มิถุนายน 2551

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
14
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
๏~* หั่นค่าใช้จ่ายสไตล์ "กำพล อัศวกุลชัย" *~๏
ตัด..ฉับ..ฉับ หั่นค่าใช้จ่ายสไตล์ "กำพล อัศวกุลชัย"



ยุคข้าวยากหมากแพงแบบนี้ ใครๆ ก็อยากให้มีรายได้วิ่งให้ทันค่าใช้จ่ายกันทั้งนั้น แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง ช่างเป็นเรื่องยากเสียเหลือเกิน วันนี้ "กำพล อัศวกุลชัย" ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บลจ.ไทยพาณิชย์ จะมาแนะนำวิธีที่จะช่วยลดความอ้วนของรายจ่ายลงไปบ้าง เพื่อให้ทุกคนมีเงินเหลือพอให้เก็บออมกันมากขึ้น ในยามที่ข้าวของปรับราคาขึ้นตั้งมากมาย กำพล ได้แนะ 10 วิธีเพื่อลดค่าใช้จ่าย ที่สามารถหั่นและตัดได้ อย่างที่บางทีหลายคนก็นึกไม่ถึง



1. ค่าโทรศัพท์มือถือ

ค่าโทรศัพท์มือถือเป็นอย่างแรกที่กำพลบอกว่าทุกคนควรจะหันมาพิจารณาลดค่าใช้จ่าย เพราะค่าโทรศัพท์มือถือนี้ค่อนข้างแพงเอาการอยู่ และที่สำคัญคือตอนอยู่บ้าน หรือออฟฟิศก็ไม่คุยกับเพื่อน พอออกจากบ้านหรือออกจากออฟฟิศ ทีไรเป็นต้องหยิบโทรศัพท์มือถือ มาคุยกันเหลือเกิน ถ้าเลิกโทรไม่ได้ ก็เลือกโปรโมชั่นให้สอดคล้องกับลักษณะการใช้ของเรา บางคนไม่เคยดูโปรโมชั่นเลย ทั้งๆ ที่มีโปรโมชั่นที่มีค่าโทรถูกมาก ลองเลิกและเลือกโปรโมชั่นดี ๆ ก็ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้



2. ค่าฟิตเนส

ก่อนที่จะตัดสินใจต่อโปรแกรมฟิตเนสในแต่ละปี ลองทบทวนดูว่าปีที่ผ่านมาคุณไปใช้บริการจริงๆ จังๆ กี่ครั้ง คุ้มไหม หรือถ้าไปบ่อยๆ ก็ดี แต่ที่สำคัญลองทบทวนดูว่าหากเปลี่ยนสถานที่มาออกกำลังกายตามสวนสาธารณะบ้าง ไม่มีค่าใช้จ่ายด้วย แถมยังเปลี่ยนสถานที่ออกกำลังกายได้อีก



3. ค่าเคเบิลทีวี

คุณเคยทราบหรือไหมว่า เดือนๆ หนึ่งได้ดูเคเบิลทีวีบ่อยแค่ไหน บางคนดูฟรีทีวีผ่านเคเบิลทีวีอีกต่างหาก ก็เสียค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนเยอะมาก แต่หากดูเคเบิลทีวีติดซะแล้ว ลองเลือกแพ็คเกจที่สอดคล้องกับช่องที่คุณต้องการดูก็ได้ บางทีค่าใช้จ่ายส่วนนี้ของคุณอาจลดลงมาก หรือถ้าจะลองหันมาดูฟรีทีวีกัน ก็ลดค่าใช้จ่ายได้เยอะเลย



4. ค่ากาแฟ

ตรงนี้หลายคนอาจจะบอกว่าเลิกไม่ได้ กำพล ออกตัวว่าเขาก็เป็นอีกคนหนึ่ง ที่ยังไม่ได้เลิกกาแฟ แต่ก็พยายามลดกาแฟลง โดยเฉพาะลดเหลือวันละแก้วก็พอ ไม่ต้องดื่มกาแฟทุกมื้อ เพราะนอกจากไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพแล้ว ที่สำคัญกาแฟของต่างประเทศก็แสนจะแพง คุณอาจลองเปลี่ยนรสนิยมมาดื่มกาแฟแบบไทยๆ บ้าง ก็จะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มากโขทีเดียว จากราคาแก้วละร้อยกว่าบาทเป็นไม่เกินสามสิบบาท ก็แก้ง่วงได้เหมือนกัน แต่เสียอย่างเดียวคือ อาจไม่เท่เหมือนเดิม



