☄ อาหารเพื่อผิวพรรณ

ผิวอักเสบ สิว ผิวแห้ง โรคผิวหนังเรื้อรัง สามารดูแลรักษาและป้องกันได้ด้วยอาหารที่เลือกสรรกินเป็นประจำนอกจากนี้ อาหารบางชนิดก็ยังช่วยให้ผิวมีสุขภาพดีด้วย รู้มั้ยว่าอาหารที่เรากินนั้นมีสารอาหารที่ช่วยป้องกันริ้วรอย จุดด่างดำ กระ ฝ้า บนใบหน้าได้ และยังช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงในการต่อต้านโรคผิวหนังอักเสบหรือเริมได้ด้วย





ความงามมาจากภายใน
การกินอาหารที่มีประโยชน์ก็สามารถช่วยให้ผิวมีสุขภาพดีและอ่อนเยาว์หากมีการอักเสบเพียงเล้กน้อยในร่างกายก็ทำให้ผิวแก่ก่อนวัยได้ ดังนั้น เราจึงควรกินไขมันชนิดดีและกินน้ำตาลให้น้อยลง นอกจากนี้ก็ยังขึ้นอยู่กับลักษณะส่วนตัวของแต่ละบุคคลด้วยนั่นคือ ผิวคุณไหม้แดดเร็วมั้ย ผิวคุณแห้งหรือเป็นสิวง่ายมั้ย หรือคุณเป็นดรคผิวหนังเรื้อรัง ดรคเรื้อกวาง ผิวอักเสบ หรือเริม

อาหาร...หยุดสิว
คนที่มักเป้นสิว ไม่ควรกินอาหารที่มีไขมันมากเกินไปเพราะมันจะทำให้ไปกระตุ้นต่อมไขมัน โดยเฉพาะไขมันจากสัตว์จะไปทำให้กระบวนการอักเสบของผิวเป็นมากขึ้น และจากการศึกษาของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดพบว่า การดื่มนมสามารถทำให้สิวโผล่ขึ้นมาได้ เพราะจากการทดลองกับอาสาสมัครโดยการให้กินผลิตภัณฑ์นมทุกวัน ปรากฏว่าเพิ่มความเสี่ยงของสิว 22 ℅ นักวิจัยเชื่อว่าฮอร์โมนในนมเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิว นอกจากนี้ ช็อตโกแลต ขนมหวานๆ มัฝรั่งทอด หรือพิซซ่าที่คาดว่าจะเป็นตัวการทำลายผิวนั้นก็ยังดต้แย้งกันอยู่ แต่ที่ดีที่สุดคือการกินอาหารที่มีประโยชน์ อาหารที่สำคัญสำหรับผิวที่เป็นสิวก็คือ วิตามินอี (เช่นข้าวกล้อง ถั่ว พริกหวาน) สังกะสี (ข้าวโอ๊ต โกโก้) และซีลีเนียม (เช่น ปลา ไข่)

โรคผิวหนัง (Rosacea)
เป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่งมีอาการเป็นผื่นแดงบริเวณส่วนกลางใบหน้าเส้นเลือดจะ ขายใหญ่ และอาจเกิดผื่นนูนแดงได้หากเป็นนานๆ ที่บริเวณจมูกจะทำให้จมูกโต ไม่พบมากนักในคนไทย รักษาด้วยการกินยาปฏิชีวนะหรือถ้าเส้นเลือกขยายมากอาจทำการรักษาด้วยเลเซอร์ คนที่เป็นโรคนี้ควรหลีกเลี่ยงทุกอย่างที่จะทำให้ผิวเกิดปัญหา เช่น แสงแดด ความร้อน แอลกอฮอล์ เครื่องดื่มร้อนๆ อาหารรสเผ็ด เพราะมันจะไปกระตุ้นให้เกิดผื่นแดงขึ้น คุณควรพยายามสังเกตตัวเองว่าอะไรที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวหนังเป็นผื่นแดง ข้อแนะนำก็คือ ลองเข้าคอร์สไดเอต อาจช่วยให้โรคนี้ดีขึ้นได้

