|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | |
|
|
|
|
|
|
|
เรื่องเล่าเก่าๆจากเมืองบริท...วิกฤติ และ โอกาส
1-2 AUG 1998
ระหว่างที่นั่งเครื่องบินฉันก็ถือโอกาสจัดเรียงเอกสารต่างๆที่จำเป็นต้องใช้ เมื่อจัดมาถึง transcript ฉันจำได้ว่าเห็นเกรดแล้วมันช่างไม่น่าเชื่อว่าฉันจะมาเรียนต่อได้ จริงๆเกรดอย่างนี้ คงต้องใช้ประสบการณ์ทำงานเข้าช่วย
แต่ว่าตอนนั้น ฉันยังสงสัยอยู่เลยว่าจบแล้วฉันจะทำอะไร เพราะในปี ่1998 เป็นปีที่ฟองสบู่แตก สภาพของฉันและเพื่อนร่วมรุ่นต่างมึนงงกับภาวะที่เราไม่เคยคิดว่าจะเจอมาก่อน
เรื่องจะหางานทำนั้นไม่ต้องพูดถึง คนที่เค้าทำงานกันอยู่แล้วยังเอาตัวไม่รอด เอเจนซี่โฆษณาหลายๆที่มีการ downsizing เรื่องการรับคนใหม่นั้น ไม่มีในนโยบาย
แต่แล้วความหวังของฉันถุูกจุดประกายขึ้นมา เมื่อสมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทยจัดการสอบแข่งขันเพื่อหาคนที่เก่งที่สุด 2 คนเข้าทำงานใน เอเจนซี่ใหญ่ 2 ที่ แต่ฉันก็ทำได้แค่ 20 คนสุดท้ายที่เข้ารอบเท่านั้น ฉันสอบตกสัมภาษณ์อย่างไม่ต้องลุ้น
“คุณจะทำอย่างไรถ้าวันที่ต้องไป present งาน คุณลืม storyboard ไว้ที่บริษัท คุณจะบอกลูกค้าว่าอย่างไร” เอ่อ เอ่อ ฉันอ้ำอึ้ง และตอบกลับไปว่า “คงบอกไปตรงๆอ่ะค่ะ ว่าลืม แต่เดี๋ยวรีบกลับไปเอา” …นั่นคงเป็นหนึ่งในวิกฤติของฉัน ที่เป็นสิ่งเตือนใจให้ฉันไม่เคยที่จะลืมงานที่จะเอาไปที่บริษัทลูกค้าเลยในชีวิต เพราะฉันไม่รู้ว่าคำตอบที่ถูกต้องมันควรตอบว่าอะไร
หลังจากเสียศูนย์ไปได้ระยะหนึ่ง อยู่ๆฉันก็รับได้จดหมายจากบริษัทตัวแทนรับนักเรียนไปเรียนต่อต่างประเทศ โดยในจดหมายมีเนืื้อความโดยสรุปว่า รัฐบาลอังกฤษได้ออกทุนเรียนต่อพิเศษให้กับนักเรียนไทย โดยมีโควต้าให้นักเรียนแค่ 10 คนต่อหนึ่งมหาวิทยาลัยเท่านั้น โดยที่รายละเอียดอื่นๆ ฉันจะต้องโทรติดต่อไปยังบริษัทตัวแทนที่ส่งจดหมายมาให้ฉํน
ฉันนั่งอึ้งระลึกความหลังว่าฉันไปรู้จักกับบริษัทนี้ตอนไหน ทำไมเค้าถึงส่งจดหมายมาหาฉันได้ สมองฉันมันเบลอๆ คิดอะไรไม่ออก และฉันก็ไม่ได้ใส่ใจที่จะค้นหาข้อมูลต่อด้วย เรื่องทุน เรื่องแข่งขัน ฉันนคงสู้คนเก่งๆไม่ได้แน่ๆ
เกรดที่ฉันจบมาก็แค่ 2.34 ส่วนคะแนน TOEFL ที่เคยไปสอบเล่นๆไว้ก็แค่ 530 ตกเกณฑ์ที่เค้าต้องการ จะให้ไปสอบใหม่ ฉันก็ไม่มีแรงบันดาลใจพอ ตามปกติเท่าที่ฉันรู้มา ถ้าใครเกรดเฉลี่ยไม่ดี ก็ต้องพยายามทำคะแนนภาษาอังกฤษให้สูงเข้าไว้ เพื่อนำมาต่อรองกับทางมหาลัยที่นู่น แต่นี่ ฉันมันไม่ได้เรื่องซักอย่าง
ฉันปล่อยให้เวลาผ่านไปประมาณสองอาทิตย์ พ่อของฉันเหลือบไปเห็นจดหมายฉบับนั้นที่ฉันท้ิงระเกะระกะไว้ที่โต๊ะกลมข้างล่าง พ่อกระตุ้นให้ฉันลองโทรไปหาข้อมูล โดยให้กำลังใจว่า ถ้าได้ทุนขึ้นมา ก็ยังมีสิทธิ์ลุ้นไปเรียนต่อ เพราะคุณปู่ของฉันมีทุนส่วนนึงที่เก็บไว้ให้ฉันสำหรับเรียนต่ออยู่แล้ว เพียงแต่ว่าในภาวะที่ค่าเงินปอนด์พุ่งขึ้นไปถึง 75 บาท ทุนที่มีอาจส่งให้ฉันเรียนได้ไม่จบ
ฉันต้องขอบคุณพ่อฉันที่ยุยงส่งเสริมให้ฉันลองโทรไปหาข้อมูล เพราะทุนที่เค้าแจกนั้น ไม่ต้องใช้ความสามารถด้านการเรียนอย่างที่ฉันคิด เงื่อนไขของทุนนี้ก็คือ ฉันจะต้องเขียนเรียงความเป็นภาษาอังกฤษบอกถึงเหตุผลว่าทำไมฉันถึงควรจะได้รับทุนนี้ และ วิชาที่ฉันเลือกเรียนจะมีประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างไร
