กันยายน 2557

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
27
28
29
30
 
 
once upon a time in myanmar part2 เมื่อฉันท้องเสียที่พม่า


อย่างที่บอกไว้พาร์ทที่แล้วนะคะ
ทริปนี้ได้ทำรีวิวลงพันทิปไปแล้ว
แต่อยากจะเก็บไว้ในบล๊อกแก็งด้วย
เลยเอามาอัพซ้ำ แบบก๊อปวางค่ะ

 ^^


มาต่อที่วันที่ 2 กันเลย 


แพลนของวันนี้ค่ะเดินทางจากพระธาตุอินทร์แขวน ไปเที่ยวที่บาโก(หงสา)
จากนั้นบ่ายๆนั่งรถไฟไปยังย่างกุ้งค่ะ

ตั้งใจเอาไว้ว่าจะเดินขึ้นไปไหว้พระธาตุอินทร์แขวนให้ได้ 3 ครั้ง
ดังนั้นเช้านี้เลยต้องรีบตื่นแต่เช้ามืดเพื่อไปไหว้รอบสุดท้ายก่อนลงเขาค่ะตื่นตั้งแต่ตีห้าครึ่ง อาบน้ำเก็บของ รีบออกไปไหว้พระธาตุตอนหกโมงเช้า

นี่ขนาดออกมาแต่เช้า กลายเป็นว่าเดินสวนกับชาวพม่าจำนวนมากที่เค้าเดินลง
คืออะไรอ่า เพิ่งหกโมงเอง กลับกันละหรอ




เย่! ทันใส่บาตรด้วย อาหารก็ซื้อจากเด็กๆแถวนั้นทำข้าวนึ่งกับปลาท่องโก๋แพ็คใส่ถุงเป็นชุดๆ ชุดละ 1000 จั๊ตเลยอุดหนุนเด็กๆไป2ชุด 





บรรยากาศรอบๆพระธาตุยามเช้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยมีถาดเครื่องสักการะวางเต็มไปหมด
แล้วก็ยังมีคนนั่งจับกลุ่มสวดมนต์กระจายอยู่รอบๆ



เครื่องสักการะถาดละ 3000 จั๊ต





อากาศตอนเช้าดีสุดๆ




จากนั้นก็รีบมากินอาหารเช้าของโรงแรม
เป็นบุฟเฟต์ อาหารมีให้เลือกหลายอย่างมากๆค่ะแต่หมดซะส่วนใหญ่
เพราะกรุ๊ปทัวร์เค้ามากินกันก่อนแล้วค่อยไปไหว้พระธาตุทีหลัง
ส่วนเราไปไหว้พระธาตุก่อนค่อยลงมากิน เลยเหลืออาหารไม่เยอะ
ได้ข้าวเปล่า
+ผัดวุ้นเส้น+ไข่เค็ม1เสี้ยวที่ไม่มีแดง
แถมหาโต๊ะนั่งกินไม่ได้ทุกคนนั่งกระจายตัวโต๊ะละไม่กี่คน
เห็นโต๊ะนึงมีคุณน้านั่งอยู่คนเดียว(โต๊ะนั่งได้
6 คน) เลยไปขอนั่งด้วยค่ะ
คุณน้าให้นั่งแต่ทำหน้าไม่ค่อยต้อนรับเท่าไหร่ ชี้ให้นั่งริมสุดของโต๊ะ
เพราะตรงอื่นมีคนนั่ง ยังไงก็ขอบคุณที่ให้นั่งด้วยนะคะ 

