Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2557
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
20 กรกฏาคม 2557
 
All Blogs
 
2014 Northern Spain : บัสทัวร์รอบกาลิเซีย และ Procession พิธีสุดหลอน

บล็ออก่อนหน้า : บัสทัวร์รอบกาลิเซีย //www.bloggang.com/mainblog.php?id=mangamania&month=19-07-2014&group=10&gblog=16


เรามานั่งบัสทัวร์รอบกาลิเซียต่อ..  Smiley



หลังจากออกมาจากน้ำตกแล้ว ก็นั่งรถมาเรื่อย ๆ วิวระหว่างทางก็จะเป็นหน้าผา เป็นทะเล มีที่หยุดรถชมวิวเป็นระยะ ๆ 





เรามาหยุดกันที่โบสถ์แห่งนึง ที่เป็นจุดสุดท้ายก่อนถึงทะเล ซึ่งหากข้ามไปฝั่งโน้นนนนก็จะเป็นอีกทวีปไปเลย

มีป้ายบอกว่าเป็นเส้นทางเซ็นต์เจมส์อยู่ด้วย




ที่ยังมีป้ายบอกทางอยู่ เนื่องจากพวกพิลกริมบางคน ถึงแม้จะเดินทางมาจนถึงวิหารที่ซานเทียโก เดอ คอมโพสทิลลาแล้ว ก็ยังคิดว่าเส้นทางมันไม่จบ มันต้องมาจบที่นี่ที่โบสถ์แห่งนี้ ซึ่งในหนังเรื่อง The way ตัวเอกก็คิดเช่นนั้น และเดินทางต่อ มาจนถึงโบสถ์แห่งนี้เช่นกัน



จุดสุดท้ายของแผ่นดิน จะมีไม้กางเขนอยู่ 

(พออิฉันเห็นไม้กางเขน ก็มักจะนึกไปว่าคงมีใครเด๊ดซะมอลเร่ไปตรงนี้แหง ๆ แต่เปล่าฮ่ะ แค่ไปตั้งไว้เฉย ๆ )

ที่จุดตรงไม้กางเขน จะมีกองเถ้าถ่านอยู่ มาร์ตินบอกว่าพวกพิลกริม เมื่อเดินทางมาถึงนี้ เค้าจะมีความเชื่อว่าต้องทำอยู่ 3 อย่าง

1. เข้าไปไหว้ในโบสถ์
2. เผาเสื้อผ้า หรือแม้แต่ถุงเท้าเก่า ๆ ที่สวมมา เพื่อที่จะเป็นคนใหม่
3. ลงว่ายน้ำที่แหลมข้างล่างนั่น

มาร์ตินบอกเท่าที่เห็น พิลกริมทำแค่ข้อ 1 และ 2 เท่านั้น เนื่องจาก ที่นี่มันหนาวโคด ๆ 

และที่บอกว่าเผาเสื้อผ้าที่สวม เพื่อที่จะเป็นคนใหม่นั่น จริง ๆ น่าจะเป็นทริคของบาทหลวงสมัยก่อนมากกว่า เพราะพวกนักเดินทางเดินเท้ากันมาเป็นเดือน ๆ อาบน้ำมั่งไม่อาบมั่ง กลิ่นคงจะเหลือทน บาทหลวงเลยให้เผาเสื้อผ้าเน่า ๆ ทิ้งซะ แล้วเอาของบริจาคให้ใส่แทนดีกว่า Smiley

อาคารแถวนั้นแหละ






ลมแรงม่วกกกก..





