✎ เมื่อจมูกอ่อนแอ..เพราะ "แพ้อากาศ"
โรคแพ้อากาศเป็นอย่างไร?

ในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง เช่น ในฤดูหนาวนี้ โรคที่ก่อปัญหาให้คน จำนวนมากคงหนีไม่พ้นโรค " แพ้อากาศ" หรือ เยื้อบุจมูกอักเสบจากภูมิแพ้เป็นโรคที่พบบ่อยเป็นอันดับต้นๆ ของประชากรโลกเลยก็ว่าได้ ผู้ที่เป็นจะมีอาการคันจมูก คันตา คัคจมูก จาม น้ำมูกไหล ถ้าเป็นมากๆ จะรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน และบางครั้งทำให้เจ็บคอได้บ่อย นอกจากนี้ยังเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มีอาการไซนัสอักเสบตามมา



เป็นหวัด หรือ แพ้อากาศกันแน่?

เนื่องจากอาการที่เกิดขึ้นนี้อาจคล้ายอาการหวัดซึ่งมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อและมักเกิดในช่วงอากาศเปลี่ยนเหมือนกัน ทำให้บางคนแยกไม่ออกว่า อาการที่เป็นอยู่นั้นเป็นหวัด หรือ เป็นโรคภูมิแพ้กันแน่ อาการหวัดจากการติดเชื้อนั้นอาจมีไข้เพลีย ปวดเมื่อยเนื้อตัว เจ็บคอร่วมด้วย น้ำมูกอาจเป็นสีเหลืองหรือเขียว ถ้าเป็นอาการที่เกิดจากภูมิแพ้จะไม่มีไข้ แต่จะมีอาการคันจมูก คันตา และน้ำมูกใสๆอย่างไรก็ตาม บางครั้งก็อาจแยกกันยาก โดยเฉพาะผู้ที่ป็นภูมิแพ้อยู่แล้ว กรณีนี้ต้องใช้การตรวจวินิจฉัยจากแพทย์ด้วย

โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ หรือ "แพ้อากาศ"ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องจะเกิดผลแทรกซ้อนตามมาได้หลายอย่าง เช่น นอนหลับไม่สนิทนอนกรน ต้องอ้าปากหายใจ รู้สึกว่านอนไม่เต็มอิ่ม เวียนศีรษะ มึนงง ไม่มีสมาธิซึ่งอาการเหล่านี้รบกวนคุณภาพชีวิตและการทำงานมาก ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดไซนัสอักเสบได้ด้วย



แล้วไซนัสอักเสบนั้นเป็นอย่างไร?

ไซนัสอักเสบ คือ การอักเสบติดเชื้อของโพรงอากาศในกระโหลศีรษะซึ่งมีอยู่หลายแห่ง ที่พบได้บ่อย คือ บริเวณแก้มสองข้างและที่หน้าผาก เป็นได้ทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง ผู้ที่มีไซนัสอักเสบอาจมีอาการเริ่มต้นแบบเป็นไข้หวัดลมหายใจมีกลิ่นเหม็น ไอเรื้อรัง น้ำมูกเหลืองเขียว ถ้ามีอาการเหล่านี้รวมกันให้นึกถึงว่าอาจเป็นไซนัสอักเสบ ควรได้รับการรักษาแต่เนิ่นๆ เพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนซึ่งอาจรุนแรงถึงชีวิตได้

ไซนัสอักเสบ สามารถรักษาได้ด้วยการให้ยาปฏิชีวนะ และรักษาภาวะที่เป็นปัจจัยเอื้ออำนวยที่ทำให้รูเปิดของโพรงไซนัสอุดตันที่พบได้บ่อยก็คือโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้นั่นเอง



