ขอบคุณค่ะที่เข้ามาอ่าน^_^
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2552
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
21 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 
สู่แดนกระจกเงา 3

คำตอบคือพี่เต้ยละเมอ แล้วเลาซานมันมาเจอ เลยลากพี่เต้ยมานอนที่หน้าห้องมัน แทนที่จะลากเค้าขึ้นเตียงพี่หนิง

ก็หัวเราะ แซวพี่เต้ยกันไป เมาแล้วอย่างนี้ทุกที ชอบทำอะไรแล้วไม่รู้สึกตัว

คิดถึงช่วงเวลาเหล่านั้นจัง

เวลาที่แสนจะบริสุทธิ์ใจ รู้สึกจริงใจต่อกันจริงๆ

พอคิดถึงปัจจุบัน และเรื่องร้ายๆระหว่างเรากับเลาซาน เราก็เสียใจทุกครั้ง

เรายังมองไม่เห็นวันข้างหน้าของเรา 2 คนเลย ว่าจะเป็นยังไงต่อไป

ไม่กล้าที่จะฝากความหวังที่เค้า แค่เค้ายังคุยกับเราสม่ำเสมอ คิดถึงกันบ้างนั้น มันก็ดีที่สุดแล้วที่เค้าจะให้เราได้

เฮ้อ....................คิดถึงวันคืนเก่าๆที่ไม่มีวันกลับมา

วันต่อมา เราก็อยู่กับเลาซานทั้งวัน เค้าคอยตามเราตลอด เค้าพาเราไปดอยกาดผี สูงมากๆ เราอยู่ด้วยกัน 2 คนบนนั้น ถ้าโลกนี้มีแค่เราสองคนก็ดีสิ

แต่เราก็ต้องลงไปอยู่ดี

แต่เราก็เหมือนคนสองใจเวลานั้น เราก็ชอบพี่เต้ยด้วยเหมือนกัน

แต่ความรู้สึกกับเลาซานเราก็มี มันเป็นความรู้สึกที่เราจับต้องได้ รู้สึกเราเป็นเจ้าของ แต่กับพี่เต้ย มันไกลไป มันเกินที่จะไขว้คว้า

สุดท้าย เราก็เลือกเลาซาน

เพราะคิดว่าเค้ารักเรา และเราก็พอจะรักเค้าอยู่

ตอนที่กลับมาที่กระจกเงา เลาซานตามเรามากขึ้นๆ จนเราชักจะอึดอัด เราแอบไปถ่ายรูปชาวนาเกี่ยวข้าวที่ทุ่งนาตอนเย็นๆกัน แล้วก็ไปติดฝนที่ตลาด

แอบหนีเลาซานไป

กลับมา ก็พบว่าทุกคนไปรวมตัวที่ห้องครัว ออฟฟิทบ้านนอกทีวี เสียงใครคุ้นๆดังมาก









เราก็ถามพี่เต้ย ใครเสียงดังจัง

เลาซานนี่หว่า เมาด้วย

ใครเอาเหล้าให้มันกินนี่

พี่หม่อมก็เฮ้ยยย กูไม่คิดว่าจะแดกเยอะขนาดนี้ พี่เต้ยหงุดหงิดมาก ไม่ให้เราสนใจ นั่งกินข้าวไป เลาซานร้องไห้ กอดพี่อุ๋มอิ๋ม เค้าไม่สนใจผมเลย

ตอนนั้นก็ได้แต่อึ้ง เฮ้ย เค้ารักกูขนาดนี้เลยเหรอ

กินข้าวก็ไม่ลง

ทุกคนช่วยกันลากเลาซานไปนอน

เราก็แยกย้ายไปอาบน้ำ

เค้ากลับมาหาเราอีก คราวนี้ไม่เมาแล้ว แต่เรากลัวเค้าซะแล้ว ไม่ค่อยอยากคุยด้วย คิดว่ากลับกรุงเทพ ทุกอย่างก็จบ

เรายังอยู่กระจกเงาต่ออีก 2-3 วัน ช่วงนั้นเลาซานตามเราตลอด เดินตามต้อยๆ หงุดหงิดที่เราไม่สนใจ

