ภูเขาไฟ
ช่วงนี้เราคงได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับภัยธรรมชาติเกิดขึ้นบนโลกบ่อยครั้งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอุทกภัย แผ่นดินไหว ไฟป่า และล่าสุดกับ "ภูเขาไฟระเบิด" ที่ประเทศไอซ์แลนด์ ซึ่งการระเบิดของภูเขาไฟใต้ธารน้ำแข็งเอยาฟจาลาโยคูลล์ครั้งนี้ ทำให้ขี้เถ้าปกคุลมไปทั่วน่านฟ้ายุโรป จนส่งผลทำให้สายการบินในหลาย ๆ ประเทศต้องยกเลิก และเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด และวันนี้เราก็มีความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับ "ภูเขาไฟ" มาฝากกันค่ะ

"ภูเขาไฟ" นั้น เกิดจากหินหนืดที่อยู่ใต้เปลือกโลกถูกแรงดันอัด จนหินหนืดแทรกรอยแตกขึ้นมาสู่ผิวโลก โดยมีแรงปะทุหรือแรงระเบิดเกิดขึ้น สิ่งที่พุ่งออกมาจากภูเขาไฟเมื่อภูเขาไฟระเบิดก็คือ หินหนืด ไอน้ำ ฝุ่นละออง เศษหินและแก๊สต่าง ๆ โดยจะพุ่งออกมาจากปล่องภูเขาไฟ หินหนืดที่พุ่งออกมานี้จะเรียกว่า "ลาวา" แต่หากยังอยู่ใต้ผิวโลกจะเรียกว่า "แมกมา"

ทั้งนี้ บริเวณที่มีโอกาสเกิดภูเขาไฟ คือ บริเวณแนวรอยต่อระหว่างแผ่นเปลือกโลก โดยเฉพาะพื้นที่ที่แผ่นเปลือกโลกมุดตัวใต้พื้นมหาสมุทรลงไปสู่บริเวณใต้เปลือกโลกที่เป็นส่วนของทวีป เพราะแผ่นเปลือกโลกที่มุดตัวลงไป จะกลายเป็นหินหนืด แต่ก็ยังมีภูเขาไฟบางประเภทที่เกิดขึ้นจากการที่ความร้อนไหลลงไปรวมกัน เรียกว่า "ภูเขาไฟจุดร้อน" (Hot Spot)

สำหรับภูเขาไฟที่มีชื่อเสียงและคนรู้จักกันดี ก็เช่น ภูเขาไฟฟูจิ ประเทศญี่ปุ่น, ภูเขาไฟมายอน ประเทศฟิลิปปินส์, ภูเขาไฟเซนต์เฮเลน ประเทศสหรัฐอเมริกา สำหรับในประเทศไทยนั้น ก็มีภูเขาไฟเช่นกัน แต่เป็นภูเขาไฟที่ดับสนิททั้งหมดแล้ว ได้แก่ ภูเขาไฟหินพนมรุ้ง, ภูเขาไฟหินหลุบ, ภูเขาไฟอังคาร, ภูเขาไฟดอยผาคอกจำปาแดด, ภูเขาไฟดอยหินคอกผาฟู, ภูเขาไฟกระโดง, ภูเขาไฟไบรบัด และภูเขาไฟคอก

นอกจากนี้ยังมีความจริงเกี่ยวกับภูเขาไฟอีกหลายประการ ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน ซึ่งทางเว็บไซต์ livescience ก็ได้เผย 11 เรื่องราวน่ารู้เกี่ยวกับภูเขาไฟไว้ดังนี้

1. หินพัมมิสของภูเขาไฟ เป็นหินชนิดเดียวที่สามารถลอยน้ำได้ โดยหินพัมมิสจะมีสีเทา และเต็มไปด้วยรูพรุน ซึ่งเกิดจากก๊าซร้อนไหลผ่าน ในขณะที่หินกำลังเย็นตัวลง

2. ภูเขาไฟที่อันตรายที่สุด เรียกว่า Super Volcanoes หรือ ภูเขาไฟยักษ์ โดยการระเบิดของภูเขาไฟยักษ์นี้ สามารถทำให้เกิดฝนเพลิงไหลไปทั่วอาณาเขตพันไมล์รอบ ๆ ภูเขาไฟได้ และยังส่งผลให้ภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงไปทั่วโลก เช่น ทำให้อากาศมีอุณหภูมิต่ำลง จากการที่เถ้าภูเขาไฟฟุ้งกระจายออกมาปกคลุมชั้นบรรยากาศ ซึ่งกรณีเช่นนี้เป็นแสน ๆ ปีถึงจะปรากฎสักครั้ง แต่อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ได้ระบุว่า ภูเขาไฟในอุทยานแห่งชาติเยลโล สโตน ประเทศสหรัฐอเมริกา มีแนวโน้มจะปะทุในอีกไม่นานนี้

3. การระเบิดของภูเขาแทมโบรา (Mount Tambora) บนเกาะซัมบาวา (Sumbawa) ในประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 12 เมษายน ค.ศ.1815 (พ.ศ.2358) เป็นการระเบิดของภูเขาไฟครั้งรุนแรงที่สุดในโลก โดยคร่าชีวิตผู้คนไปเกือบ 1 แสนคน ซึ่งตามรายงานของ U.S. Geological Survey ระบุไว้ว่า ประเทศอินโดนีเซียนั้น เป็นประเทศที่มีเคยเกิดภูเขาไฟระเบิดมากที่สุดในประวัติศาสตร์ คือทั้งหมดรวม 76 ครั้ง

