งานแต่งงานแบบ"มุสลิม"

ชาวมุสลิม (ผู้นับถือศาสนาอิสลาม) ถือว่าการแต่งงาน หรือเรียกกันตามภาษามุสลิมว่า "พิธีนิกาห" เป็นความสัมพันธ์ระหว่างชายกับหญิง เป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์มีความสูงส่งเหนือสัตว์โลกอื่นๆ และเชื่อว่าความผูกพันระหว่างชายหญิงเป็นความผูกพันกันด้วยชีวิต เพราะต่างก็เปรียบเหมือนวงกลมที่ถูกแบ่งเป็นสองส่วนและแยกจากกัน แต่ อัลลอฮ สุบหฯ บันดาลให้มาบรรจบกันจนกลายเป็นวงกลมที่สมบูรณ์ ทั้งนี้ หากชายหญิงคู่ใดไม่ปฏิบัติ ก็ถือว่าผิดต่อหลักศาสนาและจะไม่เป็นที่ยอมรับของสังคมมุสลิม

สำหรับเรื่องของการแต่งงานหรือประกอบพิธี "นิกาห" นั้น ได้แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ...

1. การแต่งงานตามบทบัญญัติของศานา
2. การแต่งงานตามประเพณีที่ปฏิบัติกัน

ที่ต้องแบ่งเพราะ 2 ประเภท มีความแตกต่างกันอย่างมาก เพราะการแต่งของชาวมุสลิมบางคนผสมผสานวัฒนธรรมชุมชนเข้าไป เช่น การแห่เจ้าสาวเข้ามัสยิดโดยมีต้นกล้วยต้นอ้อยนำหน้าขบวน หรือการมีขนมหวานอย่างการแต่งงานแบบไทยนั้น เป็นการแต่งงานแบบของมุสลิมที่ไม่ใช่อิสลาม เพราะการแต่งงานแบบอิสลามนั้นเป็นบทบัญญัติมากกว่า 1,400 ปี และห้ามเสริมเติมแต่งหลักการที่มีอยู่เป็นอย่างอื่น

หลักการแต่งงานของอิสลามมีเงื่อนไขหลักอยู่ 5 ข้อปฏิบัติ ซึ่งถ้าชายหญิงปฏิบัติเพียง 5 ข้อนี้ได้ ก็จะได้ชื่อว่าได้แต่งงานกันอย่างถูกต้อง เป็นสามีภรรยาตามหลักของอิสลามแล้ว ส่วนการจดทะเบียนสมรสนั้นเป็นเรื่องของสังคมและกฎหมายที่เข้ามาเป็นองค์ประกอบเท่านั้น

เงื่อนไขหลัก 5 ข้อปฏิบัติ คือ...

1. ทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวต้องเป็นมุสลิม
2. "วะลีย์" (ผู้ปกครองของเจ้าสาว) ซึ่งต้องเป็นผู้ปกครองทางด้านเชื้อสายและเป็นผู้ที่ไม่สามารถแต่งงานกับเจ้าสาวได้ หมายถึงคุณพ่อของเจ้าสาว พี่ชายแท้ๆ ญาติสนิทแท้ๆ
3. พยาน 2 คน ต้องเป็นผู้ชายที่มีคุณธรรม คือเป็นผู้ที่เคร่งศาสนา เช่น ผู้ที่ทำละหมาดวันละ 5 ครั้ง
4. คำเสนอของ "วะลีย์" และคำสนองของเจ้าบ่าว
5. เจ้าบ่าวจะต้องมอบสินสอดให้แก่พ่อแม่ฝ่ายหญิง

คำสอนก่อนแต่งงาน

ก่อนทำพิธีนิกาห โต๊ะครู อาจารย์ บาบอ อุซตาซ ซึ่งเป็นชื่อเรียกผู้รู้ตามหลักศาสนาอิสลามที่แตกต่างกันไปตามพื้นที่ สถานที่ จะเป็นผู้ที่ทำพิธีนิกะหให้ ในหลักการของศาสนาอิสลามไม่ได้ระบุชัดเจนว่าต้องทำที่ไหน ใครสะดวกที่ไหนก็ทำที่นั่น

ข้อห้าม

สิ่งที่อิสลามห้ามใครทำและเป็นโทษมหันต์ คือ การเชื่อถือโชคลาง เพราะเป็นเรื่องผิดหลักศาสนาอย่างไม่ควรให้อภัย คนอิสลามจะแต่งงานกันเมื่อไรก็ได้ ยิ่งแต่งงานกันในวันที่คนอื่นไม่แต่งยิ่งดีเพราะเป็นการพิสูจน์ว่าเราไม่เชื่อเรื่องฤกษ์ยาม อีกประการหนึ่งที่ชาวมุสลิมบางพื้นที่อาจลืมก็คือ การแต่งงานของอิสลามจะไม่มีการแห่ใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าเห็นมุสลิมแต่งงานแล้วมีการแห่ นั่นคือการแต่งงานของมุสลิมที่ไม่ใช้อิสลาม