5. ค่าอินเทอร์เน็ต

ในยุคปัจจุบัน หลายๆ คนติดอินเทอร์เน็ตงอมแงมเลย ทั้งใช้เล่นเกมอินเทอร์เน็ต ใช้หาข้อมูล คุณลองทบทวนดูว่าแพ็คเกจไหนให้ชั่วโมงอินเทอร์เน็ตมากๆ ไม่หลุดบ่อย เพราะถ้าหลุดบ่อยๆ ก็ต้องเสียค่าต่อโมเด็มเพิ่มขึ้นอีก และบางครั้งคุณเป็นสมาชิกแบบต่อเนื่องจำนวนชั่วโมงก็ได้เพิ่มขึ้น และหากลดการใช้ลงก็ประหยัดชั่วโมงอินเทอร์เน็ตได้อีก ลองใช้เวลาไปหาข้อมูลที่ "ห้องสมุดประชาชน" หรือ "ห้องสมุดมารวย" บ้างก็ได้



6. ค่า SMS ดาวน์โหลดเพลง และเพลงรอสาย

ค่า SMS ดาวน์โหลดเพลง และเพลงรอสาย แต่ละเพลงก็แพงเอาการอยู่ และบางอย่างเช่นเพลงรอสายคุณก็ไม่ได้เป็นคนฟัง แต่เสียสตางค์เอง แปลกดีเหมือนกัน ก็ลองทบทวนดูว่าคุณใช้จ่ายในเรื่องเหล่านี้มากไปหรือเปล่า ถ้ามากเกินไปก็ลดลงบ้างก็ไม่เสียหายอะไร



7. ค่าแผ่น DVD หรือ CD

หนัง DVD กับ CD เพลงเพราะๆ นั้น เชื่อไหมถ้าคุณไปดูที่ตู้เก็บแผ่นเหล่านี้ จะพบว่ามีเยอะมากจริงๆ บางแผ่นซื้อมายังไม่มีเวลาดูเลย ก็กลัวว่าถ้าไม่ซื้อตอนนี้ก็จะอดดู แต่อยากจะบอกว่า ถ้าคุณซื้อช้าลงอีกสักนิด ราคาแผ่น DVD หรือ CD เหล่านี้จะลดราคาลงมาให้ซื้อในราคาที่ถูกลง หรือไม่คุณก็จัดก๊วนดู DVD หรือ CD กับเพื่อนๆ แล้วผลัดกันซื้อแล้วเวียนดูกันในก๊วน อย่างนี้ก็ลดค่าใช้จ่ายด้านนี้ได้ตั้งเยอะ



8. เลิกซื้อของเพราะของแถมหรือลดราคา

เรื่องจริงที่คุณเองก็น่าจะเคยเป็น คือ บางครั้งอยากได้ของแถมมากกว่าที่จะซื้อสินค้าหรือจะใช้สินค้าหลักๆ นั้นเสียอีก ซึ่งต้องบอกว่า "ของแถม" นี้จะมีผลต่อจิตใจหลายคนอย่างมาก ทั้งที่ บางทีของยังไม่จำเป็นต้องซื้อเลย หรือจะซื้อครั้งละไม่มาก แต่คุณก็ยินดีจ่ายซื้อยกโหลเพื่อจะได้ของแถม อย่างนี้ทำให้รายจ่ายของคุณไม่สม่ำเสมอ ที่สำคัญ "ของลดราคา" บางครั้งคุณก็ชอบซื้อมาเสร็จก็ไม่ได้ใช้งาน เพราะอารมณ์ตอนแย่งซื้อของลดราคานั้น เห็นคนมุงกันคุ้ยกระบะลดราคามันช่างเย้ายวนใจเสียเหลือเกิน ดังนั้นช่วงห้างลดราคา อย่าไปเดินเลยจะได้หักค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกเสียบ้าง