แต่ก่อนที่ฉันจะเริ่มลงมือจับปากการ่างเรียงความฉบับนั้น ฉันต้องไปหาบริษัทตัวแทนนี้เพื่อดูว่ามีสาขาวิชาอะไรที่ฉันสนใจในแต่ละมหาวิทยาลัยที่แจกทุนบ้าง
เมื่อไปถึง ฉันก็ไม่ลืมที่จะถามคำถามที่ค้างคาใจฉันตั้งแต่วันแรกที่ได้รับจดหมายว่า เค้าไปเอาที่อยู่ของฉันมาจากไหน คำตอบที่ได้ ทำให้ฉันเชื่อในอาณุภาพของเครื่องมือทางการตลาดตั้งแต่บัดนั้น
เมื่อหลายเดือนก่อนที่ฉันจะเรียนจบ ฉันเคยไปงาน British Education Exhibition ที่จัดโดย British Council ฉันจำได้ว่า ตามบูธของมหาวิทยาลัยต่างๆ จะมีตัวแทนคอยแจกโบรชัวร์ และ แบบฟอร์มมากมาย โดยที่ตัวแทนของแต่ละมหาวิทยาลัยจะคะยั้นคะยอให้ฉันกรอก ชื่อ ที่อยู่ เบอร์ติดต่อทิ้งไว้ เพื่อที่ว่าพวกเค้าจะได้ส่งข้อมูลอัพเดทต่างๆมาให้ฉันถึงบ้าน บอกตามตรงว่าตอนนั้นฉันออกจะรำคาญมากกว่า เลยกรอกๆให้พวกเค้าไปอย่างเสียมิได้ ไม่น่าเชื่อว่าฟอร์มพวกนั้น ไม่ใช่ Junk ไปซะทั้งหมด หนึ่งในนั้นเป็นสื่อกลางที่ทำให้ฉันได้รับทราบข้อมูลที่มีค่าที่สุดในขณะนั้นก็ว่าได้
หลังจากซักถามเป็นที่พอใจ ฉันก็สำรวจลิสต์วิชาและมหาลัยที่เข้าร่วมแจกทุนในครั้งนี้ ใจจริงฉันอยากจะไปเรียนต่อทางด้าน Communication หรือไม่ก็อะไรที่เกี่ยวกับโฆษณา เพราะเป็นด้านที่ฉันชอบและถนัด แต่ด้านที่ใกล้เคียงที่สุดในลิสต์ก็คือ Marketing
ถึงแม้ว่าฉันจะเกลียดการเรียนเชิงธุรกิจเพราะมันต้องข้องแวะกับตัวเลข แต่ฉันก็ไม่มีทางเลือกอื่นๆที่ดีกว่านี้ ส่วนเรื่องคะแนนภาษาอังกฤษ ทางบริษัทตัวแทนบอกว่า คะแนน TOEFL ของฉันเมื่อนำมาเทียบกับตาราง IELTS ฉันได้ 6.3 ซึ่งเกินกว่าเกณฑ์ที่เค้าอยากได้มาอย่างเฉียดฉิว เมื่อทุกอย่างดุเหมือนจะเป็นใจ ฉันจึงตกลงที่จะขอลองส่งเรียงความดูสักตั้ง
ในที่สุดข่าวดีก็เป็นของฉันบ้าง ฉันได้รับทุนในครั้งนี้เป็นจำนวน 3000 ปอนด์ โดยเงินจำนวนนี้จะนำไปหักออกจากค่าเล่าเรียนของฉันโดยอัตโนมัติ ว่าไปแล้ว ทุนครั้งนี้ก็เปรียบเหมือน การลดแลกแจกแถม ดีๆนี่เอง ณ เวลานั้น ทางมหาวิทยาลัยในอังกฤษก็ได้รับผลกระทบจากจำนวนที่ลดลงของนักเรียนไทยเป็นจำนวนมากเช่นกัน แผนการแจกทุนนี้จึงเกิดขึ้น
ฉันกำลังจะได้ไปเหยียบแผ่นดินต้นกำเนิดเสียงดนตรีที่ฉันหลงใหลอีกครั้ง ฉันกำลังจะได้ยินสำเนียงที่ฉันชื่นชอบ ฉันกำลังจะได้เจอผู้คนและชีวิตใหม่ๆ
เอาล่ะ โอกาสของฉันน่ากำลังจะมาถึง ไม่นานเกินรอ
Create Date : 20 กุมภาพันธ์ 2550 |
|
9 comments |
Last Update : 20 กุมภาพันธ์ 2550 2:50:05 น. |
Counter : 519 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: JewNid 20 กุมภาพันธ์ 2550 3:53:46 น. |
|
|
|
| |
โดย: namfonJC 20 กุมภาพันธ์ 2550 9:13:36 น. |
|
|
|
| |
โดย: ShiEri 20 กุมภาพันธ์ 2550 9:20:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: พัท (Il Maze ) 20 กุมภาพันธ์ 2550 15:28:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: sak (psak28 ) 20 กุมภาพันธ์ 2550 17:51:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: whitelady 20 กุมภาพันธ์ 2550 18:59:56 น. |
|
|
|
| |
โดย: viji (viji ) 21 กุมภาพันธ์ 2550 22:44:44 น. |
|
|
|
|
|
|
|
จะมาติดตามตอนต่อไปนะคะ