Sanctuary........... The state of being protected or safeguarded, as from danger or hardship
Group Blog
 
 
กันยายน 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
28 กันยายน 2553
 
All Blogs
 
เชิงพาณิชย์ (ตอนสุดท้าย )









คาบแรกของวันนี้ฉันสอนอังกฤษเพื่อการท่องเที่ยวให้เด็ก ปวส. ฉันสั่งให้นักเรียนแบ่งกลุ่มและแต่งบทสนทนาเกี่ยวกับการต่อรองซื้อขายผลไม้ในตลาด โดยกำหนดโจทย์เป็น ทุเรียน King of Thai fruit ระหว่างที่รอฉันก็คอยเดินไปดูในแต่ละกลุ่ม ชี้ให้เห็นตัวสะกดที่ผิด และตอบคำถามอื่นๆที่มีคนยกมือถาม



“นักเรียนคะ....นี่คอมโน๊ตบุ๊คของใครเอ่ย...เอาไว้ใกล้ๆตัวสิคะเดี๋ยวจะเผลอลืมเวลาเปลี่ยนห้องเรียน....”
ฉันกล่าวเตือน พร้อมกับนึกขึ้นมาได้ว่านักเรียนที่นี่ส่วนใหญ่เป็นพวกกู้เงินเรียนตามนโยบายของรัฐที่สนับสนุนให้เด็กยากจนได้มีโอกาสเท่าเทียมทางการศึกษา แต่ทว่าทำไมพวกเขาหลายคน ต่างก็มีคอมพิวเตอร์หูหิ้วซึ่งราคาค่อนข้างแพง พกพาไปที่ต่างๆกันอย่างทั่วถึง.....อ้อ... talking dictionary เครื่องราวห้าถึงหกพันบาท ก็รวมอยู่ในความสงสัยนี้ของฉันด้วย


“จารย์หญิง....ขอกลุ่มหนูก่อนนะ” มิส ยู เอส เอ ขันอาสา ( น่ารักที่สุด)


เสียงตบมือดังลั่นห้องหลังจากการแสดงบทสนทนาของกลุ่มแรกจบลง ฉันติเล็กน้อยในเรื่องของการออกเสียงเอส ( S ) มากเกินไป ทั้งที่คำนั้นลงท้ายด้วยตัวสะกดอื่นๆ จากนั้นขณะที่กลุ่มที่สองกำลังจะทำ role play ก็มีเสียงเคาะที่ประตู




“อาจารย์คะ เดี๋ยวอาจารย์หวานจะขอสังเกตวิธีการสอนเพื่อนำไปประเมินการทดลองงานนะคะ”
“เชิญค่ะอาจารย์.....” ฉันตอบพร้อมๆกับส่งยิ้ม รู้อยู่แก่ใจว่าต้องมีวันนี้เพียงแต่แปลกใจว่านี่คือการทำงานในวันที่สามเท่านั้น....ทำไมด่วนประเมินจัง



เวลา ๒ ชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว นักเรียนให้ความร่วมมือดีมาก พวกเขาตั้งใจฟังและจดทุกอย่างที่ฉันสอน อีกทั้งคอยยกมือถามศัพท์เป็นระยะ โดยเฉพาะอุษา ที่คอยส่งยิ้มเป็นกำลังใจให้ฉันตลอด


“ขอบคุณค่ะจารย์หญิง....อ้อ....อย่าลืมเรื่องเปลี่ยนสีผมดำนะคะ” อาจารย์หวานมากระซิบทิ้งท้ายก่อนหมดคาบ


ฉันลงไปห้องพักครูโดยใช้บันได ระหว่างทางเจอหมวยซึ่งเลิกสอนจากคลาสโทเฟลพอดี ฉันเลยเอ่ยปากปรึกษาเรื่องโดนสั่งให้เปลี่ยนสีผม หมวยส่งเสียงอุทานอย่างดัง แสดงความไม่เห็นด้วย และคิดแบบเดียวกับฉันว่า.....สีผม...ไม่เกี่ยวกับการทำงาน

