<<
ตุลาคม 2548
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
28 ตุลาคม 2548
 

...ผ้านวม...

ฉันชอบผ้านวมผืนใหญ่ๆ นุ่มๆ
เพราะสมัยเรียนหลังจากเลิกงานพิเศษ
ถ้าไม่คว้ากล้องขึ้น MRT ไปตะลอนในเมือง
หรือกลับมาออนไลน์เปิดเพลงเสียงดังแล้ว
ก็จะกลับมานอนซุกอยู่ใต้ผ้านวมผืนนุ่ม
ให้ความอบอุ่นของผ้านวมโอบล้อมตัวเองเอาไว้
ซุกหน้าลงบนความนุ่มให้น้ำตาที่บังเอิญไหลหายไป
ก่อนจะนอนหลับ พร้อมกับบอกตัวเองให้เชื่อมั่น
ว่าเมื่อตื่นขึ้นมาในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ทุกอย่างจะดีขึ้น

ตอนไปลาออก หัวหน้าเก่าบอกว่าผมรู้
เห็นท่าทางคุณเฮฮาลั๊นลา ยิงมุขอยู่อย่างนี้
แต่จริงๆ คุณมีความคิด มี Logic ของคุณ
อะไรคล้ายๆ กับจุดยืนที่ทำให้คุณตัดสินใจในเรื่องต่างๆ
เพราะฉะนั้นอธิบายเหตุผลในการลาออกมาดีกว่า
เพราะผมรู้ว่าคนอย่างคุณไม่ลาออกอย่างไม่มีเหตุผล
หรือไม่ได้ผ่านการคิดและการตัดสินใจมาแล้ว

คำพูดของหัวหน้าเก่าดังขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ในวันนี้
ในวันที่ฉันรู้สึกแย่เหลือเกิน อยากร้องไห้อย่างไม่มีเหตุผล
หัวหน้าเก่าดูไม่ผิดหรอก เพราะฉันมีสิ่งที่เขาว่าจริง
จุดเล็กๆ ซึ่งแม้จะเปลี่ยนตำแหน่งและสถานะไปตามเวลา
หรือไปตามสิ่งต่างๆ ที่ฉันได้พานพบในแต่ละวัน
แต่ก็เป็นสิ่งสำคัญในการคิด การทำความเข้าใจ
การตัดสินใจ รวมถึงการเคารพความเป็นตัวเองของฉัน
สิ่งหนึ่งที่หัวหน้าเก่าของฉันไม่รู้ หรือรู้แต่อาจไม่ได้พูดถึง
ก็คือมือของฉันกำชอล์กแท่งเล็กๆ สีขาวบริสุทธิ์อันนึงเอาไว้
เพื่อขีดเส้นบางๆ ที่แทบจะมองไม่เห็นระหว่างฉันกับสิ่งต่างๆ
ในบางครั้ง ฉันก็ยืนอยู่ห่างจากเส้นนั้นจนไกลแสนไกล
ไม่ปรารถนาที่จะขยับเข้ามาใกล้กับเส้นที่ขีดและสิ่งที่ถูกคั่น
ในบางครั้ง ฉันก็เขยิบเข้ามาใกล้เส้นนั้น จนมองเห็นสิ่งนั้น
แต่ยังไม่มีอะไรที่ทำให้อยากลดระยะห่างระหว่างกันให้น้อยลง
ในบางครั้ง ฉันยืนตรงขอบเขตของเส้นที่ว่า หาโอกาสจะข้ามไป
ถ้าเพียงแต่อีกฝั่งของเส้นบางๆ จะแสดงว่าเปิดโอกาสให้
ในบางครั้งฉันยืนอยู่บนเส้นบางๆ ที่ตัวเองขีดอยู่
พร้อมกับเฝ้ามองให้มีอะไรบางอย่างมาพาตัวฉันข้ามไปเต็มที่
และในบางครั้ง ฉันก็ก้าวข้ามผ่านเส้นบางๆ ที่ตัวเองขีดไว้
ด้วยตัดสินใจที่จะอยู่ใกล้สิ่งนั้นให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

จุดเล็กๆ ที่ฉันให้ความสำคัญโดยไม่รู้ตัว ฉันเรียกมันว่าจุดยืน
เส้นบางๆ ที่เกิดจากชอล์กสีขาว ฉันเรียกมันว่า Personal Space
ฉันอยู่กับสองสิ่งนี้ตลอดมาจนคุ้นชิน...แต่แล้ววันนี้ฉันกลับมีคำถาม
ถ้าเพียงแต่ฉันละทิ้งจุดยืนที่มี และเพียงแต่โยนชอล์กแท่งนั้นทิ้ง
ชีวิตของฉัน...จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรและเป็นไปในทางไหน?