รักกันแต่ต่างศาสนา

อิสลามไม่อนุญาตให้คู่รักต่างศาสนาแต่งงานกัน แต่ถ้ารักกันจริงๆ ต้องเข้าไปเป็นอิสลามก่อน โดยการเรียนรู้ศาสนาให้เข้าใจถึงหลักของอิสลามโดยถ่องแท้จากผู้รู้ เพราะไม่อย่างนั้นจะไม่เข้าสู่เงื่อนไข 5 ข้อของการแต่งงานตามหลักอิสลาม และถ้าเจ้าสาวนับถือศาสนาอื่นก่อนมารับถือศาสนาอิสลาม หรือคนในครอบครัวยังคงนับถือศาสนาเดิมอยู่ ก่อนการแต่งงานจะต้องแต่งตั้งผู้อื่นให้ทำหน้าที่ผู้ปกครองแทน ผู้แทนอาจเป็นครูที่สอนศาสนาให้ก็ได้ หรือเป็นผู้รู้ที่เคารพนับถือก็ได้






รายละเอียดของการนิกาหตามหลักอิสลาม

ประเพณีการแต่งงานในศาสนาอิสลามเริ่มจากการสู่ขอ โดยมีเงื่อนไขว่าต้องสู่ขอสตรีที่สามารถแต่งงานได้ด้วยเท่านั้น หมายถึงหญิงที่ไม่ได้อยู่ระหว่าง อิดดะฮ (อยู่ในช่วงสามเดือนแรกของการหย่าร้าง) หรือหญิงสามีตาย (ซึ่งต้องรอจนครบสี่เดือนกับสิบวันเสียก่อนจึงจะสู่ขอได้) เมื่อฝ่ายหญิงตอบตกลงและกำหนด “มะฮัร” คือเงินที่ฝ่ายชายมอบให้ฝ่ายหญิง (ตามที่ฝ่ายหญิงเรียกร้องและเงินนั้นจะเป็นสิทธิ์ของฝ่ายหญิงแต่เพียงผู้เดียว) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ต้องหาวันแต่งงานตามสะดวก วันแต่งงานเจ้าบ่าวจะต้องยกของหมั้นหรือมะฮัรมาที่บ้านเจ้าสาว หรือนัดวะลีย์และพยานทั้งสองฝ่ายไปเจอกันที่มัสยิดก็ได้

คำกล่าวที่ใช้ในพิธีนิกาห

คำเสนอของวะลีย์ คือ คำกล่าวของผู้ปกครองฝ่ายเจ้าสาวเพื่อให้เจ้าบ่าวยอมรับการแต่งงานครั้งนี้ มีหลักใหญ่ใจความว่า "ฉันนิกาฮท่าน (ชื่อเจ้าบ่าว) กับลูกสาว (ชื่อเจ้าสาว) ด้วยมะฮัรที่ตกลงกันไว้"

เมื่อวะลีย์กล่าวคำเสนอจบแล้ว เจ้าบ่าวต้องกล่าวคำสนองว่า "ผมรับการนิกาหกับนางสาว (ชื่อเจ้าสาว) ด้วยมะฮัรตามที่ตกลงไว้"

หลังจากนั้นจะมีการอ่านคัมภีร์อัลกรุอาน (บทที่ว่าด้วยการครองเรือน) ให้บ่าวสาวฟัง เพียงแค่นี้ก็เสร็จสมบูรณ์

การเลี้ยงฉลองการแต่งงาน

หลังแต่งงานสามารถจัดงานเลี้ยงฉลองได้ เรียกว่า "วะลีมะฮ" ซึ่งจัดเลี้ยงที่บ้าน สโมสร หรือโรงแรมก็ได้ตามสะดวก การเลี้ยงฉลองอาจไม่ต้องทำในวันเดียวกับวันนิกาหก็ได้ แต่การเลี้ยงฉลองนั้นต้องไม่เกิน 2 วัน เพราะอิสลามเคร่งครัดในเรื่องของงานเลี้ยงที่ฟุ่มเฟือย โดยมีคำกล่าวไว้ว่า "งานเลี้ยงที่เลวที่สุดคืองานเลี้ยงพิธีนิกาหและเลี้ยงเฉพาะคนรวย" เพราะศาสนาอิสลามเชื่อว่าทุกคนเท่าเทียมกันไม่มีการแบ่งชั้นวรรณะ

เกร็ดเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับอิสลาม

มุสลิมใหม่เรียกว่า มุอัลลัฟ

เมื่อเปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลามแล้ว ไปงานศพได้ แต่ห้ามร่วมพิธี

อิสลามไม่ใช่เพียงการนับถือ แต่คือการปฏิบัติทุกอย่างในชีวิต

มุสลิมที่ดีนอกจากไม่รับประทานหมู ก็ต้องไม่ดื่มเหล้าและทำละหมาด 5 เวลา มีกิริยาวาจาเรียบร้อย ไม่ล่วงละเมิดจับมือหญิงสาว

สตรีที่ดีที่สุดคือสตรีที่เรียกมะฮัร (จากฝ่ายชาย) น้อยที่สุด

หลังแต่งงาน "มะฮัร" จะเป็นของผู้หญิงครึ่งหนึ่งก่อน จนกว่าจะได้อยู่ด้วยกันโดยพฤตินัยแล้วจึงเป็นของฝ่ายหญิงทั้งหมด แต่หากหลังพิธีแต่งงานแล้วคู่บ่าวสาวมิได้มีความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยากันจริงๆ มะฮัรก็จะตกเป็นของผู้หญิงเพียงครึ่งเดียว





ข้อมูลจาก //www.kapook.com



Create Date : 28 ธันวาคม 2552
Last Update : 28 ธันวาคม 2552 19:56:47 น.
Counter : 828 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Caffein Dog
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]



Group Blog
ธันวาคม 2552

 
 
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
29
30
31
 
 
All Blog