เล่มนี้เป็นของโซฟอส เจ้าชายรัชทายาทแห่งซูนิสผู้ถ่อมตน เขาทำให้เรานึกถึงต้วนอี้ ในแปดเทพอสูรมังกรฟ้า บัณฑิตงมงายที่ได้พบกับ"วาสนาในคราเคราะห์" แม้สุดท้ายแล้วโซฟอสจะไม่ได้สำเร็จวิชากระบี่หกชีพจรหรืออาจจะฟันดาบเก่งขึ้นไม่มากนัก ถึงเอ็ดดิสจะไม่สวยอย่างแม่นางหวัง ถึงจุดเริ่มต้นเขาจะเป็นไก่อ่อนหรือพ่อกระต่ายน้อย แต่เขาก็ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆระหว่างทางไปมากมาย
สิ่งหนึ่งที่ทำให้เราประทับใจในตัวหนุ่มน้อยคนนี้ที่เหมือนกับคอสติสคือเขาเป็นคนมีเมตตา อ่อนโยนอ่อนไหวง่าย เห็นอกเห็นใจคนอื่น ไม่แบ่งชนชั้นวรรณะ เป็นคนที่เห็นรูปทองในตัวเจ็น ชอบเจ็นด้วยนิสัยอย่างที่เจ็นเป็น ไม่จำเป็นต้องเก่งมากด้วยซ้ำ แม้เจ็นจะเป็นแค่หัวขโมยขี้คุกในเล่มแรก โซฟอสก็ให้เกียรติเจ็นเสมอ ทั้งช่วยเจ็นขึ้นม้า ยกดาบของตัวเองให้ ญาติดีกับเจ็นต่างจากแอมบิอาดิสฟ้ากับเหว คอสติสเองก็ปล่อยให้น้ำตาเจ็นละลายกำแพงของตัวเองออกไป เขาเริ่มภักดีกับเจ็นตั้งแต่ช่วงเจ็นยังไม่เผยความสามารถด้วยซ้ำ อีกข้อที่สองคนนี้เหมือนกันคือความกล้าที่จะขอโทษ กล้าแก้ไขในสิ่งที่ผิด กล้าทำกล้ารับ เป็นคนที่น่าจะเอาไว้ใกล้ตัว นับว่าเจ็นโชคดีจริงๆ
ความจริงถ้าพ่อโซฟอสหรือญาติๆหรือลุงซูนิส มีเวลาสอนดาบหรือสอนประสบการณ์ต่างๆให้โซฟอสด้วยตัวเอง ไม่เอาแต่ดูถูกหรือด่าว่าว่าอ่อนแอ เขาน่าจะเก่งและมั่นใจในตัวเองกว่านี้ เพราะขณะที่โซฟอสเป็นเจ้าชายรัชทายาทแห่งซูนิส เป็นพี่ชายของน้องสาวสองคนแต่บุคลิกไม่ได้มีความมั่นใจเท่ายูเจนิดิสที่เป็นน้องคนสุดท้อง เป็นแค่หนึ่งในลูกพี่ลูกน้องของเอ็ดดิสเลย เจ็นที่มีตากับพ่อคอยฝึกสอนอย่างใกล้ชิด ทำให้เก่งดาบกับเก่งวิชาขโมยมาก เจ็นเคยบอกว่าเห็นแววในตัวโซฟอส ถ้ามีครูฝึกดีๆเขาจะกลายเป็นคู่ต่อสู้ที่อันตรายได้เลย ตอนนี้ก็รอนะ หวังว่าก่อนจบเขาจะได้ดวลกับใครสักคน
จะว่าไปโซฟอสออกจะน่าสงสารเพราะเขาสนใจที่จะเป็นนักวิชาการมากกว่านักการเมืองนักปกครองโดยธรรมชาติแบบเจ็น ชีวิตก็ไม่ได้เลือกอะไรมากมายแต่กลับถูกความคาดหวังจากคนรอบข้างอย่างมาก เปิดมาเล่มนี้อยู่ดีๆก็จำต้องฆ่าคนป้องกันตัว ก่อนจะถูกลักพาตัว คิดว่าแม่กับน้องตายในกองเพลิง กลายเป็นนักโทษ กลายเป็นทาส แต่เหมือนเจอโอกาสในวิกฤต เขากลับรู้สึกเป็นอิสระมากกว่าตอนเป็นเจ้าชายเสียอีก เมื่อไม่ต้องแบกภาระความคาดหวังของใครๆหรือทำให้ใครผิดหวังได้อีก
