สัจจะนั้นมีเพียงหนึ่ง แต่หนทางรู้ซึ้งนั้นมีหลากหลาย...
Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
19 พฤศจิกายน 2553
 
All Blogs
 

(๐๔) ตามรอย "กวนต๋ง" ยอดปราชญ์ แห่งฤดูใบไม้ผลิ ๓


      ตามรอย "กวนต๋ง" ยอดปราชญ์ แห่งฤดูใบไม้ผลิ (ตอนที่ ๓)


       หลังจากที่ก๋งจูกิวได้รับจดหมายจากกอฮีแล้ว กวนต๋งจึงแนะนำให้ขอยืมทหารของเจ้าเมืองฬ่อติดตามไปส่งด้วย ก๋งจูกิวเห็นด้วยจึงนำเอาจดหมายจากกอฮีเข้าไปคำนับแจ้งความให้เจ้าเมืองฬ่อทราบ พอรุ่งเช้าศิษย์และอาจารย์ทั้งสองจึงออกเดินทางพร้อมกับทหารเมืองฬ่อสามพันนาย ไปยังเมืองเจ๋


       กลับมาทางเมืองกี๋ ฝ่ายเปาซกแหยเองก็ได้รับข่าวที่ขุนนางในเมืองเจ๋สังหารก๋งจูบอดีแล้วเช่นกัน รวมไปถึงเรื่องที่ขุนนางในเมืองเจ๋จะยกสมบัติให้ก๋งจูกิวด้วย จึงเข้าไปบอกก๋งจูเสียวแปะว่า


       "ถ้าท่านอยากได้สมบัติของบิดาท่าน จงไปขอยืมทหารจากเจ้าเมืองกี๋สักห้าพัน แล้วรีบยกเข้าไปในเมืองเจ๋ก่อน ท่านจะได้เป็นเจ้าเมืองเจ๋อย่างแน่นอน..."


        ก๋งจูเสียวแปะได้ยินดังนั้นก็ดีใจ จึงเข้าไปขอยืมทหารจากเจ้าเมืองกี๋ห้าพันนาย เจ้าเมืองกี๋ก็จัดแจงทหารให้ แล้วศิษย์อาจารย์ทั้งสองจึงรีบยกเข้าไปถึงชายแดนเมืองเจ๋


       ณ ชายแดนเมืองเจ๋ ซึ่งเป็นทางเดินรอยต่อระหว่างเมืองกี๋กับเมืองฬ่อนั้นเอง ทัพจากเมืองฬ่อก็เข้ามาเจอทัพเมืองกี๋ ซึ่งกำลังหยุดพักหุงหาข้าวปลาอาหารอยู่พอดี 


       กวนต๋งจึงควบม้าเข้าไปร้องถามก๋งจูเสียวแปะว่า 


       "พวกท่านยกทหารผ่านมาจะไปเมืองไหนกันหรือ..."


       ก๋งจูเสียวแปะจึงร้องบอกไปว่า "ข้าจะกลับไปรักษาศพบิดาที่เมืองเจ๋"


       กวนต๋งจึงกล่าวตอบไปว่า...


       "ท่านเป็นเพียงบุตรผู้น้อย ซึ่งจะกลับไปรับศพบิดานั้น หาใช่หน้าที่ของท่าน ให้เป็นหน้าที่ของบุตรผู้ใหญ่จึงจะชอบ"


       เปาซกแหยจึงร้องขึ้นมาว่า...