โรค สะเก็ดเงิน
ชาวเอสกิโมรู้จักโรคนี้เพราะมีอาการคันหรือพุพอง เป็นตุ่มใส มักเป็นบริเวณข้อศอก หลัง เข่า มือ โรคนี้จะไม่เกิดเมื่อชาวเอสกิโมกินอาหารพื้นเมืองเช่น กินปลาซึ่งมีกรดโอเมก้า 3 และจากการศึกษาของนักวิชาการได้ยืนยันแล้วว่า การกินกรด Alpha Linolenic (เช่นน้ำมันฝ้าย) จะช่วยบรรเทาโรคนี้ได้ เช่น ในวันหนึ่งๆควรกินกรด Linolenic 1 กรัม น้ำมันปลา 1.5 กรัม เป็นประจำสม่ำเสมอ อาหารที่ต้องระวัง คือ เนื้อหมู ไส้กรอก อาหารรสเผ็ด และแอลกอฮอล์ เพราะอาหารเหล่านี้จะกระตุ้นให้โรคกำเริบได้

โรคผิว หนัง Neurodermitis
โรคนี้จะมีผิวแห้งมาก อักเสบบ่อย และคัน ผู้ที่เป็นโรคนี้ต้องกินอาหารที่ช่วยบรรเทาอาการของโรค อาหารที่เหมาะก็คือ น้ำมันปอ (วันละ 1-2 ช้อนโต๊ะ) เมื่ออาการดีขึ้นก็หยุดกินได้ 2-3 เดือน หรือกินแบบสำเร็จรูป ผู้ที่เป็นโรคผิวหนัง Neurodermitis ต้องกินกรด Linolenic วันละ 1,000 กรัม จะดีที่สุดต้องกินร่วมกับกรด Alpha Linolenic เพื่อรักษาความสมดุลของกรดไขมันและที่พบบ่อยคือโรคผิวหนังมักเกิดจากการแพ้ อาหารให้ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง และหลังจากกินแล้วเกิดแพ้ ให้ลองไม่กินอาหารดังกล่าวแล้วดูสิว่าอาการจะดีขึ้นไหม?

เริม
แสงแดด ความเครียด หวัด ทำให้เกิดเริมที่ริมฝีปากได้ เพราะเกือบ 90 ℅ ของผู้ใหญ่มีไวรัสเริมหากภุมิคุ้มกันอ่อนแอ ไวรัสก็จะแสดงอาการขึ้นมาผู้ที่เป็นเริมควรกินอาหารที่มีวิตามินซีให้มากๆ เช่นผัก ผลไม้ ก็จะป้องกันโรคเริมได้ เพราะวิตามินซีช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง จากการศึกษาพบว่าการกินวิตามมินซีวันละ 3 ครั้ง ครั้งละ 600 มิลลิกรัม ก็จะทำให้เริมที่เริ่มก่อตัวหายเร็วขึ้น แต่การกินโปรตีน Arginine จะทำให้ไวรัสเพิ่มเร็วขึ้น โปรตีน Arginine มีอยู่ในถั่ว ช็อคโกแลต วุ้น และลูกเกด จึงควรหลีกเลี่ยงอาหารดังกล่าว ส่วนอาหารที่ทำให้ไวรัสอ่อนแอลงก็คือ ปลา ไข่ ผลิภัณฑ์นม สัตว์ปีก มันฝรั่ง และผลไม้เปลือกแข็ง

ผิวแห้ง
คนที่มีผิวแห้งและอยากถนอมผิวให้นุ่มนวลควรดูแลเซลล์จากภายในและควรกินไขมันเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ควรใส่ใจกับการกินกรดไขมันโอเมก้า 3 และ 6 หากมีผิวแห้งมากควรกินกรด Linolenicซึ่งมีความสำคัญกับผิว และอย่าลืมรักษาความชุ่มชื่นของผิว เช่น กรดอะมิโน Arginine ซึ่งมีมากในถั่วลิสง รำข้าวสาลี และผลิตภัณฑ์ถั่วเหลือง

ผิวสุขภาพดี
จากการศึกษาของมหาวิทยาลัย Monash ในเมลเบิร์น ประเทสออสเตรเลียพบว่า คนที่กินปลาบ่อย กินน้ำมมันพืช และกินผักอย่างพอเพียง มีริ้วรอยน้อยกว่าคนในวัยเดียวกันซึ่งชอบกินเนื้อสัตว์ กินน้ำตาล และเนยมากกว่า นอกจากนี้การกินผลิตภัณฑ์ถั่วเหลืองซึ่งมีไฟโตรเอสโตเจนก้จะช่วยยับยั้งไม่ให้ผิวแก่เร็ว เพราะจากการศึกษาทางการแพทย์พบว่าเกือบทุกกระบวนการความชราในร่างกายรวมทั้งผิวหนัง มีผลมาจากการอักเสบเล็กๆน้อยๆ ซึ่งส่งผลให้เส้นเลือดตีบตัน ทำให้สารอาหารไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆได้ไม่ดีและทำให้ผิวอ่อนล้า

