กันยายน 2550

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
8
9
10
11
12
14
15
16
17
18
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
(◕‿◕✿)ภาษาญี่ปุ่นจากหนัง AV#5 : รูปปฏิเสธของ V. TAI (ไม่อยาก...)

คำชี้แจง "บล๊อกนี้ไม่เหมาะสำหรับเยาวชน อายุต่ำกว่า 18 ปี ผู้ปกครองควรพิจารณา



รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกเลยอ้ะ หลังจากหญิง เพื่อนที่หนิดหนมกัน เป็นการส่วนตัว มาบอกว่าเพื่อนของหญิงบังเอิญผ่านมาชมบ๊อกของชั้น แล้วก็ฝากหญิงบอกมาว่า ให้ชั้นสอนชม. เรียนพิศวง ภาษาศาสตร์มืดต่อไป อย่าได้ย่อท้อ เพื่อนของหญิงที่กะลังเริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่น จะคอยติดตามชม ดีใจมากเรยยอ้ะ เข้าใจแล้วว่าคนที่เค้าเป็นนักเขียนเค้ารู้สึกยังไง เวลามีคนชื่นชอบผลงานของเค้า ตอนนี้ชั้นรู้สึกเข้าใจเจ.เค.โรลลิง (คนเขียนแฮรี่พอตเตอร์) ยังไงก็ไม่รู้อ้ะ (เข้าใจเพียงเศษเสี้ยวน่ะ) เอาก็เอาวะ ไหนๆ ก็บ้าแล้ว บ้าให้มันถึงที่สุดไปเรยยย

ขณะที่เพื่อนของเพื่อนเข้ามาชมบ๊อกชั้นโดยบังเอิญ แต่เพื่อนชั้นเองกลับบ่นว่า มัวแต่เขียนไรอยู่ว้า ทำไมไม่อัพเดทเรื่องส่วนตัวบ้างเลย เข้ามาอ่านก็ไม่เจออะไร ก็ชั้นเบื่อตัวเองแล้วนิ ชีวิตชั้นไม่เห็นมีไร นอกจาก กิน ขี้ ปี้ นอน แล้วชั้นก็ไม่ได้พลัดหลงเข้าไปอยู่ ในบ้าน AF ด้วย เขียนไปก็ไม่มีใครมาโหวตให้ (ออก) หรอกเนอะ อัพเดทจิ๊ดนึง ชั้นว่าต้นปีหน้า จะย้ายกลับไปอยู่บ้านที่ชลแล้วนะ แล้วก็จะไปเปิดโรงเรียนลูกผู้ชาย สอนภาษาญี่ปุ่นให้ผู้ชาย หาลำไพ่พิเศษ ควบคู่กะงานประจำ ทำไมต้องเป็นรร. ลูกผู้ชายด้วยเหรอ? ก็ชั้นชอบผู้ชายนิ แต่ชั้นไม่สอนอะไรแผลงๆ เหมือนสอนในบ๊อกหรอกนะ อายลูกศิษย์ เดี๋ยวลูกศิษย์ใจแตกโม๊ดดด



วันนี้สอนต่อจากตอนที่แล้ว คือ กริยารูป TAI ที่แปลว่า "อยาก..." วันนี้สอนต่อ กริยารูป TAKUNAI แปลว่า "ไม่อยาก..." นร. หลายๆ คนอาจจะคิดว่า คงไม่หนุก ไม่น่าสนใจ เพราะไม่อยาก ก็แปลว่า ไม่ทะลึ่ง ไม่ลามก ผิดคอนเซ็ป แต่รับรองได้ว่าหนุกหนานเหมือนเคย เรียนที่บ๊อกนี้ ไม่มีร้อก ที่จะน่าเบื่อ

เทคนิค ขั้นพื้นฐาน (ปวช.) ของการผันกริยาแสดงความอยาก ก็คือ V. MASU ถ้าลืมแล้วก็ขอเชิญกลับไปเรียนใหม่ในคลาสก่อนหน้านี้นะ ไม่งั้นจะผันไม่ได้แน่นอน