4. ส่วนใหญ่แล้วภูเขาไฟมักเกิดขึ้นบริเวณใกล้กับรอยต่อของแผ่นเปลือกโลก และแผ่นทวีป แต่ก็ยังมีภูเขาไฟอีกประเภท ที่เกิดขึ้นจากแมกมาไหลลงไปรวมตัวกันใต้พื้นโลก ซึ่งเรียกว่า "Hot Spot" เช่น ภูเขาไฟยักษ์ในอุทยานแห่งชาติเยลโล สโตน ประเทศสหรัฐอเมริกา

5. ประเทศไอซ์แลนด์ เป็นประเทศที่ได้ชื่อว่า ดินแดนแห่งไฟและน้ำแข็ง เพราะด้วยสภาพภูมิศาสตร์ของประเทศที่ตั้งอยู่บนส่วนยอดของแนวสันภูเขาไฟ ที่จมอยู่กลางมหาสมุทรแอตแลนติก และล่าสุดก็ได้เกิดการระเบิดของภูเขาไฟเอยาฟจาลาโยคูลล์ (Eyjafjallajokull) ขึ้น ซึ่งความรุนแรงของการระเบิดครั้งนี้ เทียบเท่าได้กับการระเบิดของภูเขาไฟสแคปตาร์ (Mount Skaptar) ในปี ค.ศ.1783 (พ.ศ.2326) ที่ได้ทำลายพื้นที่ทำการเกษตร และพื้นที่การทำประมงของประเทศไอซ์แลนด์ไปเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะข้าวยากหมากแพง จนคร่าชีวิตชาวไอซ์แลนด์ไปถึง 1 ใน 5 ของประเทศ

6. หน่วยสำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐอเมริกา ระบุว่า การระเบิดของภูเขาไฟพินาตูโบ (Pinatubo) ในประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อปี ค.ศ.1991 (พ.ศ.2534) ถือเป็นการระเบิดของภูเขาไฟครั้งที่เลวร้ายที่สุด เพราะได้ปลดปล่อยก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ออกมาสู่ชั้นบรรยากาศของโลกมากถึง 22 ล้านตัน ซึ่งทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกลดลงอย่างน้อย 0.5 องศาเซลเซียส

7. ภูเขาไฟสามารถขยายขนาดได้ เพราะมีการสะสมของลาวา และเถ้าถ่านจากภูเขาไฟ ที่ทำให้ผิวของภูเขาไฟหนาและสูงขึ้น และนี่ก็คือลักษณะการเกิดของภูเขาแบบหนึ่งนั่นเอง

8. ภูเขาไฟสามารถดับสูญได้ ถ้านักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่า ภูเขาไฟลูกนั้นจะไม่สามารถปะทุขึ้นมาได้อีก ก็จะถูกกำหนดให้เป็นภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว แต่หากเป็นภูเขาไฟที่ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ในตอนนี้ แต่ยังมีแนวโน้มที่จะปะทุขึ้นมาได้อีกในอนาคต จะเรียกว่า ภูเขาไฟที่สงบนิ่งอยู่

9. ภูเขาไฟที่มีการระเบิดอย่างรุนแรง สามารถทำให้ปากปล่องภูเขาไฟพังทลายลงได้ จนเกิดเป็นหลุมรูปชามขนาดใหญ่ ซึ่งเรียกว่า แคลเดร่า (Caldera)

10. ภูเขาเมานา โลอา (Mauna Loa) ในฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีความสูงถึง 13,000 ฟุตจากระดับน้ำทะเล ทั้งนี้เกาะฮาวายถือเป็นเกาะที่เกิดจากการรวมตัวกันของภูเขาไฟถึง 5 ลูก

11. ภูเขาไฟสามารถทำให้ดวงอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้า มีหลากหลายสีสัน อย่างเช่น การระเบิดของภูเขาไฟคาซาโตชิ (Kasatochi) ในอลาสกา เมื่อปี ค.ศ 2008 (พ.ศ.2551) คนทั่วโลกต่างให้ความสนใจกับแสงสีส้มในยามดวงอาทิตย์ตก และมีเลื่อมปะการังหลากสีสะท้อนออกมาที่ดูแปลกตา ซึ่งปรากฎการณ์นี้เกิดจากอนุภาคขนาดเล็กของเถ้าถ่านภูเขาไฟที่ลอยปะปนอยู่ในชั้นบรรยากาศ ไปทำให้รังสีของดวงอาทิตย์หักเห และสะท้อนแสงสีสันสวยงามออกมา



ข้อมูลจาก //www.kapook.com



Create Date : 19 เมษายน 2553
Last Update : 19 เมษายน 2553 21:43:32 น.
Counter : 806 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Caffein Dog
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]



Group Blog
เมษายน 2553

 
 
 
 
1
2
3
4
5
7
8
9
11
12
13
14
15
16
17
18
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
19 เมษายน 2553
All Blog