สัจจะนั้นมีเพียงหนึ่ง แต่หนทางรู้ซึ้งนั้นมีหลากหลาย...
Group Blog
 
<<
เมษายน 2554
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
10 เมษายน 2554
 
All Blogs
 
(๑๒) เลี่ยงที่หนักรับที่เบา


       บทเรียนจากประวัติศาสตร์
      ตอนที่ ๑๒ - "เลี่ยงที่หนักรับที่เบา"


 

      ไม่ว่ามนุษย์หรือสัตว์ใดๆ ก็ไม่พึงปรารถนาจะประสบกับเคราะห์ร้ายโดยไม่จำเป็น แต่หากอยู่ในสถาณะการณ์ที่เลี่ยงไม่ได้ ก็มักจะเลือกรับเคราะห์ที่เบากว่าแทน

       มีพุทธพจน์หนึ่งกล่าวไว้ว่า "พึงสละทรัพย์ เพื่อรักษาอวัยวะ  พึงสละอวัยวะ เพื่อรักษาชีวิต หากแต่เล็งเห็นธรรม พึงสละทั้งอวัยวะ และชีวิต เพื่อรักษาธรรม(หรือความถูกต้อง)" พุธพจน์ดังกล่าวนี้  ก็สอดคล้องกับจิตวิทยา ของสัญชาติญานในสิ่งมีชีวิต ที่ว่า "เลี่ยงหนักรับเบา" นั่นเอง ยกตัวเช่น มีบันทึกของพรานป่าท่านหนึ่ง บันทึกว่า เสือที่โดนกับดักที่ขา จะกัดขาตัวเองทิ้งเพื่อหนีเอาตัวรอด  หรือคนจะตัดสินใจเลือกที่จะกระโดดลงจากรถ ในกรณีรถที่กำลังพุ่งเข้าชนสิ่งกีดขวางอย่างแรุนรง อย่างนี้ เป็นตัน...


         จิตวิทยาอย่างง่ายๆนี้ หากมองให้ลึกซึ้งๆ บางสถานณะการณ์ก็สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการลวงผู้อื่นให้เข้าใจสถาณะการณ์ผิดพลาดไปได้  โดยการสร้างภาพลวงที่ร้ายแรงกว่าขึ้นมา เพื่อบีบคั้นให้ฝ่ายตรงข้ามเลือกรับสถานณะการณ์ที่เบากว่าได้อย่างแยบยล


          ในกรณีของการไต่สวน หรือคลี่คลายคดีๆต่างๆ ซึ่งไม่มีใครรับประกันได้ว่า โจทก์ จำเลย หรือพยาน จะไม่โกหก หากรู้จักใช้จิตวิทยาอย่างนี้ให้เป็นประโยชน์ บางครั้งก็จะสามารถจับโกหกของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างไม่เปลืองแรงนัก



       ในสมัยราชวงชิง มีบันทึกเรื่องหนึ่ง กล่าวไว้ว่า


       มีหนุ่มแซ่หลิวคนหนึ่ง ได้แต่งงานกับลูกสาวสกุลหลี่ ทว่าพ่อตาเขากลับไม่ชอบใจในตัวเขานัก มักตำหนิว่าเขาอ่อนแอไร้ความสามารถอยู่เสมอๆ  ชายหนุ่มทนไม่ได้ จึงหนีออกจากบ้านไปหางานทำที่อื่น      


        ชายหนุ่มไปเป็นบ่าว อยู่บ้านขุนนางคนหนึ่ง พอเก็บเงินเก็บทองได้หลายร้อยชั่งแล้ว ก็เกิดนึกถึงภรรยาที่บ้านขึ้นมา จึงขอลาขุนนางกลับบ้านเดิม หวังจะใช้เงินทองที่เก็บหอมรอมริบมา เริ่มต้นสร้างกิจการของตัวเองอย่างมีความสุขกับครอบครัว