เรารีบกินรีบเปิดแน่บค่ะเช็คเอ๊าเสร็จแบกเป้เดินไปขึ้นรถขนหมูเลย


นั่งรถขนหมูขาลงมันส์กว่าขึ้นอีก
เพราะคราวนี้ได้รถแบบไม่มีพนักพิง เป็นแค่ไม้กระดานกว้างประมาณ
1คืบ
หุ้มเบาะพอนิ่มๆ พาดขวางบนรถ
6ล้อ ประมาณ5-6แถว แล้วก็นั่งอัดๆกัน
นึกภาพซิ่งลงค่ะ รถดิ่งลงด้วยความเร็วรถ
+แรงโน้มถ่วงโลก
โอ้ววววมันส์เกินจะบรรยายค่ะ อากาศเย็นๆปะทะหน้า
วู้วๆๆพร้อมกับต้องใช้กำลังกล้ามเนื้อขาและกล้ามเนื้อตรูดในการทรงตัว
เพราะมือ
2ข้างต่อให้อยากเกาะ ก็ไม่มีอะไรจะให้เกาะ
จะเกาะหัวคนข้างหน้าก็ใช่ที่
555



เหตุการณ์หลังจากนี้ขอพิมพ์ยาวนิดนึงนะคะ เป็นประสบการณ์ที่ไม่สามารถมีรูปถ่ายได้
และยากจากลืมจริงๆ
555
(ขออภัยหากมีคำไม่สุภาพบ้างเพื่ออรรถรสนิดนึงนะคะ)


ลงมาถึงคินปุนแคมป์ประมาณ 8โมง10นาที  รีบเดินไปท่ารถที่จองตั๋วลงจากเขาเพื่อไปบาโกไว้
แต่รถรอบแปดโมงออกไปแล้ว เค้าให้รอไปรอบเก้าโมงได้
ทีนี้เริ่มรู้สึกปวดท้องถ่ายค่ะพนง.ที่ท่ารถชี้ให้ไปเข้าห้องน้ำของร้านอาหารแถวนั้น
แต่สภาพห้องน้ำแบบ...เห็นแล้วหายปวดทันที คือขรี้ไม่ลงจริงๆ
เลยไม่ได้ทำธุระแล้วมันก็หายปวดแล้วจริงๆอ่ะ

ได้เวลาขึ้นรถเฮียญี่ปุ่นที่เจอกันเมื่อวานก็ขึ้นรถรอบเดียวกันอีกแล้วนั่งอยู่ข้างหลังเราพอดี
และมีเพื่อนเดินทางคนใหม่ เป็นหนุ่มน้อยญี่ปุ่นมานั่งด้วยข้างๆ คุยเก่งเฟรนลี่มากๆ
น้องเล่าว่าเดี๊ยวเที่ยวพม่าอีกไม่กี่วันก็จะไปเที่ยวไทยต่อ
เลยแนะนำที่เที่ยวให้หลายๆที่ 


คุยกันไปเพลินๆเริ่มรู้สึกปวดท้องถ่ายอีกละ
ก็คิดว่าปวดขรี้ธรรมดานี่ล่ะ ซักพักเดี๋ยวก็ผ่อน
พอถึงแวะพักกินข้าวค่อยไปห้องน้ำละกันเลยนั่งอดทนไป


แต่...มันยิ่งปวดหนักขึ้นๆๆๆๆๆ
ปั่นป่วน อ๊ากกก ขนลุก ลมเย็นหวิวๆ รู้สึกจะเป็นลม
ใช่ละอาการแบบนี้เป็นบ่อยท้องเสียชัวร์
เราเป็นคนท้องเสียง่ายค่ะแล้วถ้าไม่ได้เข้าห้องน้ำทันทีมักจะเป็นลม
(แม่บอกว่าโบราณเค้าเรียกว่า ลมหัวขรี้)


ไม่ไหวแน่ๆถ้าจะนั่งทนต่อไปแบบนี้
อาจเสี่ยงต่อเหตุการณ์ขรี้ไหลบนรถบัสปรับอากาศ
หรือเป็นลมอยู่บนนี้แน่ๆ

