|
|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
|
|
|
|
|
|
|
|
อีกหลายเหตุผลที่ไม่ควรเลือกมาอยู่ฟินแลนด์ (อีกมุมหนึ่งที่อยากให้คิด)
เพจนี้ ไม่ได้ดับฝันใครนะคะ และคนที่อยู่ฟินแลนด์ก็ไม่ต้องมาเขม่นป้าลี แต่เขียนเพื่อให้ได้ข้อคิด เพื่อการดำเนินชีวิตที่มีคุณภาพถ้าจะมาอยู่จริงๆ
เหตุผลหลักๆ หนาว ภาษาฟินยากมาก คนน้อยมาก แค่ห้าล้านกว่าคนทั้งประเทศ วัฒนธรรมที่แตกต่าง มากกว่าวัฒนธรรมของคนในยุโรปประเทศอื่น ภาษีแพง (แต่รายได้ต่ำ) ฟินแลนด์ ดินแดนเรียนฟรี ก็ต้องมาเรียนและตั้งใจเรียนโดยใช้ความพยายามที่จะเรียน
เหตุผลอื่นย่อยๆ ยกไปแล้วกันนะคะ
มาเริ่มกันค่ะ... ฟินแลนด์มีภูมิประเทศที่ ภาคเหนือกับภาคใต้ของประเทศเนี่ยแตกต่างกันพอสมควร(แม้จะไม่เท่าประเทศอื่นที่ใหญ่ๆ แต่ก็..อ่ะ มาดูกันว่าทำใม) ทั้งสภาพอากาศ ผู้คน สังคม ทำให้พฤติกรรมในพื้นที่แต่ละที่แตกต่างกันออกไป เช่น ด้านกีฬา ด้านอาหารการกิน ความสะดวกด้านการเดินทาง โอกาสที่จะหางาน หรือรวมไปถึง โอกาสที่จะหาที่เรียนก็แตกต่างกันออกไปด้วย
หนาว เหตุผลนี้ป้าลีไม่มีปัญหากับชีวิต แต่คนอื่นๆก็จะบ่นๆกันทั้งนั้น ถ้าแค่หนาวเนี่ยมันพอทนทานได้ แต่มันมืดและรู้สึกโดดเดี่ยวเนี่ยสิ บางครั้งชีวิตอดหู่ คนที่อยุ่เมืองใหญ่ของฟินแลนด์ก็อาจไม่มีผล แต่คนที่อยู่ต่างจังหวัดเนี่ย เวลาหน้าหนาวมีผลกระทบมาก อาหารการกินก็ลำบากเพราะว่า หน้าหนาวสินค้าพื้นฐาน เช่นวัตถุดิบด้านการทำอาหารนอกจากจะแพงแล้วเนี่ย มันยังหาไม่ค่อยได้ ไม่มีผักให้กินด้วยซ้ำ มีแค่ไม่กี่อย่างซึ่งก็แพงสุดๆ เหตุผลแบบนี้หลายคนปรับตัวไม่ได้ แต่คนอยู่เมืองใหญ่ๆ มีร้านเอเชียให้ช้อป แม้จะแพงแต่ก็โอเค คืออยู่ได้
ภาษาฟิน ยากมาก
ปัญหานี้ดับฝันคนไทยกันถ้วนหน้านะคะ คือ... ไม่ว่าคุณจะเรียนจบอะไรมา ถ้ามาติดประเด็นเรื่องเรียนภาษาฟินนี่คือนรกมาก นั่นแปลว่า ชีวิตคุณจะสะดุดทันที คือ เกือบทุกคนที่เข้ามาอยู่ฟินแลนด์ด้วยวีซ่าครอบครัวเนี่ย เค้าจะส่งคุณไปเรียนภาษาในสเต็บแรก แล้วให้เงินซัพพอร์ตในการดำเนินชีวิตในช่วงสามปีแรก(หลายคนไม่ได้สามปีนะคะ ป้าลีได้ปีเดียว ลูกชายป้าลีก็ได้แค่ปีเดียวเช่นกัน)
