ชีวิตในฟินแลนด์ อยู่ให้เป็น ไปต่อให้มีความสุขกับการใช้ชีวิตในฟินแลนด์ ...
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2559
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
8 ตุลาคม 2559
 
All Blogs
 
อีกหลายเหตุผลที่ไม่ควรเลือกมาอยู่ฟินแลนด์ (อีกมุมหนึ่งที่อยากให้คิด) ภาค 2







   ภาค 1 อยุ่นี่ค่ะ
//www.bloggang.com/viewblog.php?id=leejayfinland&date=17-04-2016&group=18&gblog=35


         //www.bloggang.com/mainblog.php?id=leejayfinland&month=17-04-2016&group=18&gblog=35  

วัฒนธรรมของคนฟินน์ที่แตกต่าง มากกว่าวัฒนธรรมของคนในยุโรปประเทศอื่น

เรื่องวัฒนธรรมก็เป็นเรื่องใหญ่ค่ะ คุณอาจจะพูดว่า วัฒนธรรมที่ใหนก็ไม่เหมือนกันหรอก จะมาเปรียบกันได้ไง.. ลองมาดูกันค่ะ ว่ามันจะแตกต่างกับที่อื่นยังไงบ้าง

คนฟินแลนด์ เค้าจะมีวัฒนธรรมที่สันโดดมากๆ ต่างคนต่างอยู่ คนน้อย เรื่องก็ไม่เยอะเหมือนบ้านเรา แต่การที่เค้าไม่ใช่มนุษย์สังคมนี่แหละทำให้เค้ามีวิถีชีวิตที่แตกต่างไปจากประเทศอื่นค่อนข้างมาก 

เช่น ค่ะ เช่น

เค้าชอบอยู่ เงียบๆ ถึง เงียบมาก  แต่ว่าบ้านเมืองเค้าปลอดภัยมากกว่าบ้านเราเยอะอ่ะนะ ต่อให้บ้านอยู่ในป่า ลึกแค่ใหน ห่างกันไกลยังไง เค้าก็ไม่มีเรื่องราวให้เป็นข่าวเหมือนเมืองไทย

คำว่าเงียบนี่แหละที่บางทีสาวไทยงอนแล้วเก็บตัวเงียบ กว่าเค้าจะรู้แล้วเข้ามาง้อเนี่ย บางทีเล่นเอาหลายวัน สำหรับบางราย เพราะว่าเค้าไม่ทราบหรอก นึกว่าเราอยากอยู่คนเดียว (นึกออกใช่มั๊ยคะ แต่แบบนี้คนที่บ้านป้าลีไม่เป็นอ่ะนะ เพราะปกติอีป้าไม่เคยหยุดปาก ถ้าเงียบเกินหนึ่งชั่วโมงเนี่ย ไอซ์แมนบ้านป้าเริ่มหนาวๆร้อนๆ จะเข้ามาสอดแนมทันที ว่าทำใมป้าเงียบไป)

วัฒนธรรมที่พูดถึงนี้ ขอพูดที่เกี่ยวกับในบ้านก่อนก็แล้วกัน ในฐานะสามีภรรยา ที่ต้องมาใช้ชีวีตร่วมกันต่างภาษา ต่างความรู้ทางสังคม(ไทยกับฟินน์)  ต่างวิถีชีวิตกันเลยของคนสองคน.. มันเป็นเรื่องยาก

เช่น.. ผู้ชายที่ทำอาหารไม่เป็นเค้าจะรุ้แค่ว่ารสชาติมันอร่อยถูกปากกับไม่อร่อย เท่านัน้เอง เค้าจะไม่ทราบไปมากกว่านั้นน่ะค่ะ ว่าทำยากแค่ใหน ปรุงอย่างไรก่อนอย่างไรหลัง ขั้นตอนการทำนานแค่ใหนทำครึ่งวันหรือทั้งวัน  ไรแบบนี้น่ะค่ะเค้าจะไม่รู้เลย

ผู้ชายคนที่ทำอาหารเป็น เค้าจะชื่นชมในรสชาติของอาหารที่กิน และพิถีพิถันในการกินให้เวลาที่โต๊ะอาหารมากกว่าหน้าทีวี

 ส่วนคนที่ทำอาหารไม่เป็นเค้าจะทำได้แค่กินแล้วตอบได้ว่าอร่อย นอกจากนั้นเค้าจะไม่ทราบ รีบกินแล้วรีบไป  ถือว่าภาระกิจของเค้าเสร็จแล้ว ไม่ใช้เวลาที่โต๊ะอาหารมากเหมือนผู้ชายกลุ่มแรก อาจจะเอาเวลาไปทำอย่างอื่นแทน เช่นดุทีวี หรือ ไปหมกตัวที่โรงเก็บของประดิษฐ์บางอย่าง หรืออีกหรือ อะไรแบบนั้นน่ะค่ะ
...
ดังนั้นคุณแม่บ้านอย่าไปน้อยใจนะคะ ถ้าเค้าไม่ทราบว่าเค้ากินอะไรยากที่จะทำแค่ใหน ยังไง (เค้าก็รุ้แหละ หมุไก่กุ้ง แต่เค้าไม่รุ้ว่าเราทำยังไงให้กิน เช่นหมักของมาตั้งกะเมื่อวาน เตรียมอุปกรณ์มาจากสัปดาห์ที่แล้ว ไรแบบนั้น)