9. เลิกซื้อสินค้าตามเทคโนโลยี

ข้อนี้ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย (ผู้หญิงหลายๆ คนก็เป็นเหมือนกัน) พวกผู้ชายจะชอบโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ กล้องถ่ายรูปรุ่นใหม่ที่ถ่ายได้ 10-20 ล้านพิกเซล โทรทัศน์จอ LCD เครื่องเล่น DVD รุ่นใหม่ และอื่นๆ อีกมากมาย รุ่นใหม่มาทีไร จิตใจเป็นต้องโหยหาเสียเหลือเกิน ทั้งที่ของที่มีอยู่ก็เพิ่งซื้อไปไม่เกิน 6 เดือนถึงหนึ่งปีเอง ดังนั้น ลองใช้ของที่มีอยู่ให้เจ๊งสักอย่างดีไหม ลองเก็บเงินเท่าที่จะซื้อของใหม่ไว้ทุกครั้ง เชื่อไหมว่าสักสองสามปี จะมีเงินเยอะพอสมควรเลยทีเดียว



10. งดทานข้าวนอกบ้านลงบ้าง

หลายคนต้องทานข้าวนอกบ้านทุกวัน ทั้งที่คุณพ่อคุณแม่ที่บ้านเตรียมอาหารไว้แล้ว แต่คุณมักจะอ้างว่าไปกับเพื่อนเพื่อสังสรรค์ ก็ขอบอกว่าคุณสามารถเชิญเพื่อนๆ มาทานข้าวที่บ้านได้ แต่ก่อนสมัยอายุไม่มาก เชื่อไหมว่าการทานข้าวนอกบ้านต้องเป็นวาระสำคัญๆ ทีเดียว เวลารวมญาติ หรือมีวาระที่สำคัญจึงจะทานข้าวนอกบ้าน แต่ปัจจุบันเท่าที่สังเกตคนส่วนใหญ่จะกลับกัน ทานข้าวนอกบ้านเป็นประจำ แต่วาระพิเศษจึงจะทานข้าวที่บ้าน ลองกลับด้านดู หันมาทำกับข้าวทานเอง นอกจากสะอาดถูกหลักอนามัยแล้ว ยังมีราคาถูกว่าอีก เอาเป็นว่าลดการทานข้าวนอกบ้านลงให้เหลือสัปดาห์ละวันสองวัน ที่เหลือกลับไปทานข้าวกับครอบครัวก็จะได้รับความสุขพร้อมหน้าพร้อมตาที่บ้านกัน



"ทั้งสิบข้อนี้เป็นเพียงคำแนะนำเบื้องต้น ซึ่งแต่ละคนอาจมีข้อจำกัดที่แตกต่างกัน สำหรับค่าใช้จ่ายบางรายการคุณอาจจะลืมนึกถึง ก็ลองกลับมาทบทวนกัน เผื่อจะได้มีเงินออมเพิ่มมากขึ้นในแต่ละเดือน และนำเงินออมที่เพิ่มขึ้นไปสร้างผลตอบแทน หรือนำไปใช้จ่ายในส่วนอื่นที่จำเป็นต่อไป" กำพลทิ้งท้าย



Create Date : 15 มิถุนายน 2551
Last Update : 15 มิถุนายน 2551 15:27:46 น.
Counter : 389 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

LiTa Long Time Can't See
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



เป็นพนักงานบริษัทเอกชน มาถึง 12 ปี
กำลังจะพยายาม เปลียนมาเป็น "เจ้านายตัวเอง"
หรืออีกนัยหนี่งคือ "ลูกจ้างตัวเอง"

ณ. เวลาขณะนี้ (01-06-09)
การเดินทางครั้งใหม่ กับเส้นทางใหม่ ๆ ที่เลือกเอง
มาถึงแล้ว จากที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้ กำลังจะนับ 1.2..3...4.... ไปเรื่อย ๆ แล้ว

" การเปลียนแปลงย่อมเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
ขึ้นอยู่กับว่า ณ เวลานั้นเรามีสติพร้อมที่ยอมรับ
และจัดการกับการเปลียนแปลงนั้นได้มากขนาดใหน"