        ฝ่ายพ่อตาจอมเจ้าเล่ห์  เมื่อทราบว่าลูกเขยนำเงินหลายร้อยชั่งกลับเข้ามาบ้าน ก็ตีหน้าซื่อยิ้มระรื่น จัดเลี้ยงต้อนรับเป็นอย่างดี เชิญชวนลูกเขยดื่มสุราอย่างไม่บันยะบันยัง เมื่อลูกกเขาเมาได้ที่ จึงวาดปากหวานว่า อาสาจะช่วยรักษาเงินให้ เพื่อความปลอดภัย ต่อเมื่อจะใช้เมื่อไหร่ค่อยมาเอา  ฝ่ายลูกเขยเป็นคนซื่อๆ ก็เชื่อใจจึงยกเงินให้พ่อตาดูแลทั้งหมด....

       เช้าวันรุ่งขึ้น ลูกเขยสร้างเมาได้สติขึ้น จึงไปขอทวงเงินคืนจากพ่อตา ทว่ากลับถูกพ่อตาด่ากราด และปฎิเสธว่าไม่ได้รับฝากเงินจากลูกเขย  ฝ่ายภรรยาจึงออกหน้ารับแทน แต่ก็ไร้ผล พ่อตาก็ยังไม่ยอมรับว่ารับฝากเงินจากลูกเขย ซ้ำยังไล่ทั้งสองคนออกจากบ้าน


      สามีภรรยาคู่นี้จึงไปร้องทุกข์ที่อำเภอ นายอำเภอถามว่า "เจ้ามีพยานหลักฐานหรือไม่" ชายหนุ่มจึงตอบว่า "ภรรยาของข้าเป็นพยานให้ได้" นายอำเภอจึงตอบว่า "ภรรยาเป็นพยานให้สามี จะเชื่อถือได้อย่างไรเล่า" ว่าแล้วก็ไล่เขาทั้งสองคนออกจากศาล


       ในสมัยนั้นมีนายอำเภออยู่ท่านหนึ่ง นามว่า "เฉียวลิ่ง" มีชื่อเสียงในทางที่ดีว่า มีคุณธรรม ฉลาดหลักแหลม ตัดสินคดีเก่ง เป็นที่นับถือของคนทั่วไป  ชายหนุ่มจึงควงภรรยาเข้าไปร้องทุกข์กับนายอำเภอท่านนี้ พอซักไซร่ไล่ความกันแล้วเสร็จ นายอำเภอเฉี่ยวลิ่งก็เลยพูดลองใจชายหนุ่มคนนี้ว่า "คดีไม่ได้เกิดในอำเภอของข้า ข้าไม่มีสิทธิ์ตัดสินในเรื่องนี้"  ชายหนุ่มจึงได้อ้อนวอน ร้องห่มร้องไห้ ขอร้องให้นายอำเภอช่วยเหลือเป็นหลายครั้ง  นายอำเภอเห็นหนุ่มคนนี้เป็นคนซื่อตรง ก็เชื่อในข้อกล่าวหาของเขา จึงหัวเราะขึ้น แล้วพูดกับเขาว่า  "ถ้าเจ้าต้องการให้ข้าช่วยเหลือจริงๆล่ะก็ เจ้าจะทนนอนคุกสัก 2-3 วัน ได้หรือไม่ ?" ชายหนุ่มก็ยอม