นั่งรถต่อมา  เส้นทางจะขับรถบนทางคดเคี้ยวอย่างงี้  เป็นทางเลียบหน้าผา





มีที่จอดรถเพื่อชมวิวเป็นระยะ




ขับรถผ่าน โบสถ์เล็ก ๆ แห่งนึง  มาร์ตินเล่าว่าโบสถ์แห่งนี้เป็นโบสถ์ประจำหมู่บ้านแห่งนึง บาทหลวงมีความเป็นชาวกาลิเซียนสูงมาก แทบจะไม่พูดภาษาสเปนเลย และดุมากด้วย เค้าไม่ต้องการให้นักท่องเที่ยวเข้าไปในโบสถ์เลย เพราะจะเอาไว้ทำพิธีทางศาสนาเท่านั้น  แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากหมู่บ้านเล็กมาก ไม่ค่อยมีคน มาร์ตินจึงไม่เคยเห็นมันเปิดเลย  Smiley


เริ่มบ่ายคล้อยละ  ถึงเวลาอาหารเที่ยง พวกเราเริ่มหิว  ทัวร์ที่ซื้อมานี้รวมอาหารเที่ยงด้วย
มาร์ตินบอกว่า ทัวร์ของเค้าไม่เคยเลือกร้านอาหารห่วย ๆ ทุกอย่างต้องดีเลิศ ถึงแม้แถบ ๆ นี้ จะมีร้านอาหารทะเลขายอยู่มากมาย แต่หลาย ๆ ร้านก็ไม่ได้เอาของสดมาปรุงให้ทุกร้าน ดังนั้น บางครั้งจะเห็นรถพยาบาลมาหามคนป่วยจากอาหารเป็นพิษอยู่บ่อย ๆ   

ร้านที่เค้าเลือกมาให้ เป็นร้านอาหารในโรงแรมแบบ Local ที่ไม่ได้เปิดให้คนทั่วไปเข้าไปกิน
ต้องมีการจองล่วงหน้า  และมีทำสัญญากันว่าอาหารทะเลที่มาทำจะต้องเป็นของที่จับได้ในเช้าวันนั้น รวมทั้งพืชผักผลไม้ด้วย ต้องเป็นของโลคอล และซื้อหาในตลาดแถบนั้นเท่านั้น  จึงการันตีได้ว่าของสดโคตรจะสดจริงๆ 


นั่งรออาหาร..




ระหว่างนั่งรอ ก็ถ่ายรูปโน่นนี่นั่นไปเรื่อย ๆ 




สนามหญ้าด้านนอก













นั่งซดไวน์รอ..  

ไวน์สเปนราคาไม่แพง ไปกินร้านไหนก็มักจะยกมาเสริ์ฟ แทนน้ำเปล่าได้เลย




มาละออเดิร์ฟ..

หอยแมงภู่กาลิเซีย มาแบบถาดใหญ่มากกกกกกกกกกกกกก...




สี่คนรุมโซ้ยหอย 1 ถาด  ยังไงก็ไม่หมดซะที..


อาหารหลัก ยังคงคอนเซปหอย สปาเกตตี้หอย  

ดูแปลก ๆ เพราะจะหักเส้นมาเป็นท่อนสั้น ๆ กินง่ายดีค่ะ




ของหวาน โยเกิร์ตราดซอสสตรอเบอรี่ เบา ๆ เพราะแหลกไม่ไหวแล้ว 




อาหารกาลิเซีย  อร่อย ถูกปากกะเหรี่ยงอย่างอิฉันมากค่ะ  อิฉันกินแล้วกินอีก เติมแล้วเติมอีก 
หอยสดหวานอร่อยสุด ๆ 