หลังจากคำถามถูกตั้งขึ้น ในหัวของฉันมีภาพต่างๆ มากมาย
ล้วนแต่เป็นภาพคนโน้นคนนี้ ทั้งที่มีชีวิตอยู่จริง หรืออยู่ในหนังและนิยาย
ถ้าเพียงแต่ฉันจะไม่มีกลไกการตัดสินใจ และไม่มีชอล์กในมืออย่างที่มี
ฉันจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ ได้เหมือนคนโน้นคนนี้ที่เคยเห็นหรือได้ยินไหม
ในเวลาสั้นๆ ภาพของคนที่มีตัวตนและไม่มีตัวตนผ่านเข้ามามากมาย
หลายต่อหลายภาพ ไม่มีภาพไหนเลยที่ทำให้ฉันรู้สึกสงบลงได้
และสุดท้ายเสียงในหัวฉันก็ย้ำให้ตัวเองฟังดังๆ ถึงสาเหตุที่แท้จริง
คือฉันคิดไม่ออกว่าจะเป็นอย่างไร ถ้าฉันจะไม่มีเจ้าจุดเล็กๆ และชอล์กสีขาว
เพราะทั้งสองสิ่งเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของฉัน เนิ่นนานกว่าที่จะระบุเวลาได้
ทันใดนั้นภาพผู้คนต่างๆ
ที่ทั้งมีตัวตนอยู่จริงและเป็นเพียงงานเขียนก็หายไป
คิดไปก็เท่านั้น จินตนาการไปก็ไม่เห็นภาพ ต่อให้พยายามสักเท่าไหร่
แม้ในบางเวลาจุดเล็กๆ อาจย้ายที่หรือเปลี่ยนรูปร่าง
แม้ในบางครั้งเส้นขาวบางที่ชอล์กลากไปอาจเป็นวงแคบหรือกว้าง
แต่จุดเล็กๆ และชอล์กแท่งนั้น ก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของตัวฉัน
และฉันก็คิดว่าฉันดีใจที่มีจุดเล็กๆ กับแท่งชอล์กในชีวิต
แม้ว่าทั้งสองสิ่งอาจทำให้ฉันดูประหลาดในสายตาของคนบางคนก็ตาม

ทำไมในวันนี้ที่ฉันรู้สึกแย่มากๆ
ฉันถึงคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปมากมาย
คิดแม้แต่จะทิ้งเจ้าจุดเล็กๆ และชอล์กสีขาว
ซึ่งเป็นเพื่อนที่พึ่งพากันและกันมานานกว่ากาลเวลา
ทำไมถึงเลือกที่จะออนไลน์ MSN เพื่อดูผู้คนเข้าออก
แทนที่จะพูดคุยกับคนใน List และฟังเพลงดังๆ
ทำไมฉันถึงเลือกที่จะมานั่งพิมพ์ Diary ไว้ล่วงหน้า
แทนที่จะกลับไปซุกตัวลงในผ้านวมผืนนุ่มที่ห้อง
ทำไมถึงเลือกใช้ทิชชู่ซับน้ำตาที่บังเอิญไหลออกมา
แทนที่จะปล่อยให้ผ้านวมอันอบอุ่นดูแล
ทำไมจู่ๆ ฉันถึงรู้สึกว่าช่วงเวลานั้นผ่านมาแล้ว
และฉันก็รู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะจะกลับไปทำอย่างนั้นอีกแล้ว
แม้ฉันจะยังอดคิดไม่ได้ว่ามันอาจจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด
อย่างที่มันเคยเป็นเสมอมาในวันก่อนหน้านี้

"รู้สึกไหมว่าสิ่งที่อาจจะถือว่ามากที่สุดดีที่สุดสำหรับคนๆ หนึ่ง
อาจเป็นสิ่งที่ธรรมดาที่สุดหรือไม่มีค่าที่สุดสำหรับคนอีกคนนึง
มันเป็นเรื่องธรรมดาที่คนเราจะมองเห็นอะไรไม่ตรงกัน
เพราะเรามีตาคนละคู่ มีสมองคนละสมอง และมีใจคนละดวง
บางครั้ง...อาจเป็นตัวของเราเองที่ทำให้สิ่งต่างๆ มันยากเกินจริง"
...25 Oct 2005 - 9:10pm ()...



