|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
กรรมวิธีการกลายร่างและค่าใช้จ่าย :)
คราวที่แล้วเราเห็นหน้าเห็นหลังไปแล้ว คราวนี้มาว่ากันว่า ระหว่างทางจาก 86 กิโล เอว 38 ไปถึง 60 โลเอว 30 น่ะมันมีอะไรยังไงกันบ้าง :)
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงในรอบปีลดน้ำหนักอย่างชัดชัดก็มี 4-5 อย่าง
1. น้ำหนัก
12 เดือน ลด 25.5 กก. เฉลี่ยเดือนละ 2,125 กรัม ต่อวันก็ประมาณ 70 กรัม (คิดเฉลี่ยง่ายง่าย เพราะว่าในความเป็นจริงแล้ว ใหม่ใหม่จะลดได้ไว และเมื่อน้ำหนักน้อยลง ก็จะยิ่งลดได้ช้าลง) สิ่งที่น่าสนใจคือ น้ำหนักที่ลงต่อวัน มันแค่วันละ 70 กรัมเท่านั้น ไม่มากเลย แต่น้อยน้อยอย่างงี้แหละครับ เมื่อสะสมจนครบปี นั่นก็หมายถึงน้ำหนัก 25 กก. แสดงถึงอะไร? แสดงว่าเราค่อยค่อยเดินทาง ทีละก้าวละก้าว แล้ววันนึงเมื่อมองกลับไป เราจะพบว่าเราเดินทางมาำำไกลอย่างที่เราอาจจะไม่เคยคาดถึงได้เลย
ครับ... วันละแค่ 70 กรัม เท่านั้น พอจะนึกออกไหมว่าน้อยแค่ไหน?... ถ้าเป็นน้ำก็แค่ครึ่งขวดเอ็มร้อยชูกำลังเท่านั้นเอง!
2. พลังงาน
เค้าว่ากันว่า ถ้าจะลดน้ำหนัก 1 กก. ต้องใช้พลังงานไปประมาณ 7,700 ก.แคล หมายความว่ารอบปีนั้นผมใช้พลังงานน้อยกว่าที่ควร 196,350 ก.แคล เหมือนจะเยอะมั้ย เกือบสองแสนกิโลแคลเชียวนะ แต่ลองคิดต่อวัน จะแค่ประมาณ 538 ก.แคลลอรี่ อันนี้ไม่เรียกว่ามายมายอะไรนักนะ ประมาณอาหารตามสั่งจานเดียว-จานครึ่ง เท่านั้น ที่หายไปในแต่ละวัน ถ้าเป็นน้ำอัดลมก็ครึ่งขวด 1.25 เท่านั้น
3. อาหารในแต่ละวัน
ช่วงก่อนที่จะลดน้ำหนัก จะกินเยอะมากในแต่ละวัน มื้อเช้ากาแฟใส่ครีมใส่น้ำตาล บางวันมีปาท่องโก๋ 8-10 คู่, สายมาก็ข้าวกับกับข้าว เน้นของทอดและผัดเนื้อ (ตอนนั้นกินผักไม่เป็น :( ) ถ้าเทียบปริมาณกับข้าวกล่อง ก็ประมาณ 2-2.5 กล. ต่อด้วยน้ำอัดลมหรือของหวาน เป็นบางวัน, กลางวันไม่ทาน แต่ก็มีขนมบ้างเป็นบางวัน มาหนักอีกทีตอนมื้อเย็นที่ค่ำหน่อย ราว 19.00 น. เป็นอาหารหนัก 2 อย่าง ส่วนใหญ่เป็นข้าวราด 2 กล่อง ต่อด้วยของหวานบ้าง ผลไม้บ้าง
เมื่อเริ่มต้น ผมทำสิ่งที่ง่ายที่สุดก่อน คือเปลี่ยนเป็นกาแฟดำ งดปาท่องโก๋ ข้าวช่วงเช้าทานเยอะเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนเมนูกับข้าว เน้นผัดผัก ลดความถี่ของทอด ของมัน (หลังเริ่มลดไปได้ 7-8 เดือน แยกเป็นสองมื้อคือประมาณ 8.30 กับประมาณ 12.00) ช่วงบ่าย เติมผลไม้ไว้รองท้อง เพราะว่าจะขยับเวลามื้อเย็นจากทุ่มกว่ามาเป็นห้าโมงเย็น เหลืออาหารหนัก 1 อย่างเน้นไปที่บะหมี่ ก๋วยเตี๊ยว งดน้ำอัดลม (แบบมีน้ำตาล)