V. กลุ่มที่ 1

ถ้าไม่อยาก ก็ง่ายนิดเดียว ผันต่อจาก TAI ได้เลยจ้า ผันเป็น TAKUNAI

ตย. YARU --> YARIMASU --> YARITAI --> YARITAKUNAI = ไม่อยากทำ (อย่างว่า) ต๊าย มีด้วยเรอะ คนประเภทนี้

SHABURU --> SHABURIMASU --> SHABURITAI--> SHABURITAKUNAI ไม่อยากเลีย

V. กลุ่มที่ 2TABERU --> TABEMASU --> TABETAI --> TABETAKUNAI = ไม่อยากกิน

MIRU --> MIMASU --> MITAI --> MITAKUNAI = ไม่อยากดู

V. กลุ่ม 3 กริยาคู่หูดูโอ้

SURU--> SHIMASU --> SHITAI --> SHITAKUNAI = ไม่อยากทำ

อีกคำของ V. กลุ่มนี้ KURU --> KIMASU --> KITAI --> KITAKUNAI = ไม่อยากมา

แถมให้อีกสองคำ เป็นคำที่หนู "นางไม้หน้า3" ถามมา คือ "อยากตาย" กะ "อยากจะฆ่าเธอจัง"

Shinu แปลว่า "ตาย" Shinu --> Shinimasu --> Shinitai --> อยากตาย --> Shinitakunai --> ไม่อยากตาย

Korosu แปลว่า "ฆ่า" Korosu --> Koroshimasu --> Koroshitai --> อยากฆ่า --> Koroshitakunai --> ไม่อยากฆ่า

ต่อไปเป็นสถานการณ์สมมุติ สถานการณ์ที่ว่า เมียหลวงไปเจอกะเมียน้อยเข้าโดยบังเอิญ เมียหลวงก็พูดออกไปว่า "anata ga koroshitai" ซึ่งก็แปลว่า "อยากจะฆ่าเมิง" พร้อมกับควงปืน แล้วเล็งไปที่เมียน้อย เมียน้อยก็ร้องตะโกนว่า "dame, watashi wa shinitakunai yo" อย่าจะเคอะ เดี๊ยนยังไม่อยากตาย

โครงสร้างประโยคก็คือ คำนาม + คำช่วย GA + V. TAI ตามที่ครูได้สอนไปคราวที่แล้ว แต่ทีนี้ถ้านร. สังเกตกันซักนิด ก็จะพบว่า ทำไมประโยคตย. ข้างบน ที่นังเมียหลวงพูด กะนังเมียน้อยพูด ถึงใช้คำช่วยไม่เหมือนกัน อันนึงใช้คำช่วย WA อีกอันใช้คำช่วย GA สองคำนี้มันต่างกันยังไง แล้วทำไมต้องใช้คนละตัวกันด้วย ไม่ใช่ว่าเมียน้อยจะต้องใช้คำช่วย WA นะ อย่าเข้าใจผิด

ชำแหละโครงสร้างประโยค

ประโยคพื้นฐานสุดๆ ของภาษาญี่ปุ่นเลยนะ คนเรียนภาษาญี่ปุ่น (ชั้นต้น) ทุกคนจะต้องเคยผ่านมันมาแล้ว นั่นก็คือ

"คำนาม WA คำนาม DESU"

เช่น WATASHI (ฉัน) WA (คำช่วย) OTOKO (ปู้ชาย) DESU (เป็น, คือ)

แปล ... ฉัน เป็น ปู้ชาย (ภาษาญี่ปุ่นเรียงงงๆ ใช่ป่ะ อย่าไปสนใจมันมาก ถ้าเจอประโยคซิมเปิ้ลๆ แบบนี้นะ แปลตัวที่อยู่หน้า WA ก่อน แล้วค่อยแปลจากหลังมาหน้า) (เหมาะสำหรับพวกเกย์นะเนี่ย) แค่นี้เอง หมูมั่ก ๆ ป. นี้จึง แปล watashi ก่อน ตามด้วย desu และ Otoko เข้าใจมั๊ยน้อง?