เรื่องมารยาทในโต๊ะอาหารเนี่ย จะเห็นชัดมากๆ ระหว่างคนฟินกับคนไทย จะเห็นได้จากเด็กๆ จะดีดกระโหลกกะลาบนโต๊ะยังไง คนฟินเค้าก็จะไม่เน้นกับเด็กว่าต้องสำรวมมากแค่ใหน จะแค่บอกแต่ไม่เน้น จะพูดตอนกินจะเคี้ยวเสียงดัง จะเอาซ่อมกระทบจานดังแค่ใหนเค้าก็จะแค่บอก แต่เค้าจะไม่เน้นกับลูกเหมือนคนไทย
พูดจาเสียงดัง ยังไง เดินดังแค่ใหน แสดงอารมณ์สุดๆยังไง เค้าให้เด็กเป็นได้แบบเต็มที่ แต่บ้านเราจะตรงกันข้าม เราจะสอนลูกให้

"สำรวม"

เช่น ในงานเลี้ยงที่ต้องใส่สูทหรือชุดราตรีกัน  ถ้าเด็กจะวิ่งซนมาก วิ่งไปวิ่งมาเค้าก็จะทำใจยอมรับว่า เด็กๆก็แบบนี้แหละ เค้าแฮปปี้ก็ดีแล้ว แต่ถ้าเป็นคนไทยเรา จะตะครุบลูกเอาไว้ทันที จะเน้นเลยว่าต้องนั่งสำรวม ต้องยืนสำรวจ จะลุกก็ต้องสำรวม จะคุยจะพูดก็ไม่ต้องตะโกน หรือลุกลี้ลุกลน เพราะกริยามารยาทแบบนี้บ้านเราถือว่าพ่อแม่ไม่ดูแลดีพอ
จะคุยแทรกอะไรมาไม่ได้ถ้าผู้ใหญ่คุยอยู่ ก็ต้องรอจังหวะก่อน แต่คนที่นี่ถึงแม้เค้าจะบอกแต่เค้าจะไม่เน้น เค้าไม่รู้ด้วยว่า คำว่าสำรวมมันต้องแค่ใหน ประมาณนี้น่ะค่ะ
 คนที่นี่ถ้าเด็กจะทำอะไรเค้าจะให้สิทธิเด็กได้แสดงความเป็นตัวเองก่อน ให้เค้าได้บอกได้ทำในสิ่งที่เค้าก็ใช้สิทธิของเค้าทำ คือเค้ามองกันแบบนี้น่ะค่ะเพราะเน้นความเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่

 แต่เราจะใช้สิทธิความเป็นคนโตที่รู้มารยาทในสังคมสอนเน้นและทำให้เค้า "สำรวม" ซึ่งฝรั่งก็จะมองว่า เราใช้ความเป็นคนโต วางทับสิทธิของเด็ก ไม่ให้เค้าเป็นตัวเอง อะไรแบบนั้น ซึ่งตรงนี้หลายบ้านคิดเห็นไม่ตรงกันนะคะ โดยเฉพาะคนที่มีลูกครึ่ง ตัวเด็กต้องเป็นทั้งเด็กไทยและเด็กฟินแลนด์

เช่น บางบ้าน แม่เค้าสอนลูกเรียกน้าอึ่ง ป้าหลาน แม่จ๋า คุณแม่ หรือไรแบบนี้ ฝรั่งเค้าก็จะให้เรียกแค่ชื่อไปเลย อึ่ง หลาน แม่ ทำใมต้องให้เด็กเรียกอะไรที่มันยากด้วย ไรแบบนี้ (อันนี้คิดว่าประเทศอื่นก็เป็นนะ คงไม่ใช่แค่ฟินแลนด์หรอก แต่หลายบ้านก็ไม่เป็น เพราะเค้าไม่ได้สนใจมาก ว่าเด็กจะเรียก น้าอึ่ง หรือ อึ่ง มันก็คนเดียวกันนั่นแหละ)  