เค้าถามเราว่ารักเค้าบ้างรึเปล่า

ช่างเหมือนคำถามของเราตอนนี้เหลือเกิน

เราก็ตอบไปว่าเรารู้สึกดีๆนะ เรายังไม่แน่ใจว่าเป็นความรักรึเปล่า มันต้องใช้เวลา

ตอนนี้เค้าก็บอกกับเรามันมีแต่ความผูกพัน

เฮ้อ....กลับกันว่ะ


จนเรากลับมาอุดร แปลก เราคิดถึงเลาซานมาก เลาซานก็โทรหาเราเสมอ ทุกวันๆ เราคุยกันทั้งทางโทรศัพท์ ทางเอ็มมาตลอด






จนเราตัดสินใจขึ้นไปกระจกเงาอีกครั้งพอปิดเทอม

เป็นการตัดสินใจที่ผิดรึเปล่านะ

คิดถึงเลาซานจัง

คิดถึงจริงๆ


กลับมาเรียนต่อที่กรุงเทพ เลาซานก็ยังคงโทรหาเราสม่ำเสมอ เราเริ่มชินกับการที่เค้าโทรมา วันไหนไม่โทรมาก็รู้สึกงอน แต่เค้าก็โทรแทบทุกวันแหละ บวกกับการคุยเอ็มด้วย

ระหว่างที่คบกันทางไกลอย่างนี้

เราก็หวั่นใจกับอนาคต ว่าเรา 2 คนนั้นแตกต่างกัน คบกันไปคงไม่รอด มันเป็นไปไม่ได้ เลาซานเป็นคนชาวเขา การศึกษาน้อย เราจะอยู่ด้วยกันได้ยังไง เราคิดไปไกลสารพัด คิดไปถึงการแต่งงาน การอยู่ด้วยกัน พิธีแต่งงาน โครตประสาท จะจัดพิธีแบบบ้านเค้าหรือบ้านเราดี แล้วทางญาติฝ่ายเรา พ่อแม่เราไม่ดูถูกเค้าแย่เหรอ

สารพัดที่จะคิดไป

คราวนี้ ก็คิดจะเลิกกับเค้าแล้ว

ก็เมลไปบอกเลิก

คิดว่า คงจบง่ายๆไม่มีอะไร

ปล่าวเลย

เลาซานโทรมาเสียงเมามาก เราก็รู้แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น เค้าเสียงดังเขียนอะไรมาๆ หมายความว่ายังไง

เราอยู่บนรถเมล เค้าตัดสายไป ก่อนตัดสายก็บอกเค้าไม่อยู่แล้ว เราก็เฮ้ยยย

ก็วุ่นวายโทรเข้าศูนย์ ถามกับพี่หม่อม พี่หม่อมก็บอกเลาซานเมามากๆ อยู่ๆก็เดินถือขวดเหล้าขาวมานั่งกินกับพวกพี่ จากนั้นก็เมาชิบหาย หัวกระแทกกับแคร่ไม้จนแยกออกจากกันเลย ลากเข้าห้องน้ำอ้วกแตก นอนไปเรียบร้อยแล้ว

เราก็เฮ้อ.....เราผิดเอง เราบอกเลิกเค้า ไม่นึกว่าจะรุนแรงปานนี้ พี่หม่อมก็บอก ค่อยๆพูดค่อยๆจากัน ใจเย็นๆ เลาซานมันก็ยังเด็กมาก



เราก็สับสน เป็นห่วงก็เป็นห่วง แต่ทำไมมันบ้าคลั่งรักเราจังเลยว่ะ

จากเหตุการณ์วันนั้น เรามารู้ทีหลังว่าเค้าขับรถไปตกข้างทางด้วย โอ้ย เลาซานเอ๊ย ดีนะ ไม่เป็นอะไรมาก

ต่อมาเราก็โอเค ดีกัน เราจะเข้มแข็งกว่านี้ เดี๋ยวเราก็เจอกันตอนเราปิดเทอมแล้ว

เราก็เชื๊อ...เชื่อ ทีนี่ว่าเค้ารักเราจริงๆ รักเราเหลือเกิน เราคบคนนี้ เราไม่มีทางเสียใจแน่ๆ เพราะเราคบคนที่เค้ารักเรา