“อย่ามายุ่งกับหัวหนูแล้วกัน....ไม่งั้นโวยแน่” หมวยน้อยลั่นวาจา


ฉันวางเอกสารบทสนทนาที่เด็ก ปวส. ทำไว้บนโต๊ะ แล้วหยิบหนังสืออังกฤษพยาบาลเตรียมตัวขึ้นไปสอนนักเรียน ปวช.ต่อ คาบนี้หมวยว่างเธอจึงลงไปหาของกินที่โรงอาหาร



“สวัสดีค่ะนักเรียน เจอกันครั้งที่สองแล้วนะ ทุกคนหยิบหนังสือขึ้นมาด่วนค่ะ วันนี้จะเริ่มใช้หนังสือแล้ว.....อ้อ...ถามนิดหนึ่งมีใครที่รู้สึกว่าภาษาอังกฤษน่าเบื่อบ้างยกมือให้ดูหน่อยสิ” จริงใจอย่างที่สุด อวัยวะที่มนุษย์ใช้หยิบจับสิ่งของถูกยกขึ้นสูงเกือบ๒ ใน ๓ จากทั้งหมด



ฉันพยายามหาแรงจูงใจในการอยากเรียนด้วยการเขียน curry puff ลงไปบนกระดาน แล้วบอกว่ามันคือคำเดียวกับกะหรี่ปั๊บ อาหารทานเล่นที่คนไทยรู้จักกันมาช้านาน....ได้ผลพอสมควร ฉันเห็นหลายคนทำหน้าตาแปลกใจ จากนั้นฉันจึงเผด็จศึกต่อด้วยการถามพวกเขาว่า ใครรู้บ้างทำไมเราจึงเรียกพนักงานเก็บเงินว่า....บ๋อย..นักเรียนส่วนมากสั่นหัว ขณะที่บางคนเริ่มอมยิ้มรอฟังคำตอบ





“ที่จริงแล้ว waiter คือศัพท์ภาษาอังกฤษที่ใช้เรียกพนักงานเสริฟ์ แต่บังเอิญคนไทยสมัยก่อนไปได้ยินฝรั่งเรียกพนักงานผู้ชายในร้านอาหารว่า boy….boy….ทำให้เกิดความเข้าใจผิด คิดว่า...บอย..หรือ...บ๋อย...ใช้เรียกคนมาเก็บเงิน” ผ่าง....งงง....มุขนี้ตัดขั้วหัวใจตามคาด หลายคนปล่อยหัวเราะก๊าก ขณะที่บางคนเริ่มจด ๆ สิ่งที่ฉันบอกลงสมุด



ในที่สุดฉันก็เริ่มเรียกความสนใจจากนักเรียนพาณิชย์ได้ ฉันค่อยๆเสริมสร้างกำลังใจแบบตรงไปตรงมากับพวกเขาว่า ปัจจุบันภาษาอังกฤษสำคัญมากสำหรับการทำงานและโรงเรียนนานาชาติที่เด็กไทยมีฐานะดีเข้าเรียนนั้น ก็สร้างคนที่เก่งอังกฤษออกมามากมาย การเกิดมายากจนเป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ บางคนต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยก็ขอให้อดทน หากเราตั้งใจเรียนและผ่านช่วงนี้ไปได้ โอกาสที่จะออกไปแข่งขันกับคนอื่น เพื่อให้ได้งานที่ดี มีอนาคตก็สามารถเป็นจริง....ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเรา



หลังสอนคาบนี้จบ นักเรียนกลุ่มหนึ่งอาสาถือแบบฝึกหัดของทุกคนในห้องตามมาส่งให้ฉันถึงห้องพักครู ระหว่างที่เดินผ่านโต๊ะหมวย ฉันสังเกตเห็นเอกสารแบบประเมินการทำงานครูวางอยู่บนโต๊ะของเธอ ที่น่าตกใจมากก็คือ เป็นลายมือของฉัน เป็นเอกสารของฉันที่ใช้ประเมินตนเอง!!!!!









