ ลาบหมู หมูแดดเดียว ไปเสาต้นที่สอง

ซุ้มติ่มซำ ดูมากมายจริงๆ มีถึง สี่ซุ้มแน่ะ แต่ละซุ้มมีหนึ่งเข่ง บรรจุไว้ด้วยติ่มซำหนึ่งชนิด ดังนั้นรวมแล้วมีสี่อย่าง
ซาลาเปาหมูแดง ขนมจีบแป้งเขียว ฮะเก๋าแป้งนิ่มเหมือนไอติมใกล้ละลาย และสาหร่ายห่อหมูอีกอย่างหนึ่ง




รอบเสาต้นที่สองนี้ เป็นที่หมายตาของนักบุฟเฟต์
ว่ากันว่า มาฟาวเท่นคาเฟ่ น้อยคนจะตั้งใจมากินของคาว
เค้กจากห้อง Deli เบเกอรี่ของโรงแรม ที่หลายคนชื่นชอบ
โอเปร่าเค้ก พอๆกับแลนด์มาร์ค ยังใช้ได้อยู่


บลูเบอรี่ชีสเค้ก เหมือนเป็นของบังคับ ในไลน์บุฟเฟต์กันไปแล้ว
ถ้าเอาเบอรี่ชนิดอื่นมาทำชีสเค้กลงบุฟเฟต์บ้าง อาจถูกประณามจากสื่อมวลชนได้
แครอทเค้กก้อนใหญ่ ออกจะเนื้อแข็งไปหน่อย พลิกดูข้างล่างไหม้ดำปิดปี๋
เยลลี่ที่หลายคนชอบ แต่เราไม่ชอบ ชมหน่อยว่าอยู่ในพิมพ์พิรามิดน่ารักดี แล้วก็ขอผ่านไป
มีเยลลี่ แต่ไม่มีคาราเมลคัสตาร์ด ผิดแปลกจากมาตรฐานบังคับไปแล้ว

เหลียวไปมาหาของเด่นของที่นี่ เค้กชาเขียว อนิจจา ไม่ได้นำมาลงบุฟเฟต์วันนี้
มีทีรามิทสุแทน เอาชอคโกแลตแผ่นสลักชื่อใหม่ของโรงแรมแปะหน้าเป็นยันต์ไว้ด้วย
ทาร์ทผลไม้ มีทาร์ทกีวี อยู่สองอัน หมดแล้วหมดเลย
ที่จริงเขาซื้อกีวี มาหลายลูกเชียวแหละ อย่างน้อยลงทุนถึงสามลูก
ตรงกีวีทาร์ท น่าจะใช้สัก หนึ่งลูก
ยังมีที่ฝานไปแปะตามหน้าเค้กอันนั้น อันนี้ อีกนิดๆหน่อยๆ
ดีไม่ดีลงทุนถึงสี่ลูกด้วยซ้ำ น่าปรบมือให้อย่างน้อยสี่ที

มีสตอเบอรี่ พร้อมวิปปิ้งครีมด้วย
เจ้าเค้กชิ้นเล็กชิ้นน้อย มีอยู่สี่ห้าอย่าง เช่นชอคโกแลต บราวนี่ สตอเบอรี่
ไอติมสี่รสพื้นฐาน วานิลลา ชอคโกแลต มีแยกระหว่าง กะทิเฉยๆ กับกะทิใส่ลอดช่อง
ขนมหวานไทยนอกจากพวกกระทงอันเล็ก ยังเอาหม้อดินมาตั้งใส่สาคูถั่วดำเด่นเป็นสง่า

แวะไปดูซุ้มก๋วยเตี๋ยว พนักงานยืนสงบเหมือนกำลังบำเพ็ญธรรมชั้นสูง
ตั้งแต่เปิดบุฟเฟต์มา สังเกตว่า มีคนแวะเวียนไปสั่งอยู่เพียงสองสามรายเท่านั้น
ลองถามดูมีก๋วยเตี๋ยวอะไรบ้าง
พนักงานตอบด้วยเสียงแผ่วเบาแหบพร่า ดั่งคนป่วยขั้นก่อนสุดท้ายเล็กน้อย
อย่างน้อยยังส่งเสียงพูดได้
ถามซ้ำไปอีกที พอได้ความว่ามีก๋วยเตี๋ยวต้มยำ และเย็นตาโฟ
เอาเย็นตาโฟมาลองดู
พนักงานลวกเส้นกับผักบุ้ง และลูกชิ้น ใส่มาเอาน้ำซุปราด เสร็จการ
เครื่องปรุงทุกอย่างเอามาเรียงรายไว้สิบเอ็ดชนิดให้ปรุงเอาเอง
คนไม่ชอบซอสแดงเย็นตาโฟ ก็ไม่ต้องใส่ หรือจะใส่น้อย ก็ตามชอบ
จริงๆให้ทำเองไปเลยก็น่าจะดี พนักงานที่ง่วงและเหนื่อยจะได้ไปนอนพักบ้าง
เราเห็นใจคนป่วยเสมอมา





ขากลับแวะไปดูห้องเบเกอรี่สักหน่อย
วันนี้ห้อง Deli ที่เคยจัดโปรโมชั่นลดราคาเค้กสองรอบต่อวัน
เหลือเพียงรอบหนึ่งทุ่มรอบเดียวเท่านั้น
และลดเพียงสามสิบเปอร์เซ็นต์
เค้กดูลดปริมาณความหลากหลายลงไปมาก เค้กชาเขียว แยมโรลชาเขียว แม้ในเบเกอรี่วันนี้ก็ไม่มีขายให้เห็น

เห็นเพียงใบเสร็จเปลี่ยนหัวใหม่
สวิส ณ เลอคองคอร์ด
บฟ กลางวันวันนี้ หัวละ 447 .26 บาท

Create Date : 18 มกราคม 2548		10 comments
Last Update : 18 มกราคม 2548 20:42:55 น.
Counter : 1275 Pageviews.
Share Tweet