หารู้ไม่ ว่าเรานั้นแหละ ที่รักเค้ามากกว่าซะอีก

พอปิดเทอม เราก็ไปกระจกเงา เลาซานก็มารับ

เราคิดถึงกันจริงๆแหละ ตัวติดกันเป็นตังเม จนถูกจับตามอง

เค้าก็แสดงออกว่ารักแหลือเกิน ดูแล เทคแคร์ เปิดตัวว่าเป็นแฟนกับเราเต็มที่

ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันเดือนกว่าๆ เรามีความสุขมากๆ และได้เสียตัวครั้งแรกซะด้วย

ไม่น่าเร้ยยยยยย ไม่น่าเลย ไม่น่าอ่อนไหวไปกับเค้าเลย ยอมเค้าง่ายเกินไป สุดท้ายก็ต้องมาเสียใจทีหลังแบบนี้

เพราะพอเค้าได้เราแล้ว ทุกอย่างก็ค่อยๆเปลี่ยนไป มันก็ไม่ถึงกับเปลี่ยนซะทีเดียว

มันค่อยๆเปลี่ยน

และเราก็รักเค้ามากขึ้นทุกวันๆ ในขณะที่เค้าลดลงทุกทีๆ

มารู้สึกตัวอีกที เราก็เป็นฝ่ายที่ทุ่มเทอยู่ฝ่ายเดียว

ยอมเค้าทุกอย่าง ให้เค้าทุกอย่าง อย่างง่ายดาย

และเชื่อที่เค้าพูดทุกอย่าง ติดอยู่กับสัญญาของเค้า คิดว่าเราต้องรักษาคำพูด เค้าจะไม่ทอดทิ้งเรา

มองโลกในแง่ดีเกิน เอ๊าะเอ๊ยยยยย

ทุกๆอย่างไม่สวยหรู งดงามขนาดนั้น

เรายังขึ้นไปบ้านเค้าทุกๆ 2 เดือนครั้ง และได้เจอกันตอนเค้ามากรุงเทพ มาติดต่อเรื่องไปไต้หวัน เค้าก็อยู่กับเราตลอด อยู่หอบ้าง เช่าโรงแรมบ้าง


วันที่เค้าไปไต้หวัน เหมือนโลกมันสลาย

หมดแรง ร้องไห้จนเหนื่อย ไม่มีเค้าอีกแล้ว จากนี้ไป เค้าจะไปอยู่ในทีไกลแสนไกล ไกลเกินไป

ทรมานกับการรอ ความหวังลมๆแล้งๆ โหยหาเค้าเหลือเกิน

จนไปคว้าอะไรมาไม่รู้พักหนึ่ง แย่มากๆ ไม่อยากเอ่ยถึง ทุเรศเกินไป ช่างเถอะนะ

แต่เลาซานก็ยังโทรมาหา แรกๆไปโทรไม่บ่อยเพราะยังไม่มีมือถือ พอมีมือถือเราก็คุยกันง่ายขึ้น ก็ดีขึ้นมาหน่อย

แต่ก็ยังเหงาอยู่ดี

ก็อยู่แบบนี้มาตลอด เครียดเหมือนกัน ที่เอาชีวิตไปรอใครคนหนึ่ง

ตั้งใจกับตัวเองจะไม่รอปล่าวๆ จะไม่ปิดตัวเอง แต่ก็ไม่เคยคบใครจริงๆจัง เพราะยังรักเลาซานอยู่มาก

กำลังจะเริ่มต้นกับพี่เกียรติก็จบลงเพียงเพราะได้คุยกับเลาซาน

แต่เค้าก็มีคนอื่นอยู่ดี ระหว่างที่อยู่ไต้หวัน เค้ามีคนอื่น ที่เรารู้เพราะผู้หญิงโทรมา

เรื่องนี้พูดบ่อยแล้ว แต่เราเจอ 2 ครั้งก่อนเค้าจะกลับ ครั้งแรกโทรเชกเรา ครั้งที่ 2 ให้เลาซานมาบอกเลิกเรา เลาซานก็ทำ