การรักษาด้วยยา

ยาสเตียรอยด์พ่นจมูกนิยมนำมาใช้ในการรักษาโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ จึงช่วยให้โรคภูมิแพ้และไซนัสอักเสบดีขึ้น คือ หายใจโล่งขึ้น อาการคัน จามบรรเทาอาการไซนัสอักเสบ และถ้าใช้ยาพ่นอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์ ซึ่งมีประสิทธิภาพในการลดการอักเสบและบวบของเยื่อบุจมูกและคัดจมูกก็จะลดลง เมื่อรูเปิดของไซนัสไม่อุดตันก็จะช่วยก็จะช่วยลดโอกาสที่จะเป็นไซนัสอักเสบซ้ำด้วย

วิธีการพ่นยา ที่ถูกต้องมีความสำคัญมาก ก่อนอื่นควรสั่งน้ำมูกออกให้หมด เขย่าขวดยาแล้วสอดปลายที่พ่นยาเข้าไปในจมูกตรงๆ โดยไม่สอด ลึกเกินไป จากนั้นจึงกดพ่นยาตามจำนวนที่แพทย์สั่ง การใช้ยาพ่นเหล่านี้จำเป็นต้องใช้ตามคำสั่งของแพทย์อย่างเคร่งครัดเสมอ




» ที่มา : สำนักงานเลขานุการกรม






Create Date : 06 สิงหาคม 2551
Last Update : 17 เมษายน 2553 15:09:52 น.
Counter : 527 Pageviews.

1 comments
  
จากอาการขั้นต้นที่เอ่ยมาทั้งหมด นาห์เป็นมาแล้วทั้งสิ้น โยเฉพาะเวลาคันดวงตาจะทรมานมากๆ เพราะอยากขยี้ให้หายคันแต่ก็ต้องทนไม่งั้นตาจะยิ่งบวม เวลามีน้ำมูกก็ไม่อยากออกไปไหนเลย เหอๆ ยังกะเด็กๆเลยค่ะต้องพกผ้าเช็ดหน้าตลอด
แต่ยังโชคดีมากค่ะที่ไม่เป็นไซนัสอักเสบ
โดย: มัยดีนาห์ วันที่: 6 สิงหาคม 2551 เวลา:22:10:32 น.

ไลเดเลีย
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



ร้อยรส...กลอนกานท์




O ฤดูลม...O

O ฉับพลันฝนก็เร้นเก็บเส้นสาย
ดวงวันฉายแสงช่วงโลมห้วงหน
ขับความชื้นลบเลือนรอยเปื้อนปน
ลบหมองหม่นแผ่นฟ้าจนพร่าเลือน

O คล้ายเมฆสีเทาทึมเมื่อครึ้มฝน
ถูกแสงสรวงเบื้องบนเข้าปนเปื้อน
ย้อมสีเทาเป็นขาว..เมื่อหนาวเยือน
มาตามเตือนเลื่อนยามให้งามตา

O ลมต้นหนาวเกรียวกรูเสียงวู่ไหว
โลมกิ่งใบไม้ตื่นทั้งผืนป่า
เขยื้อนขยับยวบไหวอยู่ไปมา
เหมือนบอกลาล่วงพ้น..คาบฝนปลาย

O ความเปลี่ยนแปลงผ่านสู่..ให้รู้เห็น
จากเมื่อสีเลื่อนเส้น..แล่นเป็นสาย
เสียงครืนครั่นก้องอยู่ไม่รู้วาย
แปลบปลาบว่ายเวียนย้ำโลมค่ำคืน

O จนฟ้าเปลี่ยนไม้ใบสั่นไหวระริก
น้ำก็พลิกแผ่นผิว..เป็นริ้วตื่น
จึงบัดนั้น..ภูมิทัศน์ก็หยัดยืน
ด้วยสายลมเย็นชื่น..เพื่อฟื้นตัว

O ถึงคราลมเย็นรื่น..วกคืนย้อน-
พรมสายอ่อนโอนระลอกเข้าหยอกยั่ว
ยอดหญ้าเรียวโค้งนั้น..ย่อมสั่นรัว
รอเกลือกกลั้วรับรู้..ฤดูลม

