[รีวิวเคส iPhone 5 ตัวมาใหม่] Spigen SPG Neo Hybrid EX Slim ความบางอีกหนึ่งระดับที่สร้างความแตกต่างได้อย่างชัดเจน
ก่อนหน้านี้เคส Spigen SPG Neo Hybrid Ex ที่ไม่ใช่รุ่น Slim ถือว่าเป็นเคสตัวหนึ่งที่ได้รับความนิยมกันมากพอสมควรครับ เป็นเคสสำหรับ iPhone5 ที่คนรอบตัวผมใช้เยอะมากที่สุดแล้ว รวมทั้งน้องผมเองก็ด้วย
และเมื่ออาทิตย์ก่อนผมมีโอกาสได้รับเคส Neo Hybrid Ex Slim ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์จาก SGP เช่นกัน ที่ออกมาเป็นรุ่นใหม่กว่ารุ่น Neo Hybrid Ex ตัวเดิม ได้รับมาหนึ่งชิ้นครับ
( ขอบคุณ
www.12case.com ด้วยครับที่มอบให้มา อันนี้ไม่ได้ซื้อเองครับ ^^ )
เมื่อมีเคสสองตัวที่เป็นสองรุ่นอยู่ในมือผม ของก็ได้มาฟรีก็ขอทำประโยชน์หน่อย ทำบทความรีวิวเปรียบเทียบให้ได้รู้กันดีกว่าครับ เคส Spigen SPG Neo Hybrid Ex สองรุ่นสองตัวนี้มันแตกต่างกันอย่างไร ให้ชัดๆกับ จุดด้อยจุดเสียกันไปเลย จะได้พอมีประโยชน์กับคนที่กำลังลังเลระหว่างเคสสองรุ่นนี้อยู่ เอาไว้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจครับ
ว่าแล้วก็รีบไปยืมเครื่องน้องกับตามเพื่อนผมมาทำรีวิวกันโดยทันที ( รีวิวนี้มันไม่มีอะไรเป็นของตัวเองสักอย่าง - - )
อ่านรีวิว Neo Hybrid Ex ตัวเดิมที่เอามาเปรียบเทียบได้ที่นี่ครับ
//www.appdisqus.com/devices/spigen-sgp-neo-hybrid-ex-for-iphone5-case-review/อุปกรณ์พื้นฐานภายในกล่องก็จะมาเช่นเดียวกับรุ่นพี่ก่อนหน้านี้ทุกประการครับ ซึ่งทั้งหมดที่ให้มานั้นก็แยกเป็นการปกป้องส่วนต่างๆของตัวเครื่อง iPhone 5 ของเราได้แบบหัวจรดเท้าเลย โดยรายการของที่แถมมาในกล่องนั้นมีดังต่อไปนี้
- เคส Neo Hybrid EX Slim ส่วนในซึ่งทำมาจากยาง
- เคสส่วนนอกซึ่งทำมาจากโพลีคาร์บอเนตโดยมีสีสันแตกต่างกันไปตามที่เราเลือก วัสดุที่ใช้ทำนั้นให้ความรู้สึกแข็งหน่อยคล้ายๆ โลหะแต่ยังยืดหยุ่นได้
- แผ่นฟิล์มติดหน้าเครื่องยี่ห้อ Steinheil
- แผ่นฟิล์มติดหลังเครื่อง
- ผ้าเช็ดไมโครไฟเบอร์
- ปุ่มโฮม 3 ปุ่ม มีสีขาว ดำ และส้ม
ก็ได้ใจกันไปกับของแถม เป็นจุดเด่นมาตั้งแต่รุ่นพี่แล้วครับ กล่องเดียวครบชุด เอาอยู่
