#คิดแล้วทำนำความสำเร็จ “จินตนาการ สะพานเชื่อมสู่ความสำเร็จ”

“จินตนาการสำคัญกว่าความรู้” คำพูดคำนี้เป็นคนที่นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังเป็นผู้เอ่ย และมันก็เป็นจริงอย่างยิ่ง เพราะความคิดชุดนี้ทำให้นักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งสามารถคิดทฤษฎี พลิกโลก และเปลี่ยนแปลงโลกไปอย่างมหาศาล

เวลาที่เราคิด เรามักจะทุกข์เพราะความอยาก ต่อเมื่อเราเริ่ม “ฝัน” เราจะมีความสุข ... แท้ที่จริงแล้วความฝันก็คือจินตนาการอย่างหนึ่ง ที่ไร้ขอบเขต ไม่มีใครที่มีสิทธิ์จะมาห้ามไม่ให้เราจินตนาการ หรือห้ามเราฝันไม่ได้ ที่สำคัญมันฟรี แต่เมื่อไรที่คุณฝันแล้วเริ่มเครียด หรือเป็นทุกข์ นั่นคือ คุณกำลัง “คิด” ไม่ใช่การจินตนาการที่แท้จริง

จินตนาการ สะพานเชื่อมสู่ความสำเร็จ

คนที่ขาดจินตนาการก็เหมือนคนที่ตายไปแล้ว จินตนาการ ก็คือ “ความฝัน” ถ้าเราไม่หยุดฝันซักวันเราย่อมพบกับความสำเร็จ ... ความฝันเป็นดั่งสะพานเชื่อมสู่ความสำเร็จ หลายครั้งเราทำได้ตามฝันโดยเราอาจลืมไปแล้ว

เมื่อก่อนผมเคยฝันว่าอยากมีบ้านอบอุ่น มีลูกสาวที่น่ารัก มีเงินเก็บพอสมควร ใช้จ่ายได้ไม่เดือดเนื้อร้อนใจ ... ผมเองเคยเขียนมันไว้เป็นลายลักษณ์อักษร พับเก็บไว้ในกล่องเอกสารที่บ้าน ... เมื่อผมเปิดมันออกมาดู ผมพบว่า ... ผมมาไกลเกินฝันเสียด้วยซ้ำ

ผมเคยจินตนาการว่า ผมจะเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ เมื่อผมจินตนาการ ผมเห็นเป็นภาพ มากกว่าเป็นเสียงในความคิด ... การเห็นเป็นภาพ จะทำให้เรารู้สึกได้มากกว่า สัมผัสมันได้ในจินตนาการ และข่าวดีสุดๆ ก็คือ ความฝันนั้น “ฟรี” ไม่มีใครมาเก็บเงินคุณจากฝันของคุณได้ ดังนั้นจงอย่าหยุดฝันเด็ดขาด!

วิธีการทำความฝันให้เป็นความจริง

วิธีการทำความฝันให้เป็นความจริงนั้นไม่ยากเลย... แค่ต้องลงมือทำ ... เท่านั้นเองครับ ... เวลาที่ผมฝัน ผมจะมองเป็นภาพ และใช้ความคิดผสมเข้าไป เพื่อทบทวนว่าความฝันนั้นเฟ้อเจ้อ หรือเป็นความจริงมาน้อยแค่ไหน

เมื่อเราเห็นเป็นภาพ และคิดได้ว่าความฝันนั้นเป็นความจริงได้แน่นอน ขั้นตอนต่อไปก็คือ ต้องเริ่มต้นวางแผน ในขั้นตอนการวางแผนจะใช้ความคิดนำผสมเข้ากับจินตนาการเป็นสัดส่วนที่รองลงมา เมื่อคิด วิเคราะห์ความเป็นไปได้ และวางแผน ขั้นต่อไปก็คือ “ลงมือทำ”