ในสามปีเนี่ย ถ้าคุณได้เรียนอัมมัตติต่อ เค้าก็จะขยายเวลาให้เงินคุณต่อไป (ประมาณเดือนละ 7-8 ร้อยกว่าๆ หลังภาษี ก็คือ สามหมื่นกว่าบาทต่อเดือนน่ะค่ะ)
แต่ว่า ถ้าคุณไม่ผ่านการเรียนภาษาเนี่ย ก็แปลว่าคุณจะสอบเข้าเรียนอัมมัตติไม่ได้ เพราะมันต้องเรียนกับคนฟินแลนด์ การเรียนการสอนที่เค้าสอนกันก็คือสอนคนฟินแลนด์ นั่นคือคุณต้องเข้าใจภาษาของเค้าดีมากแล้วนั่นเอง เพราะเป็นหลักสูตรที่ไม่ใช่มานั่งสอนคุณให้เรียนภาษาฟิน แต่เป็นหลักสูตรที่สูงขึ้นแล้ว คือไปเข้าใจอย่างอื่นไม่ใช่แค่ กอ ไก่ กอ กา อันนี้อ่านอะไร ออกเสียงอะไร ทำใมเปลี่ยนแกรมม่า ไรงี้ ดังนั้นถ้าคุณไม่เข้าใจภาษาฟิน คุณจะก้าวต่อไปเรียนอย่างอื่นได้อย่างไร
เมื่อสอบเข้าอัมมัตติไม่ได้ ก็แปลว่า เงินซัพพอร์ตในการเรียนก็จะถุกตัดไป ต้องไปหางานล่ะทีนี้ งานอะไรล่ะที่ทำได้ ก็มีอย่างเดียว คือ งานแรงงาน ต่อให้คุณจบโท จบ ตรี คุณอาจจะต้องไปล้างส้วม ล้างจาน หั่นผักในครัว ก็ได้ เพราะอะไร ก็เพราะคุณไม่ได้เข้าเรียนหลักสูตรวิชาชีพของประเทศนี้ ที่เรียกว่า อัมมัตติ น่ะแหละ (หลายคนไปทำกิจการตัวเอง เช่นเปิดร้านขายของชำ หรือร้านนวด หรือร้านอาหาร หรืออื่นๆ อันนั้นไม่กล่าวถึง เพราะมีไม่กี่คนของคนไทยที่อยู่ทั้งประเทศฟินแลนด์สามารถทำได้แบบนั้น)
ทีนี้ ทำงานแรงงาน มันผิดตรงใหน..ต่อให้จบ อัมมัตติ(วิชาชีพ) ก็ต้องออกมาทำแรงงานอยู่ดี ถูกค่ะ แต่รายได้แตกต่าง ไม่งั้นเค้าจะให้คุณไปเรียนเพื่ออะไร ถ้ารายได้มันไม่แตกต่าง ถูกมั๊ยคะ แต่งานด้านความสะอาด หรืองานด้านทำอาหาร ที่เรียกว่า กุ๊กนั่นแหละ งานเหล่านี้ เค้าจะได้ค่าแรงไม่แตกต่างกับคนที่ไม่ได้เรียนอ่ะนะ(ถ้าร้านเล็ก หรือบริษัทเล็ก) แต่คนที่ไม่ได้เรียนอัมมัตติจำเป็นต้องไปสอบใบอนุญาติเพื่อจะทำอาหาร เช่น ได้ค่าแรง สิบยูโรต่อชั่วโมง แต่คนที่เค้าเรียนและได้วุฒิเนี่ย เค้าหางานง่ายกว่า มั่นคงกว่า และได้ค่าวิชาชีพต่างจาก คนที่ไม่ได้เรียนอัมมัตตินิดหน่อย (เช่นสาขาผู้ช่วยพยาบาลหรือสาขาอื่นๆ)