“หมวย....ทำไมทำแบบนี้ล่ะ” หมวยเงยหน้าขึ้นยิ้ม พักมือจากการ...ลอก...แบบประเมินของฉันลงในแบบประเมินของตนเอง
“เขาให้ประเมินตัวเองนะ จะให้คะแนนเท่าไหร่ จะเขียนเพิ่มเติมอะไรก็บรรยายไป ทำไมมาหยิบของจากโต๊ะพี่ไปลอก...”
“ก็หนูกับพี่เป็นเด็กใหม่....เห็นพี่เขียนตอบเสร็จเรียบร้อยหนูก็สงสัยน่ะสิว่าพี่เอาอะไรมาวัดคะแนนตัวเอง....พี่น่ะเก่งนะ...กรอกดีเชียว” เธอจีบปากจีบคอโต้ตอบ พร้อมยิ้มแบบไม่รู้สึกผิด



ป่วยการที่จะอธิบาย ฉันเดินไปคว้าเอกสารของตัวเองมาส่งไว้ที่โต๊ะหัวหน้าหมวด จากนั้นเดินลงไปโรงอาหารพร้อมๆกับนักเรียนที่ช่วยถือของ ขณะเดินก็รู้สึกได้ถึงกองไฟกองมหึมาที่สุมอยู่ในใจ



หลังอิ่มจากกระเพราไก่ไข่ดาว ช่วงบ่ายฉันถือหนังสือทุกวิชาติดตัวตลอดและระหว่างคาบไม่แวะเข้าไปห้องพักครูอีกเลย ระหว่างสอนสมาธิฉันพร่องมาก เพราะมัวแต่เฝ้าถามตัวเองว่า....ฉันมาทำอะไรที่นี่....หลังจากฟังรายงานนวัตกรรมเป็นครั้งแรกจบและนาฬิกาบอกเวลาหกโมงสิบห้านาที ฉันรีบกลับไปโต๊ะ กวาดทุกอย่างลงกระเป๋าสะพายแล้วขอร้องตัวเองว่าช่วยไปให้พ้นจากที่นี่โดยเร็วที่สุด ทั้งๆที่เวลานั้นทุกคนในห้องกลับไปหมดแล้วตามเวลาเลิกงานสี่โมงเย็น



สามอาทิตย์ผ่านไปไวเหมือนโกหก ชีวิตครูของฉันยังคงลุ่มๆ ดอนๆไปเรื่อยๆ ฉันเป็นหนึ่งเดียวของหมวดที่คะแนนสอบยังทำไม่เสร็จเพราะช่างยังไม่แก้คอมที่โต๊ะ ทุกเย็นวันพุธและศุกร์เข้าฟังเรื่องนวัตกรรมและเป็นคนสุดท้ายในหมวดที่เลิกงาน ฉันยังคงพูดคุยกับบรูสและหมวยบ้าง....แบบตามสมควร



“เฮ๊ย...ยย...เจ๊ไปเปลี่ยนสีผมทำไม...”หมวยส่งเสียงดังทัก ซึ่งหลังจากเกิดเหตุคัดสำเนาแบบไร้มารยาทในวันนั้น ฉันเริ่มสัมผัสได้ขึ้นเรื่อยๆว่า เธอชอบส่งเสียงดังมากๆเรียกร้องความสนใจ


“ไม่อยากทำตัวเป็น.....คนมีปัญหา” ฉันเน้นเสียงที่ประโยคหลังพร้อมเบี่ยงตัวเพื่อเดินไปที่โต๊ะ
“โธ่...เรื่องขี้หมาแค่นี้พี่ก็หงอ...สั่งอะไรก็สั่งเหอะหมวยไม่เห็นจะแคร์....เออ...ตอนเที่ยงต้องไปชั้น ๕ ด้วยกันนะ ข้างบนโทรมาบอกว่าจะให้เราเซ็นสัญญาจ้างงาน.....”



