อยู่ปักกิ่ง มาจะเป็นปีแล้ว อาหารที่ทานบ่อยม๊ากกก มาก รองจากข้าวแล้วเ็ห็นจะเป็น เกี๊ยว นี่แหละ ที่บ้านทำกันบ่อยมาก หากเบื่อ ๆ ไม่อยากทานข้าวก็ทำเกี๊ยว กัน แต่จริง ๆ ก็ถูกบังคับให้เป็นลูกมือ คุณชาย Li ทำทานกันตั้งแต่อยู่เมืองไทยแล้ว เมื่อก่อนตื่นเต้นมากเลยวันไหนจะทำ เกี๊ยว ทีตื่นเต้น สนุก จะได้ห่อเกี๊ยว ไอ่เราก็ประเภทพิศดาล ชอบห่อรูปทรงแปลก ๆ ที่เขาทำกัน...ก็มันจะได้ทานสนุก ๆ อร่อย ๆ แล้วก็จะทำทีเตรียมของกันใช้เวลานาน ทีเดียว แต่เดี๋ยวนี้ชักเริ่มเป็นเรื่องธรรมดาเสียแล้ว ทำเกี๋ยวที เหมือนต้มมาม่า(ง่ายไป)...เหมือนทำข้าวผัด, ไข่ดาว มากกว่า

จริง ๆ อาหารของคนปักกิ่งนอกจากทำเกี๋ยว แล้วก็ยังมี ทำซาลาเปา...เอ้ แต่ไม่ยักกะมีขนมจีบ, บะหมี่ หล่ะอีกหลายอย่าง เดี๋ยววันนี้ทำเกี๊ยวกันก่อนดีกว่า

เตรียมของ คุ้ย ๆ ๆ ๆ เอาจากในตู้เย็นโดราเอม่อน บ้านเรา...มีวัตถุดิบครบหมด ทำได้

1. หมูบด

2. กุ้ง

3. ขิง

4. ต้นหอม

5. ไข่

6. กุ่ยช่าย

7. ผักกาดขาว

8. แป้งอเนกประสงค์(บ้านเราหาซื้อได้ง่ายมากเป็นชนิดเดียวกับที่ทำซาลาเปา)

9. ซีอิ้วขาว

10. เกลือ

11. คนอร์ผง

สุดท้ายคือ พ่อครัวใหญ่ชาวปักกิ่ง มือนวดแป้งและสับผักกาดขาว(ละเอียดสุด ๆ)

เริ่มลงมือทำกันหล่ะ หลังจากที่เป็นลูกมือ ล้าง ๆ หั่น ๆ สับ ๆ ทำไปน้ำตาไหลไปเพราะเจ้าต้นหอมซอย ละเอี๊ยด ละเอียด

- หั่นแล้วก็สับ(เหมือนลาบ)ผักกาดขาว ให้ละเอียด แล้วใส่ในถุงผ้าบิดน้ำออก ให้เหลือแต่กากผักกาดขาว หลังจากนั้นก็หั่น กุ่ยช่าย, ต้นหอมและก็ขิงเป็นชิ้นเล็ก ๆ ค่อนข้างละเอียดเช่นกัน ส่วนกุ้งหั่นเป็นชิ้น ๆ ประมาณ 1 ซม.

ปล. ผักกาดขาวเราเคยถามว่าหั่นแล้วก็สับละเอียดขนาดนี้ทำไม ไม่เอาเข้าเครื่องปั่น...ได้คำตอบมาคืออย่างนั้นไม่อร่อย จะละเอียดเกินไปแล้ววิตามินอะไรก็จะออกมาเป็นน้ำไปเสียหมด จะทานอะไรอร่อย ๆ ต้องประณีต ตั้งใจทำ โดนเสียนั่นเราาาา

- หั่นทุกอย่างครบเรียบร้อยแล้วก็ทำการเจียวไข่โดยให้แยกออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วพักไว้ให้เย็น

- ทำการหมักหมูบด โดยใส่ต้นหอมซอย, ขิง, ซีอิ้วขาว, เกลือ และคนอร์ผงคลุกเคล้าใ้ห้เข้ากัน

- เมื่อไข่เย็นแล้วนำผักกาดขาว, กุ้ง, หมูที่หมักเรียบร้อยแล้ว และกุ่ยช่ายมาผสมเข้าด้วยกันเป็นอันเสร็จเรียบร้อย สำหรับไส้เกี๋ยวซ่าของเราวันนี้

...บางทีถ้ามีแขกมาบ้าน ไส้ก็จะทำเพิ่มหลายแบบแยกออกเป็นชนิด ๆ เผื่อบางคนไม่ชอบทานไส้แบบหนึ่งจะได้มีใ้ห้เลือกอีกหลายไส้ เช่น ไส้เฉพาะกุ่ยช่ายกับไข่, ผักกาดขาวหมูสับ, ฟักทอง, ต้นหอมหมูสับ หรือเฉพาะกุ้ง แต่อันนี้เราทำทานกันเองก็ใส่ทุกอย่างรวม ๆ กันไปเพราะทุกคนทานได้หมด...

- กลับมาทำการนวดแป้งกันต่อ อันนี้ต้องยกหน้าที่ใ้ห้กับพ่อครัวชาวปักกิ่งของเราเพราะเขานวดแป้งได้เนียนมาก ๆ เพราะการนวดแป้งเล่นเอาเมื่อยแขนเหมือนกัน พอนวดเสร็จพักแป้งไว้แค่ประมาณ 5 นาทีก็มาทำการห่อเกี๋ยวได้เลย ไม่ต้องทิ้งแป้งไว้นาน ๆ เหมือนกับการทำซาลาเปา

- แบ่งแป้งที่นวดเป็นก้อนเล็ก ๆ แล้วใช้ไม้นวดให้เป็นแผ่นวงกลม บาง ๆ และก็ทำการตักไส้ที่เตรียมไว้ใส่เข้าไปพับครึ่ง แล้วทำการจีบปลายแป้ง ห่อให้เป็นเงินของจีนสมัยโบราณ....ขั้นตอนนี้ไม่ได้ถ่ายรูปเสียงั้น เพราะว่ามือเละเทะกันไปหมด แล้วก็จัดเรียงรอ เพื่อนำไปลวกทานได้เลย

ได้แล้วน่าตาเกี๋ยวหมู(วิญญาณกุ้ง)ของเราวันนี้ ไม่ทันได้จัดวาง รีบทานกันเสียก่อนเพราะช่วงนี้อากาศหน๊าว หนาวทำอาหารออกมาแป๊บเดียวก็จะเย็นหล่ะ ลวกเสร็จก็รีบทานกันเลย จิ้มกับซอสเปรี้ยวแสนอร่อย แต่คนจีนส่วนมากชอบทานกับกระเทียม กัดกันเป็นคำ ๆ เลย แต่กรณีนี้เราขอบาย เพราะเผ็ดอีกอย่างทานเสร็จแล้ว ปากเหม็นอีกต่างหาก

หน้าตาอาหารของเราวันนี้ มีทั้งแบบเกี๋ยวลวก แล้วก็ เกี๋ยวทอดจร้า

เขียนบล็อคเสร็จเกี๋ยวที่ทำไว้ ยังเหลืออยู่ในตู้เย็นโดเรม่อนเรา...ไปทอดทานดีกว่า