รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2555
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
26272829 
 
3 กุมภาพันธ์ 2555
 
All Blogs
 

วิธีหา มโน ให้พบ - advance level

ก่อนที่ท่านจะอ่านบทความนี้ ผมขอบอกท่านก่อนว่า บทความนี้ ไม่ใช่สำหรับมือใหม่ที่จะอ่าน
แต่สำหรับผู้ที่ผ่านการภาวนามาอย่างถูกต้อง ถูกทาง ของสติปัฏฐาน 4 โดยใช้อริยสัจจ์ 4 เป็นแม่บทนำทางมาแล้วระยะหนึ่ง ที่นักภาวนาที่ภาวนามาอย่างน้อยต้องแยกจิตออกจากขันธ์ได้บ้างแล้ว ซึ่งก็คือ อาการทีนักภาวนามีความสามารถที่จะเห็นความคิด หรือ เห็นอาการของจิตปรุงแต่งของตนเองได้บ้างแล้ว นี่คือ การต่อยอดสำหรับท่านนักภาวนาครับ

1.ถ้านักภาวนาไม่พบ มโน จะไม่ทางรู้จักสภาวะของสุญญตาได้เลย เพราะ สุญญตา ก็คือ สภาวะที่ มโน ถูกทำลายกลายเป็นความว่างเปล่าไปแล้ว แต่ก่อนที่จะถูกทำลายไป นักภาวนาจะต้องพบมันก่อนครับ ต้องเห็นมันก่อน รู้จักมันก่อน

เมื่อพบแล้ว เห็นแล้ว รู้จักมันแล้ว ต่อมา เห็นว่ามันได้หายไปแล้ว เห็นว่าไม่มีมันอีก นี่แหละครับ นักภาวนาจึงจะพบกับสภาวะแห่งความว่างเปล่า หรือ สุญญตา

นักภาวนาต้องพบมันก่อน อย่าไปข้ามขั้นเลยครับ เพราะท่านจะไม่เข้าใจกลไกจิตของท่านเอง

2.จิต มโน วิญญาณ

ในพระไตรปิฏกได้กล่าวถึง 3 สิ่งไว้ จิต มโน วิญญาณ และ ก็ยากที่จะเข้าใจว่า เจ้า 3 สิ่งนี้คืออะไรหนอ มันต่างกันอย่างไร

ผมจึงขอเสนอจากความเข้าใจของผมที่ผมพบกับกลไกการทำงานของจิตมาเล่าให้ท่านฟัง

2.1 จิต คือ สภาวะแห่งการรูุ้ หรือ สายวัดป่าจะเรียกว่า ตัวผู้รู้ หรือ ตัวรู้
ถ้านักภาวนาได้ภาวนาถึงจนเกิดการแยกตัวออกของจิตได้แล้ว นักภาวนาจะพบกับสภาวะแห่ง
ตัวผู้รูุ้ หรือ ตัวจิต และ สิ่งที่จิตไปรู้เข้า

นักภาวนาจะพบกับอาการแยกตัวจริง ๆ พบกับ ตัวจิต และ สิ่งที่จิตไปรู้เข้าจริง ๆ
ถ้าใครยังไม่พบอาการนี้ ก็ยังไปต่อไม่ได้ครับสำหรับบทความนี้ ท่านต้องฝึกฝนตามกฏ 3 ข้อไปก่อน จนพบกับอาการแยกตัวนี้ก่อน จึงจะไปต่อไปได้ครับ

เมื่อจิตแยกตัวออกมา นักภาวนาจะพบว่า จิตนี้มีเพียง 1 จิตไม่เกิดดับแต่จะปรากฏตัวอยู่เสมอ แต่สิ่งที่เกิดดับ คือ อาการของขันธ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่จิตไปรู้เข้า นักภาวนาจะ.เห็น.ได้อย่างนี้จริง ๆ ถ้ายังไม่เห็น ก็คงแค่คิดเอาเอง ถ้าเห็นได้ครั้งเดียว จะร้องอ๋อทันทีว่า แยกตัวมันเป็นอย่างนี้เอง

2.2 มโน
ตัวนี้ อธิบายได้ยากยิ่ง เพราะ มโน คือ เงาของจิต ครับ
นักภาวนาที่จิตแยกตัวได้แล้ว เขาอาจมองไม่เห็น มโน ในระยะแรก ซึ่งผมจะบอกวิธีสังเกตให้ท่านว่าจะพบมันได้อย่าางไร ดูรูปกันครับ



จากภาพ มโน นี้จะอยูุ่ข้างหน้าของตัวนักภาวนาครับ ถ้าท่านมองไปที่วัตถุ อะไรก็ได้ เช่น ต้นไม้ ตู้เย็น ท่านจะมองทะลุผ่าน มโน ออกไป

ลักษณะของ มโน คือ จะใส ใสมาก ๆ เหมือนแผ่นกระจกที่บางเฉียบ มองแทบไม่เห็น แต่ถ้าสังเกตก็จะเห็นได้อยู่ นี่คือความยากที่จะเห็น มโน