อันที่จริงประโยคพื้นฐานเช่นนี้ ไม่อยากจะสอนให้เสียเวลาเลย ใครๆ เค้าก็สอนกัน เซ็งมั่ก แต่ทั้งนี้เพื่ออธิบาย ความสำคัญของคำช่วย WA ว่ามันต่างกะ GA ในเรื่องของ V.TAI ในสองประโยคข้างบนว่า "อยากจะฆ่าเธอ" กะ "ฉันยังไม่อยากตาย" ยังไง เลยต้องเกริ่นนิดนุง (รู้มั่งป่ะเนี่ย ว่า V.TAI เนี่ย เค้าเรียนกันในชั้นต้นตอนปลายนะนร. ที่เลิฟ ครูเนี่ยใจป้ำสุดๆ สอนให้ตั้งแต่บทแรกๆ เลย)

ต่อ ๆ ประโยคที่นังเมียหลวงพูดว่า "อยากฆ่าเมิง" --> Anata GA koroshitai ผู้ทำกริยาเข่นฆ่า ก็คือ นังเมียหลวง แต่เนื่องจากนี่มันเป็นบทสทนา คนพูดก็เลยละประธานของประโยคไป ประโยคเต็มๆ ของมันก็คือ "ดิฉัน อยากกระทำการฆ่าคุณ" watashi WA anata GA koroshitai desu" (นี่เป็นการพูดแบบสุภาพชน ใส่ V. desu ไปข้างหลังด้วยจ้ะ)

ส่วนอีกประโยค ที่นังเมียน้อยตอบว่า "dame, watashi WA shinitakunai" "อย่านะคะ เดี๊ยนยังไม่อยากตาย" (พวกเมียน้อยมักจะพูดเพราะ เพราะมันสะตอฯ) ทีนี้คงมีนร. สงสัยกันอีก ว่าแล้วทำไมประโยคนี้ไม่มีคำช่วย GA ละ? ก็เพราะว่ามันไม่มีกรรมนะสิไอ้น้อง

สรุปก็คือ เวลาเรียนภาษาต้องใช้สมองเด้อพี่น้อง (ทำไรก็ต้องใช้หมองทั้งนั้นแหละ ยกเว้นทำลูก ใช้แต่อารมณ์) คือ เราต้องรู้จักคิดไง ว่า "ใคร" เป็นคนทำกริยา "อะไร" ทำ "ที่ไหน" ทำ "ทำไม" ถ้าเราตอบคำถามพวกนี้ไดุ้ทุกข้อแล้วละก็ แปลว่าเราเข้าใจไวยกรณ์ลึกถึงรูขุมขนเชียวแหละ พยายามกันต่อไปนะ เคล็ดลับอันนี้นะ นอกจากการเรียนภาษาแล้ว มันยังประยุกต์ไปใช้ได้กับงานแปลด้วยละ เวลาแปลเอกสาร เจอประโยคยาวๆ แล้วงงเต็ก จับต้นชนปลายไม่ถูก ก็จะต้องตั้งสติว่า หาประธานของประโยคให้เจอ (หาไม่ยากหรอก มันอยู่หน้า WA น่ะ) แล้วก็ถามตัวเองว่า เรื่องนี้ "ใคร" มันทำ "อะไร" "ที่ไหน" "ทำไม" ถ้าเราแปลแล้วหาคำตอบพวกนี้ได้หมด ก็หมายความว่า เข้าใจถูกต้องแล้วละ