ตัดสินใจหันหน้าไปหาน้องญี่ปุ่น
“
I think I got a diarrhea”
น้องญี่ปุ่นทำหน้าฟังที่เราพุดไม่รู้เรื่องอยู่ประมาณครึ่งวิ
จากนั้นก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นตกใจอย่างมาก
ฮีคงเห็นเราหน้าซีด เหงื่อแตก
รีบช่วยตะโกนบอกเรียกให้คนช่วย
เราก็เริ่มฟังไม่ออกละว่าฮีพุดอะไรบ้างสติสัมปชัญญะใกล้จะหลุดละ


อึดใจเดียวพนง.ของรถซึ่งเป็นพี่หม่องตัวใหญ่เบ้อเริ่มเดินมา
เรารีบตะโกนเลย
toilet toilet pleaseeeeeeee
พี่หม่องเดินไปบอกคนขับรถแล้วซักพักก็เดินมาคว้าเราไป
เราก็เดินตามลงไป 

ระยะทางจากที่นั่งซึ่งอยู่ตอนกลางๆของรถ
รู้สึกระยะทางมันไกลมาๆ
ขาเริ่มไม่ค่อยมีแรงก้าว ยิ่งก้าวยิ่งรู้สึกขามันย่อลงๆ
แล้วก็ ฟุ่บ
!! เหมือนใครปิดสวิตท์


รู้สึกตัวอีกทีมีเสียงพี่หม่องหลายเสียงตะโกนใส่ 
“you you , stand up”
ลืมตามาอีกทีอ้าวตรูกองอยู่กับพื้นข้างๆคนขับได้ไงเนี่ย
กำลังงงๆ ก็มีมือพี่หม่องคนเดิมคว้าแขนเราให้ค่อยๆลุกขึ้น
แล้วก็จับต้นแขนเราไว้ให้เราค่อยๆเดินลงจากรถพาไปยังร้านขายของชำแห่งหนึ่ง


ใจเราตอนนั้นเฮ้ยยยแล้วถ้าตรูเข้าห้องน้ำนานล่ะ
(คือท้องเสียอ่ะมันก้ต้องนานป่ะ)
เค้าจะรอมั๊ยแล้วเป้เราล่ะ อยู่บนรถ
แล้วถ้า...โอ๊ยความกลัวสารพัดอยู่ในหัว
(ที่สติสัมปชัญญะก็ยังกลับมาไม่เต็มที่)
หันไปบอกพี่หม่องว่ากระเป๋าไออยู่บนนั้น ยูจะรอไอมั๊ย ถ้าไอไปนานล่ะ
พี่หม่องก็คงฟังอังกฤษได้รู้บ้างไม่รู้บ้าง
บอกแค่
“it’s OK, It’s OK”   อิทสโอเคของพี่นี่คืออะไรคะ


และเมื่อมาถึงห้องน้ำ เราก็เอาว่ะเข้าห้องน้ำก่อนละกัน
หวังว่าจะรอช้านนะ
ห้องน้ำสภาพแย่กว่าเมื่อเช้าที่เราเข้าแล้วขรี้ไม่ออกอีก
แต่จังหวะนี้แล้วไม่ต้องบิ๊วเลยค่ะ
หลังจากนั้นคงไม่ต้องบรรยายนะคะ โล่งสุดๆหมดเนื้อหมดตัว 

แต่เฮ้ยยยยยย
ในห้องน้ำมีถังน้ำใบเล็กใบเดียวที่มีน้ำอยู่ไม่ถึง
1ขัน
ตักราดทีเดียวเกลี้ยงถัง แต่ไม่ส่งผลใดๆต่อส้วมเลย
ตายละทำไงดี เต็มส้วมเลยน้ำชำระไม่ต้องพูดถึง
พยายามมองทั่วห้องก็ไม่มีอะไรอีกเลยนอกจากถังนี้ที่ขณะนี้ว่างเปล่าแล้ว
ทิชชู่ก็ดันอยู่ในเป้บนรถ


ทันใดนั้นก็นึกขึ้นมาได้ว่า
ในกระเป๋าสะพายไหล่ใบเล็กที่ติดตัวมาด้วยมีสมุดโน้ตที่เราเอาไว้จดบันทึกการเดินทาง
จัดไปหน้าสุดท้ายสีชมพูหวานแหวว หุหุ
ณ จุดนี้แล้วต่อให้ต้องใช้กระดาษลังเช็ดก็ยอมค่ะ


