กุมภาพันธ์ 2557

 
 
 
 
 
 
1
2
3
5
7
8
9
10
12
13
14
16
17
18
19
20
21
22
23
25
26
27
28
 
 
First Backpack Trip >> HK >> DAY 1



ทั้งๆที่ต้องรีบตื่นแต่เช้า แต่4สาวก็นั่งเม้ามอยกันจนดึกดื่น
นอนก็ไม่ค่อยจะหลับ ตื่นเต้น ^^


กระเป๋าเดินทางของทุกคนมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน คือ
แพ็คของไว้แค่ฝั่งเดียวของกระเป๋า อีกครึ่งหนึ่งโล่งงงงงง
ไว้ช๊อปเต็มที่ เย่ๆ

ภาพที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นภาพจากกล้องของเพื่อน
มีภาพจากไอโฟนเราเองล้างประปราย





Hongkong airline บริการก็โอเคค่ะ ใช้ได้
แม้ภาษาอังกฤษสำเนียงพวกนางจะฟังยากมาก
โดยเฉพาะกัปตัน เราไม่รู้เลยว่านางพูดอังกฤษหรือภาษาจีนอยู่ 55
และมีปัญหาเรื่องอาหารที่สั่งล่วงหน้าไว้ ได้ไม่ตรงกับที่สั่ง
แต่ก็ไม่เป็นไร เอาไรมาให้กินก็กินค่ะ


ดูหนังจบไป1เรื่อง หนังฟังเพลงต่อเคลิ้มๆยังไม่ทันหลับ
ก็มาถึงฮ่องกงกันแล้ว


แผนที่แสดงตำแหน่งแบบreal time


มาถึงก็ผ่านตม.มาอย่างง่ายดาย แทบไม่ดูหน้าด้วยซ้ำ


และแล้วก็มาเหยียบแผ่นดินฮ่องกงแ้ว้ววว ^^




พอออกจาก immigration ระหว่างทางเดินมา arrival hall
จะมีบูธแจกแผนที่อยู่ มีภาษาไทยด้วยค่ะ

จากนั้นพอมาถึงArrival hall มองหา counter Airport Express
เพื่อซื้อบัตร Octopus card คล้ายๆrabbit card บ้านเรา
ใช้เป็นบัตรเติมเงินค่าโดยสารรถไฟฟ้า(MTR) รถรางไฟฟ้า(Peak tram)
รถรางฮ่องกง(Hongkong tram) รถบัสประจำทาง
แถมยังใช้ใน 7-11 เคเอฟซี ซูเปอร์มาเก็ตบางที่ด้วย

ซื้อบัตรที่เคาเตอร์ราคา 200 HKD
(เป็นค่ามัดจำบัตร 50 HKD จะได้เงินคืนเมื่อเราคืนบัตร)

จากนั้นเราก็ต้องหาทางเข้าเมืองกัน
มองหาป้าย To cityค่ะ จะเป็นป้ายสีน้ำเงิน แล้วไปตามป้ายเลย
พอถึงแยกให้เลี้ยวขวา จะเจอป้ายAirbus เดินตามป้ายไปจนสุด
จะมีรถบัสจอดอยู่เยอะแยะมากมาย

เราจะตรงไปที่พักเลย ที่Tsim sha tsui
ก็นั่งรถบัสสาย A21 ใช้เวลาประมาณ1ชม.ก็ถึงที่หมาย
ค่าเดินทาง 33 HKD
บนรถบัสมีWifi เล่นเพลินตลอดทางค่ะ



วิวระหว่างทางเมื่อมองจากรถบัส


เราพักที่ Tai San GH
เป็นเกสต์เฮ้าเล็กๆ แต่สะอาด น่าอยู่ค่ะ
อยู่บนตึกชั้น11 ตอนกลางคืนจะปิดประตูด้านล่างมีคุณพี่ยามเฝ้าประตู
ถ้ากลับดึก จะเข้าได้ต้องกรอกชื่อ หมายเลขหนังสือเดินทางก่อน
แม่บ้านก็เป็นกันเอง นางน่าจะเป็นคนฟิลิปปินส์
พูดภาษาอังกฤษเก่ง แต่ต้องใจฟังนิดนึง