อะ..มาทบทวนก่อนจบบทเรียนนะ สำหรับสถานการณ์สมมุติ เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่าง เมียหลวง ควงปืนมาฆ่าเมียน้อยในข้อหา แย่งกล้วยกันนั้นน่ะ ขอให้นร. จงคิดถึงเหตุการณ์จริงด้วยว่า เวลาที่จะไปฆ่าเค้า หรือ บอกใครสักคนว่า "อย่าฆ่าชั้นเลย" ภาษาพูด เค้าก็พูดกันสั้นๆ ไม่มีใครพูดยาวยืดยาดหรอก พูดชักช้าก็โดนยิงตายพอดี ไปรู้ตัวอีกทีตอนเผาไปแล้วนั่นแหละ สิ่งที่อยากจะบอกก็คือ คำช่วยบางคำ ในชีวิตจริง ละได้ คำนาม หรือประธานของประโยค ก็ละได้เหมือนกัน เช่น

เมียหลวง : Anata GA koroshitai เมียน้อย : dame, shinitakunai

ภาษาพูดจริง ๆ เค้าก็พูดกันแค่เนี้ยแหละ (ไม่รู้มันจะให้เรียนทำไมนัก ไวยกรณ์พวกเนี้ย) แต่เรียนก็เพื่อให้รู้แหละ ชีวิตจริงๆ ไม่ค่อยได้ใช้หรอก โคตรจะน่าเบื่อเลย

หวังว่านร. คงเข้าใจคอนเซ็ปนะ การสอนในชม. เรียนพิศวง จะสอนแต่ภาษาพูด ภาษาบ้านๆ หยาบคายเล็กๆ เหมาะไว้พูดกะเพื่อน หรือคนที่หนิดหนม (จิงๆ ชั้นก็พูดกะเจ้านายที่บริษัทบ่อยๆ เวลาแปลอะไรเงี้ย ผันกริยาไม่ทัน ก็ไม่เห็นจะมีใครว่าไงเลย) หลังจากชม. นี้ไป จะไม่กล่าวถึงอะไรที่สุภาพ เป็นทางการ ให้กระทบกระเทือนจิตใจอีกแล้วนะเคอะ



ศัพท์มืดวันนี้

สอนคำนามมั่งดีฝ่า ... คำนามน่ารู้วันนี้ คือคำว่า "ASOKO" เชื่อหรือไม่? คำนี้จริงๆ แล้วไม่ได้ลามกเลย มันแปลว่า "ที่โน่น" จริงๆ เรื่องนี้มีตำนาน คือ บ้านตระกูล KO เนี่ย มีพี่น้องอยู่สามคน ชื่อว่า "KOKO" , "SOKO"เป็นผู้ชาย และหนู "ASOKO" ซึ่งเป็นน้องคนเล็ก เป็นผู้หญิง ชื่อของทั้งสามคนนี้ ก็แปลว่า kokoที่นี่, sokoที่นั่น และหนู Asoko แปลว่าที่โน่น ดังนั้นต่อมา ทำไมไม่รู้จิ แต่งเรื่องไม่ออกแล้วง่ะ คือ เพราะว่า asoko เป็นผู้หญิงไง ตรงนั้นของผู้หญิง ก็เลยถูกแทนว่า "asoko" เหมือนกัน ไม่เชื่อไปดูหนัง AV ได้เลย จะได้ยินบ่อยมั่กๆ ประเดี๋ยวก็ asoko atsui ne (ที่โน่นร้อนจัง ..ที่ไหนว้า คงไม่ใช่เตาแก๊สหรอก เพราะมันพูดกันในห้องนอน) มีประโยคอื่นๆ อีกมากมาย ที่พระเอกหนัง av พูด เกี่ยวกะคำว่า asoko เนี่ย เช่น (ที่โน่นแฉะจัง , ที่โน่นของเธออร่อยจัง) เอ... นร. แสนฉลาดจะพอคิดออกยัง ว่าที่โน่น ที่เค้าพูดกันเนี่ย มันหมายถึงที่ไหน คิดกันเอาเองเด้อ ไม่บอกหรอก แค่นี้ก็บาปมากแระ