       นายอำเภอเฉียวสิ่ว จึงสั่งให้คนเอาตัวชายหนุ่มคนนี้ไปขังไว้  จากนั้นจึงเขียนจดหมายขึ้นมาฉบับหนึ่ง ส่งไปถึงที่ว่าการอำเภอเดิมของชายหนุ่ม  ปั้นเรื่องขึ้นมาเป็นทำนองว่า "สามารถจับตัวมหาโจรรายหนึ่งได้ โจรรายนี้ให้การว่าปล้นเงินมาได้กว่า 400ชั่ง แล้วฝากเงินนั้นไว้ที่บ้านคนแซ่หลี่ในอำเภอของท่าน  ขอให้ท่านช่วยส่งคนไปค้นจำกุมคนแซ่หลี่ พร้อมกับยึดของกลางมาส่งที่อำเภอข้าโดยด่วน" นายอำเภอลำเนาเดิมของชายหนุ่ม เห็นว่าคดีนี้เป็นคดีใหญ่ ผู้ร้ายเป็นมหาโจร  จึงนำกำลังเข้าค้นบ้านคนแซ่หลี่ ค้นได้ของกลางเป็นเงินกว่า 400ชั่ง จึงจับกุมตัวพร้อมของกลางมาส่งให้นายอำเภอเฉียวสิ่วทันที


        นายอำเภอเฉี่ยวสิ่ว จึงให้คนนำเขม่ามาทาหน้าชายหนุ่มให้ดำสกปรก แล้วให้สวมชุดนักโทษ เพื่อตบตาพ่อตาเขา จากนั้นจึงคุมตัวมารับการไต่สวนที่ศาล   เมื่อเริ่มการไต่สวน นายอำเภอจึงพูดกับจำเลย ซึ่งเป็นพ่อตาของชายหนุ่มว่า  "โจรผู้นี้ ให้การว่าปล้นเงินมามากกว่า 400ชั่ง ฝากไว้กับเจ้า ตอนนี้ค้นได้ของกลางใกล้เคียงกับคำให้การของจอมโจรผู้นี้ในบ้านเจ้า เจ้าเป็นเจ้าของบ้านจึงต้องรับโทษเช่นเดียวกับโจร คือตัดหัวเสีบประจานกลางตลาด  เจ้าจะมีข้อแก้ตัวอะไรไหม"


        พ่อตาของชายหนุ่ม จึงร้องว่าเขาถูกใส่ร้าย พร้อมกับแก้ตัวทันทีตัวว่า "เงินกว่า 400ชั่งนี้ ข้าน้อยรับฝากมาจากลูกเขย  เป็นเงินที่ลูกเขยได้มอบให้ข้าน้อยช่วยรักษาไว้ให้ ไม่ใช่เงินของมหาโจรผู้นี้แต่อย่างใด  ขอใต้เท้าได้โปรดเมตตา เรียกตัวลูกเขยของข้าน้อยมาให้ปากคำ ให้ความเป็นธรรมต่อข้าน้อยด้วยเถิด"


          นายอำเภอท่านนี้ได้ยินดังนั้น จึงสั่งให้ชายหนุ่มซึ่งปลอมเป็นมหาโจรล้างหน้าล้างตา ถอดชุดนักโทษออก คืนสู่สภาพเดิม  พอพ่อตาของชายหนุ่ม เมื่อได้รู้ความจริงว่า แท้จริงมหาโจรผู้นี้ คือลูกเขยของตัวเอง ก็ได้แต่ก้มหน้าด้วยความละอายใจ    นายอำเภอจึงให้โอวาทเขาว่า


         "เจ้านี้หนาาา เมื่อตอนรับคนแซ่หลิวเป็นลูกเขยเข้าบ้าน ก็ดูถูกดูแคลนเขา ภายหลังเขามีเงินขึ้นมา ก็เบียดเบียนยักยอกเอาทรัพย์ของเขาอีก  ทำเรื่องขัดต่อหลักธรรมได้ ไม่อายฟ้าดิน เจ้าเป็นเป็นพ่อตาแท้ๆ ก็ควรจะทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่อนุชนรุ่นลูกรุ่นหลานถึงจะถูก  แต่เอาเถอะ วันนี้ข้าเห็นแก่หน้าลูกเขยเจ้า จะปล่อยพวกเจ้าไปสักครั้ง กลับไปใช้ชีวิตตามปกติ ห้ามก่อเรื่องยุ่งยากวุ่นวายขึ้นมาอีก เข้าใจไหม!!"  ทุกคนกล่าวขอบคุณนายอำเภอเฉียวลิ่ง ก็เป็นอันว่าคดีนี้ก็คลี่คลายเรียบร้อยไปด้วยดี