เราโครตเสียใจ นอนไม่หลับทั้งคืน

เค้าก็โทรมาขอโทษ

ก็ใจอ่อน เพราะรักเค้ามากไป เลยให้อภัย โดยที่ไม่แอะใจเลย ว่าต้องเจอเรื่องแบบนี้ไม่รู้กี่คั้งต่อกี่ครั้ง


ทำไมต้องรักเค้าขนาดนั้นหว่า กู

เพราะเค้าหน้าตาดีเหรอ

เพราะเค้าเป็นผู้ชายคนแรก เป็นแฟนคนแรก

ตัดไม่เคยขาดเลย







เราอยากจะย้อนเวลากลับในช่วงเวลาที่เราเพิ่งรู้จักที่สุด

แต่มันเป็นไปไม่ได้ และเค้าก็ไม่มีทางที่จะรักเราเหมือนเดิม ที่เหลือๆอยู่ก็แค่ความผูกพันชนิด ความรู้จัก เคยรู้จัก เคยได้คุย ได้ผ่านเรื่องราวต่างๆมาด้วยกัน ทั้งร้องไห้ หัวเราะ ลำบาก เห็นแก่ตัว หนีปัญหา เย็นชาใส่กัน ต่างก็เจอก็เห็นกันหมดแล้ว

ครั้งหนึ่ง เค้าก็เคยรักเรา

ครั้งหนึ่งก็เคยเกลียดเรา รำคาญ

และหลายครั้งที่นอกใจ

ทั้งที่รู้เอง ทั้งที่ผู้หญิงมาบอก และที่ไม่รู้ก็คงเยอะแยะ

เออเนอะ ก็ยังไม่เลิกไปสักที โทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง

อะไรคือสิ่งที่เราต้องทำต่อไปนี้

ปล่อยเค้า เค้าจะทำอะไรก็เป็นเรื่องของเค้า สิทธิ์ของเค้า เราไม่มีสิทธิ์อะไรเลยที่จะไปบอก ไปห้าม ไปสั่ง ไปเตือน เค้ามีชีวิตของเค้า มีทางเลือกของเค้า

เราก็เช่นกัน

ถ้าเรารักเค้าจริง เราก็ต้องกล้าปล่อยให้เค้าเลือกในสิ่งที่เค้าต้องการ ไม่ว่ามันจะผิดหรือถูก มันจะดีหรือเลว

อย่างน้อย เค้าก็ได้เลือกด้วยตัวเค้าเอง


โอ้ยยย....ปวดท้อง โรคกระเพาะแหงๆ

เบื่อ แค่ไม่กินข้าวเช้าเท่านั้นเอง

วันนี้จะขุดอะไรขึ้นมาเขียนดีน่า เรื่องราวเก่าๆ ที่คิดทีไรก็ยิ้มได้ทุกที


เมื่อคืนก็ไปส่งโทรศัพท์ให้แม่เลาซานมา เลาซานโทรมากลับ คุยกันนิดๆหน่อยๆ แต่ก็รู้สึกดีนะ






คิดถึงเหมือนกัน แต่ไม่กล้าหวังมากหรอก ผิดหวังแล้วไม่คุ้มกัน

เออเนอะ แต่ก่อนเลาซานก็รักทรหดพอสมควรเหมือนกัน

เลาซานมีภาระกิจที่ต้องออกมาหยอดเหรียญตู้โทรศัพท์ โทรหาเรา ทุกๆวัน ตอนเย็นบ้าง 1 ทุ่ม ไม่เกิน 2 ทุ่ม ฝนตกก็ต้องใส่เสื้อกันฝนออกมาโทรหาเราอีก

เราก็ไม่ได้ขอขนาดนั้น แต่พอไม่โทรกูก็งอน คุยโทรศัพท์กันบ้าง คุยเอ็มกันบ้าง ผ่านกระทู้ hilltribe กันบ้าง คุยกันในกระทู้ โครตจะอ้วก น้ำเน่ามาก