เรื่องของคำว่า "สำรวม" เนี่ยก็มีอีกเยอะค่ะ คิดว่าหลายคนเข้าใจและเจอกับตัวพอสมควร.... ส่วนตัวป้าลีเอง ไม่ได้อยู่กับคนที่นี่นานมากนัก คือ สี่ปี... ก็ถือว่าไม่นานมากนักแต่ก็ไม่ถึงกับใหม่ในสังคมที่นี่ เพราะวิถีชีวิตของป้าลีไม่ได้เก็บตัว ด้วยทั้งกิจกรรมต่างๆ ของครอบครัวไม่ว่าจะกอล์ฟ เด็กที่บ้านเรียนโรงเรียน The English School
เรียน บัลเล่ต์กับโรงเรียนสอนเต้นและการแสดงของจังหวัด Nurmijarvi เรียนโรงเรียนกอล์ฟ หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่ต้องอยุ่กับสังคมของคนที่นี่

ส่วนอีกเรื่องนี้ คือ
คนฟินแลนด์ มองว่า"คนทุกคนมีความเสมอภาคเท่าเทียมกัน" อันนี้เป็นไอเดียที่ดีค่ะ แต่ในทางที่ไม่ดีคือ ในเมื่อผู้ชายกับผู้หญิงมีความเท่าเทียมกัน เค้าก็เลยต่างคนต่างใช้เงินตัวเอง ผู้หญิงที่ใช้เงินผู้ชายถือเป็นเรื่องผิดปกติ ถือเป็นเรื่องพิการที่เกิดขึ้น(เหมือนคนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ก็เลยต้องให้คนอื่นมาช่วยเหลือประมาณนี้น่ะค่ะ)

 ยกเว้นจะมีลูกด้วยกันนั่นแหละ ทางฝ่ายหญิงถึงจะเข้ามามีบทบาทใช้เงินของผู้ชายมากขึ้น  ดังนั้นผู้ชายที่แต่งกับสาวไทยแล้ว ยอมเลี้ยงดูสาวไทยพร้อมให้เงินใช้รายเดือนนอกเหนือจากรับผิดชอบซื้ออาหารการกินค่าบ้านค่ารถไรงั้นนะ แล้วก็มาให้เงินเดือนเมียนั้นถือเป็นเรื่องยาก(แต่ก็มีนะคะ ไม่ใช่ไม่มีนะ) คนที่รักเพื่อนมักจะเตือนเพื่อนว่า อย่าให้เงินเมียคนไทยนะ แต่คนที่มีเมียไทยก็จะให้ ซึ่งก็เลยทำให้คนฟินน์ที่มีเมียไทยก็วางตัวลำบากกับสังคมตัวเอง... ตลกเน๊อะ


ส่วนวัฒนธรรมในด้านอื่นๆ เช่น คนฟินแลนด์มีวิถีชีวิตที่แตกต่างกับคนฝรั่งเศสเช่น วิธีรับประทานอาหาร คนฝรั่งเศสจะมีพิธีรีตรองมากกว่า มีขั้นตอนในการกิน มีความประณีตในการปรุงอาหาร ความสวยงามของกริยามารยาทในการจะพูดจะใช้น้ำเสียง การแต่งตัว และอื่นๆ (แต่ชอบอยู่ฟินแลนด์มากกว่านะขอบอก) แต่คนที่นี่ฟินแลนด์ชอบความจริงใจ ชอบความตรงไปตรงมา เสื้อผ้าหน้าผมต่อให้ไม่เนี๊ยบก็ไม่มีใครแคร์สื่อไรมาก(คนที่นี่น้อย)

ก็ประมาณนี้นะคะ.... เห็นเด็กๆที่เรียนก่อสร้างกับป้าลี ส่วนตัวป้าลีไม่ค่อยเห็นด้วยกับคำว่า ระบบการเรียนดีสุดอันดับต้นๆ ของโลก...หลังจากที่เห็นเด็กอัมมัตติมาสองโรงเรียนละ  (เอาไว้แฉกันค่ะ ว่าทำใมป้าลีคิดแบบนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่ชื่นชมฟินแลนด์นะ อย่างที่บอก ป้าลีชอบการใช้ชีวิตที่นี่มากกว่าอยู่เมืองไทย ตามที่เกริ่นไปแล้ว)

อ่ะใครหาข้อมูลกับชีวิตที่นี่อยู่....ก็ได้รับทราบด้านลบบ้าง นะจ๊ะ...(ด้านดีมีอีกเยอะค่ะ หาเอาได้ตามเฟซบุ๊คทั่วไป  แต่ป้าลีเอาไว้แฉอีกภาคต่อๆไป)

ส่วนอีกสองเรื่องที่อยากจะเน้น.... คือ
ภาษีแพง (แต่รายได้ต่ำ)
ฟินแลนด์ ดินแดนเรียนฟรี ก็ต้องมาเรียนและตั้งใจเรียนโดยใช้ความพยายามที่จะเรียน

เอาไว้ยกยอดนะค๊าาา....




