. . Vietnam วันที่สอง P e r f u m e P a g o d a เจดีย์หอม ตอนที่ 2 . . .
*** คำเตือน *** คราวนี้รูปค่อนข้างจะเยอะ เพราะเจ็งลี่ตัดใจเลือกรูปไม่ได้ เลยขนๆ มาลงเสียเยอะเลย ขอโทษคนหลงเข้ามาอ่านด้วยนะคะ ^^
ต่อจาก ตอนที่แล้ว
เมื่อพวกเราลงไปถึงในถ้ำแล้ว ก็ยืนอึ้งๆ งงๆ อยู่นิดหนึ่งเพราะในถ้ำนั้นมีแต่พระและพระ พระพุทธรูปนะคะ ทำให้เห็นว่าความศรัทธาในพระพุทธศาสนาของคนเวียดนามนี่มากจริงๆ เจ๊คนที่รถเราไปแวะรับตอนขามานั่นก็เหมือนกันค่ะ เจ๊มาที่นี่เพื่อจะขอพรพระที่นี่ บรรยากาศชวนให้ทำตัวเป็นคนเรียบร้อยขึ้นมาในบัดดลค่ะ ดูขลังๆ อย่างไรบอกไม่ถูก ลองดูบรรยากาศเอาเองนะคะ ไม่ใช่เฉพาะชาวต่างชาติที่แวะเวียนมาที่นี่ แต่ชาวเวียดนามหลายคนก็พากันมาสักการบูชาพระที่นี่ด้วยเช่นกัน คล้ายๆ กับวัดในไทยหลายแห่งที่เต็มไปด้วยศรัทธาของพุทธศาสนิกชน แต่แปลกที่วัดที่คนนิยมแถวนี้ไม่ยักจะมีสิ่งก่อสร้างประเภทพวกโบสถ์ใหญ่ที่สุดในโลก ขันน้ำมนต์ใหญ่ที่สุดในโลก ธูปยักษ์ที่สุดในโลก เหมือนแถวประเทศเพื่อนบ้านเขาเนอะ มีแต่ศรัทธากันล้วนๆ
ลงมาปุ๊บเจอปั๊บ
ตัดใจเลือกรูปไม่ค่อยได้ ลำบากคนดูหน่อยนะคะ ^^"
อยู่ในถ้ำไหว้พระกันสักพัก ตอนที่ไกด์อธิบายนั้นไม่ได้ตั้งใจฟังเท่าไหร่ เพราะแสบตาแสบจมูกกับธูปเหลือเกินค่ะ เลยเดินวนๆ สักพัก ไกด์ก็บอกให้เราเตรียมขึ้นกันได้แล้ว เดี๋ยวจะได้ไปทานอาหารกลางวันกัน(เสียที มื้อนี้บ่ายโมงครึ่งค่ะ) ตกไปนิดว่าตอนขาที่เราขึ้นมากับเคเบิ้ลคาร์ เราได้เจอกับพี่คนหนึ่งที่เป็นคนมาเลเซีย แต่ทำงานที่ปตท.ของไทยเรา พี่แกทักเราก่อนค่ะ น้องๆ เป็นคนไทยหรือเปล่า (กรุณาอ่านออกเสียงสำเนียงจีนหน่อยๆ) เราก็ตกใจ เพราะตอนนั้นเราแอบนินทาไกด์ว่าสาวหรือไม่สาวกันอยู่เต็มที่ แต่พี่แกน่ารักค่ะ ชวนคุย แล้วก็ได้คุยกับเจ๊คนเวียดนามคนนั้นด้วย แล้วเราก็พากันปีนขึ้นมาจากถ้ำค่ะ โอ้ย คุณขา แทบจะตายด่าวดิ้นลงตรงบันไดของทางขึ้นนั่นเองค่ะ เหนื่อยไม่รู้จะบอกว่าเหนื่อยอย่างไร มีคนจอดพักเป็นระยะๆ ทางชันน้อยที่ไหนละคะ แล้วก็สูงใช่ย่อยด้วย ความลำบากมันยังไม่หมดแค่นั้นหรอกค่ะ ด้วยความที่เหนื่อยจัดกลัวชีวีจะหาไม่บนเขาแล้ว เราเลยเลือกที่จะนั่งเคเบิ้ลคาร์กลับลงมา สรุปเสียเงินกันทั้งขึ้นทั้งล่องกันทั้งสามนางละค่ะ ระหว่างทางเรายังได้รับน้ำใจจากเจ๊เวียดนามใจงามคนนั้น แบ่งส้มที่หิ้วมาไหว้พระให้เราคนละลูก น่ารักดีไหมละคะ จะว่าไปนะคะ น้ำใจคนเวียดนามนี่เยอะนะคะ น่ารักกันทั้งนั้นด้วย