แล้วก็เดินออกมาบอกเจ้าของร้านว่าน้ำไม่มีแล้ว
ขอน้ำเพิ่มจะราดส้วม แต่นางทำหน้าฟังไม่รู้เรื่องแล้วเดินหนีอย่างเดียว
(อารมณ์ประมาณตอนเด็กๆเราเดินหนีฝรั่ง เพราะฟังมันพูดไม่ออก)
จังหวะเดียวกันพี่หม่องคนเดิมก็เดินมาคว้าเราไปขึ้นรถ 

บร๊ะเฮ้ยยยยย ยะ ยะ ยังไม่ได้ราดส้วมมมม 

พยายามบอกพี่หม่อง ฮีก็ฟังไม่รู้เรื่อง ลากเราขึ้นรถไป

ป่านนี้คุณป้าเจ้าของร้านคงสรรเสริญเราแย่เลย
เต็มส้วมเลยยยย
หนูขอโทษจริงๆค่ะ คือหนูพยายามแล้วนะ
แต่...เฮ้อออออ 

ไหน!!!!ใครบอกพม่าคุยภาษาอังกฤษเก่ง


จังหวะก้าวขึ้นรถบัสพร้อมกับทุกสายตาจับจ้องมาที่เรา
เป็นอะไรที่สุดจะบรรยาย อยากจะเอาหน้ามุดพื้นรถ
คือทุกชีวิตบนรถนี้ ไม่ว่าจะพม่า ญี่ปุ่นทั้ง
2 และฝรั่งนั่งหลังสุดอีก2 คน
รอช้านนนขรี้คนเดียว เป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือนจริงๆ



ประมาณเที่ยงครึ่งเราก็มาถึงบาโกค่ะ
พอลงจากรถ ก็มีพี่หม่องมากมายเข้าชาร์จทันที 
ถามว่าไปไหนมอเตอร์ไซค์รับจ้างมั๊ยตุ๊กๆรับจ้างมั๊ย กินข้าวมั๊ยบลาๆๆ
แต่เราหาข้อมูลมาแล้วให้เดินข้ามถนนไปอีกฝั่ง
จะมีร้านอาหารที่มีบริการจ้างมอเตอร์ไซค์พาเที่ยว

ตอนแรกเค้าคิดค่าจ้าง 20,000 จั๊ต รวมค่าธรรมเนียม 10 USD(ประมาณเก้าพันกว่าจั๊ต)
อีก
1หมื่นจั๊ตเป็นค่าจ้าง ซึ่งเราว่าแพงอยู่อ่ะ
เลยเขียนใส่กระดาษว่า
15,000
แล้วบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า  ONLY!!!
เรียบร้อย ได้ราคาตามใจเราทันที ^^


มอเตอร์ไซค์ที่พาไปกึ่งเก่ากึ่งใหม่มีหมวกกันน๊อคให้ (เป้สามารถฝากไว้ที่ร้านได้)
การจราจรที่บาโกนี่โหดสุดๆบีบแตรกันเป็นว่าเล่น
ตัดหน้ากัน เบรกระยะประชิด เสียงแตรรถได้ยินทุกๆ
2วินาที
คือ ดังตลอดเวลาจนไม่ร้ใครบีบแตรใส่ใคร
มันดังทั่วๆรอบตัวไปหมดเอิ่มมม


ที่แรกที่ไปคือ เจดีย์ชเวมอว์ดอว์ (พระธาตุมุเตา)
พอเข้าไปบริเวณวัดก็ต้องถอดรองเท้าเช่นเคย แต่โอ้วววว มันร้อนมากกกก
พื้นวัดตอนเที่ยงครึ่งนี่สุดๆจริงๆ  เดินไม่ได้ค่ะ วิ่งเท่านั้น 