ในห้องมีเตียงแบบนี้2เตียง คั่นตรงกลางด้วยโต๊ะคอมพ์
คือห้องเล็กมากจนไม่สามารถจะยืนถ่ายรูปยังไงให้เห็นมากกว่านี้ได้ 55
ถ้าเอากระเป๋าเดินทางของ4คนวางบนพื้น ก็ไม่เหลือที่ยืนแล้วค่ะ ต้องอยู่บนเตียง
จะเปิดกระเป๋าทีต้องผลัดกัน ไม่งั้นไม่มีพื้นที่

แถมประตูห้องน้ำเป็นกระจกฝ้า วาบหวิวมาก
ต้องปิดไฟอาบน้ำ ไม่งั้นคนข้างนอกจะเห็นเงาเราอาบน้ำ
Smiley

wifi เร็วมากค่ะ viberกลับเมืองไทย คุยได้แบบไม่ดีเลย์เลย
กลิ้งเล่นบนเตียงซักพักก็หิว ไปตะเวนหาของกินดีกว่า


ลงมาจากที่พัก เลี้ยวเข้าซอยข้างๆก็เจอห้าง The One เลย
ตอนนั้นประมาณ 4โมงเย็น คนเยอะมากๆ
สังเกตว่าสาวๆที่นี่ชอบใส่ผ้าใบกันมากๆเลย
น้อยคนที่จะใส่รองเท้าส้นสูง เอ๊ะ รึเพราะเป็นวันเสาร์อาทิตย์นะ




เราลิสต์รายการร้านอาหารที่จะตะเวนกินไว้เยอะมาก
แต่ตอนนี้หิวค่ะ หูอื้อตาลาย คิดไรไม่ออก
เข้าห้างไว้ก่อน เดินเจอร้านบะหมีก็เข้าเลย
ชื่อร้านอะไรยังจำไม่ได้


สั่งบะหมี่เกี๊ยวมากินคนละชาม
โอ้วมายก๊อด ชามมันใหญ่มาก ถ้าสั่งมา2ชามก็คงกินกันได้4คนพอดี
และไม่มีเครื่องปรุงใดๆทั้งสิ้น นอกจากขิงดอง1ถ้วยเล็กๆ
คือ มันจืดมาก เลี่ยนมาก เยอะมาก
บอกเลยกินไปได้1ใน3ถ้วยก็ยอมแพ้
เพื่อนเลยเอาจิ๊กโฉ่ว เทใส่บะหมี่แทน 555

ส่วนเสี่ยวหลงเปาอร่อยมากกกกกก
ปลื้มมมมมมมม

จากนั้นก็เดินสำรวจย่านจิมซาจุ่ย
สืบราคาข้าวของ เครื่องสำอางค์ จดๆราคาไว้เทียบกันหลายๆร้าน
ยังไม่ซื้อ ชะล่าใจว่าเราพักใจกลางแหล่งช้อป จะลงมาซื้อมะไหร่ก็ได้

พวกร้านเฟรนไชน์เครื่องสำอางค์ต่างๆมีเยอะมาก
หลักๆจะมีร้าน Sasa , Bonjour , Colour mix
ซึ่งมีเยอะมากกว่าเซเว่นบ้านเราหลายเท่าตัว
แค่ช่วงตึกเดียวอาจจะSasa 2 ร้าน
ประจันหน้ากับ bonjour ขนาบ colour mix อะไรประมาณนี้

แต่ละสาขาราคาของก็ต่างกันอีกต่างหาก
เดินสำรวจราคากันจนเหนื่อยค่ะ




ขนมอันนี้อร่อย เค้าเรียกไรไม่รู้

แล้วก็เดินตามหา Charlie Brown Cafe
อยากไปร้านนี้มากๆ แม้เพื่อนๆจะเฉยๆ แต่เราอยากมาก
ตอนเด็กๆเคยคลั่งสนู๊ปปี้อยู่พักนึง