Spigen SPG Neo Hybrid EX Slim ยังคงหลักการเดิมที่เคยเป็นข้อดีของตัวรุ่นพี่ และเป็นเสน่ห์ของเคสรุ่น Neo Hybrid EX นั่นก็คือการเลือกทำเคสสองชั้นเพื่อป้องกันเครื่องเราให้เห็นผลได้มากที่สุด โดยด้านชั้นในนั้นเป็นยางรองสีขาว (หากเลือกสีชั้นนอกเป็นสีอื่น ยางรองชั้นในอาจเป็นสีดำได้ครับ) และชั้นนอกเคสแข็งเป็นสีตามที่เราเลือก (ในกรณีของผมเป็นสีชมพูโลหะ (Metal Pink) สีไหนสวยเลือกด้วยตัวเองเลยครับ ^^)
ประโยชน์ของยางรองชั้นในนอกจากจะเป็นตัวป้องกันการขบกัดของเคสชั้นนอกกับขอบเครื่องเราแล้ว มันยังช่วยลดการกระแทกที่อาจเกิดขึ้นกับตัวเครื่องหากมีการตกกระทบได้อีกด้วยครับ เนื่องจากวัสดุที่ใช้มีลักษณะคล้ายยางที่มีความยืดหยุ่นสูง จึงทำให้มีความสามารถในการลดแรงกระทบจากการตกกระแทกได้ (เจ้าของเครื่องพยายามปฏิเสธการ Drop Test พิสูจน์ของผมอย่างสุดลิ่ม แค่นี้ทำเป็นหวง ^^)
ได้เวลาจับสองรุ่นมาเปรียบเทียบ แรกเห็น "สวยทั้งคู่" ก็เพราะถ้ามองผ่านๆ จะนึกว่ามันเป็นฝาแฝดกันนั้นเองครับ
เมื่อวางเทียบกันชัดๆ แล้วพิจารณา Spigen SPG Neo Hybrid Ex Slim มาพร้อมกับจุดเด่นตามชื่อรุ่นที่ต่อท้ายมาเลยครับ นั่นก็คือความบางที่ทำให้โชว์เรือนร่างของเจ้า iPhone 5 ได้มากยิ่งขึ้น ไม่เหมือนอย่างตัวเก่าที่ออกแนว รถถัง เล็กๆ โดยความบางของตัวใหม่นั้นเห็นได้อย่างชัดเจนเมื่อนำไปเทียบกับตัวเก่า
จากรูปของ iPhone 5 สองเครื่องโดยเครื่องหนึ่งใส่เคสตัวเก่า(สีเงิน) และอีกเครื่องใส่เคสตัวใหม่ที่เป็นรุ่น Slim
หากได้ลองจับ ลองสัมผัสแล้วจะทราบว่าความแตกต่างนั้นชัดเจนมากครับ ใครที่คุ้นเคยกับเจ้าตัวรุ่นพี่ พอได้ลองเปลี่ยนมาใช้เคสตัวนี้จะรู้สึกเลยว่า iPhone 5 ของเราได้รูปมากยิ่งขึ้น ถนัดมือมากยิ่งขึ้น เพราะขอบเคสที่มันชันเป็นสันน้อยลง
ส่วนตัวผมคิดว่า ความหนาของเคสรุ่นเก่ามันบดบังความบางของ iPhone 5 ซึ่งเป็นสเน่ห์อย่างนึงนะ แรกสัมผัสผมชอบตัวใหม่มากกว่าครับ
แต่!!! เพราะเจ้าเคสรุ่นใหม่มันก็บางกว่ามาก เมื่อมานึกถึงความจริงที่ว่าเคสตัวนี้ถูกออกแบบมาเพื่อการปกป้อง ก็ตั้งใจทำมาตั้งสองชั้นด้วยการรองชั้นแรกด้วยเคสยางก่อนจะมาถึงชั้นด้านนอกเพื่อป้องกันเคสด้านนอกขูดขีดขอบเครื่องเรา ถ้าจะปกป้องกันเต็มที่มันก็ต้องหนาๆสิ
แล้วเราควรเลือกความงามหรือความปลอดภัยกันดีละครับ - - อันนี้ ตามยถากรรมของใครของมันละกันครับ
สรุปว่า
