Sanctuary........... The state of being protected or safeguarded, as from danger or hardship
Group Blog
 
 
กันยายน 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
26 กันยายน 2553
 
All Blogs
 
เชิงพาณิชย์ (ตอนที่ ๕)







ตั้งหนังสือที่แต่เดิมสุมซ้อนกันอยู่ บัดนี้ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย กระดาษเอกสารเก่าๆที่มีสีน้ำตาลกรอบถูกแยกไว้ต่างหากที่ใต้โต๊ะ คอมพิวเตอร์ที่ฉันยังไม่เคยลองเปิดใช้งาน เพราะคิดว่ายังไม่จำเป็น เวลานี้กลับมีหน้าจอเปิดค้างอยู่



“ฝีมือตาบรูส วิลลิส น่ะเจ๊....อิอิอิ..” อ้อยช่วยเฉลย



สิ้นคำน้องอ้อย ตาเหม่งโหลดเดินเข้ามาพอดี เขามาหยุดข้างโต๊ะฉันพร้อมกอดอก ยักคิ้วและยิ้มด้วยท่าทางภูมิใจ ...เอ้อ...แล้วฉันจะทำอย่างไรได้ล่ะ นอกจากกล่าว “ขอบคุณ” ทั้งๆที่ไม่ชอบให้คนอื่นมาก้าวก่ายของส่วนตัวจนเกินไปนัก...โดยเฉพาะ...คนที่เพิ่งรู้จักกันแค่สองวัน




“เช้านี้ฉันว่างๆน่ะเลยช่วยจัดให้ คุณจะได้นั่งทำงานสบายๆมากขึ้น แต่ไม่ได้ทิ้งอะไรไปนะ แค่แยกไว้ให้คุณมาดูเองอีกที คือเราเป็นเพื่อนร่วมงานกัน อะไรที่ฉันช่วยได้ ฉันก็อยากจะช่วย” เหม่ง...เอ๊ย...บรูส พูดอธิบายเสียยืดยาวด้วยภาษาบ้านของเขา



ถึงแม้ไม่พอใจแค่ไหน ก็อย่าได้เผลอนินทาฝรั่งพวกนี้ด้วยภาษาพ่อขุนของหมู่เฮาเด็ดขาด เพราะเอเย่นต์ได้จัดอบรมภาษาไทยเบื้องต้นให้พวกเขาเป็นอย่างดี คำด่า คำแสลง หัวทองเหล่านี้หมดที่สำคัญบางคนอยู่หลายปีจนมีเมียเป็นคนไทย เพราะฉะนั้น อย่าได้เม๊าท์ (ภาษาไทย).....อย่า...แม้แต่จะคิด!!!!!



“ออกเรือนมีภรรยาไทยแล้วนะนั่น ทำมาปรารถนาดีกับสาวๆ”
ยายอ้อยฉลาดขั้นเทพ...เม๊าท์ระยะประชิดด้วยคำยากๆ อย่าง “ออกเรือน” “ภรรยา” หรือ “ปรารถนา” เนี่ย...มันบ่อฮู๊ด๊อก ฉันแอบเห็นเควสชั่นมาร์กซ้อนกันหกอันบนหน้าของบรูส อืม...มันไม่เข้าใจจริงๆด้วยสิ ฮ่า...ฮ่า...ฮ่า...




“ เนือยมาย....ยยยย....นิ๊ด...ดดด”
นั่นไง.....ไม่ทันไรมันหยอดคำหวานแบบไทยๆ ให้กับน้องนิด สาวตัวเล็กที่เพิ่งเดินเข้ามา นิดอายุน้อยสุด และหน้าตาน่ารักที่สุดในห้องพักครูแห่งนี้ ไม่แปลกใจเลยที่บรูสทำเสียงหวานขนาดนั้น




