2014 Northern Spain : Bus tour รอบแคว้นกาลีเซีย
บล็อกก่อนหน้า : Pontevedra เมืองเล็กน่ารัก
จริง ๆ ก็ไม่รอบแคว้นหรอก..
เรื่องของเรื่องมันเกิดจากการที่ป๊าเริ่มเหวี่ยงเริ่มงอแง เพราะขี้เกียจขับรถ บอกขับยาก ไม่รู้ต้องไปทางไหน ขับไปไหนก็หลง
พวกเราเลยตกลงกันว่า งั้นหารถบัสพวก Private tour ดีก่า จะได้ไม่ต้องขับรถวนหลงไปทั่ว
ทางโรงแรมช่วยติดต่อทัวร์ให้เจ้านึง ชื่อ Gallaecia tours
เดินทางโดยรถตู้ แบบนี้
รถตู้ จริง ๆ น่าจะนั่งได้เกือบสิบคน แต่วันที่เราไปมีแค่กรุ๊ปพวกเราเท่านั้น มีทั้งหมด 4 คน ดังนั้นคุณไกด์(ซึ่งเป็นคนขับรถด้วย) จึงบอกว่า เวลาเป็นของพวกเราทั้งหมด อยากหยุด อยากจอดที่ไหนเวลาเท่าไหร่ ตามสบายพี่เลย
คุณไกด์ชื่อมาร์ติน.. สุดหล่อ
อิฉันแอบมอง ดูแล้วเค้าแอบ ๆ เหมือนอนันดาแฮะ แถมพูดอังกฤษเก๊งเก่ง อิฉันจึงจองที่นั่งด้านหน้า ข้าง ๆ คนขับทันที
คุณมาร์ติน มารับพวกเราที่โรงแรมตอน 10 โมงเช้า สอบถามว่าพวกเราอยากไปเที่ยวประเภทไหน พวกเราเลยบอกอยากไปพวกธรรมชาติ อยากดูอะไรที่มันกาลิเซี๊ย กาลิเซียอ่ะค่ะ คุณมาร์ตินบอกได้เลย เดี๋ยวจัดห้ายยยย.. (เค้ามีที่แวะอยู่ประมาณ 40 จุดใน route นี้ เค้าจะสอบถามนักท่องเที่ยวว่าชอบแนวไหน จะได้จัดให้เหมาะกับกรุ๊ป)
อันนี้ขับรถผ่าน วิวสวยดี
ขับออกนอกเมืองซักพักนึง คุณอนันดา เอ๊ย มาร์ติน ก็เลี้ยวเข้าถนนเล็ก ๆ ที่ไม่มีป้ายใด ๆ บ่งชี้ว่าไปไหน บอกว่าจะพามา Unseen Galicia ซะหน่อย ที่นี่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก และแม้แต่มาร์ตินก็ไม่ค่อยได้พาใครมา แต่ดูจากกรุ๊ปเราแล้ว น่าจะชอบ
พามาจอดที่นี่
หมู่บ้านเล็ก ๆ ในแคว้นกาลิเซีย
หมู่บ้านที่เงียบสงบ ห่างไกลตัวเมือง
สวย สงบมาก
ธรรมชาติสวยงาม สงบเงียบ อากาศสะอาดบริสุทธิ์มาก
มาร์ตินบอกบ้านเรือนแถบนี้ราคาถูก เมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว แทบไม่มีใครอยากจะมาอยู่ที่นี่ บ้านราคาถูกแบบแทบจะแจกกันฟรี ถนนก็เพิ่งตัดผ่านมาไม่นาน
สมัยก่อน (ไม่กี่ปีที่แล้ว) การเดินทางมาแถบนี้ เค้าเดินทางกันโดยเรือสะดวกกว่า เพราะถนนไม่ค่อยมี แคว้นกาลีเซีย จะมีภาษาของเค้าเอง พูดภาษากาลีเซียน จะมีคนไม่มากที่ใช้ภาษาสเปน (คงเหมือนชนกลุ่มน้อย หรือพวกชาวเขาของไทยล่ะมัง) คนแถบนี้เค้าจะอยู่กันแบบพึ่งตนเอง แต่ละบ้านจะมีวัว 1-2 ตัว ไว้กินนม เลี้ยงไก่ไว้กินไข่ ทำไร่ทำนาปลูกผักหญ้าไว้กินเอง คือจะเป็นเกษตรกรกันเกือบ 100% และคนกาลีเซียนอาจจะดูไม่ค่อยเป็นมิตร พูดจาโผงผาง แต่ไม่ต้องกลัว มาร์ตินจะปกป้องพวกเราเอง ฮิ๊วววววว...