          นายอำเภอเฉียวลิ่ง ใช้ประโยชน์จากจิตวิทยา "เลี่ยงหนักรับเบา" ของมนุษย์นี้ สร้างภาพลวงโดยปั้นเรื่องมหาโจรปล้นทรัพย์ขึ้นมา  เพื่อบีบให้พ่อตาของชายหนุ่ม เลี่ยงโทษตัดหัวเสียบประจาน รับโทษยักยอกทรัพย์แทน ซึ่งในที่สุดก็สามารถคลี่คลายคดีนี้ได้อย่างง่ายดาย


         ปัจจุบัน เรามักจะเห็นกลยุทธ์แบบนี้ได้ในชีวิตประจำวัน  ตามบริษัททวงหนี้ต่างๆ ซึ่งมักจะงัดข้อกฎหมายที่มีโทษรุนแรงๆ และหนักกว่าความเป็นจริง เข้าข่มขู่ลูกหนี้ (บ้างก็ขู่เอากับคนใกล้ตัวของลูกหนี้ เช่น สามี ภรรยา บิดา มารดา เป็นตัน)  สาธยายให้ลูกหนี้ได้เห็นถึงผลร้ายของการไม่ยอมจ่ายหนี้ เช่น เสียเงินมากกว่าที่ควรจะเสีย เสียเวลา เสียประวัติ อะไรทำนองนี้ สร้างภาพอันน่ากลัวขึ้นมา เพื่อบีบให้ลูกหนี้เลือกที่จะหาเงินมาจ่าย โดยไม่ต้องมีการฟ้องร้องกันถึงโรงถึงศาล


 



 







Free TextEditor






Create Date : 10 เมษายน 2554
Last Update : 23 สิงหาคม 2555 14:44:19 น. 2 comments
Counter : 1980 Pageviews.

 
อิอิ ขอบคุณที่มาแชร์กันนะจ่ะ อิอิ


โดย: ตะวันเจ้าเอย วันที่: 8 พฤษภาคม 2554 เวลา:13:01:21 น.  

 
ดีจังครับ ขอบคุณที่นำมาเรียบเรียงและนำมาเผยแพร่ให้ได้อ่านนะครับ


โดย: bite25 วันที่: 29 กันยายน 2554 เวลา:1:30:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สหายกุนเชียง
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]







บ่นเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก
ครั้งที่ 60
ตอน - ความสุขของความรัก
.........คือการได้รัก

ทำไม? คนเราถึงอยากมีคนรัก
นั่นเพราะอยากมีความสุข
ในเมื่อที่การได้รักใครสักคน
มันก็ทำให้มีความสุขอยู่แล้ว
ทำไมจะต้องไปอยากรู้
หรือไปใส่ใจอะไรอีก 
ว่าใครรัก ใครไม่รัก
เขารักใคร ใครรักเขา ฯลฯ

กับหัวใจที่เต็มไปด้วยแผลฉกรรจ์ดวงนี้ 
มันดีแค่ไหนแล้ว ที่ยังใช้รักใครได้อยู่...

13/08/55







เพลงพวกนี้.........
ผมชอบทุกเพลงครับ
แต่ละเพลงฟังมานานแล้ว
และจะฟังต่อไปเรื่อยๆ
เพราะฟังกี่รอบๆ ก็ไม่เบื่อ
ว่างๆมานั่งฟังเป็นเพื่อนกันเถอะ
แล้วจะติดจาย~* ^___^



MusicPlaylist
Music Playlist at MixPod.com






free counters


Website counter

Friends' blogs
[Add สหายกุนเชียง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.