เมื่อตะวันยอแสง..เรี่ยวแรงก็เริ่มอ่อนล้า..พักลงตรงนี่ที่เดิมแล้วหลับตา..
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
5 กรกฏาคม 2550
 
All Blogs
 
เจาะลึก 21 สถานที่ ว่าที่ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่





วิหารอโครโปลิส


จากสถานที่ซึ่งถูกคัดเลือก 77 แห่งทั่วโลก ได้ผ่านการโหวต และในที่สุดคณะกรรมการของมูลนิธิ 7 สิ่งมหัศจรรย์ใหม่ ซึ่งเป็นผู้จัดโครงการนี้ก็ได้สถานที่ทั้ง 21 แห่งที่ได้ร่วมการโหวตเพื่อเข้าชิงความเป็นมหัศจรรย์ของโลก

การประกาศผลใกล้เข้ามาทุกขณะ ในวันที่ 7 กรกฏาคม 2007 ณ กรุงลิสบอน ของประเทศโปรตุเกส ทั่วโลกจะได้ทราบผลกันแล้วว่า สถานที่ใดจะได้รับการโหวต จากมหาชนทั่วโลกให้เป็น 7 สิ่งมหัศจรรย์ของใหม่ แต่ก่อนที่จะทราบผลว่าสถานที่ใดจะติดอันดับนั้น เราควรจะรู้จักความเป็นมาของแต่ละแห่งเสียก่อน เพื่อประกอบการตัดสินใจว่าสถานที่แห่งใดควรเป็น7สิ่งมหัศจรรย์อันแท้จริง

ยุโรป

วิหารอโครโปลิส ประเทศกรีซ

คำว่า "อโครโปลิส"มีความหมายแปลตามตัวเป็นภาษากรีกว่า อัคร แปลว่าสูง และโปลิส แปลว่า นคร จึงมีความหมายรวมกันว่า "นครบนที่สูง" ทั่วทั้งอาณาจักรกรีกและโรมัน จะพบเห็นโครงสร้างพื้นฐานในการป้องกันตนเอง ซึ่งผู้ตั้งถิ่นฐานในสมัยนั้นมักเลือกที่สูง ซึ่งมักจะเป็นเนินเขาที่ด้านหนึ่งเป็นผาชัน และกลายเป็นศูนย์กลางของมหานครใหญ่ที่เติบโตรุ่งเรืองอยู่บนที่ราบเบื้องล่างที่รายล้อมป้อมปราการเหล่านี้

และที่โด่งดังที่สุดในบรรดานครบนที่สูงแห่งนี้ คือ อโครโปลิสแห่งเอเธนส์ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วไปในนามของ "The Acropolis" เนื่องจากประวัติศาสตร์อันยาวนานยิ่งใหญ่และอาคารที่มีชื่อเสียงที่ตั้งอยู่โดยรอบ อาทิ เช่น วิหารพาธีนอน

มีหลักฐานปรากฏอยู่ว่า อโครโปลิส เป็นป้อมปราการ เป็นที่หลบภัยอย่างเป็นทางการของนครเอเธนส์ และในยุคสมัยที่ตามมา วิหารและอนุสาวรีย์ต่างๆได้รับสร้างขึ้นมา เพื่อยกย่องชัยชนะในสงครามและมีการจัดงานฉลองอย่างยิ่งใหญ่

ในปี 480 ก่อนคริสตกาล อโครโปลิสถูกปกครองและยึดครองโดยชาวเปอร์เซีย และถึงแม้ว่าเมืองเอเธนส์ และชาวกรีกอื่นๆจะสามารถขับไล่พวกเปอร์เซียออกไปได้ในที่สุด แต่อโครโปลิสก็เหลือเพียงซากปรักหักพัง ในช่วงกลางศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสตกาล "เพอริเคลส" รัฐบุรุษชาวนครเอเธนส์ เรียกร้องให้ผู้บริหารของเมืองสร้างวิหารอโครโปลิสขึ้นใหม่ ที่โด่งดังที่สุดที่ยังคงพบเห็นได้จนถึงทุกวันนี้คือ วิหารพาธีนอน อีเร็ดเธียออน โปรยลาเอ และวิหารแห่งอาธีน่า ไนกี้