ค่าวิชาชีพคืออะไร... อย่าลืมว่าบางสาขาเนี่ย เค้าได้ค่าวิชาชีพเยอะค่ะ เอาง่ายๆ ที่ชัดเจนเลย คือ ช่างก่อสร้างที่ป้าลีกำลังเรียนอยุ่(สาขาอื่นไม่กล้ายกตัวอย่างตัวเงิน เพราะอาจรู้ไม่จริง เช่น ช่างไฟ ช่างยนตร์ ช่างกลฯ สถาปนิกฯ ไรงี้)
รายได้คือ ประมาณ สิบยูโรต่อชั่วโมง เช่นกันค่ะ ถ้าพึ่งจบ แต่จะบวกอีกหลายรายการ เช่น ถ้าเป็นบริษัทใหญ่ เค้าจะให้มากขี้นอีก 1-2 ยูโรต่อชั่วโมง รวมเป็น ราวๆ เกือบๆ 12 ยุโรถูกมั๊ยคะ ทีนี้จะบวกต่อด้วย ค่าประสบการณ์ (ถ้ามี) บวกต่อด้วย ค่าวิชาชีพ ที่เป็นก่อสร้าง บวกต่อด้วย ค่าแรงสองเท่า กรณีทำนอกเวลาหรือเสาร์อาทิตย์ และอย่างลืมว่า งานด้านก่อสร้าง ไม่ว่าจะสร้างอะไรก็ตาม หลายครั้งจำเป็นต้องทำนอกเวลาค่ะ เราจะเห็นได้บ่อยไป เพราะหลีกเลี่ยงเวลาสัญจรของคนทำงานทั่วไป
ดังนั้น รวมแล้ว จะได้ราวๆ 18 ยูโรต่อชั่วโมง ขึ้นไป ก็คือ เกือบสามพันต่อเดือนน่ะค่ะ นี่ไม่ใช่กรณีจบวิศวะนะคะ แค่จบวิชาชีพ นี่แหละ
ถามว่าเยอะมั๊ย ก็ไม่เยอะ เพราะว่างานมันเสี่ยงกว่าคนยืนทำงานในครัวน่ะค่ะ แต่โอกาสที่จะรับงานนอกหรือทำงานตัวเองได้มีมากกว่า เช่น ก่อสร้างแล้วซ่อมบ้านตัวเองขายไป แล้วซื้อใหม่ หรือ ทำบริษัทตัวเองในครอบครัว รับงานซ่อมเล็กๆทั่วไป แบบนี้เรียกว่าเรียนแล้วมีโอกาสกับชีวิตค่ะ
(หลายคนทำงานสิบสองยูโรต่อชั่วโมง เค้าก็พอใจ ส่วนตัวป้าลีคิดว่าคุณไม่พอกินหรอกถ้ามีลูกขึ้นมาน่ะ อย่าคิดว่าป้าลีดูถูกนะ แต่คุณต้องเข้าใจว่า เวลาผ่านไปนานขึ้น คุณจะหันมานั่งมองเรื่องเงินเก็บของคุณเองและเงินสำหรับลูก เพราะคุณอายุมากขึ้น เวลาทำงานเหลือน้อยลง ร่างกายก็ไม่ไหวกับการต้องถึกกับงานอีก)
เห็นมั๊ยคะ ว่าถ้าชีวิตเรา ที่ไม่ได้เรียนอัมมัตติ อนาคตคือ การเป็นแรงานรายได้ต่ำต่อไป จนตายนะคะ ขอเน้นว่า จนตาย... มันมีผลกระทบมากๆ เพราะรายได้คุณจะไม่เหลือในแต่ละปี