ขณะที่ท้ายเล่มสามเจ็นกำลังจัดการกับข้าราชสำนักหัวแข็งอยู่ในวังแอตโทเลีย โซฟอสในชื่อเซ็คคัสหรือกระต่ายน้อย ชื่อที่ค้านกับรูปกายภายนอกที่ดุดันกลับรู้สึกสงบสุข ขณะทำงานกลางทุ่งในซูนิส เขามีเพื่อนๆที่สนใจและชื่นชมความสามารถด้านกวีและบทละครที่เขาชอบอย่างจริงใจต่างกับในราชสำนักซูนิสที่เต็มไปด้วยผู้คนที่หน้าไหว้หลังหลอกราวฟ้ากับดิน เขาค่อยๆแข็งแกร่งขึ้นทีละน้อยทั้งในด้านร่างกายและจิตใจ เขาเติบใหญ่เป็นชายร่างสูงล่ำสัน มีมัดกล้ามและรอยแผลเป็นให้คนอื่นครั่นคร้าม และด้วยนิสัยโอบอ้อมอารีและกล้าหาญก็ทำให้เขาได้ใจจากเพื่อนๆและหัวหน้างาน โซฟอสค่อยๆรู้ซึ่งถึงคุณค่าในตัวเองก็คราวนี้
นอกจากนั้นการที่เขาได้คลุกคลีกับเพื่อนๆคนงานในไร่ยังทำให้เขาเข้าใจ ราษฏรบ้านๆอย่างที่เจ็น เอ็ดดิส หรือแอตโทเลีย ไม่เคยมีบท ด้วยว่าความภักดีของพวกเขานั้นแปรเปลี่ยนได้ง่ายเหลือเกิน ในฤดูร้อนเมื่อลุงซูนิสมีชัยต่อพวกกบฏ พวกเขาพูดคุยกันว่าเป็นความชอบธรรมของราชาที่จะปราบผู้ต่อต้านอย่างเหี้ยมโหด ต่อมาเมื่อราชาปราชัยสูญเสียที่มั่น การสนทนากลับเป็นไปในทางตรงข้าม เช่นเดียวกับพวกคนใช้ในบ้านโซฟอสที่ไม่ยอมช่วยสู้เพราะไม่มั่นใจในตัวเขา แล้วสุดท้ายก็ถูกฆ่าตายอยู่ดี โซฟอสโทษตัวเองที่ไม่อาจทำให้คนเหล่านั้นเชื่อได้ ไม่แม้แต่จะลอง หนุ่มน้อยรู้แล้วว่าความตั้งใจของบริวารส่วนใหญ่ที่จะสู้ขึ้นนั้นอยู่กับความแน่ใจที่่จะชนะ และพวกเขาจะไม่เลือกข้างที่เเพ้เพียงเพื่อนายตัวเอง
ในความฝันเขาคุยกับครูในจินตนาการวิเคราะห์บทบาทของกษัตริย์โหลยโท่ยในหนังสือเล่มนึง เขาเห็นว่าถ้าราชาไม่อาจจัดการกับปวงชนของตัวเองได้เขาก็เป็นราชาที่แย่มาก นางบอกว่า อย่างน้อยในเรื่องเขาก็ยังยืนหยัดอยู่กับปวงชนของเขา ดังนั้นถ้าโซฟอสจะเป็นผู้ปกครองที่ดี เขาก็ต้องจัดการกับคนของตัวเองให้ได้โดยการทำตัวให้เป็นที่น่าเชื่อถือและน่าไว้วางใจ
สิ่งที่โซฟอสได้เลือกครั้งแรกโดยไม่รู้ผลที่ตามมาทั้งหมดนัก คือการตัดสินใจกลับไปหาพ่อ ก่อนหน้านั้นเขากำลังครุ่นคิดระหว่างทำงานก่อกำแพงในไร่ เขาชอบงานนี้ งานที่ได้สร้างสิ่งที่ทนทานที่เกิดจากการตัดสินใจทีละเล็กทีละน้อย ว่าตกลงแล้วชีวิตของเขาต้องการอะไรกันแน่ เขาชอบชีวิตเรียบง่ายที่นี่ แต่มันไม่มีอนาคตและไร้อิสระ แถมอาจจะเจ็บตัวได้ง่ายๆ