พระราชวังอัลฮัมรา ประเทศสเปน

พระราชวังอัลฮามบรา ( Alhambra Palace) ตั้งอยู่ใน เมืองกรานาดา ประเทศสเปนทางตอนใต้เป็นพระราชวังที่พวกอาหรับมาสร้างไว้อย่างวิจิตรพิสดารงดงาม ตัวพระราชวังอยู่ บนเนินเขาเซียราเนวาดา มองลงไปรอบ ๆ แล้วจะได้พบทิวทัศน์ที่งดงามมาก

พระราชวังแห่งนี้มีลักษณะเป็นป้อม ภายในประดับประดาหรูหราแบบ สถาปัตยกรรมของพวกแขกมัวร์ สร้างในระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 14 หลังจากคริสเตียนได้ยึด คอร์โดบาและตีสเปนกลับคืน พวกอาหรับถอยไปยึดเมืองกรานาดาเป็นเมืองหลวงและสร้าง ปราสาทราชวังแบบอาหรับที่คิดว่าควรจะสร้างขึ้น ภายในเวลาไม่ถึงร้อยปีก็หมดอำนาจพ่ายแพ้ แก่กองทัพของพระเจ้าเฟอร์ดินันด์ และพระราชินีอิซาเบลลา ผู้โด่งดังของสเปน การรบขั้นแตกหัก กระทำในปี ค.ศ. 14921 อาหรับพ่ายแพ้เด็ดขาด

แม้ว่าความงามอันเป็นเอกบางส่วนถูกทอดทิ้งและบางอย่างถูกทำลาย โดยพระราชโองการ ของจักรพรรดิชาร์ลส์ที่ 5 เพื่อเอาศิลปะแบบอิตาลีเข้าไปเสริมแทรกไว้ก็ตาม แต่ส่วนที่เหลือส่วนใหญ่ ยังสร้างความตื่นตาตื่นใจแก่ชาวโลกอย่างมาก

เขตพระราชวังประกอบขึ้นด้วยส่วนที่เป็นป้อมปราการ มีกำแพงและหอรบ สร้างด้วยหินสีแดง ทำให้ได้ชื่อในภาษาอาหรับว่า "กาลัตอัลฮามบรา" ซึ่งแปลว่าป้อมแดง ภายในกำแพงเป็นเชิงเทิน และตัว พระราชวังอัลคาซาร์ ซึ่งประกอบด้วยหน้าพระลาน ท้องพระโรง เมื่อผ่านประตูแห่งความยุติธรรมจะถึงลานมาลี และลานสิงห์อันมีชื่อเสียง บริเวณรอบ ๆ เป็นสนามกว้างใหญ่มีหินอ่อนแกะสลักประดับไว้อย่างสวยงาม ถึง 124 แผ่น มีน้ำพุตรงกลางที่ฐานน้ำพุมีสิงโตหินอ่อนหมอบอยู่ 12 ตัว แต่ละด้านของพระราชวังประดับประดา ไว้อย่างวิจิตรพิสดาร

มีห้องมุข ห้องชุด สนามหญ้า พระแกล พระทวาร ผนังกำแพง ภายในได้มีการแกะสลักลวดลายไว้ด้วย ความปราณีตงดงาม ภายในพระอุทยานมีดอกไม้หอมกลิ่นต่าง ๆ ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลากลางคืนถึงกับมีนักแต่งเพลงคนสำคัญที่เคยเยี่ยมเยียนได้แต่งเพลง "ราตรีที่กรานาดา" ไว้เป็นที่ระลึก และเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก



สุเหร่าเซ็นต์โซเฟีย


สุเหร่าเซ็นต์โซเฟีย ประเทศตุรกี

สุเหร่าเซ็นต์โซเฟีย(Saint Sophia) หรือ โบสถ์ฮาเจีย โซเฟีย ตั้งอยู่ที่เมืองคอนสแตนดิโนเปิล ประเทศตุรกี
ปัจจุบันเป็นที่ประชุมสวดมนต์ของชาวมุสลิม ในอดีตเป็นโบสถ์ทางศาสนาคริสต์ พระเจ้าจักรพรรดิ์คอนสแตนตินเป็นผู้สร้างเมื่อประมาณคริสต์ศตวรรษที่13 ใช้เวลาสร้าง 17 ปี เพื่อเป็นโบสถ์ของศาสนาคริสต์ แต่ถูกผู้ก่อการร้ายบุกทำลายเผาเสียวอดวายหลายครั้งเพราะเกิดการขัดแย้งระหว่าง พวกที่นับถือศาสนาคริสต์กับศาสนาอิสลาม

จนถึงสมัยพระเจ้าจัสตินเนียน มีอำนาจเหนือตุรกี จึงได้สร้างโบสถ์เซนต์โซเฟียขึ้นใหม่ ใช้เวลาสร้างฐานโบสถ์ 20 ปี ตัวโบสถ์ 5 ปี เมื่อประมาณปี พ.ศ. 1996 (ค.ศ 1435) พระองค์ต้องการให้เป็นสิ่งสวยงามที่สุดได้พยายามหา สิ่งของมีค่าต่างๆ มาประดับไว้มากมาย สร้างเสร็จได้มีการเฉลิมฉลองกันอย่าง มโหฬาร ต่อมาเกิดแผ่นดินไหวอย่างใหญ่ทำให้แตกร้าวต้องให้ช่างซ่อมจนเรียบร้อยในสภาพเดิม

เมื่อสิ้นสมัยของจักรพรรดิจัสตินเนียน ถึงสมัยพระเจ้าโมฮัมเม็ดที่ 2 มีอำนาจเหนือตุรกี และเป็นผู้นับถือศาสนา อิสลามได้ดัดแปลงโบสถ์หลังนี้ให้เป็นสุเหร่าอิสลาม แต่ยังคงความงามไว้เช่นเดิม

สุเหร่าเซนต์โซเฟีย มีเนื้อที่ 700 ตารางเมตร ภายในมีเสางามค้ำที่สลักอย่างวิจิตร และ ประดับไว้งดงาม 108 ต้น (ชั้นบนขนาดเล็ก 68 ต้น ชั้นล่างขนาดใหญ่ 40 ต้น) มียอดเป็นโดม มีหอมินาเรสท์เป็นยอดแหลม ๆ มากมาย เนื่องจากศิลปะแบบคริสเตียน ผสมกับอิสลามนี้เองทำให้มีความสวยงามอันน่ามหัศจรรย์

สนามกีฬาโคลอสเซียม ประเทศอิตาลี

ตั้งอยู่ใน กรุงโรม ประเทศอิตาลี เป็นสนามกีฬากลางแจ้ง สิ่งก่อสร้างที่แสดงถึงความรุ่งโรจน์ของอาณาจักรโรมันโบราณสร้างขึ้นในระหว่าง ค.ศ. ที่ 72 - 80 ตัวสนามสร้างมีรูปเป็นตึกวงกลมก่อด้วยอิฐและหินขนาดใหญ่ วัดโดยรอบยาว 527 เมตร สูง 57 เมตร มี 4 ชั้น

ภายในมีอัฒจรรย์สำหรับคนนั่งดู จุคนดูประมาณ 80,000 คน ใต้อัฒจรรย์ และใต้ดินมีห้องสำหรับขังนักโทษที่รอการประหารชีวิต และสิงโต หลายร้อยห้อง ใช้เป็นสถานที่ให้นักโทษ ต่อสู้กับสิงโตที่อดอาหาร หากนักโทษผู้ใดเอาชนะ ฆ่าสิงโตได้ด้วยมือเปล่าได้ก็รอดชีวิตไป หรือ ไว้ใช้เป็นที่ประลองฝีมือในเชิงฟันดาบของบรรดาเหล่าทาสให้ต่อสู้กันเอง ยิ่งถ้าต่อสู้กัน จนถึงสามารถฆ่าคู่ต่อสู้ตาย ก็จะได้รับเกียรติอย่างสูงเพราะเป็นการต่อสู้ที่ชาวโรมันนิยมและยกย่องกันมากปีๆหนึ่งต้องสูญเสียชีวิตนักโทษและทาสไม่ต่ำกว่าร้อยคน