Create Date : 08 ตุลาคม 2559
Last Update : 9 ตุลาคม 2559 14:09:49 น. 2 comments
Counter : 2921 Pageviews.

 
ฮ่าๆๆๆ ชอบท่อนที่ว่า "เหมือนคนพิการ...555" ต้องให้คนอื่นมาช่วยเหลือ ไรแบบนี้... (สะเทือนคนที่แบมือของเงินสามี เลยนะเนี่ย ฮ่าๆๆๆ)

บ้านเราใช้เงิน "แยกกระเป๋ากัน และแยกบัญชีกันค่ะ" สามีจะมีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องรายจ่ายระดับโลก 555 ส่วนเรารับผิดชอบ​ค่าใช้จ่ายของ ตัวเอง...และไม่เคยแบมือของเงินจากสามี

หลายคนคงคิดว่า "นี่คือสิ่งที่น่าภูมิใจ ไม่เคยแบมือขอเงินสามี" แต่สำหรับเราแล้ว "มันเป็นเรื่องปกติ" จริงๆนะคะ เพราะเราเองก็มีงานทำ มีเงินเก็บ และมีปัญญาที่จะดูแลตัวเองให้รอดได้..อยากได้อะไรก็ ซื้อเอง...​บางทีก็ซื้อให้สามีด้วย และเอาบิลไปเบิกเงินคืนทีหลัง ฮ่าๆๆๆๆ


โดย: Max Bulliboo วันที่: 15 ตุลาคม 2559 เวลา:18:00:30 น.  

 
เริ่ดค่ะป้าลีขอชื่นชมนะ ปกติเรื่องของผัวๆเมียๆ พ่อแม่เราก็สอนกันมาแต่เกิดละว่า "ช่วยกันสร้างครอบครัว ถ้าผัวเสร้างเป็นเมียเก็บเป็น ครอบครัวก็ไม่ลำบากในวันหน้า" นี่คือคำโบราณสอนลูกหลานต่อๆกันมา
อันนี้เห็นด้วยค่ะ

ส่วนตัวป้าลีเอง สามีต้องให้ใช้ส่วนตัว(เหมือนคนพิการ) คือทุกเดือนต้องเข้าบัญชีเป๊ะๆ ห้ามเลทห้ามให้ทวงถาม และรายจ่ายในบ้านเค้าก็เป็นคนจ่าย"ฝ่ายเดียว" ส่วนเราอยากช่วยเราจะช่วย แต่ไม่รับปากว่าเดือนใหนจะช่วย นี่คือกฏในบ้าน

แน่นอนว่าแต่ละครอบครัวไม่เหมือนกัน... เหตุผลที่ทำแบบนี้นั้นเพราะว่า เราต่างคนต่างมีลูกติด ตรงนี้หลายคนไม่เข้าใจ เพราะมันเป็นเรื่องยุ่งยากของชีวิต ไม่ได้หมายความว่าการมีลูกเป็นเรื่องยุ่งยากนะคะ(ถ้าพร้อมจะมี) แต่ว่า "ปัญหาลูกติด" มันเป็นเรื่องยุ่งยาก เพราะมันนอกเหนือจากระหว่างคนสองคน

ป้าลีไม่ได้ทำงานแบบมีเงินเดือนแต่ว่าป้าลีลงทุน ซึ่งส่วนตัวคิดว่าตัวเองมีรายได้มากกว่าสามีถ้าคิดรวมต่อปี แต่ยังไงป้าลีก็มีกฏว่า ต้องให้เงินป้าลีใช้ส่วนตัว ในฐานะ "หน้าที่สามีที่ต้องเลี้ยงดูภรรยา " ส่วนหน้าที่ภรรยาเราก็ต้องรู้ว่าคืออะไร

และหน้าที่สร้างครอบครัวร่วมกันคือ ป้าลีลงทุน ดังนั้นเรามีอนาคตร่วมกัน ซัพพอร์ตซึ่งกันและกัน ครอบครัวเดินหน้า ลูกๆ รู้สึกมั่นคง ต่อให้เค้าตกงาน ณ วันนี้ แต่ เมียซัพพอร์ต เค้าก็รู้สึกมั่นคงเช่นกัน ตรงนี้เราเข้าใจกัน...มันก็ง่ายอ่ะนะ ที่จะดำเนินชีวิต(แต่เรื่องยุ่งๆเพียบเลยเช่นกัน)


โดย: Lee Jay วันที่: 16 ตุลาคม 2559 เวลา:13:34:45 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Lee Jay
Location :
Nurmijärvi,Vantaa,Helsinki Finland

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 143 คน [?]




ชื่อ ลี ค่ะ เป็นป้ารุ่น เกือบ เลขที่ 5 เข้าทีมวัยรุ่น
ไม่ได้อัดบล็อกเกือบ 3ปี

pub-3852458659373246
New Comments
Friends' blogs
[Add Lee Jay's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.