กันแดดจากธรรมชาติ
ในฤดูร้อน ผิวต้องการการปกป้องเป็นพิเศษ และเราหาได้จากอาหารการกิน ซึ่งสามารถปกป้องผิวได้ส่วนหนึ่งพร้อมกับการใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดควบคู่กัน อาหารที่มีสารปกป้องผิวคือ ไลโคปีนจากน้ำมะเขือเทศวะนลั 20 กรัม ไลโคปีนจากแตงโม หรือเบต้าแคโรทีน วันละ 20 กรัม จากแครอทและผักโขม ส่วนผุ้ที่มีผิวค่อนข้างขาวก็ควรกินผลไม่รสเปรี้ยวๆด้วย แต่ไม่ควรกินรสหวานๆเพราะมันจะทำให้ผิวไวต่อแสงแดดมากยิ่งขึ้น ส่วนที่เป็นจุดกระ ด่างดำได้ง่าย ควรกินวิตามินซี ให้มากเช่น ส้ม กีวี เพราะมันจะช่วยให้การผลิตเม็ดสีเมลานินเป็นไปอย่งสม่ำเสมอ ซึ่งจะทำให้เกิดกระ จุดด่างดำได้น้อยลง

อาหารที่ช่วยดักจับอนุมูลอิสระ
ผักและผลไม้ 10 อย่างต่อไปนี้เป็นอาหารโปรดของผิว เช่นผักโขม พริกหวานสีแดง พริกชี้ฟ้า หัวหอมใหญ่ เกรฟฟรุต เห็ด มะเขือม่วง แอปเปิ้ล ส้มและหน่อไม้ฝรั่ง


อาหารที่ทำร้ายผิว
อาหารทีมีกรด Arachidonic จะทำให้ผิวอักเสบ เช่นตับหมู น้ำมันหมู ตับลูกวัว ไข่แดง หมูแฮม ตับวัว ตับบด ยอดน้ำมันพืช น้ำมันฝ้ายมีกรดไขมันโอเมก้า 3 มากที่สุด รองลงมาก็คือ น้ำมันวอลนัต น้ำมันปอ น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันรำข้าวสาลี น้ำมันมะกอก น้ำมันถั่วลิสง น้ำมันข้าวโพด และน้ำมันงา




» ที่มา : women


ข้อมูลสุขภาพที่เกี่ยวข้อง

☄ น้ำมันมะพร้าว...มหัศจรรย์ความงามที่ต้องบอกต่อ
☄ 27 วิธี...บอกลาผิวหม่น
☄ ผู้ชายควรจะจัดการกับริ้วรอยบนใบหน้าอย่างไรดี
☄ ดูแลผิวให้งาม...สมตามวัย






Create Date : 29 พฤษภาคม 2553
Last Update : 29 พฤษภาคม 2553 23:00:12 น.
Counter : 1158 Pageviews.

0 comments

ไลเดเลีย
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



ร้อยรส...กลอนกานท์




O ฤดูลม...O

O ฉับพลันฝนก็เร้นเก็บเส้นสาย
ดวงวันฉายแสงช่วงโลมห้วงหน
ขับความชื้นลบเลือนรอยเปื้อนปน
ลบหมองหม่นแผ่นฟ้าจนพร่าเลือน

O คล้ายเมฆสีเทาทึมเมื่อครึ้มฝน
ถูกแสงสรวงเบื้องบนเข้าปนเปื้อน
ย้อมสีเทาเป็นขาว..เมื่อหนาวเยือน
มาตามเตือนเลื่อนยามให้งามตา

O ลมต้นหนาวเกรียวกรูเสียงวู่ไหว
โลมกิ่งใบไม้ตื่นทั้งผืนป่า
เขยื้อนขยับยวบไหวอยู่ไปมา
เหมือนบอกลาล่วงพ้น..คาบฝนปลาย