อดีตก็คืออดีตละหว้า

มันผ่านมาแล้ว และจะไม่ไหลย้อนกลับ พูดเหมือนคอนเซ็ปผ้าอนามัยเลย









ทุกวันนี้เรื่องของเรามันคืออะไรกันนะ เราก็ไม่แน่ใจ

เพราะอะไรก็เปลี่บยแปลงไปได้ตลอดเวลา

เรานี่ก็เด็กแสนเด็ก คิดถึงแต่รักแท้ ความจริงใจ เชื่อว่าเราจะไม่ทำร้ายกัน ไม่เคยคิดถึงการเลิกกันจริงๆจังๆเลย

เพราะส่วนใหญ่ที่เราบอกเลิกเลาซาน ส่วนใหญ่จะมาจากปัญหาเล็กๆน้อยๆมากกว่า เช่นเราน้อยใจ น้อยใจที่เค้าก็โทรหาเราน้อยลง เราคุยกันน้อยลง ห่างกัน เพราะพอเราเป็นแฟนเค้าจริงๆจังๆแล้ว เค้ากลับสนใจเราน้อยลง ได้กูแล้วก็เปลี่ยนไป

อะไรๆที่เคยเต็มที่ มันก็ลดลง

เราอยู่ตั้งกรุงเทพ ก็น้อยใจ ก็บอกเลิกไป แต่ไม่เคยเลิกสำเร็จ เค้าง้อเราได้ทุกครั้ง

เจอกันแต่ละครั้งก็มีแต่ทะเลาะกัน โดยเฉพาะตอนอยู่กรุงเทพ ลำบาก พาเค้าไปนั้นไปนี่ ตะลอนๆไปทั่ว

แถมเค้ายังไปเจออีพี่ทิพย์อะไรนั้นอีก

เลาซานที่แท้จริง คือคนเจ้าสำราญ จีบคนไว้เยอะ หยอดไปเรื่อย เพื่อนมาก สังคมก็มาก

แต่อะไรทำให้เราเชื่อจัง ว่าเค้ารักเราจริงๆ และเรานี่แหละ จะเป้นคนที่เค้าจะแต่งงานด้วย

ชีวิตนี้ ไปขอใครเค้าแต่งงานมาแล้วมั้งนะ เลาซาน

ช่วงที่เค้าอยู่ไต้หวัน แรกๆเราก็ทรมาน แต่มันก็ค่อยๆเบาลง และเราก็เรียนรู้ที่จะปรับตัว แต่ภาพในหัวเรา มันมีแต่ความหวังและความฝัน

ไม่มีคืนไหนที่ไม่คิดถึง

เราจะสมมติทุกครั้งก่อนนอน ว่าเค้ากลับมา เราจะไปรับเค้าที่สนามบิน เราจะไปบ้านเค้าด้วยกัน และเค้าจะไปหาพ่อเรา เพื่อคุยเรื่องของเรา เราจะมีการแต่งงานเกิดขึ้น ทำมาหากินด้วยกัน เราจะมีลูกด้วยกัน เราจะมีชีวิตคู่ด้วยกัน

ฝันก่อนนอนแบบนี้ทุกคืน ทุกคืนจริงๆให้ตาย

คิดดูละกัน ตั้ง 3 ปี เพ้อฝันไม่เผื่อใจเร้ยยยย โง่ว่ะ

ในที่สุดวันของการเลิกลาก็มาถึง

เลาซานกลับมาตั้งแต่ต้นเดือนสิงหา 51 เรายังทำงานที่กสิกรอยู่เลย

วันที่เค้ากลับมา เราดีใจมาก แต่..........ดูเค้าไม่ดีใจมากมายอะไร เฉยๆ แต่ก็ดูคิดถึงกันบ้างอยู่

เรารู้สึกว่า เค้ากำลังคิดอะไร




แต่เค้าก็บอกไม่มีอะไร

เรานอนกอดกัน คุยกัน คุยถึงการใช้ชีวิตของเค้าที่นั้น เค้าจะทำยังไงต่อไปหลังจากนี้ เราไม่อยากให้เค้าไปอีกรอบ เรากลัวเค้าจะนอกใจเราอีก