แต่ถ้ามีเงินลงทุนทำธุรกิจ ก็อย่าไปมุ่งเรื่องเรียนนะคะ เพราะคุณจ้างคนที่เค้าเรียนแล้วมาทำให้ง่ายกว่า...ถูกต้องมั๊ยคะ ตัวเองจะไปนั่งเสียเวลาเรียนทำใม อันนี้เคลียร์นะคะ
เน้นใหม่... ถ้าคุณเรียนจบปริญญาจะ ตรี โท ก็ตาม ถ้าคุณไม่มั่นใจว่า "ความพยายาม" ของคุณมีพอหรือไม่ที่จะผ่านด่านภาษาฟิน ขอให้พิจารณาก่อนนะคะ ว่าจะมาเป็นแรงงานที่ฟินแลนด์ดีหรือไม่ แต่ถ้าเป็นแรงงานที่นี่ก็ยังดีกว่าเป็นแรงงานที่ไทย อันนี้ก็มาเถอะนะ ไม่เถียง
แต่หลายคน เค้าเป็นแรงงานที่ไทยคุณภาพชีวิตดีกว่าที่ฟินแลนด์ไงคะ เช่น ถ้าคุณมีรายได้ สี่หมื่น ที่ไทย คุณจะมากินเงิน หกหมื่นที่ฟินแลนด์มั๊ย ถูกมั๊ยคะ เพราะค่าครองชีพมันต่างกันน่ะ แล้วต้องทนหนาว ทนอดอาหารที่เราชอบอีก
คนน้อยมาก แค่ห้าล้านกว่าคนทั้งประเทศ
อันนี้พูดเรื่องโอกาสของชีวิตค่ะ ด้านการทำงาน หรือด้านการจะทำธุรกิจส่วนตัวก็ดี การที่มีคนน้อยเนี่ย แปลว่า ผู้บริโภคน้อย > การจ้างงานก็น้อยตาม > งานจะหายาก เพราะเค้ารับคนน้อยเช่นกัน > ไม่มีงานคือไม่มีเงิน
เห็นตามลูกศรมั๊ยคะ เมื่อไม่เกินการจับจ่ายมาก การค้าการขายก็มีน้อย ถูกต้องมั๊ยคะ
แล้วคนน้อยกระทบอะไรอีก ที่ไม่ใช่แค่ พื้นฐานชีวิต อ่ะ...มองด้านงานอดิเรก(คนน้อยก็ใช้ชีวิตสังคมน้อยลงไงคะ)
คนไทยในฟินแลนด์มีงานอดิเรกอะไรบ้าง... คุณตอบตัวเองได้มั๊ยคะ? เล่นกีฬาหรือเปล่า กีฬาอะไร ทำอย่างอื่นล่ะ ในเวลาว่าง (จะทำอะไรได้ล่ะ เงินไม่พอกิน งานอดิเรกแต่ละอย่างแพงทั้งนั้น) แล้วถ้าไม่มีงานอดิเรก ล่ะ ชีวิตเป็นไง.... หลายคนทนได้ แต่หลายคนเนี่ยทนไม่ได้นะคะ พออยุ่ฟินแลนด์เกินสองหรือสามปีแล้วเนี่ย (หันมาถามตัวเองเลยนะ ว่าจริงหรือเปล่า ถ้าอยู่ยังไม่ถึงสามปี อย่ามาตอบนะ) หมดความตื่นเต้นกับสภาพแวดล้อมล่ะ ชีวิตก็น่าเบื่อล่ะทีนี้ ถุกมั๊ยคะ เช่นหิมะมา เค้าไปเล่นสกีกัน คุณก็ไม่ได้เล่น เพราะมันแพง และเล่นไม่เป็น งั้นไปเล่นสเก็ตน้ำแข็ง เล่นไม่เป็นอีก เพราะล้มแล้วเจ็บ อ่ะถ้าเล่นเป็นล่ะ ก็วิ่งๆวนๆ ในลานน้ำแข็ง ได้หนึ่งชั่วโมง ก็เกินเบื่อล่ะ เพราะมันก็แค่ลานน้ำแข็งลานเดียว ครึ่งชั่วโมงก็เริ่มเบื่อเช่นกัน ถูกต้องมั๊ยคะ