ว่าด้วยเรื่องอาหารพื้นเมืองของแคว้นนี้ จะเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจากสัตว์น้ำ และอาหารทะเล
แต่มาร์ตินเล่าว่า มันจะมีปลาชนิดนึง ที่พิเศษมาก ๆ คนชอบก็จะชอบไปเลย แต่ถ้าไม่ชอบก็จะ อี๋แหวะ กินไม่ได้เลย เพราะปลาชนิดนี้มันจะมีกลิ่นเฉพาะตัว เนื่องจาก มันเป็นปลาที่ไม่ได้กินปลาเล็กกินพืชผักกินแพลงตอนอะไรบ้าน ๆ เหมือนปลาทั่วไป  แต่พี่อุตริแดรกเลือดฮ่ะ ซดเลือดสัตว์ที่ลงไปลุยน้ำ ปลาชนิดนี้มันจะตัวยาว ๆ คล้ายงู มีฟันคมกริบ ไว้งับขาสัตว์ แล้วพี่ก็จะกัดไม่ปล่อย ดูดเลือดไปเรื่อย ๆ จนอิ่ม  อิฉันว่ามันออกจะคล้าย ๆ ปลาไหลหรือเปล่าไม่รู้ แล้วพอเอามาลงหม้อ เลือดมันจะดำปิ๊ดปี๋ ก็ต้มเนื้อมันทั้งตัวกะเลือดของมันเอง คนกินก็จะเอาน้ำซุปปนเลือดปลานั่นแหละซดกิน   Smiley



มาร์ตินถามว่าอยากจะลองกินดูไหม เค้าแนะนำร้านให้ได้นะ แต่ต้องไปกินเอง เพราะมันแพง
และช่วงที่เราไปกันก็น่าจะมีให้กินอยู่ เพราะมันมีเป็นฤดูกาล พวกเราอาจจะชอบก็ได้ แต่มาร์ตินไม่กล้ากิน   Smiley


เมื่ออิ่มหนำกันดีแล้ว  เราก็ไปต่อ  มาทางแถบเมอร์เซีย (Mercia)


มาแวะที่นึง จริง ๆ เป็นโบสถ์ อยู่มานานหลายร้อยปี เป็นโบสถ์ที่แสดงในหนัง The Way ด้วย (Virgen De Labrca) แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัดเหมือนถึงจุดจบของมันแล้ว อยู่ ๆ โบสถ์ก็โดนไฟไหม้จนเกือบวอด ขณะที่ยังรอบูรณะอยู่นั้น ดันเกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงมาซัดอีกรอบจนแทบไม่เหลืออะไรเลย ณ ขณะนี้ จึงปิดเอาไว้เฉย ๆ ล้อมเทปไม่ให้คนเข้า น่าเสียดายมากค่ะ 

แต่ยังไงซะ เราก็ไป ดูวิวรอบ ๆ โบสถ์ก็ได้วะ  วิวสวยสุด ๆ ไปเลย







มุมนี้ดูดีสุด  แต่เหลือแต่ผนังนะก๊ะ















พวกเราชอบที่นี่มาก ๆ สวยสุดๆ เสียดายมันต้องปีนป่ายหิน และลมแรงหนาวมาก ๆ หม่าม๊าเลยไม่ยอมลงมาดู

ดูเวื้งว้างเหมือนกันแฮะ




อันนี้ ขับรถต่อมาอีกนิดมันมีจุดให้แวะถ่ายรูป  เฮียรีบลงไป โดยไม่ทันได้ใส่เสือหนาว หนาวยะเยือก อีกนิดเดียวตรูเกือบเป็นม่ายละ  Smiley




ขากลับ เริ่มเหนื่อย พวกเราก็หลับกันบนรถ  มาร์ตินปลุกบอกว่าแวะที่สุดท้ายละ




เป็นป่าและแม่น้ำที่คนแถวนี้นิยมมาตกปลากันมาก  แต่ตอนที่ไปไม่มีใครมาตก มีแต่คู่รักมานั่งมุ้งมิ้งกัน











กลับมาจนถึงโรงแรมด้วยความอิ่มเอม  แต่ไม่อิ่มพุง  เมื่อส่งป๊าม๊าไป Siesta ที่โรงแรมแล้ว
เราก็ออกมานั่งชิมชูโรสจิ้มช็อคโกแลตที่ร้านอาหารตรงข้ามโรงแรมกัน  มาสเปนไม่กินชูโรส ถือเป็นบาปอย่างหนึ่ง  Smiley