อีกใจหนึ่งเขาอยากเป็นลูกชายที่ทำให้พ่อภูมิใจ อยากเป็นเจ้าชายที่ประเทศชาติต้องการ อย่างที่ทุกคนหวังมาตลอด จึงลองเสี่ยงดูแต่กลับตกกระไดพลอยโจนกลายเป็นราชาแห่งซูนิสไปเพราะมารู้ทีหลังว่าลุงเขาตายไปแล้วและเขาคือผู้สืบทอดแผ่นดินซูนิสที่ยังไม่สงบ ทูตมีดส์ก็หวังเข้ามายึดอำนาจ ต่างกับเจ็น ที่เขารู้อยู่ก่อนการเลือกแล้วว่าเขาต้องเจออะไรบ้าง ทั้งการรอนแรมไปขโมยของ การเข้าไปสืบในวังแอตโทเลีย การเป็นกษัตริย์ เจ็นรู้ผลลัพธ์ที่ตามและยืนยันจะเลือกเองทั้งนั้น
โซฟอสตัดสินใจไปแอตโทเลียกับราชครูเพื่อขอความช่วยเหลือจากเจ็นที่ตอนนี้เป็นราชาเพื่อชิงบัลลังก์ซูนิส นี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบหลังจากกันไปราวสามปีได้ ฉากนี้อบอุ่นหัวใจมาก เจ็นเข้าไปกอดโซฟอสแรงๆเหมือนที่พ่อกอดโซฟอส แล้วก็หอมที่หน้าผาก นอกจากเป็นเพื่อน คิดว่าเจ็นเห็นโซฟอสเป็นน้องที่ไม่เคยมี เพราะเจ็นเป็นลูกคนสุดท้องมาตลอด โซฟอสก็อาจจะเห็นเจ็นเป็นพี่เพราะตัวเองมีแต่น้องสาวในครอบครัว ช่วงที่เป็นทาสอยู่โซฟอสก็เอาเจ็นเป็นกำลังใจ เป็นตัวอย่างในการวางตัวมาตลอด แต่เมื่อรู้ว่าโซฟอสกลายเป็นซูนิสแล้ว เจ็นได้แต่บอกว่าเสียใจ ที่ครั้งต่อไปจะต้องพบกันในฐานะกษัตริย์มิใช่สหาย
ที่เจ็นเฉยชาใส่โซฟอสหลังจากนั้น คิดว่าเจ็นกำลังจะเอาความสวามิภักดิ์จากซูนิส เจ็นไม่อยากจะใช้เล่ห์กลการเมืองกับเพื่อน เพราะโซฟอสเชื่อมั่นในตัวเขามาก มันจะเลวร้ายแค่ไหนถ้าเขาทำลายความเชื่อมั่นของคนที่จริงใจต่อเขา ถ้าจะเอาดินแดนซูนิส แอตโทลิสก็อยากเอามาแบบลูกผู้ชาย เลยกลัวว่าโซฟอสจะโกรธ ที่จริงก็อย่างที่เอ็ดดิสว่าเจ็นน่ะทำตัวโง่เง่า เจ็นอาจจะติดภาพโซฟอสเด็กน้อยเมื่อหลายปีก่อน ทั้งที่โซฟอสรู้และทำใจแล้วตั้งแต่ก่อนมาแล้วว่า ถ้าจะขอความช่วยเหลือจากเจ็นก็ต้องสวามิภักดิ์ต่อเขา ไม่เห็นจำเป็นต้องทำตัวเย็นชา เหินห่างใส่เลย
หลังจากปรึกษาหารือกับผองเพื่อนอย่างเจ็น แอตโทเลีย และแฟนสาวอย่างเอ็ดดิสแล้ว โซฟอสก็ต้องนำกำลังกลับไปกู้บ้านกู้เมืองที่กำลังระส่ำระสาย เพื่อนๆไม่อาจให้กองกำลังขนาดใหญ่ หรือตามไปช่วยได้เพราะจะยิ่งทำให้เขาดูเป็นกษัตริย์น้อยลงไปใหญ่ เขาเพียงแต่ได้หารือแผนคร่าวๆกับเจ็น ส่วนที่ว่าจะรับมือกลุ่มขุนนางต่างๆอย่างไรนั้นเป็นหน้าที่ที่โซฟอสต้องไปคิดเอาเอง จะว่าไปโซฟอสยังได้เปรียบเจ็นที่ซูนิสเป็นบ้านเกิดของเขา เขาโตมาที่นั่น พอรู้จักขุนนางต่างๆและยังมีพ่อหนุนหลัง แต่อย่างเจ็นนี่ต้องมานั่งเรียนรู้เรื่องราวภายในของแอตโทเลียอีกหลายเรื่องเลยกว่าจะจัดการกับกลุ่มขุนนางได้