ต่อไปไปดูพระนอนที่วัดแห่งหนึ่งไม่ทราบชื่อค่ะ

จริงๆเราตั้งใจจะไปวัดพระนอนชเวตาเลียว ตอนไปถึงวัดก็คิดว่าใช่
มารู้ตอนกลับมาเมืองไทย เปรียบเทียบกับรูปรีวิวอื่น
เฮ้ยยย มันไม่เหมือนกันอ่ะทั้งสภาพวัดและองค์พระ
คือพี่หม่องหลอกพาช้านไปวัดไหนมาเนี่ย





ตรงนี้พี่หม่องบอกว่าเป็นเจดีย์เก่าแก่ของวัดอายุเกือบพันปี



ที่ต่อไปตามแพลนจะต้องเป็นพระราชวังบุเรงนอง
แต่พี่หม่องถามอะไรมาซักอย่าง ฟังไม่ค่อยออก ได้ยินว่า snakepagoda อะไรซักอย่าง
เอ...หาข้อมูลมาก็เยอะ ไม่เห็นเคยได้ยินเจดีย์ชื่อนี้ สงสัยฟังผิดอ่ะๆไปก็ไป เวลาเหลือเยอะ

วัดนี้ชาวพม่าเยอะมากๆ มองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นมีเจดีย์อะไร 
พี่หม่องพาเข้าไปในอาคารชั้นเดียวหลังเล็กหลังหนึ่งที่มีคนแน่นขนัด รองเท้ากองเต็มหน้าทางเข้า

เข้าไปก็ ชรึ่งงงง เข้าใจละ snake pagoda คือสิ่งนี้นี่เอง


นางคือ งูอายุ 125 ปี
พี่หม่องใช้สรรพนามเรียกงูว่า she 
ตามความเชื่อของพม่านอกจากนับถือศาสนาพุทธกันแล้ว ยังนับถือ นัต หรือเทพ
ซึ่งจะตำนานการมีตัวตนของเทพเหล่านั้นเมื่อสมัยยังเป็นมนุษย์อยู่ก่อน
เมื่อตายแล้วก็กลายเทพ ชาวพม่าจะนับถือกันมาก
ที่ดังมาถึงไทยก็มี เทพทันใจเทพกระซิบค่ะ


งูที่พี่หม่องพามาดูก็เป็นนัตองค์หนึ่งตามความเชื่อชาวพม่า
บนฝาผนังในอาคารมีรูปนางเลื้อยอยู่บนพระสงค์หลายรูป
(น่าจะเป็นเกจิอาจารย์ดังของพม่า)พี่แกก็ชี้ให้ดูว่า
นางเคยไปอยู่กับองค์นี้กี่ปี แล้วก็มาอยู่กับองค์นี้แล้วก็องค์นี้ๆๆๆ
รวมๆอายุนางก็ได้
125 ปี
เมื่อก่อนที่บริเวณนี้ จนมาก มีแต่
bamboo hut
แต่พอนางมาอยู่ที่นี่แถวนี้ก็เจริญขึ้น ชาวบ้านจึงเลื่อมใสมากๆ


ที่ต่อไป เป็นที่สุดท้ายของบาโกแล้ว
จริงๆเราโล่งใจที่จะหมดซักที ส่วนตัวไม่ค่อยประทับใจบาโกค่ะไม่เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวเลย

พระราชวังบุเรงนอง
ตรงนี้เป็นส่วนจำลอง




ตรงนี้พี่หม่องไม่ได้พาเข้าไปไม่ทราบเพราะอะไร คือเค้าบอกแหละ แต่ฟังไม่ออก





เริ่มยาวไปแระ 
ขอตัดตอน partต่อไปเป็นเรื่องราวการขึ้นรถไฟในพม่าค่ะ








Create Date : 26 กันยายน 2557
Last Update : 26 กันยายน 2557 21:13:47 น.
Counter : 1658 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

meddytale
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



New Comments