พวกเราเดินเตร็ดเตร่อยู่แป๊บนึง ชื่นชมธรรมชาติ แล้วก็ออกเดินทางต่อ
ขับรถขึ้นเขามาเรื่อย ๆ เรื่อย ๆ เรื่อย ๆ ข้ามเขามาไม่รู้กี่ลูก
เจอกังหันเรียงรายเป็นแนวยาว
มาแวะที่จุดชมวิว จุดที่สูงที่สุดบนยอดเขา
มองข้ามฝั่งไปจะเจอชายหาดขนาดยาว 7 กิโล สวยงามมาก
มาร์ตินบอกว่าบ้านแถบนี้ราคาถูกมากๆ ซักประมาณ 2-3 ล้านบาทก็ได้บ้านหลังมหึมาแล้ว ช่วงหน้าหนาว จะไม่มีคนอยู่เลย ชายหาด 7 กิโลจะมีคนอยู่ซักประมาณ 10 หลังคาเรือนเท่านั้น เพราะมันหนาวมาก เป็นน้ำแข็ง เป็นหิมะหมด ทางถูกตัดขาด
ช่วงเวลาที่อยู่กันเยอะจริง ๆ จะมีแค่ไม่กี่เดือน ซึ่งเจ้าของบ้านแถวนี้ จะเป็นพวกคนทางนอร์เวย์ ฟินแลนด์ สวีเดน มาซื้อกันซะมาก เพราะทางนู้นมันหนาวกว่า พอหน้าร้อนก็แห่กันมาพักแถว ๆ นี้เพียบ
คุณไกด์มีหนวดนั่นล่ะค่ะ มาร์ติน
หล่อมั๊ย ..
หล่อเนอะ
ตากลมหนาวดูวิวกันจนริมฝีปากเริ่มม่วง พวกเราก็เดินทางต่อ..
ตอนที่เริ่มออกเดินทางเข้าแคว้นนี้ อิฉันสังเกตเห็นสิ่งก่อสร้างแปลก ๆ แบบหนึ่งอยู่เต็มไปหมด เหมือนจะมีอยู่ทุกบ้านทุกฟาร์มเลยทีเดียว
มันสร้างโดยหิน มีเสาแบบยกสูง มีหลังคาเหมือนหลังคาบ้านและมีไม้กางเขนแปะอยู่บนหลังคาทุกหลัง ขนาดที่เห็นทั่วๆ ไประหว่างทางก็ขนาดพอ ๆ กะความยาวของตัวคน
แหม่.. อิฉันก็เป็นคนมีจินตนาการอ่ะนะคะ อิฉันว่าดูแล้วหน้าตามันเหมือนโลงใต้ถุนสูงยังไงยังงั้น มันจะเป็นอะไรไปได้นอกจากห้องเก็บบรรพบุรุษชาวกาลีเซียน
อิฉันถามมาร์ตินว่ามันคืออิหยังหนอ?? มาร์ตินบอกรอก่อน เดี๋ยวเค้าจะพาไปดู..
และแล้วนี่ก็คือสิ่งที่มาร์ตินพาเรามาดู..