“เซ็นสัญญา” จะดีใจหรือเสียใจดีนะเรา สิ่งนี้มิใช่หรือที่ทำให้ฉันอดทนได้กับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในบ้านทรายทองแห่งนี้



มีเสียงฝรั่งพูดคุยกันดังเข้ามาในห้อง บรูสเดินมาพร้อมๆกับฝรั่งแปลกหน้าผลใหญ่มากหนึ่งลูก หัวหน้าหมวดตามมาเป็นคนสุดท้าย ทั้ง ๓ คนหยุดยืนหน้ากระดานไว๊ทบอร์ด โน๊ตกล่าวแนะนำตัว...มิสเตอร์เบอร์นาร์ด...ครูฝรั่งคนใหม่ที่จะมาทำงานแทนแมรี่ ซึ่งลาออกไปเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว สิ้นเสียงตบมือต้อนรับแต่ละคนที่อยู่ภายในห้อง ณ. เวลานั้นต่างผลัดกันแนะนำตัวเอง.....ขณะที่ฉันกำลังจะอ้าปากแนะนำตัวเป็นคนสุดท้าย...ก็มีเสียงหนึ่งแทรกขึ้น











“ Well……Bernard…I will introduce her for you…She is Miss arrogant” บรูสถือวิสาสะแนะนำกับเบอร์นาร์ดว่าฉันชื่อ อัล- เลอ- แก้น....a-r-r-o-g-a-n-t...ที่แปลเป็นไทยว่า...หยิ่ง


“ Really???คุณชื่อ...หยิ่ง...จริงหรือ...ยินดีที่รู้จักครับ” เบอร์นาร์ดทักทายฉันด้วยภาษาบ้านเขา



ทุกคนภายในห้องเงียบกันหมด บ้างกระซิบถามกันว่าทำไมบรูสจิกกัดฉันแบบนั้น ส่วนตัวฉันเองก็ตกใจมาก แอบกัดริมฝีปากเพื่อกลั้นไม่ให้น้ำตาไหลออกมาด้วยความโกรธ


“สักครู่นี้เป็นการล้อเล่นค่ะเบอร์นาร์ด....ฉันชื่อหญิงค่ะ ..หญิงหมายถึง woman ในภาษาของคุณ”

ฉันเดินเข้าไปจับมือเบอร์นาร์ดพร้อมกับยิ้มให้อย่างเป็นมิตร แอบรู้สึกสงสารเขาที่ตกเป็นเครื่องมือของคนเลวๆแบบไอ้เหม่งโดยไม่รู้ตัว.....โน๊ตคงตำหนิมันเรื่องแต๊ะอั๋งฉันแล้วกระมังถึงแก้แค้นฉันกลับด้วยวิธีนี้


เมื่อทุกอย่างสงบแต่ละคนก็ต่างเตรียมเอกสารเพื่อจะไปสอน ฉันเห็นหมวยเดินไปจับแขนบรูส พูดอะไรกัน ๒- ๓ ประโยค มองมาที่ฉัน แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะเบาๆ




“อ้าว...สวัสดีค่ะอาจารย์ตรงเวลาดีจริง....อุ๊ย...ผมสีดำแล้วด้วยดูดีเชียว...จารย์หวานขอบคุณนะคะที่ให้ความร่วมมือกับโรงเรียน....อ้อ....อาจารย์หมวยล่ะค่ะ”
“พอดีดิฉันสอนชั้น ๕ อยู่แล้ว เห็นว่าใกล้เที่ยงสอนเสร็จก็เลยแวะมาที่นี่เลยค่ะ...ไม่ได้ลงไปห้องพักครู” ฉันตอบอาจารย์หวาน ทั้งที่ตามจริงคาบเมื่อสักครู่ฉันสอนห้องติดกันกับห้องพักครู
“ไม่เป็นไรค่ะ....เพราะสัญญาคนละฉบับอยู่แล้ว....นี่ค่ะสัญญาการจ้างงาน ทางผู้บริหารพอใจในการทำงานของอาจารย์ จึงยกเว้นให้ไม่ต้องทดลองงานจนถึง ๓ เดือนอย่างที่ตกลงไว้แต่แรก”




ฉันกล่าวขอบคุณอาจารย์หวาน ยื่นมือไปรับเอกสารมาอ่านอย่างละเอียด ทุกอย่าง..ตรง..ตามที่ได้คุยกันไว้ในวันสัมภาษณ์ยกเว้นเพียงสิ่งเดียว......สิ่งที่แสนจะสำคัญ