หลังมื้อกลางวันผ่านไป เรารวมกันกลุ่มใหญ่ เพราะพี่มาเลเซีย 2 และเจ๊เวียดหนึ่ง เราเลยกลายเป็นวงข้าว 6 คนนั่งโจ้ข้าวกันสนุกเสียจนกับไม่เหลือกันเลยทีเดียวค่ะ อิ่มจากของคาวของหวานก็มีส้มของเจ๊นั่นแหละค่ะล้างปาก ส้มเวียดนามอร่อยจริงๆ นะคะ เสร็จสิ้นจากกระบวนการอาหารแล้ว เจ็งลี่ก็ขอตัวเพื่อนๆ ไปเดินเล่นละค่ะ เพราะเล็งแล้วว่าตรงโน้นมีต้นลั่นทม ขอเรียกลั่นทมเถอะนะคะเคยปาก ไม่ค่อยจะชอบเรียกลีลาวดีสักเท่าไหร่ ไม่รู้จะหาว่าโศกไปทำไม ทั้งๆที่ชื่อต้นๆ เขาออกจะเพราะทั้งความหมายก็ดี แล้วจะนอกเรื่องไปหาลั่นทมทำไมละเนี่ยนังเจ็งฯ ตีมือๆ ลากกลับเข้าเรื่องค่ะ แค่นี้ก็โม้ยาวแล้ว จากต้นลั่นทม และมองเห็นประตูออกแนวจีนๆ ด้วยความซนก็เดินเข้าไปส่องแหละค่ะ ปรากฏว่าเป็นวัดจีน วัดนี้เจ็งลี่ติดใจมากเลยค่ะ อุตส่าห์รีบเดินกลับมาบอกเพื่อนๆ ว่าไปถ่ายรูปตรงโน้นกันเหอะ แต่คุณไกด์บอกว่าก็เป็นวัดที่ตั้งใจจะให้แวะชมกันอยู่แล้ว อ้าว นึกว่าวัดอื่นเสียอีกนะเนี่ย ไม่เป็นไรถือว่าเจ็งลี่ไปสำรวจก่อนชาวบ้านเขาแล้วกันนะ เราเดินไปกับพี่ปตท.มาเลย์คนนั้น พี่แกให้ความรู้เรื่องพวกวัดจีนนี่เก่งกว่าพี่ไกด์อีกค่ะ เราก็ฟังเพลิน แล้วแอบเรียกแกว่าพี่ไกด์เถื่อน อิอิ เจ็งลี่ถ่ายรูปที่วัดนี้มาหลายมุมค่ะ เห็นแล้วมันชอบนี่คะ
เหล่ตรงนี้ไว้ค่ะ
ขึ้นบันได เจอลั่นทมแสนสวย
เงยหน้าจากลั่นทมเจอด้านใน
ประตูสวยดี
เข้ามาเจอหลวงพี่
หันกลับมาดูอีกที
พี่มาเลย์ใจดีน่ารัก (เสื้อดำ)
เพื่อนร่วมกลุ่มทัวร์กำลังสนใจวัด
มีแอบไม่เข้าพวกด้วยอย่างหนึ่ง
ชมวัดกันเสร็จ ก็ถึงเวลาที่เราจะกลับแล้วค่ะ ต้องเดินลงเขาน้อยๆ ไปขึ้นเรือกันค่ะ คนเรือรอเราอยู่แล้ว ขากลับนี่บรรยากาศต่างจากขามาค่ะ เพราะอากาศเย็นแล้ว และเสียงพูดคุยของเราก็น้อยลงกว่าเดิม เพราะพลังงานโดนละลายหายไปเกือบหมดแล้ว แทบจะหลับบนเรือกันได้ทีเดียวค่ะ ไม่นานนักเรือก็พาเรามาถึงท่า มีเรื่องให้เสียวตอนขึ้นอีกแล้ว เรือมันโคลง ฮือออ ขึ้นมายืนบนบกได้ค่อยรู้สึกชีวิตมันมั่นคงขึ้นมาหน่อย ไม่นานเราก็เดินตามไกด์ของเราไปขึ้นรถ พอขึ้นรถได้เท่านั้นและค่ะ เหมือนปิดสวิทช์เครื่องใช้ไฟฟ้าเลย หลับค่ะหลับ หลับเอาแรงกันทันที ไว้ตื่นแล้วจะมาพาเที่ยวต่อนะคะ ^^
ลาแล้วเจดีย์หอม
Create Date : 03 ธันวาคม 2549 |
|
9 comments |
Last Update : 4 ธันวาคม 2549 0:05:32 น. |
Counter : 918 Pageviews. |
|
|
|
เจ๊เล่าเร็วดีเนอะ .. หนูสิผ่านไปสองตอนยังไม่กินข้าวกลางวันเลย แง๊