สำหรับ Spigen SPG Neo Hybrid EX Slim ที่พยายามปิดข้อเสียเรื่องความหนาของรุ่นพี่ตัวเก่าไปจนทำให้ไม่สามารถคงลักษณะความปลอดภัยเมื่อตกกระแทกอย่างที่เราเคยรู้สึกกับตัว SPG Neo Hybrid EX ตัวเก่าได้ครับ เหตุเพราะในตัวใหม่นี้ อย่างหนึ่งที่เราเห็นได้ชัดคือยางรองชั้นในของเครื่องนั้นบางลงเยอะพอสมควร ทำให้แต่เดิมที่ตัวยางชั้นในของรุ่นเก่านั้นสามารถปกป้องตัวเครื่องเรา จากส่วนนูนของสันขอบ ที่จะรับแรงกระแทกแทนหน้าจอและหลังเครื่อง มันหายไปพอควร เหลืออยู่ประมาณนึงที่ผมไม่มั่นใจว่าเวลาตก ของยางมันจะยุบจนถึงจอได้หรือไม่
นั่นหมายความว่า หากเราเผลอทำเครื่องหลุดมือตกพื้นแบบคว่ำหน้าหรือหงายหลังลงก็ตาม โอกาสที่หน้าและหลังเครื่องจะกระแทกกับพื้นนั้นก็มีเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย (พยายามโน้นน้าวเจ้าของเครื่องให้ดร็อบเทสอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่ยอม - -)
ต่างกันกับตัวเคสรุ่นพี่ที่ส่วนสันขอบยางรองด้านในนั้นยื่นออกมาเต็มที่ นี่จึงเป็นจุดบอดจุดสำคัญที่ต้องผมเห็นว่าผู้ที่สนใจต้องแลกเอา แต่ก็นั่นล่ะนะครับ ถ้าได้เห็นของจริงจากความบางกว่าใน Slim "มันเย้ายวน" มากจริงๆ ^^
ส่วนในเรื่องของการใช้แจ๊คเสียบหูฟังกับเคสรุ่นเก่า ที่หลายๆคนเจอปัญหากันว่าไม่สามารถใช้ร่วมกับหูฟังอื่นๆ ได้เพราะมันเสียบไม่ถึง
หลังจากผมได้ทดสอบกับหูฟังหลายๆ ตัวก็ยังพบว่า SPG รุ่น Slime นี่ ก็ยัง ไม่สามารถ ขจัดปัญหาที่ว่านี้ไปได้อย่างหมดสิ้นครับ โดยใน SPG Neo Hybrid EX Slim เราจะสามารถเสียบแจ๊คหูฟังได้กับหูฟังหลากหลายมากกว่าตัวเก่า (เพราะความบางขึ้นของมัน) แต่ก็ไม่ได้กับทุกๆตัว โดยเฉพาะหูฟังแบบครอบที่มักจะมีหัวสายเสียบที่ทำมาใหญ่พอสมควร
ใครเป็นนักฟังเพลงบน iPhone ก็หันไปดูเจ้าอุปกรณ์เทพของตัวเองกันก่อนนิดนึง ไอ้แท่งที่ใช้เสียบอะ มันใหญ่มากมั้ย หากเป็นไปได้ก็ลองไปขอเสียบกับพนักงานขายที่ร้านก่อนซื้อกันดูครับ ว่าหูฟังคุณมันจะเสียบกันกับเคสเข้ามั้ย
ผลิตภัณฑ์สำหรับการเขียนรีวิวสนับสนุนโดย 12case.com ขอบพระคุณครับ
ขอบคุณเพื่อนๆที่อ่าน และขอบคุณเพื่อนผมสำหรับเครื่องที่นำมาใช้เทียบ (และพยายามจะขอมันดร็อบเทส)
ขอบคุณครับ ขอฝากเว็บน้อยๆที่กำลังโตวันโตคืนไว้ด้วยนะครับ ^^
//www.appdisqus.com