มีคนให้ความเห็นว่าเจ็นหรือโซฟอสพวกนี้เปลี่ยนไปหรือเปล่า เรารักตัวละครได้แต่ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับการตัดสินใจของพวกเขา เหมือนแคร์กันอยู่แค่คนในกลุ่ม ส่วนใหญ่เราก็เข้าใจกับการตัดสินใจของพวกเขานะ ฮิฮิ คนเราไม่ได้ตัดสินใจด้วยสติปัญญาเหนืออารมณ์ไปซะทุกเรื่องนั่นแหละคือความเป็นมนุษย์ บางอย่างมันก็ดูถูกต้องและจำเป็นในเวลานั้นอย่างการตัดมือเจ็นของไอรีนแอตโทเลีย หลังจากอ่านความเป็นมาของเธอแล้วก็พอเข้าใจว่าทำไมเธอต้องทำแบบนั้น ตัวเธอเองแม้จะต้องทนทุกข์ใจกับผลที่ตามมา แต่เธอก็ไม่เคยโทษตัวเองหรือเสียใจที่ทำแบบนั้นในตอนนั้น
เช่นเดียวกับเอ็ดดิสที่เลือกประกาศสงครามเพื่อแก้แค้นให้เจ็น แม้หลังจากนั้นจะเกิดความเสียหายมากมายตามมา เธอก็ต้องแก้ไขปัญหาไปตามเรื่อง การมานั่งเสียใจทีหลังว่าตัดสินใจผิดไปนั้นไม่ช่วยอะไร เธอเชื่ออย่างที่ปลอบแฟนหนุ่มว่า ศีลธรรมจรรยาของผู้ปกครองนั้นต่างไปจากของสามัญชนคนทั่วไป มีแต่ปวงเทพที่ตัดสินการกระทำของเราได้ ซึ่งประเด็นนี้ก็มีบางคนที่ไม่เห็นด้วย เราว่าบรรทัดฐานศีลธรรมมันก็มีมาตรฐานเดียวนั่นแหละ สิ่งที่ต่างกันคือความรับผิดชอบ แต่ถึงผู้ปกครองจะไม่ใช่คนดิบดีนักแล้วไงล่ะ คนดีไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ปกครองที่ดีเสมอไป บางทีผู้นำอาจจะไม่ได้ทำสิ่งที่ถูกต้อง เขาก็แค่ทำสิ่งที่ ต้องทำ ด้วยวิจารณญาณของเขาเองแล้วก็ต้องยืดอกรับผลที่ตามมาอย่างกล้าหาญ
มาถึงเล่มนี้จะเห็นได้ว่าลักษณะนิสัยของตัวละครที่เป็นเอกลักษณ์นั้นคงเดิม แต่ประสบการณ์ชีวิตนั้นเพิ่มขึ้นมากมาย อย่าลืมว่าตัวละครพวกนี้ไม่ได้ดีมากตั้งแต่แรกแล้วนะ อย่าได้หลงเสน่ห์คิดว่าเจ็นและผองเพื่อนเป็นพระเอกแบบขาวๆเชียว เจ็นมีจุดเปลี่ยนที่ถูกตัดมือ โซฟอสก็มีจุดเปลี่ยนของตัวเองในเล่มนี้เหมือนกัน ตั้งแต่เล่มสามเจ็นอาจจะเริ่มชอบอำนาจนิดๆก็ได้ เล่มสี่ก็ทำตัวเป็นแอนนักซ์ เพราะเขามองว่าถ้าจะต้านภัยภายนอกได้ ทั้งสามอาณาจักรต้องสามัคคีกัน ต้องทำให้ภายในสงบให้ได้ไม่งั้นพวกมีดส์ก็จะยึดเอาได้ง่ายๆ ความตั้งใจของเจ็นนั้นดีอยู่ แต่สำหรับวิธีการเราต้องคอยดูกันต่อไป สาเหตุที่คนเขียนให้โซฟอสจำต้องใช้ความรุนแรงเพื่อขึ้นเป็นซูนิสน่าจะเพื่อให้เขาเข้าใจแอตโทเลียมากขึ้น เพราะนางเป็นหญิงที่จำต้องต่อสู้กับบรรดาขุนนางด้วยความเด็ดขาด เหี้ยมโหดเพื่อดำรงตำแหน่งราชินีไว้