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "เหรียญมี 2 ด้าน" ศัพท์บางคำ ถึงจะดูธรรมด๊า ธรรมดา ก็มีด้านมืดเหมือนกัน ใครที่ชอบเอาภาษาญี่ปุ่นไปตั้งชื่อเวลา chat แบบว่า "เคียวโกะะจัง","ไอโกะจัง" ลองเอาไปตั้งว่า "อะโซโกะจัง" ดูมั่งก็ได้นะ รับรองคนญี่ปุ่นตะลึง อึ้ง ทึ่ง เสียว

Special Thanks : ขอได้รับความขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ ขอรำลึกบุญคุณหนัง av ทุกเรื่อง,หนัง av เปรียบเสมือนอาจารย์ใหญ่ของเรา อย่าลืมนะ สวมถุงยางอนามัยปลอดภัยห่างไกลโรคเอดส์ ใช้แล้วทิ้งให้เป็นที่ด้วยนะ ป้องกันคนเอาไปรียูสง่ะ



Akon - Sorry, Blame It On Me



Create Date : 13 กันยายน 2550
Last Update : 13 กันยายน 2550 22:01:37 น.
Counter : 1610 Pageviews.

10 comments
  
วันนี้ไปเรียนมา ยัง งง งง อยู่เลยคะ แต่มาอ่านเวปนี้เข้าใจมากขึ้นเลยคะ ขอบคุณคะ
โดย: mintny_n วันที่: 13 กันยายน 2550 เวลา:17:25:11 น.
  
โดย: meaw_1985 วันที่: 13 กันยายน 2550 เวลา:17:32:23 น.
  
มาบล้อกนี้แล้วหูตาลุก
โดย: นางไม้หน้า3 วันที่: 13 กันยายน 2550 เวลา:17:54:24 น.
  
ก้ากกก .. เพิ่งรู้อีกความหมายของอะโซโกะ .. น่าหวาดเสียวเหมือนกันเนอะ อิอิ
โดย: s.o.s วันที่: 13 กันยายน 2550 เวลา:18:03:01 น.
  
อิๆ ดีใจนะที่บล๊อกนี้มีประโยชน์ต่อทุกคน (โดยเฉพาะคนที่ลามกง่ะ)
โดย: littlebitlittlemore วันที่: 13 กันยายน 2550 เวลา:22:21:27 น.
  
ครูขาขอยืมสักแผ่นดิ จะได้ศึกษาการออกเสียงที่ถูกต้องด้วย
โดย: อินุ (srikoson ) วันที่: 14 กันยายน 2550 เวลา:20:11:37 น.
  
อินุ บอกตามตรงว่ะ ว่าชั้นไม่มีหนังแผ่นในห้องเลยนะเฟร้ย ชั้นโหลดเอาตามเว็บง่ะ พวกหนังโป๊ไม่มีวันได้กินเงินชั้นร้อก จริงๆ ชั้นไม่ชอบดูหนังโป๊ด้วย (เชื่อป่าว?) นานๆ ดูที แต่ชั้นชอบอ่านการ์ตูน hentai ง่ะ มันช่างสร้างสรรค์ ประเทืองปัญญา จินตนาการบรรเจิดจิงๆ
โดย: littlebitlittlemore วันที่: 14 กันยายน 2550 เวลา:22:52:34 น.
  
เมี๊ยวๆๆๆ อะจ๊ากกก เป็นไงล่ะ ไม่เมนท์ เป็นแมวเลย 555
โดย: นมเปรี้ยวของหนู วันที่: 18 กันยายน 2550 เวลา:13:45:12 น.
  
โอ๊วถูกใจ
โดย: deffy-melody วันที่: 17 ตุลาคม 2550 เวลา:14:25:59 น.
  
ขอบคุณสำหรับบทเรียนดีๆค่า
โดย: PPpIRCU วันที่: 5 พฤศจิกายน 2550 เวลา:6:29:05 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

littlebitlittlemore
Location :
Sweet Home Alabama  United States

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]



สวัสดีจากอลาบาม่า สหรัฐอเมริกา
Subscibe ช่อง Home of the brave

เพื่อคนไทยในอเมริกา

MY VIP Friend