หลังอาหารเย็น  (มื้อนี้ไม่ได้ถ่ายรูป เราไปกินกันทาปาสกันร้านเดิม) ป๊าม๊าเดินกลับห้อง อิฉันกะอาเฮียเดินย่อยอาหาร ตั้งใจว่าจะเดินไปถึงโบสถ์ซานเทียโกแล้วค่อยเดินกลับโรงแรม เราเดินกันในย่านเมืองเก่า ฟ้ามืดตื๋อ เดินผ่านตรอกซอกซอยเล็ก ๆ  บนพื้นก้อนหิน อากาศหนาวยะเยือก 






อยู่ ๆ เราก็ได้ยินเสียงกลอง ตึง ๆ ตึง ๆ ตึง ๆ เป็นจังหวะ เสียงแตรโหยหวน ฟังดูหลอน ๆ ก็เลยเดินไปดู


ปรากฎว่าเจอขบวนแห่ แต่งตัวเหมือนพวกคลู-คลัก-เคลน คลุมหัวคลุมตัว เดินช้า ๆ โยกตัวซ้ายขวาเป็นจังหวะเข้ากับเสียงกลอง ตึงๆ ตึงๆ ตึงๆ น่ากลัวมากๆ 










ทั้งที่อากาศหนาวมาก  บางคนเดินเท้าเปล่า



กลาง ๆ ขบวนจะมีการแบกรูปปั้นเท่าคนจริง ของพระแม่มารี










พิธีกรรมนี้ที่สเปนจะจัดกันช่วง Holy week หรือช่วงอีสเตอร์  ไม่รู้จะเรียกเป็นไทยว่ายังไงนะคะ แต่ภาษาอังกฤษเค้าเรียก Procession หรือสเปนเรียก Semana Santa  อิฉันเคยได้ยินป๊าม๊าพูดถึงอยู่นานแล้ว เพราะป๊าม๊าอยู่ทางตอนใต้ของสเปน ซึ่งทางแถบนั้นจะอยู่กันเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ คนแก่เยอะ ก็จะค่อนข้างเคร่งศาสนากัน ป๊าม๊าเคยเล่าให้ฟังว่า เออ.. มันค่อนข้างน่ากลัวนะ ดูหลอน ๆ แต่อิฉันก็มิได้นำพา เพราะไม่เคยเห็น คราวนี้มาเจอเองขนลุกเลยฮ่ะ Smiley


พิธีนี้ จะจัดแบบตั้งขบวนกันที่โบสถ์ วนรอบเมืองแล้วไปจบที่โบสถ์ โดยคนที่จะไปร่วมเดินด้วยนี่จะมีการคัดเลือกกันอย่างเคร่งครัด ว่าจะต้องมาจากครอบครัวที่เคร่งศาสนา เป็นคนดี ในขบวนจะประกอบไปด้วย ทีมแรกเป็นพวกขบวนเครื่องดนตรี ตีกลองตึง ๆ ตึง ๆ ตึงๆ เป่าแตร และเครื่องดนตรีอื่น ๆ หลายสิบคน

ต่อมาก็จะเป็นพวกใส่ชุดหัวแหลม ๆ โผล่มาแต่ตาเหมือนพวกคลู-คลัค-แคลน ถือคบไฟ  แต่ละภูมิภาคทั่วสเปนเค้าก็จะใส่สีต่าง ๆ กันไป ทีมที่อิฉันเห็นนี้ใส่ชุดสีม่วง แต่เท่าที่เสริชหาในเน็ต มีหลากสีสันมาก สีขาว สีแดงก็หลอนไม่เบา  ซึ่งพวกนี้บางคนที่เคร่งมาก  ๆ จะเดินถอดรองเท้ากันด้วย