ความจริงเอ็ดดิสกับเจ็นคิดว่าลำพังโซฟอสกับกำลังของพ่ออาจจะยึดบัลลังก์มาได้เองแบบไม่โชกเลือดแต่นั่นคงใช้เวลานานแน่ๆ กว่าจะให้โซฟอสคิดแผนการจัดการผู้คน เผลอๆชีวิตโซฟอสจะตกอยู่ในอันตรายด้วยเพราะมีคนลอบฆ่า สู้ใช้ความเด็ดขาดขึ้นครองบัลลังก์ซูนิสในสองเดือนดีกว่า แทนที่จะปล่อยให้คนซูนิสฆ่ากันตายชิงอำนาจ เจ็นกับเเอตโทเลีย อยากให้ซูนิสมาร่วมกันต้านมีดส์ เอ็ดดิสก็ต้องการแผ่นดินของซูนิสให้ประชาชนของตัวเองอพยพเข้าไปอยู่ เพราะภูเขาไฟของเอ็ดดิสมีแนวโน้มที่จะระเบิดแล้วทำลายพื้นที่ส่วนใหญ่ให้อยู่อาศัยไม่ได้ ต่อให้โซฟอสสวามิภักดิ์ต่อเจ็น เธอแต่งงานกับเขาแล้วสวามิภักดิ์ต่อเจ็นด้วยก็ไม่เห็นเป็นไร สรุปโซฟอสก็ถูกหลอกนิดๆเเต่เราค่อนข้างมั่นใจว่าโซฟอสเต็มใจ ดูจากนิสัยแล้ว
โซฟอสเองก็พยายามพูดด้วยแนวคิดในอุดมคติอย่างที่เขาเชื่อกับบรรดาขุนนางเพื่อให้ขุนนางรับรองให้เขาเป็นกษัตริย์แล้วแต่ไม่ได้ผล พวกขุนนางไม่เคารพเขาเลย บางคนมีแผนการใหญ่ให้แต่งงานกับลูกสาวตัวเอง ผลักดันให้เขากลายเป็นหุ่นเชิด เขารู้แล้วว่าคำแนะนำของแอตโทเลียที่ให้ปืนมาก็ตรงประเด็นอยู่ แอตโทเลียไม่ใช่ราชินีที่เหี้ยมโหดโดยไร้เหตุผลอย่างที่เขาเข้าใจอีกแล้วเมื่อมาเจอสถานการณ์เดียวกัน หลังจากเขาตัดใจว่าต้องใช้ความรุนแรง เขาก็ตัดสินใจเปิดของขวัญของเจ็นที่อยู่เบื้องล่าง สิ่งที่เห็นทำให้เขาต้องร้องไห้เมื่อเจอปืนอีกกระบอก
ในเมื่อเจ็นผู้ที่มาจากดินแดนที่ขุนนางแสนจะภักดี(ทหารของเอ็ดดิสยอมตายพร้อมเจ็นด้วยซ้ำตอนถูกจับได้ในเล่มสอง)ยังไม่อาจเห็นทางเลือกอื่น ทำให้โซฟอสตัดสินใจยิงขุนนางที่ร่วมมือกับพวกมีดส์ที่พยายามฆ่าพ่อเขา ก่อกบฏ วางแผนลักพาตัวเขา ถึงแม้ว่าชายผู้นั้นจะมือเปล่า ยิงทูตบาดเจ็บ เพราะทูตกะจะฮุบดินแดนนี้ ความจริงโซฟอสกะจะฆ่าทูตเลยแหละ แต่ปืนสะบัดเลยถูกแขน นี่เรียกได้เป็นจุดเปลี่ยนของโซฟอสสู่ความเป็นกษัตริย์เลยทีเดียว เมื่อเขาตัดสินใจได้ถูกว่าใครคือศัตรูแล้วจัดการเชือดไก่ให้ลิงดู หลังจากนั้นพวกขุนนางที่เหลือต่างลงมติเอกฉันท์ให้เขาเป็นกษัตริย์