หอไอเฟล ประเทศฝรั่งเศส

หอไอเฟล ( Eiffel Tower) ตั้งอยู่ใน กรุงปารีส ประเทศ ฝรั่งเศส เป็นสัญลักษณ์ของนครปารีส สร้างขึ้นใน ค.ศ.1887-1889 ออกแบบโดยวิศวกรที่มีชื่อเสียงของฝรั่งเศสชื่อ กุสตาฟ ไอเฟล (Gustave Eiffel) เพื่อเป็นสัญลักษณ์การจัดงานแสดงสินค้าโลกในปี 1889 ฉลองครบรอบ 100 ปีแห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรม

ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในทางลบว่า ทำลายความงดงามของกรุงปารีสด้วยโครงเหล็กน่าเกลียด เพราะมันทำขึ้นจากโลหะ 15,000 ชิ้น หนักถึง 7,000 ตัน ยึดต่อด้วยน๊อต 3,500,000 ตัว สีทาทั้งหมด 35 ตัน สูง 1,050 ฟุต สิ้นเงินค่าก่อสร้าง 7,799,401 ฟรังก์ เสียเวลาสร้าง 1 ปี

มีลิฟต์พาชมวิวได้สูงถึงยอดหอซึ่งมีร้านอาหารที่สามารถนั่งชมวิวได้ทั่วทั้งกรุงปารีส และชมความงามของแม่น้ำเซน สุดท้ายหอไอเฟลกลับเป็นสถานที่ยอดนิยม ใครต่อใครที่มาปารีสต้องถ่ายรูปด้วยตามธรรมเนียม หอนี้เคยเป็นอาคารสูงที่สุดในโลกสมัยแรก จนกระทั่งตึกเอ็มไพร์เสตท สร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1931







Create Date : 05 กรกฎาคม 2550
Last Update : 5 กรกฎาคม 2550 4:40:07 น. 2 comments
Counter : 1841 Pageviews.

 
น่าไป


โดย: Aui_haui วันที่: 5 กรกฎาคม 2550 เวลา:13:30:18 น.  

 
ดีดีดีดีดีดี


โดย: ดี IP: 125.27.150.24 วันที่: 23 ตุลาคม 2551 เวลา:17:15:38 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สาว17
Location :
ลูกสาวเมืองสิงห์ Germany

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Color Codes ป้ามด







เพื่อรักษาไว้ซึ่งชีวิตครอบครัว
มีบางครั้งที่เราต้องทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ
มีบ้างบางครั้งที่เราต้องเลิกทำในสิ่งที่ชอบ
เพื่อความก้าวหน้าของชีวิตครอบครัว
มีบ่อยครั้งที่เราต้องรู้จักใช้สติ
ต้องรู้จัก อดทน และให้อภัย
ดูอย่างต้นไม้ซิ
มันไม่เคยที่จะผืนลิขิตของฤดูกาล
มันไม่คิดจะขัดธรรมชาติ
เมื่อถึงคราวต้องทิ้งใบก็ยินยอมแต่โดยดี
อดทนและอดทน
เพื่อผลิใบ และดอกผลเมื่อฝนมา
เพราะเมื่อเวลามาถึงทุกสิ่งจะดำเนินไป
ชีวิตที่เรียบง่ายคือชีวิตที่มีสุข








Free Hit Counter ทีเว็บมาสเตอร์ รวมพลคนทำเว็บ
Google
New Comments
Friends' blogs
[Add สาว17's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.