แต่มีอยู่วิธีหนึ่ง เมื่อท่านนักภาวนาเห็นอาการของจิตปรุงแต่งมันดับไป ตำแหน่งที่จิตปรุงแต่งดับไปนั่นแหละครับ คือ ที่ตั้งของ มโน

ท่านนักภาวนาอาจสังเกตเห็นได้ โดยอาศัยตอนที่จิตปรุงแต่งดับมันไป แล้วจึงเห็น มโน ในตอนทีจิตปรุงแต่งมันดับไปนั้น

ถ้ายังไม่เห็น ก็ไม่เป็นไรครับ หมั่นฝึกไปเรื่อย ๆ สังเกตไปเรื่อย ๆ สักวันก็จะเห็นเองครับ

ที่่ผมว่า มโน คือ เงาของจิต ( จิต คือ สภาวะแห่งการรูุ้อารมณ์ ) หมายความว่า
ถ้าตราบใด ที่จิตยังเป็นดวงอยู่ มโน ก็จะอยู่ให้เห็นได้ ซึ่งมันเป็นเงาของกันและกันอยู่

แต่ถ้าจิตถููกทำลายเป็นความว่างเปล่าไปแล้ว มโน ที่บางเป็นกระจก ก็จะหายไปด้วยเช่นกัน

สรุุปก็คือ ถ้ายังมีตัวจิต ก็จะมี มโน
ถ้าไม่มีตัวจิต ก็จะไม่มี มโน
เมื่อ่ไม่มีตัวจิต ไม่มี มโน นี่คือ สภาวะแห่ง สุญญตา นั่นเองครับ

3.วิญญาณ

วิญญาณ คือ ตัวจิตในข้อ 1 ที่ถูกอำนาจของตัณหาดูดเข้าไปใน มโน หรือ วิ่งพุ่งออกจาก มโน ไปยังวัตถุที่คนกำลังสนใจจดจ่ออยู่ เช่น
เมื่อชายหนุ่มเห็นหญิงสาวหน้าตาดีเดินสวนทางมา เขาสนใจที่จะมอง จิตถูกตัณหาดูุดเข้าไปใน มโน ก่อน กลายเป็นจิตปรุงแต่งด้วยราคะ แล้ว จิตนั้นก็จะพุ่งผ่านประสาทตาไปจับยึดภาพที่เป็นหญิงสาวนั้่นทันที

สภาวะแห่งการที่ จิตในข้อ 1 ถูกดูดเข้าไปใน มโน แล้วพุ่งไปยังวัตถุที่กำลังสนใจ นี่คือ สภาวะของการเกิดในปฏฺิจสมุปบาท

******
ท่านจะเห็นว่า จิต มโน วิญญาณ เจ้า 3 สิ่งนี้มันโยงไปโยงมา
การที่คนไม่รู้จัก 3 สิ่งนี้ ก็คือ คนมี อวิชชา ทำให้ไม่รู้จักความจริงของธรรมชาตินั้นเอง

งานของนักภาวนานั้น การเจริญสติปัฏฐาน 4 ก็คือ การเพิ่มพลังจิตเพื่อให้รู้จักกับสภาวะของเจ้าทั้ง 3 นี้ เมื่อรู้จักก็เกิดวิชชา เมื่อเกิดวิชชา ก็รู้แจ้งในความจริงของสุญญาตา

เมื่อจิตถูกทำลาย มโน ที่เป็นเงาถูกทำลาย เมื่อ ไม่มี จิต ไม่มี มโน แล้วจะมี วิญญาณ เกิดได้อย่างไรกัน การดับสิ้นไม่เหลือคืออย่างนี้เองครับท่าน

****
ใน blog ผมนี้ ผมมักเปรียบเทียบ มโน เหมือนโรงละคร เพราะถ้ามีโรงละคร ก็จะมีตัวละครไปแสดงที่โรงละครนั้นได้ ซึงตัวละคร ก็คือ อาการของขันธ์ต่าง ๆ นั่นเอง

ซึ่งหมายความว่า อาการของขันธ์ ล้วนปรากฏเกิดดับเป็นไตรลักษณ์ใน มโน ทั้งสิ้น
ซึ่งเราสามารถใช้สิ่งนี้แหละครับเพื่อให้พบ มโน เพราะ ตำแหน่งเกิดของอาการของขันธ์ ก็คือตำแหน่งของ มโน

เมื่อ มโน ถูกทำลายทิ้ง ไม่มีโรงละครอีก ตัวละครจะมาเล่นได้อย่างไรกัน ซึ่่งอาการที่ มโน ถูกทำลายไปพร้อมกับจิต จะมีนักภาวนาบางท่านเรียกสภาวะนี้ว่า .การทำลายขันธ์.

