คนคนหนึ่งมองเรายิ้มๆก่อนพูดประโยคนี้ออกมา เราคนที่ไม่ค่อยจะศรัทธากับอะไรง่ายๆมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว หรืออาจเป็นว่าไม่ค่อยเข้าใจคำคำนี้เท่าไร เราไม่เข้าใจว่าศรัทธาคืออะไร คือการมองคน มองบางสิ่งในแบบที่อยู่เหนือกว่าเรามากๆและคาดหวังจะไปให้ถึงหรือรู้ตัวว่าไม่มีวันที่ตัวเองจะไปถึง เพราะงั้นถึงศรัทธาอย่างนั้นหรือเปล่า ความเกินเอื้อมทำให้เราเกิดความศรัทธาขึ้นมาอย่างนั้นหรือเปล่า วันก่อนตอนให้ยินประโยคนี้ "ศรัทธาเป็นสิ่งที่สวยงาม" มันชักชวนให้ต้องเก็บมาคิด ก่อนที่จะศรัทธาในสิ่งนั้น คนนั้น เราเห็นถึงความสวยงามของของสิ่งนั้น ของของคนคนนั้นก่อนจึงก่อเป็นเกิดศรัทธา เพราะเห็นว่าสวยงามก่อนใช่ไหม มันทำให้เราอดคิดขึ้นมาไม่ได้ว่าเพราะเห็นว่าสวยงามจึงเกิดศรัทธาขึ้นมา และยิ่งนานวันก็ยิ่งศรัทธาจึงเห็นว่ายิ่งสวยงาม คนเราคงไม่เริ่มศรัทธาก่อนแล้วค่อยมาเห็นถึงความสวยงามในสิ่งสิ่งนั้น คนคนนั้นหรอกมั๊งนะ เพราะถ้าเป็นแบบนั้น นั่นมันคือการหลอกตัวเองให้มีศรัทธาต่างหาก แล้วมันคงไม่เรียกว่าศรัทธาแต่คือความงมงายซะมากกว่า งั้นถ้าแต่ก่อนเห็นว่าสวยงามแล้วปัจจุบันกลับรู้สึกถึงความน่าเกลียด นั่นคือจุดเริ่มของความเสื่อมศรัทธาสินะ แล้วที่เห็นว่าสวยงามในทีแรกคืออะไร คือความหลงไปทั้งๆที่ตัวตนของมันคือความน่าเกลียดงั้นหรือเปล่า หรือจริงๆแล้วคือรู้สึกขึ้นมาได้ว่ามันไม่สวยงามอย่างที่ "คิด" ไว้ นั่นก็แสดงว่าก่อนจะศรัทธาคือการหลอกตัวเองไปว่ามันสวยงามตามอย่างที่คิดไว้อย่างนั้นสิ แต่ในขณะที่ตัวเราเกิดไม่รู้สึกถึงความสวยงามนั้นแล้ว สิ่งนั้น คนนั้นที่เราเคยศรัทธาจะยังสวยงามอยู่หรือเปล่า หรือมันก็เป็นตัวมันอยู่แบบนั้น แต่ที่เปลี่ยนไปคือคนที่มองต่างหาก คนเราไม่มีใครชอบความน่าเกลียดเราคิดแบบนี้ แต่ในเมื่อความสวยงามขึ้นอยู่กับตาของคนมอง ความน่าเกลียดก็ไม่น่าจะแตกต่าง หากคนคนหนึ่งเห็นว่าสวยงาม ก็อาจมีอีกคนที่เห็นว่ามันน่าเกลียดก็เป็นได้ แล้วพอมองมุมกลับ ความน่าเกลียดของคนหนึ่งอาจเป็นความสวยงามของอีกคน แล้วมันมีเกณฑ์ตัดสินตรงไหน ตรงคนหมู่มากหรือเปล่า????? แล้วหากคนหมู่มากตัดสินว่านั่นเป็นความนาเกลียด คนคนเดียวที่เห็นว่ามันสวยงามจะยอมเปลี่ยนใจตัวเองเห็นว่ามันน่าเกลียดตามไปด้วยไหม เมื่อมองแบบนี้อาจคิดได้ว่าสิ่งที่คนศรัทธา คนที่คนศรัทธา ก็อาจไม่ใช่ทุกคนจะยอมศรัทธา ไม่เห็นว่าจะน่าศรัทธาตรงไหน แล้วสิ่งสิ่งนั้น คนคนนั้นจะยังเป็นสิ่งสวยงามอยู่ในขณะที่มีคนเห็นว่ามันเป็นสิ่งที่น่าเกลียดสินะ เพราะงั้นทรราชย์ในประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ของคนถึงยังมีพอคนศรัทธาในตัวเขา เพราะเห็นความสวยงามในตัวคนที่ถูกตราหน้าว่าเป็นทรราชย์ และเมื่อลองมองย้อนกลับ การเป็นทรราชย์ในคนหมู่มาก ก็อาจคือวีรบุรษของคนอีกกลุ่ม การตัดสินใครว่าเป็นทรราชย์ใช้อำนาจของคนหมู่มากหรือเปล่า ตัดสินด้วยสิ่งที่ทำลงไปและสิ่งที่หลงเหลือหลังจากนั้น แล้วทิ้งให้คนรุ่นหลังเป็นคนตัดสินว่ามันสวยงามหรือน่าเกลียดน่าขยะแขยงกันแน่..ซึ่งต้องขีดเส้นใต้เอาไว้ว่าเป็นคนรุ่นหลังส่วนมากอีกต่างหาก ปล่อยให้คนรุ่นหลังส่วนน้อยได้แต่กระซิบกระซาบผ่านกาลเวลาอยู่ในพื้นที่เล็กๆของตน ศรัทธาจึงสวยงาม หรือ สวยงามจึงศรัทธา ๐ ๐ ๐ ศรัทธาคืออะไร เราได้แต่มองตอบกลับไปแล้วยิ้มเซ่อๆออกมา |