ณ จุดนี้บางคนก็ไม่เห็นด้วยเท่าไหร่นะ เราว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก แต่ก็จำเป็น ในสถานการณ์นั้น ในมุมมองของตัวเขาเอง(ที่ถูกเจ็นและครอบครัวบีบมาอีกที) แต่ชัยชนะไม่จบง่ายๆเมื่อพวกมีดส์จัดทัพลับอีกมหาศาลมาถล่มกองกำลังผสมเอ็ดดิสแอตโทเลียเล็กๆที่โซฟอสนำติดตัวมา โซฟอสต้องจัดการกำกับงานพวกขุนนางที่ตอนนี้หันมาภักดีกับเขา ราชาแห่งซูนิสมีทางเลือกที่ปลอดภัยคือหนีเอาชีวิตรอดไปแต่ก็ต้องทิ้งพวกขุนนางไว้ พวกนั้นจะดูหมิ่นหาว่าเขาไม่มีความเป็นกษัตริย์ ความเชื่อมั่นที่ได้มาแสนยากเย็นก็จะสูญเปล่า
โซฟอสตัดใจปักหลัก วางแผนยุทธวิธีสู้รบคร่าวๆที่จะหน่วงพวกมีดส์ไว้ได้ ที่เหลือก็ต้องหวังให้โชคช่วยหรือไม่ก็สู้จนตัวตาย ดีที่เขาไม่โชคร้ายขนาดนั้นเมื่อแอตโทลิสส่งกำลังมาช่วยได้ทันในที่สุด ระหว่างเดินทัพเข้าเมืองหลวง ประชาชนพากันโห่ร้องโยนดอกไม้ใส่เขา โซฟอสอดคิดไม่ได้ว่าถ้าเอาข้าราชบริพารหนุ่มๆสักคนมานั่งบนม้าขาวแทนที่เขา คนพวกนี้ก็ยังคงโห่ร้องยินดีอยู่ดี ไม่ใช่ตัวข้าหรอกที่พวกเขาแคร์ แต่คุณค่าที่ข้ามีต่อพวกเขาต่างหากที่สำคัญ ใครก็ได้ที่สร้างความสงบให้บ้านเมือง ให้พวกเขาได้กินอิ่มนอนอุ่น
เมื่อเขากลับแอตโทเลียไปคุยกับเจ็นผู้เป็นแอตโทลิส โซฟอสถามว่าทำไมเจ็นไม่บอกให้เขาทำตามคำแนะนำของไอรีนตั้งแต่แรก(ว่าต้องใช้ความรุนแรงกำราบขุนนาง) เจ็นบอกว่าเขาอยากให้ราชาหนุ่มน้อยคิดได้ด้วยตัวเอง บางอย่างถ้ามันจำเป็นต้องทำก็ต้องทำ เพราะอะไรที่โซฟอสตระหนักได้เองแล้วจะจดจำบทเรียนนั้นไปชั่วชีวิต เจ็นแปลกใจเมื่อรู้ว่าโซฟอสไม่ได้ข่าวเรื่องกองหนุนเพราะถูกพวกมีดส์ปิดไว้ แต่ก็ยังเลือกจะสู้ตายแบบนั้นอีก ฝ่ายซูนิสกลับไม่สงสัยเลย เมื่อเจ็นบอกให้เขาทำตัวเป็นราชาแห่งซูนิสเขาก็ทำตาม เขาอยากได้ความสนับสนุนจากเจ็นผู้ที่เป็นราชาของเขา เจ็นก็ส่ง เอาง่ายๆว่าพ่อกระต่ายน้อยที่ตอนนี้กลายเป็นสิงโตแล้วเชื่อใจเจ็นเต็มที่ ยูเจนิดิสถึงกลับกลืนไวน์ เอื้อก ก่อนจะเข้าใจว่าเขากลายเป็นแอนนักซ์ราชาแห่งราชันไปซะแล้ว
ฉากความละมุนละไม หัวใจอบอุ่น ที่ประทับใจ
ตอนเป็นทาสโซฟอสยอมรับโทษเฆี่ยนแทนเพื่อน เพื่อนเลยเอาเค้กมาให้กินเป็นการตอบแทนระหว่างนอนเจ็บ ตอนแรกโซฟอสปฏิเสธทั้งที่อยากกินเอามากๆ ก่อนจะตัดสินใจแบ่งกันกินกับเพื่อนคนนั้น