“อาจารยหวานคะ ทำไมในสัญญาระบุว่าจะแบ่งจ่ายเงินเดือนเป็น ๒ งวด คือสิ้นเดือนจ่ายครึ่งหนึ่งก่อน ส่วนอีกครึ่งที่เหลือจ่ายวันที่ ๑๕ ของเดือนถัดไปล่ะค่ะ....”
“อ้าว.....โอ๊ย...ตายล่ะลืมไป...วันสัมภาษณ์มัวแต่โฟกัสเรื่องอื่นเลยไม่ทันได้บอก....แต่เจ้าหน้าที่ทุกคนก็แบ่งจ่ายแบบนี้หมดนะคะจารย์...คนเก่าคนใหม่เหมือนกันหมด...คงไม่เป็นไร...ใช่มั๊ยคะ”





TRICKY!!!!! ฉันแอบด่าในใจ มิน่าล่ะบริหารงานแบบขอไปทีมากกว่าเน้นคุณภาพ โรงเรียนถึงต้องลงประกาศรับสมัครบุคลากรใหม่ๆ ทางอินเตอร์เน็ตแบบรายวัน ปล่อยให้ทำงานก่อนแล้วถึงบอกว่าแบ่งจ่ายเงินเป็น ๒ งวดในภายหลัง ไม่ทำตามสัญญาการจ้างงานผ่านเอเย่นต์ของครูฝรั่ง แถมปล่อยเงินกู้ยืมเรียนของรัฐให้นักเรียนซื้อคอมพิวเตอร์พกพาแล้วกินค่าคอมมิสชั่นแบบงามๆ ทั้งหมดนี้กระมังที่เรียกกันว่า....พาณิชย์



“เซ็นไปเถอะค่ะอาจารย์ เนี่ย....วันก่อนหวานคุยกับเด็ก ปวส. เขาบอกว่าชอบที่จารย์สอนนะ เห็นว่ามีเทคนิคใหม่ๆ แล้วก็ศัพท์แปลกๆเพิ่มเติมจากในหนังสือ พวกนี้มันเลยไม่ค่อยเบื่อ ...เอ่อ...โทษนะจารย์...แล้วที่เป็นหวัดนี่ค่อยยังชั่วยังคะ....”




ฉันขยับผ้าปิดปากสีเขียวที่เพิ่งสวมก่อนขึ้นมาชั้น ๕ ให้แนบกับหน้ามากขึ้น พลางจ้องตาอาจารย์หวานที่กำลังพูด...พูด...และพูด วันพฤหัสที่แล้วฉันสอบย่อยเก็บคะแนนนักเรียนปวช. ทั้งหมดที่ตัวเองรับผิดชอบ ฉันเรียกเด็กนักเรียนมาที่โต๊ะเพื่อสนทนาภาษาอังกฤษแบบตัวต่อตัว ฟังสำเนียงการพูดทีละคน ทีละคน และให้ข้อเสนอแนะในการออกเสียงกับนักเรียนทั้งสิ้นเกือบ ๒๐๐ เป็นผลให้เมื่อกลับไปบ้านก็รู้สึกเหมือนไข้ขึ้น ครั่นเนื้อครั่นตัว จนต้องโทรมาลางานเมื่อเช้าวันศุกร์ที่ผ่านมา
“ฮัลโหล อาจารย์หวานคะ นี่ครูหญิงนะคะ จะโทรมาลาป่วยน่ะค่ะ พอดีมีอาการไข้สูงเลยขอลาป่วยหนึ่งวัน จะไปหาหมอค่ะ”
“อะไรเนี่ยอาจารย์ วันก่อนเพิ่งยื่นจดหมายลากิจบอกว่าจะขอไปธุระที่ศาล วันนี้โทรมาลาป่วยอีกแล้ว.....หมายความว่ายังไงกัน”