ต่อมามีกลุ่มแม่ม่ายดำ อันนี้จริง ๆ ไม่รู้เรียกไร แต่หม่าม๊าเรียกงี้ คือจะเป็นกลุ่มผู้หญิง ทั้งสาวและไม่สาว แต่งชุดดำยาว คลุมผมด้วยลูกไม้ถักสีดำ เดินหน้าซึม หน้าถมึงทึงไม่ยิ้มไม่พูดเดินรวมกลุ่มไปกับขบวน

ถัดมาจะเป็นกลุ่มที่แบกแท่นรูปปั้นพระแม่ ซึ่งที่หาข้อมูลมา บางที่จะแบกพระเยซูด้วย บ้างก็แบกกางเขน ซึ่งขนาดนั้น จะเป็นขนาดเท่าคนจริง ซึ่งบางทีหนักกันเป็นตัน ๆ เลยทีเดียว  รูปปั้นเหล่านี้จะเป็นของเก่าโบราณ ดังนั้น คนแบกต้องล่ำสันแข็งแรงกันพอดู  และหากเมืองใดฝนตก รู้สึกว่าเค้าจะยกเลิกการเดินไปเลย ถึงแม้จะมีการเตรียมการมาเยอะแยะขนาดไหนก็ตาม

การเดินขบวนนี้ เค้าจะเดินกันถมึงทึงมาก ตั้งอกตั้งใจไม่มีใครเล่นหรือยิ้มหัวกันเด็ดขาด ดูแล้วเครียดมาก ประกอบกับเสียงกลองตึงๆ ตึง ๆ ตึง ๆ กระแทกหัวใจน่าดู 

ที่มาที่ไปของการเดินนี้ เค้าทำช่วงอีสเตอร์ เนื่องจากเป็นช่วงที่พระเยซูคืนชีพ และที่มาเดินแบกอะไรต่อมิอะไรหนัก ๆ รวมทั้งการเดินเท้าเปล่านั้น เพราะจะทำเพื่อให้เข้าใจความรู้สึกของพระเยซูตอนที่ต้องเดินแบกกางเขนไปรอบเมืองนั่นเอง  หลาย ๆ ที่จะแบกแต่รูปปั้นพระแม่ ก็เพราะจะแสดงถึงความรู้สึกเจ็บปวดของพระแม่มารีแม่ของพระเยซูที่สูญเสียลูกชายไป

(อิฉันรับฟังมาจากป๊าม๊านะคะ ไม่แน่ใจว่าถูกต้องทั้งหมดหรือเปล่า หากใครเห็นว่าข้อมูลที่อิฉันมีมันผิด รบกวนแจ้งด้วยเน้อ.. จะเป็นพระคุณมากๆ เลยค่ะ Smiley)

เผื่อใครสนใจอ่านเพิ่มเติม //en.wikipedia.org/wiki/Holy_Week_in_Spain


บล็อกถัดไป Castropol เมืองเล็กรายทางและฟาร์มเฮ้าส์แสนน่ารัก



Create Date : 20 กรกฎาคม 2557
Last Update : 13 กันยายน 2557 20:18:36 น. 0 comments
Counter : 1308 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คนดีผีคุ้ม
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]




อิฉันทำรีวิวเพื่อที่จะเก็บบันทึกการเดินทางไว้เหมือนไดอารี่ เอาไว้มาดูอัลบั้มการท่องเที่ยวของตัวเองที่ผ่านมา ดังนั้น จึงมีรูปตัวเองและอาเฮียเยอะแยะ ไม่ได้เป็นรีวิวเพื่อแนะนำการท่องเที่ยวซักเท่าไหร่ แต่ถ้าใครผ่านไปผ่านมาและอาจได้ประโยชน์จากบล็อกบ้าง ก็นับเป็นโชคดีของอิฉันที่ยังอุตส่าห์มีอะไรมาแบ่งปันนะคะ
Friends' blogs
[Add คนดีผีคุ้ม's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.