O จากยึดโยงรากแทงลงแหล่งดิน
ตราบฝนรินหยาดหลั่งลงสั่งสม
คลายความชุ่มความชื้นเหนือพื้น, พรม-
ภาวะอันอุดม..ห้อมห่มไพร

O เหยียดยอดเสียดขึ้นแทงรับแรงฝน
ที่คอยหล่นร่วงหยาด..ก่อนลาดไหล
ยืนต้นตั้งเป็นแถว..เป็นแนวไป
รอลมไหววาดวี..จักมีมา

O ไม่นานเลย..จากฝนฟ้าหม่นหลัว
จนยอดไม้ส่ายรัวอยู่ทั่วหน้า
โลกต่ำ-ใบขาบเขียวทุกเรียวคา-
จะออดอ้อนลมถา..อยู่คาพื้น

O ระบำแถวยอดหญ้าตรงหน้านั้น
จะค่อยสั่นใบพลิ้วเป็นริ้วตื่น
เขียวจากฝนฝากตอนจะย้อนคืน-
เป็นแพรผืนโยนระลอกยั่วหยอกลม

O ร้อนจะรุมสุมมาจากฟ้าไหน
เรียวจะไหววาดรับช่วยขับข่ม
รอค่ำคืนน้ำค้างมาพร่างพรม
เพื่อรับฉมชื่นมาลย์..กลิ่นซ่านซ้อน

O กาลย่อมผ่านโดยช่วงของดวงวัน
จากเม็ดพันธุ์แตกหน่อเป็นช่ออ่อน
จนกลีบใบเรียวแรกเริ่มแตก..ชอน-
ไชขึ้นอ้อนออดรู้ฤดูกาล

O ฝน..หนาว..ร้อนรุ่มถึงขุมขน
แล้วเวียนรอบให้ฝน..อีกฝนผ่าน
เพื่อหยัดกลีบเรียวช่อ..ขึ้นรอบาน
พร้อมเรณูหอมซ่านขึ้นหว่านรส

O ช้าเร็ว..มวลผึ้งภู่ย่อมรู้กลิ่น
เมื่อลมรินรวยเท..หันเหบท
คอยดูเถิดอีกประเดี๋ยว..การเลี้ยวลด-
เข้าจ่อจดหวานหอม..จะพร้อมแล้ว

O ฤดูลมพรมพรำ..อยู่ค่ำเช้า
อาจรุมเร้า, อ่อนโรย..จนโชยแผ่ว
รอกวัดใบหญ้าเต้นจนเป็นแนว
ซ้ำบทแล้วบทเล่า..แต่เช้าวัน

O เมื่อสายลมผ่านสู่..ฤดูล่อง
และฟ้าผ่องแผ้วงามสีครามนั่น
ก็เมื่อผิวต้องหนาวจนหนาวครัน
จึงบัดนั้นโลกกว้างย่อมวางรอ

O ให้ฟังเสียงลมเท..มาเห่กล่อม
สูดกลิ่นหอมเรณูที่ชูช่อ
ทั้งเสียงไม้เสียดยอด..แสงทอดทอ-
ลอดพุ่มกอก้านใบ..ที่ไหวรับ

O พอลมล่องลาดเทมาเห่กล่อม
โลกที่ล้อมรอบล้วนคล้ายครวญขับ-
ผ่านบทเพลงร่ายรำ..เพื่อสำทับ-
การเขยื้อนการขยับลำดับนั้น

O ก็ใช่- เป็นเพียงฤดูลม
หมุนรอบมาห้อมห่มให้ซมสั่น
เปลี่ยนผ่านสภาพธรรมเข้าค้ำยัน
ให้จิตใจทั้งนั้นรู้ผันแปร