“หมายความว่ายังไง...หรือคะ” ฉันทวนคำพูดอาจารย์หวานทางโทรศัพท์มือถือ



“ถ้าอาจารย์สงสัยว่าดิฉันโกหก งั้นเดี๋ยวตอนบ่ายพอหมอตรวจเสร็จแล้ว ดิฉันจะส่งแฟกซ์ใบรับรองแพทย์มาให้ดูว่ามารับการรักษาจริงๆเลยดีมั๊ยคะ ไม่ทราบจะให้ส่งที่ห้องหมวดอังกฤษ หรือส่งมาที่ฝ่ายบริหารชั้น ๕ ดี”


จำได้ว่าเวลานั้นฉันพยายามคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติมากที่สุดทั้งที่แสนจะหงุดหงิด ป่วยแทบจะลุกไม่ได้ก็ลากสังขารโทรมาแจ้ง ยังจะโดนพูดจาประชดประชันเหมือนไม่ไว้ใจ

“อาจารย์หญิง...ตกลงหายสนิทหรือยังคะ” เสียงถามซ้ำดึงให้ฉันหลุดออกมาจากบ่วงพรางอันหงุดหงิดเมื่อวันศุกร์ หลุดมา...อยู่กับปัจจุบัน

“ไปโรงพยาบาลตั้งแต่วันศุกร์แล้วค่ะ คุณหมอบอกว่าเป็นไข้ธรรมดาไม่ใช่สายพันธุ์ใหม่ แต่ก็ให้หน้ากากอนามัยมาไว้ใช้สวมเวลาอยู่ในที่สาธารณะ ก็อย่างที่รู้นะคะ..โรงเรียนคือสถานที่อันดับหนึ่งที่ไวรัสตัวนี้ใช้เป็นช่องทางแพร่ระบาด.....”

“อืม....เห็นด้วยนะคะอาจารย์....โรงเรียนเป็นสถานที่เสี่ยงที่มีไวรัสร้ายแพร่ระบาดมากที่สุด.....หากเราใส่หน้ากากในการทำงานหมดทุกคนก็คงดีนะคะ”









และนั่นคือประโยคสุดท้ายที่กระดูกทั่ง ค้อน และโกลนของฉันได้ยินจากปากบางๆของเธอ











ป.ล.

ดูใน file ที่เก็บไว้ เรื่องนี้เขียนตั้งแต่เดือนมีนาคม ๒๕๕๓ อาจดูเหมือนการเขียนแบบไร้สาระ แต่พอมาอ่านทบทวนอีกที ส่วนตัวคิดว่ามีสาระพอสมควรนะ แง่มุมหลายๆอย่างในเรื่องสามารถมาประยุกต์ใช้ได้กับเหตุการณ์ปัจจุบันทั้งสิ้นเลย






counter  :  ศูนย์ก็แล้วกัน




Create Date : 28 กันยายน 2553
Last Update : 28 กันยายน 2553 16:47:12 น. 3 comments
Counter : 1025 Pageviews.

 
อาจจะเป็นเพราะภาษาที่ใช้ยังไม่ดีพอ...ประเด็นไม่ชัดเจน...อะไรอีกมากมายก็แล้วแต่....


ทำให้งานนี้ไม่ได้เข้ารอบจากการส่งประกวดคราวก่อน....ไม่ได้รางวัล






แต่เมื่อเอามาเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต...มีผู้หลักผู้ใหญ่เห็น....นำไปเป็นส่วนประกอบใช้พิจารณาเพื่อพัฒนาแวดวงการศึกษาให้ดีขึ้น.......


เราถือว่างานนี้เราได้ "รางวัลชีวิต"...ในระดับหนึ่งค่ะ









โดย: My_Sanctuary วันที่: 20 ตุลาคม 2553 เวลา:23:05:23 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับพี่หญิง


ดีใจที่พี่กลับมาเปิดเม้นท์แล้วนะครับ








โดย: กะว่าก๋า วันที่: 22 ตุลาคม 2553 เวลา:5:56:04 น.  

 
สวัสดีค่ะน้องก๋า.......





ใช่ค่ะ เพื่งเปิดรับคอมเมนต์


โดย: My_Sanctuary วันที่: 23 ตุลาคม 2553 เวลา:0:00:29 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

My_Sanctuary
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add My_Sanctuary's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.