       "ก๋งจูหยีมีบุตรสองคน เมื่อบิดาตายสมบัติก็ตกทอดแก่บุตร ผู้ใดมีวาสนาก็ควรได้ครอบครองสมบัติ ท่านมาพูดเอาแต่ใจตัวเองเป็นเด็กๆเช่นนี้ เราไม่เห็นด้วย"


       แล้วทั้งสองฝ่ายก็ทุ่มเถียงกันไปมาอยู่ช้านาน กวนต๋งโกรธจึงชักธนูขึ้นมายิงไปถูกท้องก๋งจูเสียวแปะ ก๋งจูเสียวแปะกลัวกวนต๋งจะยิงซ้ำ เลยกัดลิ้นตัวเองจนเลือดฟูมปาก แล้วแกล้งตาย เปาซกแหยเห็นดังนั้นก็ตกใจจึงรีบเข้าไปประคองตัวเอาไว้ กวนต๋งเข้าใจว่าก๋งจูเสียวแปะตายจริงๆก็ดีใจ จึงสั่งให้ทหารเดินทางต่อไปตามปกติ...


       ฝ่ายก๋งจูเสียวแปะซึ่งกำลังแกล้งตายอยู่นั้น เมื่อเห็นกวนต๋งล่วงไปแล้ว จึงลุกขึ้นยืนยิ้มอยู่บนเกวียนแล้วพูดขึ้นว่า


       "กวนต๋งเสียรู้เราเสียแล้ว"


        เปาซกแหยดีใจจึงพูดขึ้นว่า


       "กวนต๋งยิงธนูมาถูกตัวท่าน แต่ท่านก็ยังไม่ตาย คงเป็นบุญของท่าน ที่จะได้เป็นเจ้าเมืองเจ๋เป็นแน่แท้"


        เปาซกแหยจึงให้ทหารเปลี่ยนชุดเป็นนุ่งขาวห่มขาว แล้วสลับเอาเกวียมเล่มอื่นมาให้ก๋งจูเสียวแปะนั่ง แล้วจึงรีบยกลงไปทางลัดจนถึงด่านเมืองเจ๋ ครั้นถึงแล้วจึงให้ทหารหยุดพักอยู่นอกค่าย ส่วนเปาซกแหยเข้าไปว่ากล่าวกับกอฮี ยกย่องสรรเสริญถึงสติปัญญาก๋งจูเสียวแปะต่างๆนานา พร้อมกับกล่าวสำทับว่า ควรที่จะเป็นเจ้าเมืองเจ๋ต่อไปได้ กอฮีจึงพาเปาซกแหยเข้าไปปรึกษาหารือกับเหล่าขุนนาง แล้วจึงเล่าสถาณะการณ์ให้แก่เหล่าขุนนางทราบถึงการที่ก๋งจูกิวเข้ามาถึงเมืองก่อนก๋งจูเสียวแปะ


       เปาซกแหย จึงพูดขึ้นมาว่า


      "พวกท่านจะคอยรับเอาก๋งจูกิวมาเป็นเจ้าเมืองนั้น เหมือนหนึ่งพวกท่านรับเอาไฟมาเผาเมืองเสียให้สิ้น"


       ขุนนางทั้งหลายมีความสงสัยจึงซักถามว่าเปาซกแหยๆจึงกล่าวต่อว่า


       "เมื่อตอนที่ข้าพเจ้าไปอยู่เมืองกี๋นั้น ก๋งจูกิวก็ไปอยู่กับเจ้าเมืองฬ่อ เจ้าเมืองฬ่อกับก๋งจู๋กิวคิดการอะไรกันอยู่ ข้าพเจ้าย่อมรู้สิ้น กล่าวคือ ถ้าเจ้าเมืองฬ่อจัดแจงให้ก๋งจูกิวได้เป็นเจ้าเมืองเจ๋แล้ว ก๋งจูกิวก็จะเอาส่วยทรัพย์สินในหัวเมืองต่างๆ ไปเป็นบำเหน็จสินบนให้แก่เจ้าเมืองฬ่อเสียสิ้น..."


       ขุนนางทั้งปวงได้ยินดังนั้นก็ปรึกษากันแล้วจึงกล่าวว่า


       "ถ้าก๋งจูกิวได้เป็นเจ้าเมืองแล้ว ไหนเลยเราจะหาเครื่องบรรณาการส่งไปให้เจ้าเมืองฬ่อได้ทุกปีได้ และครั้งนี้ก๋งจูเสียวแปะก็มาถึงเมืองแล้ว แต่ครั้นจะให้ขึ้นครองเมือง พวกเราก็ได้มีเทียบเชิญก๋งจูกิวให้มาเป็นเจ้าเมืองก่อนแล้ว ถ้าหากก๋งจูกิวมาถึงก็คงจะเกิดสงครามแย่งชิงสมบัติกันขึ้น ถึงตอนนั้นท่านจะทำอย่างไรเล่า..."


       เปาซกแหยจึงตอบว่า


       "ขอให้พวกท่านสบายใจได้ ถ้าก๋งจูเสียวแปะได้เป็นเจ้าเมืองแล้ว เจ้าเมืองฬ่อก็จะพาก๋งจูกิวกลับไปอย่างแน่นอน"


        เมื่อขุนนางในเมืองเจ๋เห็นพ้องต้องกันแล้ว จึงแห่ขบวนออกไปรับก๋งจูเสียวแปะมาเป็นเจ้าเมือง ตั้งชื่อให้ว่า เจ๋ฮวนก๋ง แล้วจึงตั้งเปาซกแหยเป็นผู้สำเร็จราชการ พร้อมกับตั้งขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยตามสมควร เมื่อจัดการงานในเมืองเสร็จแล้ว เปาซกแหยจึงกล่าวกับ เจ๋ฮวนก๋งว่า


       "เมื่อทัพเมืองฬ่อพบเราที่กลางทางนั้น เจ้าเมืองฬ่อได้เดินทัพมาตามทางหลวง ซึ่งเป็นทางอ้อมจะไปถึงแห่งไหนแล้วก็ยังไม่รู้ ทางที่ดีเราควรจะจัดทหารยกทัพไปคอยตีสกัดทัพเมืองฬ่อ จับก๋งจูกิวมาฆ่าให้สิ้นเสี้ยนหนามเสีย จึงจะชอบ"


       เจ๋ฮวนก๋งเห็นชอบด้วย จึงจัดทหารห้าพันนาย ยกทัพออกไปตังค่ายคอยรับศึกทัพเมืองฬ่อ ที่ตำบลเคียนเสียง ไกลออกไปจากตัวเมืองเจ๋ห้าร้อยเส้น หรือราวๆ ๒๐ กิโลเมตร (๒๕ เส้น = ๑ กิโลเมตร)







โปรดติดตามตอนต่อไป...




 

Create Date : 19 พฤศจิกายน 2553
0 comments
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2553 2:48:35 น.
Counter : 691 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สหายกุนเชียง
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]







บ่นเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก
ครั้งที่ 60
ตอน - ความสุขของความรัก
.........คือการได้รัก

ทำไม? คนเราถึงอยากมีคนรัก
นั่นเพราะอยากมีความสุข
ในเมื่อที่การได้รักใครสักคน
มันก็ทำให้มีความสุขอยู่แล้ว
ทำไมจะต้องไปอยากรู้
หรือไปใส่ใจอะไรอีก 
ว่าใครรัก ใครไม่รัก
เขารักใคร ใครรักเขา ฯลฯ

กับหัวใจที่เต็มไปด้วยแผลฉกรรจ์ดวงนี้ 
มันดีแค่ไหนแล้ว ที่ยังใช้รักใครได้อยู่...

13/08/55







เพลงพวกนี้.........
ผมชอบทุกเพลงครับ
แต่ละเพลงฟังมานานแล้ว
และจะฟังต่อไปเรื่อยๆ
เพราะฟังกี่รอบๆ ก็ไม่เบื่อ
ว่างๆมานั่งฟังเป็นเพื่อนกันเถอะ
แล้วจะติดจาย~* ^___^



MusicPlaylist
Music Playlist at MixPod.com






free counters


Website counter

Friends' blogs
[Add สหายกุนเชียง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.