O ความเปลี่ยนแปลงผ่านสู่..ให้รู้เห็น
จากเมื่อสีเลื่อนเส้น..แล่นเป็นสาย
เสียงครืนครั่นก้องอยู่ไม่รู้วาย
แปลบปลาบว่ายเวียนย้ำโลมค่ำคืน

O จนฟ้าเปลี่ยนไม้ใบสั่นไหวระริก
น้ำก็พลิกแผ่นผิว..เป็นริ้วตื่น
จึงบัดนั้น..ภูมิทัศน์ก็หยัดยืน
ด้วยสายลมเย็นชื่น..เพื่อฟื้นตัว

O ถึงคราลมเย็นรื่น..วกคืนย้อน-
พรมสายอ่อนโอนระลอกเข้าหยอกยั่ว
ยอดหญ้าเรียวโค้งนั้น..ย่อมสั่นรัว
รอเกลือกกลั้วรับรู้..ฤดูลม

O จากยึดโยงรากแทงลงแหล่งดิน
ตราบฝนรินหยาดหลั่งลงสั่งสม
คลายความชุ่มความชื้นเหนือพื้น, พรม-
ภาวะอันอุดม..ห้อมห่มไพร

O เหยียดยอดเสียดขึ้นแทงรับแรงฝน
ที่คอยหล่นร่วงหยาด..ก่อนลาดไหล
ยืนต้นตั้งเป็นแถว..เป็นแนวไป
รอลมไหววาดวี..จักมีมา

O ไม่นานเลย..จากฝนฟ้าหม่นหลัว
จนยอดไม้ส่ายรัวอยู่ทั่วหน้า
โลกต่ำ-ใบขาบเขียวทุกเรียวคา-
จะออดอ้อนลมถา..อยู่คาพื้น

O ระบำแถวยอดหญ้าตรงหน้านั้น
จะค่อยสั่นใบพลิ้วเป็นริ้วตื่น
เขียวจากฝนฝากตอนจะย้อนคืน-
เป็นแพรผืนโยนระลอกยั่วหยอกลม

O ร้อนจะรุมสุมมาจากฟ้าไหน
เรียวจะไหววาดรับช่วยขับข่ม
รอค่ำคืนน้ำค้างมาพร่างพรม
เพื่อรับฉมชื่นมาลย์..กลิ่นซ่านซ้อน

O กาลย่อมผ่านโดยช่วงของดวงวัน
จากเม็ดพันธุ์แตกหน่อเป็นช่ออ่อน
จนกลีบใบเรียวแรกเริ่มแตก..ชอน-
ไชขึ้นอ้อนออดรู้ฤดูกาล

O ฝน..หนาว..ร้อนรุ่มถึงขุมขน
แล้วเวียนรอบให้ฝน..อีกฝนผ่าน
เพื่อหยัดกลีบเรียวช่อ..ขึ้นรอบาน
พร้อมเรณูหอมซ่านขึ้นหว่านรส

O ช้าเร็ว..มวลผึ้งภู่ย่อมรู้กลิ่น
เมื่อลมรินรวยเท..หันเหบท
คอยดูเถิดอีกประเดี๋ยว..การเลี้ยวลด-
เข้าจ่อจดหวานหอม..จะพร้อมแล้ว

O ฤดูลมพรมพรำ..อยู่ค่ำเช้า
อาจรุมเร้า, อ่อนโรย..จนโชยแผ่ว
รอกวัดใบหญ้าเต้นจนเป็นแนว
ซ้ำบทแล้วบทเล่า..แต่เช้าวัน

O เมื่อสายลมผ่านสู่..ฤดูล่อง
และฟ้าผ่องแผ้วงามสีครามนั่น
ก็เมื่อผิวต้องหนาวจนหนาวครัน
จึงบัดนั้นโลกกว้างย่อมวางรอ

O ให้ฟังเสียงลมเท..มาเห่กล่อม
สูดกลิ่นหอมเรณูที่ชูช่อ
ทั้งเสียงไม้เสียดยอด..แสงทอดทอ-
ลอดพุ่มกอก้านใบ..ที่ไหวรับ

O พอลมล่องลาดเทมาเห่กล่อม
โลกที่ล้อมรอบล้วนคล้ายครวญขับ-
ผ่านบทเพลงร่ายรำ..เพื่อสำทับ-
การเขยื้อนการขยับลำดับนั้น