“ แอม โอเค ไม่เหนื่อยหรอก บัท ยู ลุ๊ค เวรี่ แฮ๊ปปี้นะ ดูสดชื่นมากเลย” นิดพูดไทยปนอังกฤษ ซึ่งแสดงถึงความสนิทสนมกันเป็นอย่างดี ฉันได้ยินอ้อยพึมพำว่า “งานเข้าแน่....เหม่งเอ๊ย” เลยพอตีความได้ว่าพวกเขาอาจจะ...กิ๊ก...กันมาก่อน ไม่ได้การล่ะเดี๋ยวนิดจะเข้าใจเราผิด ต่อไปนี้ต้องห่างๆตาเหม่งไว้ ใครจะตีกันก็ตีไป....ป้าไม่เกี่ยวนา



“โอเคครับทุกคน ผมขอเวลาสิบนาทีประชุมย่อยนะ เอาในห้องนี้ล่ะ” หัวหน้าหมวดหนุ่มเดินมา แจ้งให้ครูทุกคนพร้อมประชุม พร้อมแปลเป็นอังกฤษด้วยทุกประโยค เพื่อให้เข้าใจไปในทางเดียวกัน



“ที่เบื้องบนกำชับมา มีอยู่ ๓ เรื่องใหญ่ๆนะครับ.....หนึ่ง ให้อาจารย์หมั่นตรวจเช็คทุกเช้า หากเด็กในปรึกษาคนใดมีไข้ให้คัดแยก จากนั้นส่งตัวไปห้องพยาบาลโดยทันที.....สอง แบบประเมินตนเองที่ฝ่ายบริหารส่งมาให้ตั้งแต่ต้นเทอมส่งผมจันทร์นี้นะครับ.....สาม คะแนนสอบย่อยครั้งที่ ๑ และ ๒ ของนักเรียน มีแค่ผม มาร์ก แมรี่ และ นิดเท่านั้นที่พิมพ์ลงในระบบออนไลน์แล้ว คนที่เหลือช่วยคิดคะแนนแล้วพิมพ์ลงคอมด้วย ส่งภายในสิ้นเดือน....อันนี้สำคัญมาก....ฝ่ายบริหารเบื้องบนบอกว่าฝ่ายประมวลผลฝากทวงมา....”




เกือบลืมไปเลยนะเรา ทั้งๆที่ดูทีวีทุกวันและข่าวแทบทุกช่องก็เน้นว่า ...ไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่กำลังระบาด และสถานศึกษานั้นถูกจัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยง เพราะเป็นที่ซึ่งคนจำนวนมากมาใช้ชีวิตด้วยกัน...เฮ้อ....แจ๊คพ๊อตจริงนะฉัน...หางานทำมาตั้งนานได้เป็นครูช่วงนี้พอดี



“โอเคเท่านี้ล่ะครับทุกคน....อ้อ...พี่หญิงครับ...อาจารย์สุวัฒน์คนที่ลาออกไป แล้วเรารับพี่เข้ามาทำงานแทนนั้น แต่เดิมเขาเป็นคนดูแลโปรเจคเรื่องนวัตกรรม ให้กับนักเรียน ปวช. และ ปวส. ด้วย ตอนนี้เขาไม่อยู่แล้วพี่จึงต้องสานต่องานเดิม โดยเข้าไปฟังนักเรียนรายงานหน้าชั้น รวมถึงให้คอมเมนต์ด้วยนะครับ....ผมลืมบอกไป”



งานเข้าอีกแล้วเรา หัวหน้าหมวดนี่ก็แปลกๆนะ นอกจากแนะนำตัวเองให้ฉันรู้จักด้วยประโยคสั้นๆ เมื่อเช้าวานนี้แล้ว ก็ไม่บอกหรือสอนอะไรอื่นเลย ต้องรอให้ฝ่ายบริหารเรียกไปกำชับถึงค่อยทะยอยบอก...ทีละอย่าง...ทีละอย่าง