เค้าไปเที่ยวต่างประเทศกัน แต่เราไม่ได้ไป หรือไปก็ สามวันต่อปี ...แฮปปี้มั๊ยคะ? ถามจริง ก็เงินมีแค่นั้น จะให้ทำไง... ถึงบอกไงว่าต้องเรียนและทำงานจะได้เงินเพิ่มน่ะ
เรื่อง งานอดิเรกเนี่ยเป็นเรื่องจำเป็นของชีวิตค่ะ ถ้าคุณมีลูก คุณก็จำเป็นต้องนึกถึงเรื่องการเตรียมเงินให้ลูกมีงานอดิเรกด้วย ถ้าไม่มีล่ะ ลูกทำไง.... ตอบเองแล้วกันค่ะ
นี่ล่ะค่ะ เรื่องคนน้อยเนี่ย หลายอย่างทำให้ชีวิตคุณสะดุดเช่นกัน จะฝันหวานว่าอยากทำอะไรบางอย่างขาย ก็ไม่ได้อีก เพราะไม่มีใบอนุญาติ กลัวภาษีอีก ไม่มีคนมาซื้ออีก(คนน้อย) จบข่าวค่ะ
ป.ล. ป้าลีรักชีวิตที่ฟินแลนด์ค่ะ ในหลายเหตุผลที่ชอบอยู่เมืองนอกมากกว่าอยู่ไทย เอาไว้เขียนเล่ามั่งว่าทำใมรักชีวิตเมืองนอกมากกว่าเมืองไทย ไม่ใช่ไม่รักบ้านเกิด แต่พูดว่าชอบชีวิตที่นี่มากกว่าเท่านั้นเอง
เรื่องอื่นยกไปเพจหน้าค่ะ มือเริ่มหงิก
Create Date : 17 เมษายน 2559 |
Last Update : 16 ตุลาคม 2559 14:11:00 น. |
|
2 comments
|
Counter : 1561 Pageviews. |
|
|
|
โดย: Lee Jay วันที่: 16 ตุลาคม 2559 เวลา:14:09:40 น. |
|
|
|
| |
|
|
แบบที่เยอรมันจะมี มาดามบางท่านเข้ามาต่อว่า...คนที่กระเสือกกระสน "หางานทำ" นี่คือเป็นพวกสามีไม่เลี้ยง หรือไม่ก็เป็นพวก "ไม่รู้จักพอ" ซะงั้นอ่ะค่ะ ฮ่าๆๆๆ เพลีย... ชอบอ่านเรื่องราวของป้าลีมากๆค่ะ นี่ฟินแลนด์มีคนแค่ ห้าล้านเองเหรอคะ น้อยจุง.... แบ่งจากเยอรมันไปบ้างดีมั๊ยคะ ฮ่าๆๆๆๆ 80ล้านแน๊ะ... แออัดสุดๆล่ะ ฮ่าาาาาา
ปอลิง ถูกต้องนะก๊าบบบ งานอดิเรก มีค่าใช้จ่ายค่ะ ของเราแค่ว่ายน้ำ และ freediving และ สมาชิก sport club นี่ต่อปีเราจ่ายไป เกือบๆ 800ยูโรแร้วอ่ะค่ะ อันนี้แค่ ค่าเข้าไปใช้บริการ ค่าสมาชิกรายปี ค่าซ้อมในแต่ละครั้งด้วยนะคะ ไม่นับรวม... อุปกรณ์ต่างๆที่อ่ะนะ ต้องหาซื้อเพิ่มเองอีกตะหาก... บอกเลยว่า ใครเบี้ยน้อย หันไปเอาดีทาง "วิ่งระยะไกล" ดีกว่าค่ะเพราะ ลงทุนต่ำ กำไรสูง จริงๆ หากวิ่งได้ดี อาจจะไปลงแข่งมาราธอนซึ่งก็มี "ค่าใช้จ่ายอีก.." ตะหาก..