ในขั้นตอนของการลงมือทำ ผมมีเคล็ดลับเล็กๆ ก็คือ “ไม่ต้องคิด” ให้ทำตามแผน ทำแบบวันต่อวัน ไม่ต้องไปคิด ให้แผนมันดำเนินไปตามกาลเวลาที่ผ่านไปซักระยะหนึ่งก่อน เวลาที่เราไม่คิด เราจะไม่ทุกข์ เราจะมีความสุขใจกับการทำงานไป พร้อมๆ กับความก้าวหน้าในงานที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แบบ “ทบต้น” ทุกๆ วัน

จากนั้นเราต้องมาประเมินสิ่งที่เราวางแผน และกระทำลงไปซักระยะหนึ่งแล้ว ขั้นตอนนี้ให้หวนกลับมาใช้ความคิดอีกครั้ง เพื่อทบทวน และประเมินประสิทธิภาพของแผน ... ประเมินว่ามันยังอยู่ในเส้นทางแห่งความสำเร็จตามแผนหรือไม่ หากพบว่ามันไม่อยู่บนเส้นทางนั้น ให้ปรับการกระทำใหม่ หรืออาจปรับแผนใหม่ แต่จุดหลายดังเดิม เมื่อทบทวนเสร็จ ปรับใหม่เรียบร้อย ให้ทำไปเรื่อยๆ ไม่ต้องคิดเหมือนเดิม

จากนั้นก็หยุดคิดเป็นพักๆ เพื่อประเมินไปเรื่อยๆ แต่ไม่ควรคิดตลอดเวลา ... มีคนบอกผมว่า “งานหนักไม่ทำให้ใครตาย แต่ความคิดสามารถฆ่าคุณได้” เพราะเราคิดมากเกินไป มันจะกลายเป็นความฟุ้งซ่าน และมันจะกลับมาทำลายเราในที่สุด

ถ้าเราเห็นเป็นภาพใหญ่ วางแผนมาดี ทำถูกต้อง สุจริตธรรม ความสำเร็จย่อมกลายเป็นความจริงในไม่ช้า เทคนิคนี้ผมใช้ได้ผลมานักต่อนัก จนปัจจุบัน ผมสามารถยืนได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง พึ่งพาตนเองได้ค่อนข้างสมบูรณ์

ยิ่งคุณอยู่ในจุดที่ต่ำสุดของชีวิต คุณต้องยิ่งลุกขึ้นสู้

ทุกคนย่อมพบกับจุดต่ำสุดของชีวิตตนเอง ... ถ้าใครมาบอกคุณว่า ... เขาไม่เคยเจอจุดต่ำสุดของชีวิต ชีวิตของเรารุ่งโรจน์มาโดยตลอด ผมเชื่อว่าเขาคงโกหก เพราะไม่เคยมีใครไม่ผ่านจุดต่ำสุด แต่คุณจะอยู่กับจุดต่ำสุดไปอีกนานแค่ไหน หรือจะลุกขึ้นสู้ นั่นคือสิ่งที่คุณต้องเลือก...

ผมเคยพบจุดต่ำสุด ... ผมเลือกที่จะสู้ ... ตอนที่ผมเริ่มต้นทำอะไรใหม่ๆ มีแต่คนหัวร่อ ... เขาบอกว่า ... “ทำไม่ได้” ... ผมมาค้นพบทีหลังว่า ที่เขาเหล่านั้นบอกว่าทำไม่ได้ นั่นหมายถึงตัวเขาเอง ... ผมคิดจะทำธุรกิจ ไปถามพนักงานกินเงินเดือน เขาย่อมบอกว่าทำไม่ได้เป็นธรรมดา ... แต่หากผมไปถามนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ แน่นอนที่สุด เขาต้องบอกว่า “ทำได้แน่นอน”

จุดต่ำสุด อย่าให้มันต่ำไปตลอด จงลุกขึ้นสู้ พิสูจน์ตัวคุณเอง ไม่ต้องไปแคร์ใคร ... เป็นกำลังใจให้เสมอครับ ...

#แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ตอนที่ 1 “คลิ๊กเพื่ออ่าน”

#แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ บทนำ “คลิ๊กเพื่ออ่าน”

Create Date : 04 มิถุนายน 2560
Last Update : 5 มิถุนายน 2560 9:17:28 น.		1 comments
Counter : 831 Pageviews.
Share Tweet