ช่วงท้ายท้ายของการลดน้ำหนัก เปลี่ยนเฉพาะมื้อเย็นเป็นขนมปังโฮลท์วีท 2-3 แผ่น+ฮอทดอก(7-11) กับนมกล่องเนเจอร์อัพ (พลังงานต่อกล่องมันไม่เกิน 100 แถมไม่มีไขมัน) พักหลังๆ นี่ มื้อเย็นไม่ใช่เรื่องสำคัญแล้วครับ ร่างกายเค้าจะปรับไปเอง
4. ขนาดร่างกายลดลงครับ ตัวเล็กลงครับ เสื้อผ้าหาใส่ง่าย แบบว่าเสื้อแถมก็ใส่ได้ ไม่คับไม่ปลิ้น เอวลดลง อันนี้หายไป 8 นิ้ว แย่ตรงที่ว่าต้องคอยเปลี่ยนกางเกงอยู่บ่อยๆ :-p อีกอย่างครับ รองเท้าก็ลดขนาดลง 1 เบอร์ด้วย
5. การออกกำลังกาย ใช้เวลาช่วง 18.30-19.30 น. ของเกือบทุกวัน ในการออกกำลัง
ช่วง 3 เดือนแรก ใช้เครื่องออกกำลังกายเก่าเก็บ จำได้ว่า วันแรกทำได้ 5 นาที ก็แทบแย่ แต่ก็เป็นแรงมุมานะให้ทำต่อ ท้าทายกับตัวเอง ทดลองดู ค่อยๆ เพิ่มเวลา ช่วงท้ายๆ ที่ใช้เครื่องนี้ ยืนระยะสบายสบายได้ถึง 30 นาที ก่อนจะเลิกเครื่องนี้ไปเพราะโซ่ขาด **ตอนนี้โซ่ดีแล้ว เก็บไว้ตากผ้าเช็ดตัว :-D)
หลังจากนั้นไปถอยจักรยานแม่เหล็กมาจากบิ๊กซี จากนั้นก็ปั่นมาตลอด (ปั่นตามโปรแกรมเครื่อง มีหนัก-เบาเป็นช่วงๆ) ปั่นเกือบทุกวัน วันละ 30 นาที พักสัปดาห์ละ 1-2 วัน (ช่วง 2-3 เดือนหลัง เพิ่มเองอีก 10 นาที สำหรับปั่นสปีดและคูลดาวน์) ทำมาตลอด 9 เดือนที่เหลือ... เพลาลงและหยุดไปเมื่อถึงจุดที่ไม่ต้องการลดแล้ว แต่ต้องการคงน้ำหนักไว้ (ช่วงนั้นหันมาเล่นเวทอยู่พักหนึ่ง)
การออกกำลังกายแบบอื่น ๆ ก็มีบ้าง เช่น แอบไปลองไปเดิน-วิ่งเหยาะ บ้าง (ไม่กี่วันก็กลับมาปั่นเหมือนเดิม), ลองฝึกโยคะบางอาสนะ (แล้วว่ากันอีกที ละเอียดกว่านี้หน่อย), บริหารร่างกายทั่วไป
สรุปว่ากว่า 90% เป็นการปั่นจักรยานแม่เหล็กก็ว่าได้ (รับรองว่าปั่นจักรยานแล้วสัดส่วนสะโพก-ก้น-ขา ดีขึ้นเยอะเลย)
...คิดดูว่าในหนึ่งวัน ถ้าเรา
ออกกำลัง ได้สักราว 300 ก.แคลลอรี่ (ก็แค่ปั่นจักรยาน 30 นาที หรือออกกำลังอย่างอื่น...)
ตัดขนมหวาน-น้ำอัดลม หรือ ข้าวสักครึ่งจาน จากการทานปรกติ ได้อีกราว 200 ก.แคลลอรี่
แค่นี้ก็หายไปวันละ 500 ก.แคลลอรี่แล้ว อาทิตย์ละสัก 5 วัน (พัก 2 วัน)
เดือนหนึ่งก็ประมาณ 10,000 ก.แคลลอรี่ ตกประมาณ 1.3 ก.แล้วนี่ครับ
ปีหนึ่งล่ะ? คูณ 12 เข้าไปเป็น 15 ก. เข้านั่น
ง่ายไปไหม ??? กับเวลา 30 นาทีและข้าวครึ่งจาน ต่อ 1 วัน แค่นี้ เกือบทุกวัน สม่ำเสมอ , ใน 1 ปีน้ำหนักจะหายไปราว 15 กก.
และเมื่อผ่านไป ผ่านไป ความยากจะลดลง ความชินจะมากขึ้น และเจ้าความชินนี่แหละ มันจะเปลี่ยนพฤติกรรมเราไปตลอด... นี่ก็สำคัญ
เค้าถึงบอกกันว่า ถ้าจะลดน้ำหนัก ให้ค่อยค่อยลด ปรับพฤติกรรมให้ได้ แล้วมันจะยั่งยืน (ไอ้สูตรอาหาร 3 วัน 7 วัน แล้วลดมากมาย นั่น.. ดูรายการอาหารเอาเถอะ ใครจะกินไปได้ตลอด!)