ท่านอาจได้ยินคำนี้อีกเช่นกันว่า พระอรหันต์ไม่มีกาย ไม่มีจิต ท่านอาจจะหายงงได้นะครับว่า
ทำไมถึงว่าพระอรหันต์ไม่มีกาย ไม่มีจิต ในเมื่อท่านเหล่านั้น ยังไม่ตายนี่นา

*****
ในการเจริญกายานุปัสสนาสติปัฏฐาน ถ้านักภาวนาเจริญกายานุปัสสนาจริงๆ ตอนนั้น
จิตจะรับรู้อาการของกาย + รับรู้อายตนะ และ ในตอนนั้น จะยังไม่มีจิตปรุงแต่งครับ
การดำรงค์สภาวะของกายานุปัสสนานี้ไว้ ก็จะเหมือนกับสภาวะของสุญญตาเช่นเดียวกัน เพียงแต่ว่า ในนักภาวนามือใหม่ที่ยังไม่รู้จักสุญญตา จะมองไม่เห็นความเห็นสุญญตา แต่นักภาวนาที่ชำนาญแล้ว ที่รู้จักสุญญาตาแล้วจะมองเห็นสุุญญตา นี่คือข้อแตกต่างระหว่างมือใหม่และมือเก่า

ซึ่งเทคนิคนี้ สามารถนำมาใช้ได้อีกเช่นกันสำหรับนักภาวนาที่จะหา มโน ให้พบ หรือ หา สุญญตาให้พบ โดยเขาฝึกสลับไปมาระหว่าง

โดยใช้ฐานกาย (อ่านเรื่อง //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=03-2010&date=18&group=6&gblog=1 )

และ ฝีกโดยใช้ฐานจิต ( อ่านเรื่อง //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=03-2010&date=20&group=6&gblog=2 )

ให้ฝึกสลับไปสลับมา แล้วให้สังเกตความต่างในตำแหน่งที่เกิดของ มโน ว่าพบว่ามีหรือไม่ในขณะที่ใช้ฐานจิตในการฝึก หรือ พบว่า มันหายไปหรือไม่ ในขณะที่ใช้ฐานกายในการฝึก

******
บทความนี้เข้าใจยากครับ เพราะเป็นระดับที่ไม่ใช่มือใหม่ที่จะอ่านหรือปฏิบัติ แต่สำหรับมือเก่าก็เข้าใจยากเช่นกัน คงต้องอ่านซ้ำหลาย ๆ เที่ยวเพื่อความเข้าใจได้มากขึ้น




 

Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2555
1 comments
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2555 18:22:35 น.
Counter : 2035 Pageviews.

 

Update 11 october 2013

เพิ่มเติมเทคนิคการหา มโน ให้พบ

1..ฝีกเจริญสติไปธรรมดา พอเห็นจิตปรุงแต่งเกิดดับได้บ่อยๆ อาจสังเกตเห็น มโน ได้เอง เพราะ มโน จะปรากฏในตำแหน่งทีจิตปรุงแต่งนั้นเคยเกิดนั่นแหละ แต่วิธีนี้ อาจต้องใช้โชค และ บุญวาสนา พอสมควรทีเดียวแหละกว่าจะพบได้เอง

**********
ต่อไปจะใช้ตัวช่วยในการค้นหา

*****

2..ใช้วิธีการเดินจงกรม ในจังหวะทีหมุนตัวกลับ ให้สังเกต ตาจะเห็นเงามืด ๆ ผ่านแว๊บ ไปอย่างรวดเร็ว เงาทีเห็น ก็เป็นตำแหน่งของ มโน คล้ายๆ ข้อ 1

3..ให้วิธีเหลือบตาขึ้นลง ให้สังเกต เมื่อเหลือบตาขึ้น จะเห็นแสงทีสว่างมากขึ้นใกล้ๆ ใบหน้า พอเหลือบตาลง แสงทีเคยสว่างมากขึ้น ก็ลดลงเป็นปกติ ตำแหน่งแสงสว่างนี่คือ พลังงานทีเกิดใน มโน วิธีนี้จะใกล้เคียง มโน มาก เพียงแต่มีพลังงานประกอบ แต่มีขนาดใหญ่เหมือน มโน

4..ใช้วิธีส่ายหน้าไปมา คล้าย ๆ เราตอบปฏิเสธใคร สังเกต จะมีแผ่นนิ่ง ๆ ใส ๆ ขนาดใหญ่พอควร ปรากฏใกล้ ๆ ใบหน้า นั่นคือตำแหน่งของ มโน วิธีนี้ก็ดีในการมองหา มโน

ถ้าใครมองเห็นในข้อ 4 ลองนั่งเฉย ๆ มองไปข้างหน้า ไม่ต้องส่ายหน้า เห็นแผ่นกว้างๆ ใส ๆ ทีเคยเห็นได้ไหม นั่นแหละ มโน ละ

*******************
ขอให้ลองหลายๆ แบบเผื่อฟลุคพบ มโน ได้
เวลาทำอย่าหลับตา การลืมตาจะเห็น มโน ได้ง่ายกว่าหลับตา

 

โดย: นมสิการ 11 ตุลาคม 2556 14:28:07 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.