ในที่สุดก็หาเจอ
อยู่บนถนน cameron เดินตามถนนไปจนเกือบสุด จะอยู่เยื้องๆกับ Park hotel
ป้ายไฟมันสีสันละลานตาไปหมด ต้องเล็งดีๆ




หน้าร้านเล็กๆ ไม่สังเกตดีๆนี่เดินผ่านเลย



ภายในร้านตกแต่งน่ารักมากกกกก
มีมุมกุ๊กกิ๊กมุ้งมิ้งให้ถ่ายรูปเต็มไปหมด






พวกขนมเน้นตกแต่งหน้าตาน่ารัก น่าให้ควักเงินจ่ายเหลือเกิน
ซื้อมาเสร็จก็ไม่กล้าเจาะหน้าน้องสนู๊ปปี้อีก



ร้านนี้เป็น self service นะคะ
พนักงานส่วนใหญ่หน้าบอกบุญไม่รับ
แต่หลังจากเที่ยวหลายๆวันก็เริ่มรู้ว่าเป็นปกติของที่นี่
จะเน้นเอามารยาทอย่างบ้านเราไม่ได้เลย
บางร้านนี่ซื้อของเสร็จ เค้าแทบจะโยนของใส่เรา
ซื้อลูกชิ้นกิน เค้าจุ่มน้ำจิ้มแล้วก็โยนตู้มมาใส่ถาดตรงหน้าเรา แอบอึ้ง

จะมีเฉพาะร้านในห้าง ช๊อปพวกแบรนด์เนม ที่จะพูดเพราะ
บริการดีเลิศ มารยาทเลิศล้ำสุดๆ


รูปสุดท้ายก่อนออกจากร้านก็พยายามตั้งกล้องถ่ายกันเอง
พยายาม self service ตามคอนเซปต์เค้าอ่ะนะ
ก็มีพนักงานชายผู้หนึ่ง หน้าตาดี ขอกรี๊ด3ที
เข้ามาช่วยถ่ายรูปให้ อร๊ายยย
พี่กดชัตเตอร์ไปหลายรูปมาก
นี่คือรูปที่ชัดที่สุด 555

ก็ขอขอบคุณเป็นอย่างมากค๊าาา ^^


จากนั้นก็เดินไป Avenue of star กันค่ะ
เพื่อเตรียมไปดูโชว์ A symphony of light multimedia show
ที่ริมอ่าววิคตอเรียกัน

การแสดงจะเริ่มตอน 20.00น. ต้องรีบจ้ำกันหน่อย
เดินไปเม้าไป พอหอบเล็กน้อยก็มาถึงแล้ว
...Avenue of star





คนมารอดูโชว์เยอะมากๆ
คนเยอะขนาดนี้ พี่เฉินหลงอยู่ไหน มือใครประทับตรงไหน
ไม่ต้องพูดถึงเลย หาไม่เจอค่ะ

ขนาดโชว์ยังไม่เริ่ม แค่เห็นตึกจำนวนมากประดับไฟ เล่นสีสันแข่งกัน
เรียงเต็มอ่าววิคตอเรีย
คือแค่เห็นก็ฟินแล้ว รู้สึกนี่ล่ะฮ่องกง ช้านมาถึงที่แล้ว




โชคไม่ดีวันนั้นเมฆเยอะมาก ไฟที่เปิดช่วงโชว์จึงมีเฉพาะไฟสีเขียว
ไฟสีขาวมันกลืนหายไปกับเมฆหมด เค้าเลยไม่เปิดมั๊ง
เลยไม่ฟินสำหรับโชว์ เฉยๆค่ะ
คิดว่าถ้ามาช่วงเทศกาลที่เค้าจุดพลุกัน คงจะสวยมากๆ





หมดพลังในวันแรกไปอย่างมาก ต้องไปนอนเอาแรง
ไว้ตะลุยในวันที่ 2 ต่อ


see you soon ^^







Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2557
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2557 21:52:25 น.
Counter : 1045 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

meddytale
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



New Comments