เย็นไหนตั้งใจจะออกเร็ว นายมักให้งานเยอะและรีบส่ง
สองอาทิตย์ที่ผ่านมาพอโทรไปจองโยคะตอนเย็นไว้
ทั้งอาทิตย์จะว่างแทบทุกวัน จนถึงวันเล่นโยคะ
ที่จู่ๆ นายจะมาพร้อมงานและ deadline กระชั้นชิด
ให้เราปั่นงานแทบตายเพื่อจะไปเข้าเรียนโยคะให้ได้
แล้วกลับบ้านไปทำงานต่อ หรือไม่ก็ไปหัวฟูตอนรุ่งเช้า
เมื่อวันพุธนัดทานข้าวกับเพื่อนที่ Emporium
ปรากฏว่าวันอังคารนายส่งนัด Meeting มาเพียบ
Meeting สุดท้ายเสร็จหกโมงครึ่งตอนเย็นซะด้วย
เลยต้องเลื่อนนัดเพื่อนเป็นวันพฤหัสซะอย่างนั้น
เมื่อวานห้าโมงครึ่งเก็บข้าวของกำลังจะปิดคอม
จู่ๆ นายก็เดินตรงมาบอกว่าไปคุยแผนงานกันก่อน
โอ้...จอร์จ...มันยอดมาก ใช้เวลาคุยสี่สิบห้านาที
กลับมาที่โต๊ะพบว่าเพื่อนโทรมาแล้วสองหน (แหะ แหะ)
รีบบอกเพื่อนว่ากำลังจะลงลิฟต์ เดี๋ยวตามไป ใจเย็นๆ
ทานข้าว + เม้าท์กันไปสองชั่วโมงกว่าๆ ที่ Emporium
ก่อนจะกลับ BTS ต่อ MRT แล้วแยกย้ายกันกลับบ้าน
ผลของการออกเร็วก็คือต้องกลับไปนั่งๆ ดูงานต่อ
แต่ว่าง่วงอ่ะ...เป่าผมแห้งแล้วนอนดีกว่า ไม่ไหวแล้ว
เพราะยังไงวันนี้กะเข้าทำงานตั้งแต่หกโมงสิบห้า
ปั่นงานก่อนบรรดานายๆ จะมา Review ตอนเก้าโมงอยู่แล้วอ่ะ
++ สงสัยชีวิตหนูจะมีดวงทำงานลำบากตลอดฮ่ะ ++




 

Create Date : 28 ตุลาคม 2548
3 comments
Last Update : 28 ตุลาคม 2548 19:26:10 น.
Counter : 457 Pageviews.

 
 
 
 
คิดถูกมากๆ ที่ไปปั่นงานตั้งกะหกโมงเช้า (แถมแอบอัพ Blog ด้วย แต่มาแก้อีกทีตะกี้ อิอิ) เพราะนายมาเก้าโมง มาถึงปุ๊บตรงมาที่โต๊ะเรียกไป review ปั๊บ แบบว่าเพิ่งทำเสร็จร้อนๆ เลย 555
 
 

โดย: nurin (Nontagorn ) วันที่: 28 ตุลาคม 2548 เวลา:19:28:31 น.  

 
 
 
พักผ่อนดูแลสุขภาพด้วยอะนะ
 
 

โดย: อินทรีทองคำ วันที่: 28 ตุลาคม 2548 เวลา:20:42:42 น.  

 
 
 
มาส่งกำลังใจ
สู้ๆ
 
 

โดย: เด็กทะเล (ลิปิการ์ ) วันที่: 30 ตุลาคม 2548 เวลา:13:19:43 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

Nontagorn
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add Nontagorn's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com