สรุปว่า มันคือยุ้งฉางเก็บพืชผัก
เค้าสร้างกันมานานแสนนานตั้งแต่สมัยโบราณ เป็นของดี OTOP เมืองกาลีเซียน ที่มีกันทุกหลังคาเรือนก็เพราะบ้านแต่ละหลังเค้าจะเอาเก็บพืชผักของเค้าเอง ที่ต้องอยู่บนขาหยั่งทรงกลม ก็เพราะไว้ป้องกันหนูไม่ให้ไต่ขึ้นไปได้ เพราะถึงแม้จะสร้างซะสูงบนเสา แต่ถ้าสังเกตดูดี ๆ จะไม่มีบันไดเลย มีแต่หินที่ตั้งไว้สูง ๆ ไว้ให้เวลาคนจะปีนขึ้นไปเอาของ และรูที่อยู่เป็นร่อง ๆ ตามผนังนั้นก็ไว้เพื่อระบายอากาศ แต่เป็นแบบเอียง ๆ ลงมา เพื่อที่ฝนตกจะได้ไม่กระเซ็นเข้าไปได้ ภูมิปัญญาชาวบ้านจริง ๆ เนอะ
ส่วนอันนี้ที่มาร์ตินพาเรามาดู จะไม่ใช่แบบบ้าน ๆ ทั่วไป เพราะอันนี้เป็นยุ้งฉางของหมู่บ้าน ซึ่งเมื่อ 200 กว่าปีที่แล้ว 2 หมู่บ้านใกล้ ๆ กัน เค้าแข่งกัน คืออยู่ ๆ อีหมู่บ้านนึงดันสร้างยุ้งฉางอันใหญ่ยาวขึ้นมา อีหมู่บ้านใกล้ ๆ ก็เอ๊ะ ยอมไม่ได้เฟร้ย ยาวกว่าตรู ปีต่อมาหมู่บ้านที่สองก็สร้างยาวกว่าเพื่อที่จะเอาชนะ ซึ่งก็ไม่น่าจะเดายาก ว่าหมู่บ้านแรกก็คิดว่ายอมไม่ได้เช่นกัน ทั้งสองหมู่บ้านจึงสร้างยาวขึ้น ยาวขึ้น ยาวขึ้นเรื่อย ๆ
จนสุดท้าย เมื่อมันยาวเกินเหตุ มันก็พังลงมา หลังจากนั้นเค้าก็เลิกแข่งกัน
ดูจากปีแล้ว เก่าแก่มากเลยแฮะ รุ่น ๆ ปฏิวัติฝรั่งเศส รุ่นหลุยส์ที่ 16 เลยทีเดยว
พอมันมีไม้กางเขนมาเกี่ยวข้อง ทำให้ดูขลัง ๆ เหมือนมีอะไรเกี่ยวกับคนตายขึ้นมาเชียว
เดินต่อมาอีก 100 เมตร เจอโบสถ์เล็กจิ๋ว แบบชาวบ๊านชาวบ้าน
เนื่องจากมันเล็ก และเก่าแก่มาก พื้นโบสถ์ทั้งหมด จึงใช้เป็นที่ฝังศพ ไม่มีทางเดินที่ไม่เดินบนหลุมเลยฮ่ะ
และเนื่องจากพื้นโบสถ์เต็มแล้ว ข้าง ๆ มีที่เก็บส่วนขยายขึ้นมา ทำซะงามเชียว
เราก็ท่องเทียวตามสไตล์คนแก่อ่ะนะคะ เมื่อเดินทางได้ซักพัก ก็เริ่มหิว จึงขอมาร์ตินหาที่นั่งพักกินกาแฟกัน
จึงไปหยุดพักกันที่ร้านกาแฟใกล้ ๆ โบสถ์นั่นแหละ
ป๊าม๊าสั่งกาแฟคนละแก้ว
อิฉันกะอาเฮียได้ไอติมคนละแท่ง
แต่ร้านบ้าน ๆ ตามบ้านนอกอย่างนี้ เค้ามักจะใจดี มีของแถมให้เสมอ
นี่ของแถมกินเล่น ที่เค้าเอามาเสริฟค่ะ
ขนมเค้ก 2 ชิ้นยักษ์ และตับทอดในกระทะเล็ก ๆ 2 กระทะ
สั่งแค่กาแฟกะไอติม แถมมาแบบเอาอิ่มเลย....
บ้านเรือนแถบนั้น สร้างโดยหิน
เมื่ออิ่มหนำกันแล้ว เราออกเดินทางต่อ
มาร์ตินพามาดูน้ำตก
ตรงนี้เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ ที่เค้าเอาไปทำไฟฟ้าพลังน้ำด้วย จึงมีโรงไฟฟ้าอยู่ใกล้ ๆ
น้ำตกนี้เคยเป็น Unseen Galicia แบบ unseen จริง ๆ แทบไม่ค่อยมีใครรู้จัก แต่เมื่อไม่นานมานี้ มีรายการนำเที่ยวของสเปนเอง พามาเที่ยวที่นี่ ทำให้คนเริ่มรู้จักกันมากขึ้น
รูปชักเยอะแล้ว แต่บัสทัวร์เรายังไปไม่ถึงครึ่ง
Create Date : 19 กรกฎาคม 2557 |
Last Update : 13 กันยายน 2557 20:22:25 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1546 Pageviews. |
|
|