เขามองราวกับว่า ข้ามีปีกงอกขึ้นกลางหลัง เหมือนข้าคือเทพที่โบยบินลงมาจากสรวงสวรรค์ โซฟอสนึก
โซฟอสตัดสินใจพิสูจน์ความเป็นเพื่อนแต่หนหลัง แกล้งกระแทกเจ็นล้มลงไปนอนกองกับพื้นเพื่อทำลายความเย็นชาที่เจ็นมีต่อเขา เจ็นมองหน้าโซฟอสก่อนจะหัวเราะจนตัวงอ น้ำแข็งละลาย ก่อนจะรับมือที่โซฟอสยื่นมาฉุดเขาขื้น ทั้งสองกอดคอกันเดินหัวเราะไปตามทาง
แอตโทเลียกุมมือเอ็ดดิสตอนโซฟอสจากไป เจ็นเข้าไปกอดให้กำลังใจเอ็ดดิสไม่ให้กังวลเรื่องโซฟอส
ตอนที่โซฟอสท้อแท้ในฐานะซูนิส ราชครูที่เคยเป็นครูเก่าบอกว่า ไม่เป็นไรพ่ะย่ะค่ะ ราชันของกระหม่อม ตอนที่นำกำลังกลับไปซูนิสแล้วเกิดการปะทะมีคนล้มตาย โซฟอสเศร้าใจ ราชครูก็ออกมากอดปลอบประโลมให้กำลังใจ
-บทบรรยายของโซฟอสค่อนข้างขำอยู่หลายตอนนะ
เสียงฟลุตของไฮยาซินธ์ เพื่อนข้า สามารถทำให้คนหูหนวกร่ำไห้ได้ (อ่านแล้วนึกถึงประโยคนี้ "ถ้าพระองค์สีซอแบบนั้นคงไฟลุก"555)
อยู่บนหลังม้าข้าก็ได้แต่กวัดแกว่งดาบไปมา หวังว่ามันจะไม่ฟันถูกหูม้าที่ขี่อยู่ขาด
ยิ่งเข้าคู่กับเจ็นยิ่งขำ
"โซฟอสนี่เจ้านอนโดยมีมีดอยู่ใต้หมอนหรือ
ไม่เชื่อความปลอดภัยในวังของข้ารึ ข้าน้อยใจนะ"
เจ็นแหย่ด้วยน้ำเสียงผิดหวัง
"เชื่อสิ" โซฟอสกระดากใจ
เจ็นหัวเราะ ก่อนเอ่ยต่อ "ไม่ต้องห่วง ข้ากับเมียก็มีมีดไว้ใต้หมอน กับปืนพกที่เข้าคู่กันแขวนอยู่ที่เสาเตียง"
"ทำไมข้าไม่แทงท่านเสียในตรอกนี่แล้วขึ้นเป็นแอนนักซ์เหนือซูนิส เอ็ดดิส แอตโทเลียซะเอง" โซฟอสบ่น
"แทงกันก็ออกจะใจร้ายไป แต่เชิญเอาตำแหน่งแอนนักซ์ไปได้เลยด้วยตามเต็มใจจากข้า"
"แต่ไม่ใช่จากแอตโทเลีย" โซฟอสเอ่ย
ยูเจนิดิสเห็นด้วย "อย่าแทงข้าจะดีกว่า"
เจ็นตัดพ้อ "ข้าไม่ใช่เอ็ดดิส ผู้คนไม่ยกหัวใจให้ข้าหรอก" โซฟอสแปลกใจ เป็นเขา เขาคงเอาหัวใจเสียบไม้จิ้มฟันมอบให้เจ็นเป็นแน่
เมื่อกำลังทหารที่ขอไปได้มานิดเดียว
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแอตโทเลียคงปราบกบฏได้ด้วยคนสิบคนกับมีดพกเล่มเดียวเป็นแน่โซฟอสคิด
"พระองค์ละเมิดสัญญาสงบศึก ทรงใช้อาวุธในแดนศักสิทธิ์ ทรงลบหลู่ปวงเทพ" ทูตมีดส์กล่าวหาโซฟอสผู้ตอนนี้ได้เป็นซูนิสแล้ว
โซฟอสยกมือขึ้นมา พลางเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเบื้องบน รอสักพักก็ไม่มีฟ้าผ่าลงมา
"เดาว่าเทพคงอยู่ข้างข้า" เขายิ้ม