สำคัญที่สุดครับ ... สำคัญที่ ใจ
.................... เรื่องต่อไป เป็นความชอบเก็บตัวเลข เลยมีข้อมูลค่าใช้จ่ายลดน้ำหนักเก็บไว้ดูเล่น, มาลองดูกัน ประมาณค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเพื่อการลดน้ำหนัก ของพวกนี้ทยอยซื้อเรื่อยเรื่อย ไม่ได้ซื้อทีเดียว
อุปกรณ์ออกกำลังกาย รวมมูลค่า 10,197 บาท 1. Step Machine(มั้ง) ซื้อมานานแล้ว ประมาณ ปี-2ปี ได้ - ไม่คิดมูลค่า 2. จักรยานแม่เหล็ก จาก บิ๊กซี CAVA200B ราคาลดตอนนั้น 8,990 บาท 3. ดัมเบลล์ 2 อัน ขนาด 3 กก. จาก บิ๊กซี ราคาอันละ 139 บาท 4. ดัมเบลล์เหล็กหล่อ 1 อัน น้ำหนักรวม 14 กก. จากโลตัส 929 บาท
เครื่องประกอบการออกกำลังกาย รวมราคา 2,898 บาท 1. กางเกงผ้ายืด 2 ตัว ราคาตัวละ 99 รวม 198 บาท 2. Heart Rate Monitor (นาฬิกาพร้อมเครื่องตรวจวัดอัตราการเต้นของชีพจร) ยี่ห้อ CATEYE รุ่น HR20 พร้อมแท่นยางล๊อคกับแขนจักรยาน 1 ตัว 2,500 บาท
เสื้อ/กางเกง (จริงจริงตรงนี้จะไม่รวมก็ได้ แต่ถ้าถือว่ามันเป็น cost ที่เกิดจากการออกกำลังก็รวมได้) ตีรวมมูลค่า 3,500 บาท
รวมค่าใช้จ่าย 16,595 ต่อการลดน้ำหนักลง 25 กก.
คิดเป็นค่าใช้จ่าย 663.8 บาทต่อ กก.
ถูกไหม? เทียบการการไปเข้าสถาบันลดน้ำหนักต่างต่าง...
แต่ก็นั่นแหละ ทำเอง มันอาจจะยากกว่า ถึงบอกไงว่าสำคัญที่สุดครับ ... สำคัญที่ ใจ
มาเพิ่มเติมเรื่องโยคะกันเถอะ นิดหน่อย ถือเป็นน้ำจิ้ม...
หลังเริ่มลดน้ำหนักไปราว 2.5 เดือน ก็เริ่มสนใจ โยคะ (ขณะที่คนข้างตัวเริ่มไปก่อนแล้วและก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เริ่มสนใจ)
และหลังจากน้ำหนักคงที่แล้วราวราวที่ 60-62 กก. ก็ลดการออกกำลังแบบคาร์ดิโอลง แต่ที่สม่ำเสมอมาจากนั้นมาถึงปัจจุบันก็คือ การฝึกโยคะ
ลองดูเถอะ...ไม่ว่ากับวิถีแบบไหน
แต่ต้องให้เวลากับตัวเอง อดทนกับตัวเองสักระยะยาวยาวหน่อย
ไม่มีทางลัดสำหรับการลดน้ำหนักครับ
ทางตรงที่ง่ายและกระชับก็คือ พยายามออกกำลังกายและควบคุมอาหาร หมั่น
แล้ววันหนึ่งคำว่า พยายาม และ ควบคุม มันจะหายไป จางไป เพราะพฤติกรรมเราเปลี่ยน
มันจะเป็นเรื่องเกือบปรกติในชีวิตที่เราจะระมัดระวังการกิน, กินแต่พอประมาณ (โดยไม่ฝืนใจ)
และก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่อยู่อยู่ไม่มีอะไรทำ ก็นึกอยากวอร์มโยคะให้เหนื่อยกันไปข้าง หรือปั่นจักรยานให้ตัวโยนฝึกกล้ามเนื้อหัวใจเล่นเล่น...
ลองทำดู. :)
Create Date : 13 มิถุนายน 2553 |
|
26 comments |
Last Update : 13 มิถุนายน 2553 19:53:29 น. |
Counter : 2438 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: รักหนักแน่น IP: 202.3.71.10 13 มิถุนายน 2553 22:33:53 น. |
|
|
|
| |
โดย: ตัวp_box 14 มิถุนายน 2553 10:41:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: ตัวp_box 14 มิถุนายน 2553 10:44:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: Chaleena IP: 112.142.10.45 16 มิถุนายน 2553 11:53:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: ตัวp_box 17 มิถุนายน 2553 8:52:02 น. |
|
|
|
| |
โดย: ตัวp_box 17 มิถุนายน 2553 8:58:26 น. |
|
|
|
| |
โดย: ตัวp_box 17 มิถุนายน 2553 9:01:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: nulaw.m 18 มิถุนายน 2553 9:49:25 น. |
|
|
|
| |
โดย: peeamp 18 มิถุนายน 2553 23:37:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: กร IP: 118.174.77.194 20 มิถุนายน 2553 13:59:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: ตัวp_box 22 มิถุนายน 2553 9:34:56 น. |
|
|
|
| |
โดย: ตัวp_box 22 มิถุนายน 2553 9:36:50 น. |
|
|
|
|
|
|
ลิงจอม ทะเล้น
หัวหอม จอมซ่า
กระต่ายจอม กวน
(no practice / rest days)
|
|
|
|
|
|
|