O ก็ใช่- เป็นเพียงฤดูลม
หมุนรอบมาห้อมห่มให้ซมสั่น
เปลี่ยนผ่านสภาพธรรมเข้าค้ำยัน
ให้จิตใจทั้งนั้นรู้ผันแปร

O เมื่อเม็ดน้ำขาดช่วงจากห้วงหน
เมฆขาวบนฟ้าพลอย..เลื่อนลอยแผ่
เมื่อขาวครามกลมเกลียวให้เหลียวแล
ก็เห็นแต่ภาพงามของยามนี้

O โอบโลกให้งดงามอยู่ท่ามกลาง-
ดวงวันพร่างแสงพร้อยเรียงสร้อยสี
ลมหนาวร่ำสายผ่านลงคว้านตี
เมื่อปีกผีเสื้อลายบินบ่ายย้อน

O ช่องโสตก็จะแว่วเสียงแจ้วเจื้อย-
ของนก, ลมโชยเฉื่อยคล้ายเหนื่อยอ่อน
ผืนแผ่นน้ำครวญครางในต่างตอน
จักซ้ำซ้อนภาพลวงอีกดวงวัน

O ให้มองเห็นลอยดวงบนสรวงฟ้า
ทั้งแจ่มจ้ายิ่งล้ำกลางน้ำนั่น
เท็จ-จริง..ที่มองผ่านก็ปานกัน
ย่อมแปรผันโดยจิต..การคิดตรอง

O ก็ใช่ – ที่เป็นเพียงธรรมชาติ
ทั้งดวงวันโอภาสคอยสาดส่อง
หรือคลื่นน้ำไหลลาดลงฟาดฟอง
และปีกผีเสื้อล่องบนท้องฟ้า

O เห็นไหมเล่ากลีบผการะย้าย้อย
ทุกช่อที่เคยช้อยอยู่คอยท่า
รอฝน..ต้องฝน..หมดฝนพา-
กันอ่อนโรยอ่อนล้า..ซบคาพื้น

O ฤๅ - อาจรู้ลูบโลมด้วยลมหนาว
หรือแสงงามวับวาวจากดาวดื่น
ครั้นสิ้นรอบลมร่ำกลางค่ำคืน
ฤๅ – อาจรู้ฉ่ำชื้นของพื้นดิน

O เพียงกาลผ่านเวียนแล้วเปลี่ยนช่วง
งามทั้งปวงถ้วนบทก็หมดสิ้น
ปีกลวดลายลมโชยเคยโบยบิน
อาจลาถิ่นไพรเถื่อนลับเลือนแล้ว

O ที่ไหนเล่าโลกกว้างและทางแคบ
เพียงหนีบแนบกลีบใบที่ไหวแผ่ว
ที่ไหนเล่าดีร้ายที่ปลายแนว-
ของเทือกแถวดอกมาลย์หอมหวานนั้น

O ก็นั่นแหละรูปธรรมในธรรมชาติ
ลมไหววาดแสงฉายน้ำพรายสั่น
ปีกลวดลายบินหยุด..ดอมบุษบัน
เกสรกลั่นหวานรส..อาจหมดฤๅ

O หากอีกสภาพธรรมในธรรมชาติ
เมื่อลมลาดล่องอยู่อาจรู้หรือ-
ว่าร้อน..ฝน..จนหนาว..อีกหนาวคือ-
การยึดถือตีความเอาตามใจ

O ฤดูลม-ยอดไม้ส่ายไหวอยู่
ปีกลวดลายหรุบชูก่อนลู่ไหล-
ลอดกลีบดอกนุ่มบางแทรกร่างไป
หวานเยี่ยงไรเล่าหนอ..จึ่งพอเพียง ?

O ฤดูลม..หวนระลอก, ดวงดอกไม้-
ก็หอมให้แถวถิ่นรู้กลิ่น, เสียง-
นกไพรเถื่อนก้องกรู..คล้ายอยู่เคียง-
ศัพท์สำเนียงก้องรัว..บางหัวใจ !



จากบล็อกพี่ สดายุ ค่ะ

Group Blog
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •   
  •  
  •  
  •  
พฤษภาคม 2553

 
 
 
 
 
 
1
3
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
24
25
27
28
30
31
 
 
All Blog