“พลี๊ส...สสสส....ด๊อนงง...เจ๊....อยู่ไปสักพักจะเก๊ท” อ้อยกระซิบแบบรู้ใจ



ฉันเริ่มงานสอนภาคบ่ายด้วยความรู้สึกมึนๆหัว อาจจะเป็นเพราะไม่ได้ตื่นเช้าแบบตีสี่ ตีห้ามานานมากแล้วก็เป็นได้ โชคดีที่เด็ก ปวช. ๒/๑ ห้องนี้ค่อนข้างเรียบร้อย ตั้งใจฟัง ไม่พูดคุยโทรศัพท์มือถือหรือ มัวแต่นั่งแต่งหน้า ที่สำคัญจำนวนนักเรียนไม่ค่อยมาก แม้จะสอนต่อเนื่องถึงสองคาบ ก็ยังทำให้ฉันออมแรงไปได้มากโข



“อ้าว....เหลืออีก ๕ นาทีขอครูเช็คชื่อนะคะ...หัวหน้าเอาใบลงบันทึกการสอนกับใบเช็คชื่อมาให้ครูด้วยค่ะ....”
“อุ๊ย....ขอโทษทีค่ะอาจารย์หนูลืมไป...” นักเรียนกล่าวขอโทษ พร้อมยกมือไหว้อย่างน่าเอ็นดู
“นี่ค่ะอาจารย์....วันนี้ขาดตั้ง ๗ คนค่ะ เห็นว่าไม่สบายมีไข้สูง พอดี...แม่...เอ่อ...อาจารย์ที่ปรึกษาโทรไปสอบถามเมื่อเช้านี้ค่ะ.....แล้วอาจารย์ทราบหรือยังคะ เรื่องที่จะต้องเข้าฟังพวกหนูรายงานนวัตกรรม





สมกับได้รับคัดเลือกเป็นหัวหน้าห้อง งามพิศเป็นเด็กที่มีกริยามารยาท แม้จะเรียบร้อยแต่ก็แฝงด้วยความมั่นอกมั่นใจ พูดจาฉะฉาน และพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือ (มากกว่าหัวหน้าหมวดเสียอีก )



“นี่ค่ะอาจารย์ ตารางเวลารายงานเรื่องนวัตกรรม ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเย็นพุธ กับศุกร์ค่ะ อาจารย์เอาไปได้นะคะ หนูทำซีรอกซ์ไว้หลายชุด”
“ขอบใจมากงามพิศ ครูกำลังสงสัยอยู่เชียวค่ะ หนูเป็นคนแรกที่ไขปริศนาเรื่องนี้ให้กับครูเลยนะ ว่าแต่นวัตกรรมที่ว่า....มันเกี่ยวกับอะไรบ้างหรือ???? ”


“เป็นการประดิษฐ์เครื่องมือใหม่ๆ ที่ช่วยผู้ป่วยพัฒนาสมรรถภาพร่างกาย โดยโปรเจคนี้จะต้องอิงพระราชดำรัสเศรษฐกิจพอเพียงค่ะอาจารย์ คือราคาย่อมเยาว์ และ หาใช้ได้ง่าย....ประมาณนี้ค่ะ...”


“เอ่อ....ฟังดูน่าจะเกี่ยวกับวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพมากกว่าภาษาอังกฤษนะคะ แถมครูเพิ่งมาใหม่อีกต่างหาก.....หมายถึง...ครูภาษาอังกฤษไม่น่าจะช่วยอะไรโครงการได้มากน่ะค่ะ”


ที่ถามเด็กแบบนี้ไม่ใช่ว่าฉันขี้เกียจทำงานหรอกนะ แต่ก็ไม่เข้าใจจริงๆว่าเนื้อหาโครงการมันเกี่ยวข้องกันอย่างไร อีกทั้งคำอธิบายจากหัวหน้าหมวดที่ส่งมอบงานต่อให้ฉันทำนั้นมัน....สั้นมาก...เหมือนกับกลัวดอกพิกุลจะร่วง

“พอดีเลยค่ะอาจารย์.....นี่ค่ะแบบสอบถามที่พวกหนูทำเป็นภาษาอังกฤษ อาจารย์ต้องตรวจให้คะแนน เช็คว่ามีตรงใหนผิดบ้าง อาจต้องสั่งให้เอาไปแก้แล้วตรวจใหม่....ทำนองนี้ค่ะ”




ฉันแทบจะน้ำตาร่วงเมื่อฟังเด็กอธิบาย คำว่า..วุฒิภาวะ...ไม่ได้วัดกันที่อายุเท่านั้น นางสาวงามพิศคนนี้เมื่อเติบโตไปอนาคตของเธอคงกว้างไกลไพศาลเป็นแน่แท้....ฟันธง!!!!!!

หมดวันเสียที ในที่สุดก็กลับถึงบ้านด้วยความเหนื่อยอ่อน ทานเข้าเย็น อาบน้ำ ดูละครหลังข่าวจนจบ เพียงแค่๔ ทุ่มเศษ ฉันก็เตรียมพร้อมที่จะเข้านอน....



“ฮัลโหล....ลลลล....เป็นไงบ้างพี่...งานโอเคมั๊ย...”
“ฮัลโหล....เอ๊ย...จุ๊บเหรอดีใจจังว่ะที่โทรมา จุ๊บล่ะเป็นไงบ้าง”
“เบื่อว่ะพี่ สิ้นเดือนนี้โดนอีกแล้ว เห็นบอกว่าไม่มีเงินให้ ขอจ่ายครึ่งเดียว...”
“หา....สี่พันน่ะนะ...จุ๊บจะอยู่ไหวเหรอ....”
“ก็นั่นน่ะสิพี่ ค่ารถไปกลับก็จะสามพันอยู่แล้ว อยากจะร้องไห้ว่ะ”
“พี่พูดตรงๆนะ ที่เขาทำแบบนี้เพราะเขาตั้งใจ...บีบให้ออก....เข้าใจรึปล่าวจุ๊บ”



เพราะเคยได้ทำงานที่บริษัทเดียวกันเป็นเวลานาน ฉันจึงรับรู้สภาพการเงินอันย่ำแย่ของออฟฟิศเก่าเป็นอย่างดียิ่ง เริ่มจากตอนต้นปีมีการจ่ายเงินเดือนช้า ๒ ถึง ๓ วันบ้าง ตัดเงินโอทีบ้าง สุดท้ายก่อนที่ฉันจะลาออกเพราะสุดจะทนนั้น บริษัทค้างจ่ายเงินเดือนฉันถึง ๖ เดือน จากประสบการณ์เก่าทั้งหมดจึงค่อนข้างมั่นใจว่า เรื่องที่จุ๊บเล่ามาเป็นความจงใจคัดคนออก เพื่อให้เหลือจำนวนพนักงานที่พอเหมาะกับรายได้ของบริษัทที่น้อยลง การไม่มีลูกค้ารายใหม่เข้ามาเลยตลอดปีที่ผ่านมาคงทำให้ตำแหน่ง...ธุรการ...หมดความหมาย



“ทำไปก่อนนะพี่หญิง สู้ สู้แล้วกัน พี่โชคดีกว่าหนูตั้งเยอะนะที่ได้งานทำช่วงเศรษฐกิจแบบนี้.....ใหนจะรายได้จากงานพิเศษของพี่อีก....อย่าเพิ่งท้อนะพี่...แค่นี้นะ...วันหลังหนูจะโทรมาใหม่”




ฉันกล่าวขอบใจน้อง พร้อมทั้งเตือนให้รีบๆหางานที่อื่นไปด้วย จุ๊บเป็นเด็กดีมีมารยาท ขยันทำงาน แถมไว้ใจได้เรื่องเงินๆทองๆ ฉันอยากให้คนดีแบบนี้ได้บริษัทที่ดี มีธรรมาภิบาลรับเข้าทำงานเสียจริง วางสายโทรศัพท์เสร็จดันนอนไม่หลับ กว่าจะข่มตาลงได้ก็เกือบตี ๑ เป็นผลให้ตื่นสายในวันรุ่งขึ้น ฉันต้องเสี่ยงตายกอดคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คนั่งมอเตอร์ไซค์วิน ต่อรถเมล์ขึ้นทางด่วน จากนั้นซิ่งมอเตอร์ไซค์ท่ามกลางถนนใหญ่ที่เต็มไปด้วยรถเมล์ เพื่อมาให้ทันตอกบัตรเวลา ๗ โมง ๓๕ นาที....เฮ้อ...ชีวิต







วันนี้บังเอิญตาบรูสมายืนข้างๆ ระหว่างที่รอนักเรียนเข้าแถวเตรียมเคารพธงชาติ เขาชวนคุยเรื่องการระบาดของไข้หวัดสายพันธ์ใหม่ ซึ่งฉันก็ตอบเท่าที่รู้จากการติดตามข่าวทางทีวี


“ยีง....งงง... ยัวร์ แฮร์”


พูดจบปุ๊บ นายเหม่งก็เอานิ้วมือมาจับปอยเส้นผมบ๊อบสั้นของฉันที่บังเอิญติดอยู่ริมฝีปาก แล้วค่อยๆสางออกจนเป็นทรงปกติ ฉันตกใจมากเพราะไม่คิดว่าเขาจะเป็นคน...ถึงเนื้อถึงตัว...ขนาดนี้ ตัวเองมีเพื่อนที่เป็นผู้ชายทั้งไทยและฝรั่งพอสมควร รู้จักกันมานานเกินกว่า ๑๐ ปีบ้าง...เพิ่งรู้จัก ๒ – ๓ ปีบ้าง แต่ไม่เคยเจอผู้ชายเผ่าพันธ์ใหน ทำตัวสนิทสนมไวเท่ากับตาคนนี้เลย


“ไป...ไกล...ไกล...ฉันเกลียดแก” เมื่อตั้งสติได้ฉันก็นึกคำด่านี้ในใจ พร้อมกับเขยิบตัวออกห่าง


ก่อนเข้าสอนคาบแรก ฉันเล่าเรื่องนี้เป็นการส่วนตัวให้หัวหน้าหมวดฟังพร้อมกำชับให้เตือนความประพฤติของบรูสด้วย เขาอาจจะเคยทำแบบนี้กับคนอื่นที่นี่หรือปล่าวฉันไม่ทราบ แต่ห้ามมาทำกับฉัน โดยเฉพาะหน้าเสาธงด้านล่าง ที่มีเด็กนักเรียนสาวๆยืนเข้าแถวอยู่เต็มไปหมด ฉันไม่ชอบโดยส่วนตัว และไม่อยากให้เด็กเห็นแล้วเอาไปพูดในทางที่ไม่ดี


“ไม่มีอะไรหรอกพี่ อย่าคิดมาก” เขาพูดสั้นๆเท่านี้ ยิ้ม แล้วเดินจากไป
ฉันเริ่มได้กลิ่นความยุ่งยากใจเสียแล้ว เพราะนอกจากเรื่อง..แต๊ะอั๋ง...เมื่อเช้า โต๊ะทำงานของเราทั้งสองก็อยู่ติดกัน ทำงานแผนกเดียวกัน ถ้าเรื่องนี้หัวหน้าไม่จัดการพูดคุยตักเตือนให้ ฉันคงไม่มีความสุขตลอดการทำงานที่นี่ทีเดียว


“บอกไปก็เท่านั้นล่ะเจ๊....ไอ้โน๊ตมันไม่รับผิดชอบช่วยเหลืออะไรหรอก....” น้องอ้อยให้ความคิดเห็นตรงๆ หลังจากฉันเล่าเรื่อง...แต๊ะอั๋ง...
“มันไม่ทำอะไรเลยพี่รู้มั๊ย ขนาดข้อสอบโทเฟลมันก็อ้างว่าทำหาย แล้วก็มาขอใช้ชุดเดียวกับที่หนูกับอรช่วยกันทำ หน้าด้านมั๊ยล่ะ!!!! เวลาอยู่กับเรามันก็พูดอีกแบบ เบื้องบนเรียกไปคุยมันก็พูดอีกแบบ....หนูล่ะโคตรเกลียด...”


“มิน่า....เวลาพี่ถามเขาเรื่องคอมโรงเรียนมีปัญหาลงคะแนนไม่ได้...เขาดูหงุดหงิดจัง แถมทำท่าเหมือนมีธุระ จากนั้นก็เดินหนีไปเฉยๆ...เนี่ย..พี่เลยต้องแบกโน๊ตบุ๊คจากบ้านมาใช้เอง”
“มันไม่ได้แกล้งหรอกพี่...ที่มันเดินหนีน่ะเพราะมันไม่รู้จะตอบยังไง....มันไม่เคยทำงานแบบลงลึกด้วยตัวเอง....ที่เป็นหัวหน้าได้ก็เพราะเป็นญาติห่างๆกับคนข้างบน...” อรช่วยอ้อยชี้แจงแถลงไข



ฉันเริ่มเข้าใจอะไรๆมากขึ้น ...วัฒนธรรมองค์กร....คือสิ่งที่ไม่มีจารึกในตำราเรียนเล่มใหนในโลก จนกว่าคุณจะได้สัมผัส...ด้วยตัวคุณเอง








Counter  :  3 Pageviews




Create Date : 26 กันยายน 2553
Last Update : 27 กันยายน 2553 0:12:11 น. 6 comments
Counter : 770 Pageviews.

 
เหลืออีกหนึ่งตอน


โดย: My_Sanctuary วันที่: 27 กันยายน 2553 เวลา:0:15:09 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับพี่หญิง

ที่น่ากลัวไม่ใช่ระบบงาน
แต่เป็นคนนี่ล่ะครับผมว่า









โดย: กะว่าก๋า วันที่: 27 กันยายน 2553 เวลา:6:08:09 น.  

 
สวัสดีค่ะน้องก๋า....



ที่ทำงานคงมีปัญหาแทบทุกที่ค่ะ ไม่เรื่องระบบงาน ก็เรื่องคน ถึงต้องมีฝ่าย human resources....training...อะไรแบบนั้นมัง


โดย: My_Sanctuary วันที่: 27 กันยายน 2553 เวลา:22:04:13 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับพี่หญิง


วันนี้ผมก็อัพบล้อกเรื่องการศึกษาครับ










โดย: กะว่าก๋า วันที่: 28 กันยายน 2553 เวลา:6:04:34 น.  

 
สวัสดีค่ะน้องก๋า....



เดี๋ยวไปอ่านค่ะ


โดย: My_Sanctuary วันที่: 28 กันยายน 2553 เวลา:13:39:42 น.  

 
เป็นครูสอนพิเศษ...ทำงานธนาคาร...
นักเขียน...นักธุรกิจ... หรือแม้กระทั่งขับแท๊กซี่...
เราช่วยให้โลกใบนี้มันดีขึ้นได้ค่ะ ถ้าเรา "แค่" รู้จักตัวเอง...
หน้าที่และบทบาทตัวเอง...ความสนุกสนาน
และ เรื่องบันเทิงมีให้เราได้สัมผัสมากมายบนโลกใบนี้ค่ะ...

.
.
.


เป็นประโยคที่ถูกใจมากเลยครับพี่หญิง
เห็นด้วยครับ

ทุกวันนี้เรามีปัญหา
ก็เพราะคนไม่รู้จักหน้าที่นี่ล่ะครับ
แค่เราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด
ผมว่าเท่านี้เราก็รับผิดชอบกับตัวเองและสังคมอย่างดีที่สุดแล้วครับ




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 28 กันยายน 2553 เวลา:16:09:34 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

My_Sanctuary
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add My_Sanctuary's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.