O เมื่อเม็ดน้ำขาดช่วงจากห้วงหน
เมฆขาวบนฟ้าพลอย..เลื่อนลอยแผ่
เมื่อขาวครามกลมเกลียวให้เหลียวแล
ก็เห็นแต่ภาพงามของยามนี้

O โอบโลกให้งดงามอยู่ท่ามกลาง-
ดวงวันพร่างแสงพร้อยเรียงสร้อยสี
ลมหนาวร่ำสายผ่านลงคว้านตี
เมื่อปีกผีเสื้อลายบินบ่ายย้อน

O ช่องโสตก็จะแว่วเสียงแจ้วเจื้อย-
ของนก, ลมโชยเฉื่อยคล้ายเหนื่อยอ่อน
ผืนแผ่นน้ำครวญครางในต่างตอน
จักซ้ำซ้อนภาพลวงอีกดวงวัน

O ให้มองเห็นลอยดวงบนสรวงฟ้า
ทั้งแจ่มจ้ายิ่งล้ำกลางน้ำนั่น
เท็จ-จริง..ที่มองผ่านก็ปานกัน
ย่อมแปรผันโดยจิต..การคิดตรอง

O ก็ใช่ – ที่เป็นเพียงธรรมชาติ
ทั้งดวงวันโอภาสคอยสาดส่อง
หรือคลื่นน้ำไหลลาดลงฟาดฟอง
และปีกผีเสื้อล่องบนท้องฟ้า

O เห็นไหมเล่ากลีบผการะย้าย้อย
ทุกช่อที่เคยช้อยอยู่คอยท่า
รอฝน..ต้องฝน..หมดฝนพา-
กันอ่อนโรยอ่อนล้า..ซบคาพื้น

O ฤๅ - อาจรู้ลูบโลมด้วยลมหนาว
หรือแสงงามวับวาวจากดาวดื่น
ครั้นสิ้นรอบลมร่ำกลางค่ำคืน
ฤๅ – อาจรู้ฉ่ำชื้นของพื้นดิน

O เพียงกาลผ่านเวียนแล้วเปลี่ยนช่วง
งามทั้งปวงถ้วนบทก็หมดสิ้น
ปีกลวดลายลมโชยเคยโบยบิน
อาจลาถิ่นไพรเถื่อนลับเลือนแล้ว

O ที่ไหนเล่าโลกกว้างและทางแคบ
เพียงหนีบแนบกลีบใบที่ไหวแผ่ว
ที่ไหนเล่าดีร้ายที่ปลายแนว-
ของเทือกแถวดอกมาลย์หอมหวานนั้น

O ก็นั่นแหละรูปธรรมในธรรมชาติ
ลมไหววาดแสงฉายน้ำพรายสั่น
ปีกลวดลายบินหยุด..ดอมบุษบัน
เกสรกลั่นหวานรส..อาจหมดฤๅ

O หากอีกสภาพธรรมในธรรมชาติ
เมื่อลมลาดล่องอยู่อาจรู้หรือ-
ว่าร้อน..ฝน..จนหนาว..อีกหนาวคือ-
การยึดถือตีความเอาตามใจ

O ฤดูลม-ยอดไม้ส่ายไหวอยู่
ปีกลวดลายหรุบชูก่อนลู่ไหล-
ลอดกลีบดอกนุ่มบางแทรกร่างไป
หวานเยี่ยงไรเล่าหนอ..จึ่งพอเพียง ?

O ฤดูลม..หวนระลอก, ดวงดอกไม้-
ก็หอมให้แถวถิ่นรู้กลิ่น, เสียง-
นกไพรเถื่อนก้องกรู..คล้ายอยู่เคียง-
ศัพท์สำเนียงก้องรัว..บางหัวใจ !



จากบล็อกพี่ สดายุ ค่ะ

Group Blog
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •   
  •  
  •  
  •  
  •  
สิงหาคม 2551

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
7
8
9
10
11
12
14
15
17
18
20
24
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog