สัจจะนั้นมีเพียงหนึ่ง แต่หนทางรู้ซึ้งนั้นมีหลากหลาย...
Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
9 พฤศจิกายน 2553
 
All Blogs
 

(๐๑) ปราบเสือด้วยสุรา



       เมื่อครั้ง ลำจงเตียบาล คบคิดกับ เบ้งเหก ทำการกฎบในเมืองซอง ภายหลังจึงถูก กงจู๋หึงซวย ตามล่า จนลำจงเตียบาลต้องพาแม่ซึ่งอายุแปดสิบ ใส่เกวียนแล้วหนีไปอยู่เมืองตีน ส่วนเบ้งเหกหนีไปอยู่เมืองโอย...

       
ต่อมาเมื่อกงจู๋หึงซวยได้เป็นเจ้าเมืองซองแล้ว ใคร่จะได้ตัวลำจงเตียบาล และเบ้งเหก กลับมาลงโทษให้สิ้นเสี้ยนหนาม จึงปรึกษาขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยในเมืองซองว่า...

      
"ข้าพเจ้าคิดจะทำหนังสือขึ้นมา 2 ฉบับ ส่งไปยังเจ้าเมืองตีนฉบับหนึ่ง และเจ้าเมืองโอยฉบับหนึ่ง ให้เจ้าเมืองโอยส่งตัวเบ้งเหกมาให้เรา และให้เจ้าเมืองตีนส่งตัวลำจงเตียบาลมาให้เรา ท่านทั้งหลาย.. มีความเห็นว่าอย่างไรบ้าง...?"

      
ขุนนางทั้งหลายเมื่อได้ฟังดังนั้น ก็เลยนิ่ง...

      
ขณะนั้น ก๋งจูมกอี้ ผู้เป็นหลานเสียงก๋ง อายุ 5ขวบ ซึ่งยืนอยู่ในที่นั้นด้วย เมื่อได้ฟังเจ้าเมืองซองพูดดังนั้น จึงหัวเราะขึ้น แล้วพูดว่า..

      
"ลำจงเตียบาลนี้ ข้าพเจ้าเห็นว่าท่านจะไม่ได้ตัวมาโดยแน่แท้..."

       
เจ้าเมืองซองจึงถามว่า ทำไมหลานจึงรู้เล่า กงจู๋มกอี้ จึงตอบว่า..

      
"อันทหารผู้มีกำลังมากอย่างลำจงเตียบาลนี้ ถึงจะไปอยู่ที่ใด เจ้าเมืองนั้นก็รัก เพราะอยากจะได้ไปเป็นทหารของตัว ถึงท่านไม่คิดจะเลี้ยงลำจงเตียบาลแล้ว เจ้าเมืองตีนก็จะเลี้ยงไว้อย่างแน่นอน ซึ่งท่านส่งคนถือหนังสือไปนี้ ข้าพเจ้าเห็นว่าคนถือหนังสือจะเดินไปเหนื่อยเสียเปล่า แต่ีถ้าท่านมีของกำนัลไปให้เจ้าเมืองตีนด้วย รับรองว่าท่านจะได้ตัวลำจงเตียบาลกลับมาอย่างแน่นอน..."

      
ฝ่ายเจ้าเมืองซองได้ฟังดังนั้น ก็เห็นด้วย จึงเขียนจดหมายฉบับหนึ่ง พร้อมกับจัดแจงแก้ววิเศษซึ่งมีราคาแพง ให้คนใช้ถือไปเมืองตีน

      
ฝ่ายเจ้าเมืองตีนครั้นได้รับหนังสือ และได้เห็นของกำนัลเป็นแก้ววิเศษราคาแพงจากเจ้าเมืองซองแล้ว ก็เกิดความโลภ อยากจะได้ไว้เป็นของตัวเอง ก็เลยมานั่งคิดว่า ตัวลำจงเตียบาลนี้ มีพละกำลังมหาศาล ซึ่งจะจับเอาซึ่งๆหน้าไหนเลยจะจับได้ เลยกระซิบสั่ง ก๋งจิวเกียด ว่า...

      
"ท่านจงไปตีสนิทกับลำจงเตียบาลให้ได้ แล้วคิดหาอุบายจับตัวส่งไปให้เจ้าเมืองซองเสีย..."

      
ก๋งจิวเกียด รับคำนายใหญ่แล้ว จึงออกมาที่บ้าน ลำจงเตียบาล แล้วจึงเข้าไปพูดกับลำจงเตียบาลว่า

      
"เจ้าเมืองตีนได้ตัวท่านมานี้ เปรียบเสมือนได้หัวเมืองมาไว้ในกำมือสักสิบหัวเมือง แต่เจ้าเมืองซองให้ขุนนางมาขอตัวท่านไปถึงร้อยครั้ง เจ้าเมืองตีนก็หาได้เห็นแก่ไมตรี เพราะอยากจะได้ตัวท่านมาไว้เป็นทหาร ซึ่งข้าพเจ้ามาหาท่านนี้ หมายจะมาฝากตัวไว้กับท่าน ทว่าบัดนี้เจ้าเมืองซองจึงมีความพยาบาทเจ้าเมืองตีนอยู่เป็นอันมาก และคงจะยกทัพมาทำร้ายเมืองตีนในไม่ช้านี้ ข้าพเจ้าเห็นว่าเมืองตีนจะได้พึ่งแรงท่านเป็นแม่ทัพรับศึกเมืองซองเป็นมั่นคง"

      
ฝ่ายลำจงเตียบาลได้ฟังดังนั้นก็ดีใจ ด้วยเชื่อว่าตนจะได้เป็นถึงแม่ทัพ เลยตอบว่า

     
"เมื่อเจ้าเมืองตีนเอ็นดูจะชุบเลี้ยงข้าพเจ้าไว้ ข้าพเจ้าก็จะขอเป็นบ่าวยอมให้ใช้สอบไปจนตาย.."

      
ก๋งจิวเกียด ได้ฟังดังนั้น จึงยึดมือลำจงเตียบาลไว้ แล้วยื่นจอกสุราให้กินแล้วกล่าวว่า

      
"จากนี้ไปท่านและข้าพเจ้าจะรักกันอย่างพี่น้องไปจนกว่าจะสิ้นชีวิต มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน พรุ่งนี้.. ขอเชิญท่านไปดื่มสุรา ที่บ้านข้าพเจ้าให้สบายใจ สักครั้งหนึ่งเถิด..."

      
ครั้นเมื่อ ก๋งจิวเกียด ลากลับมาถึงบ้าน ก็สั่งให้ทหารคนสนิท 50คน จัดเตรียมหนังแรด และหนังโคเอาไว้เพื่อจะจับตัวลำจงเตียบาล

      
ครั้นถึงเวลาเช้า ลำจงเตียบาล ก็มาที่บ้าน ก๋งจิวเกียดๆจึงจัดแจงที่นั่งให้ตามสมควร แล้วจึงพูดจาปราศัยเหมือนญาติสนิทชิดเชื้อกัน จากนั้นจึงสั่งให้คนใช้ยกโต๊ะมาตั้งไว้ แล้วจึงจัดให้หญิงงามมาเป็นพนักงานคอยรินสุรา อาหาร พร้อมทั้งเล่นวงมโหรีย์กันอย่างเป็นที่สนุกสนาน ฝ่ายลำจงเตียบาลเมื่อเห็นหญิงงามมารินเหล้าให้กิน ก็แแอบชายตามองด้วยความพิศวาส เลยรับจอกสุรามากินบ่อยๆ ครั้นเมาได้ที่แล้ว จึงพูดกับก๋งจิวเกียดว่า...

      
"ตัวข้าพเจ้านี้เป็นคนตกยาก มาอาศัยเมืองท่านอยู่ ท่านมีน้ำใจอุตส่าห์เชิญให้มาดื่มสุราที่บ้านท่านนี้ ข้าพเจ้าขอบคุณนัก แม้เจ้าเมืองตีนได้ชุบเลี้ยงข้าพเจ้าให้ได้ดีเหมือนอย่างที่ท่านว่าแล้ว ชาตินี้.. ข้าพเจ้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านเลย"

      
ก๋งจิวเกียด จึงแกล้งพูดว่า...

      
"ตัวข้าพเจ้ากับท่าน เราก็นับถือกันเป็นญาติสนิทแล้ว ถ้าท่านอยากจะได้ทรัพย์สินเงินทอง หรือหญิงงามไปปรนนิบัติรับใช้ ข้าพเจ้าก็ขอยกให้ไม่ขัดข้องเลย นานไปภายหน้าเราจะได้พึ่งพาอาศัยกันต่อไป..."

      
ว่าแล้วก็พยักหน้าให้กับหญิงคนใช้รินสุราให้ลำจงเตียบาลกินจนเมา ลำจงเตียบาลลุกขึ้นเดินไม่ไหว ก็ซบหน้าลงกับโต๊ะ สิ้นสติลง ก๋งจิวเกียด เห็นได้ทีแล้ว ก็เรียกให้ทหารเอาหนังแรด และหนังโคมามัดตัวลำจงเตียบาลไว้ิ แล้วใช้ให้ไปจับตัวมารดาของลำจงเตียบาลมา จากนั้นจึงนำคนทั้งสองใส่เกวียนไว้ แล้วจึงส่งไปยังเมืองซอง...












 

Create Date : 09 พฤศจิกายน 2553
5 comments
Last Update : 17 พฤศจิกายน 2553 23:34:06 น.
Counter : 815 Pageviews.

 

โดนจับเพราะความไม่มีสติยั้งคิดโดยแท้นะคะ

 

โดย: ~hepatOpancreas~ 9 พฤศจิกายน 2553 5:42:25 น.  

 

ใช่แล้วครับ.. จะว่าไป มันก็คือการมอมเหล้านั่นแหละ...

อยากยกเรื่องนี้ขึ้นเป็นอุทาหรณ์ เตือนสติ

คนที่กินเหล้าอย่างไม่มีสติทุกคนครับ..

พอเมาหนักๆแล้ว เขาจะลากตัวไปทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ...!!

 

โดย: สหายกุนเชียง IP: 124.120.45.250 9 พฤศจิกายน 2553 14:48:11 น.  

 

อยากรู้เรื่องต่อไปจัง สหายช่วยอนุเคราะห์ เขียนต่ออีกหน่อยเถอะ จักขอบพระคุณยิ่ง

สุระ หรือสุรานั้นก็เงี้ยะ มีเลือดของสัตว์ทุกชนิด พรานสุระ ผู้ลิตเป็นคนแรงยังต้องตายเลยเขาจึงตั้งชื่อให้เป็นเกียรติแก่พรานสุระไง ตัวอย่างผู้ค้นพบดาวหางฮันเล่ ก็ตั้งชื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ค้นพบ พรานสุระ ค้นพบวิธีการผลิต ก็จึงตั้งชื่อให้เป็นเกียรติไง จากสุระ สุระ กลายเป็น สุราไง

 

โดย: Takashi ultrada IP: 118.172.83.118 16 พฤศจิกายน 2553 11:58:05 น.  

 

ขอบคุณสำหรับความรู้ใหม่เรื่องสุราน่ะครับ อิอิ

เหตุการณ์ต่อจากนั้นก็ไม่มีอะไรมากครับ...

พอมาถึงกลางทาง ลำจงเตียบาล ก็สร่างเมา จึงรู้สึกตัวว่าโดนมัดอยู่
จึงพยายามดิ้นรนไปจนถึงที่สุด พอทหารขับเกวียนเข้าใกล้ถึงแดนเมืองซอง
ลำจงเตียบาลก็ดิ้นไปจนหนังแรดหลุดไป 2เส้น
พอที่จะยื่นมือและเท้าออกมาได้ พอทหารคุมเกวียนเห็นเข้า
ก็เอากระบองทุบมือและเท้าของลำจงเตียบาลจนกระดูกหัก

พอมาถึงเมืองซองแล้ว จึงเอาตัวลำจงเตียบาลมามอบให้เจ้าเมืองซอง
เจ้าเมืองก็ให้ทหารเอาตัวลำจงเตียบาล ไปใส่ครกใหญ่
แล้วโขลกเสียให้ละเอียด ทำเป็นเต้าเจี้ยว
พร้อมกับประกาศว่าให้ขุนดูเป็นเยี่ยงอย่างว่า ผู้ใดคิดไม่ซื่อต่อเจ้าเมือง
จะจับตัวมาโขลกทำเต้าเจียวแบบนี้แหละ ครั้นประหารลำจงเตียบาลเสร็จ
ก็ใช้ให้ทหารไปเอามารดาของลำจงเตียบาลมาฆ่าเสีย
จากนั้นมา ขุนนางเมืองซองก็เกรงกลัวอาญาของเจ้าเมืองซองเป็นอันมาก


ปิดฉากชีวิต ลำจงเตียบาล ผู้ฆ่าตัวตายด้วยเหล้า เพียงเท่านี้ครับ...

 

โดย: สหายกุนเชียง 16 พฤศจิกายน 2553 21:41:19 น.  

 

ในตำราบางฉบับ เรียกชื่อเขาว่า "นามกง ฉางมั่น"
ความจริงก่อนหน้านั้น ตอนที่เขาก่อกฎบ
ก็มีสาเหตุมาจากเมาเหล้าอีกนั่นแหละครับ..

ไม่รู้จักเข็ดจักจำ จริงๆเลย ตาลุงคนนี้..

 

โดย: สหายกุนเชียง 16 พฤศจิกายน 2553 22:50:42 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สหายกุนเชียง
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]







บ่นเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก
ครั้งที่ 60
ตอน - ความสุขของความรัก
.........คือการได้รัก

ทำไม? คนเราถึงอยากมีคนรัก
นั่นเพราะอยากมีความสุข
ในเมื่อที่การได้รักใครสักคน
มันก็ทำให้มีความสุขอยู่แล้ว
ทำไมจะต้องไปอยากรู้
หรือไปใส่ใจอะไรอีก 
ว่าใครรัก ใครไม่รัก
เขารักใคร ใครรักเขา ฯลฯ

กับหัวใจที่เต็มไปด้วยแผลฉกรรจ์ดวงนี้ 
มันดีแค่ไหนแล้ว ที่ยังใช้รักใครได้อยู่...

13/08/55







เพลงพวกนี้.........
ผมชอบทุกเพลงครับ
แต่ละเพลงฟังมานานแล้ว
และจะฟังต่อไปเรื่อยๆ
เพราะฟังกี่รอบๆ ก็ไม่เบื่อ
ว่างๆมานั่งฟังเป็นเพื่อนกันเถอะ
แล้วจะติดจาย~* ^___^



MusicPlaylist
Music Playlist at MixPod.com






free counters


Website counter

Friends' blogs
[Add สหายกุนเชียง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.