เค้าก็นิ่งไป บอกเราอ้อมๆว่าชีวิตเราไม่เหมือนกันเลย ไม่เห็นเหรอ

เราต้องมาอยู่หลบๆซ่อนๆแบบนี้ หลบพ่อหลบแม่เรา

ยากที่จะเค้าจะมาเท่าเทียมเราได้ พ่อแม่ที่ไหนจะมายอมรับคนอย่างเค้าได้ คิดว่ามันง่ายนักหรือไง

เราก็...เอ๊ะ แล้วยังไง แล้วจะเลิกกันอย่างนั้นใช่มั้ย

เค้าก็เงียบไป ก่อนที่จะกอดเราอีกครั้ง ก็บอกแต่ว่าตอนนี้เค้ายังอยู่กับเราอยู่ อย่าคิดมากเลย

ใครมันจะไม่คิดมาก ก็คิดสิ

ไปเชกโทรศัพท์ ก็ยังติดต่อกับผู้หญิงที่ไต้หวัน

เราเก็บคำถามไว้ในใจ แต่ต้องเคียร์แน่ๆ

เราไปเชียงรายบ้านเค้าด้วยกัน

เฮ้อ.........เค้าก็ดูไม่สนใจเราอยู่ดี

การกระทำของเค้ามันแปลกไป

เค้าไม่จับมือเราเวลาเราเดินด้วยกันอย่างเคย เค้าไม่จูงเราข้ามถนน เค้าไม่ระวังรถให้เรา เค้าไม่เคยเทคแคร์เราเลยเวลาเราอยู่กันข้างนอก

เค้ารังเกียจเรางั้นเหรอ หรืออายที่มีเราเป็นแฟน

อายที่เราไม่สวยพอสำหรับเค้าเหรอ

หรือว่าอะไรกันแน่

เราไปเชียงรายด้วยความขัดแย้งกัน

เพราะเราไปซื้อตั๋วมาแค่ 2 ใบ ไม่ได้ซื้อเผื่อพี่ชาย ก็พี่ชายไม่บอกสักทีว่าจะมาด้วยกัน เราก็จองแค่ 2 ใบสิ เลาซานก็ว่าเราทำไปโดยพละการไม่ปรึกษา

เราก็โมโห เราสู้อุตสาห์นั่งรถมาซื้อตั๋ว จะได้ไม่ลำบาก กลับมาว่าเราอีก ก็โกรธ




เค้าก็ไม่ได้ง้อเราเท่าไรเลย

ไปถึงเชียงราย แรกๆก็ดี

วันแรกเค้ายังเทคแคร์เราดีอยู่ คืนที่สองเริ่มแปลกๆ คืนที่สามนี่ดีขึ้นมานิดหนึ่ง

ทุกๆอย่างมันก็ค่อยแสดงออกมา

เค้าเริ่มไม่อยากจะนอนกอดเรา นอนใครนอนมัน เราโกรธหลายครั้งแต่ก็ไม่ได้ง้อ

เราต้องกลับมากรุงเทพก่อน

ทุกอย่างก็ยิ่งชัดเจน

เค้าไม่โทรหาเราเลย เงียบไปเป็นวันๆ

เค้ามากรุงเทพแต่ละครั้ง ก็มีแต่ทำเรื่องไปนอกโดยไม่บอกเราสักคำ แถมยังเอาน้องสาวมาให้เราดูแล แล้วตัวเองก็รีบกลับเชียงรายทันทีพอตัวเองเสร็จธุระ

เราก็ เอ................แปลกๆ

เริ่มคิดมาก

แถมเค้าจะไปนอก

ความสัมพันธ์ก็สุดจะห่างเหิน

ก็ปรึกษาเพื่อน ก็คิดว่าเลิกกันดีกว่า เพราะเค้าไปเค้าต้องมีผู้หญิงอยู่ดี

ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าเค้าก็มีอีกคนที่เชียงราย

บอกเลิกเค้าไป เค้าก็ยอมเลิกอย่าง่ายดาย

เราก็เอ๊ะ ทำไมมันง่ายขนาดนี่



Create Date : 21 ตุลาคม 2552
Last Update : 21 ตุลาคม 2552 12:59:35 น. 0 comments
Counter : 395 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

คุโระโกะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add คุโระโกะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.