Group Blog
 
<<
มกราคม 2550
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
24 มกราคม 2550
 
All Blogs
 
ความแตกต่างระหว่างงานลูกเรือและงานบริษัททั่วไป

จากคุณ Refresh
บอร์ด Thai Airways
//www.thaicabincrew.com


ผมทำงานอื่นก่อนมาเป็นลูกเรือการบินไทยครับ ฝากไว้สำหรับคนที่ยังตัดสินใจไม่ได้ ไม่ว่ากำลังจะจบ จบใหม่ หรือว่าทำงานอื่นๆ ที่ดีๆ อยู่ หวังว่าคงเป็นประโยชน์กับการตัดสินใจนะครับ...แต่ก่อนที่จะตัดสินใจ ขอไตร่ตรองดูให้ดีว่าเราเป็นคนที่ไม่รังเกียจการเทคแคร์คนอื่นใช่หรือไม่ ถ้าใช่ก็ลุยเลยครับ

1. ความเครียด งานนี้ไม่เครียดเลยครับ ตอบได้เลยว่าถ้าเวลาผ่านไปสักห้า-หกเดือนซึ่งเราทำงานคล่องแล้วความเครียดจะไม่มีอีกเลย(ถ้าไม่เก็บเรื่องเล็กน้อยมากวนใจ) เนื่องจากต้องยอมรับก่อนว่างานนี้เป็นงานรูทีนที่เราต้องทำเหมือนกันทุกวันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ไม่ต้องทำแผน คิดกลยุทธหรือแก้ไขปัญหาต่อเนื่องอะไรเลย ไม่มีงานต้องส่ง ไม่ต้องเตรียมพรีเซนท์ จะเห็นว่าพอเราไม่มีภาระคั่งค้างอยู่ในหัว จึงไม่มีความเครียด

ก่อนไปบินแต่ละวันสิ่งที่ผมทำก็คือเตรียมความพร้อมให้ดีว่าต้องทำอะไรบ้างจะทำให้งานผิดพลาดน้อยที่สุด ยิ้มแย้มกับเพื่อนร่วมงาน ผู้โดยสาร ก็จบครับ เท่านี้จริงๆ ถือว่าทำหน้าที่ได้สมบูรณ์แล้วครับทั้งต่อผู้โดยสารและบริษัท

เรื่องอาจทำให้เราเครียดก็มีบ้าง แต่น้อยอย่างที่กล่าวไปครับ ที่ว่าน้อยเพราะเรื่องเหล่านั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานหลัก คือ การบริการของเรา เช่น เพื่อนร่วมงาน หัวหน้า รู้ใช่มั้ยครับว่าทำไมถึงเล็กน้อย จบไฟลท์ก็บ๊าย บาย ครับ...

2. ความเหนื่อย ยอมรับว่ามาเป็นสจ๊วตเหนื่อยกว่าที่คิดไว้ก่อนมาเป็นครับ เพราะว่าต้องดูแลการอุ่นอาหารเป็นจำนวนมากกว่าร้อยและการเตรียมงานบริการหลายอย่างที่ไม่มีใครเตรียมไว้ให้และก็เรื่องการบริหารงานเซอร์วิสกับเวลาที่มีอย่างจำกัด (แค่เหนื่อยกว่าที่คิดน่ะ ไม่ได้เหนื่อยจริงๆ หรอก)

งานนี้มีระยะเวลาการทำงานที่แน่นอน ใช้เวลามากสุด เช่น ไฟลท์ไป-กลับไฟลท์ที่มากสุดใช้เวลาทำงานรวม 12 ชั่วโมง (ไม่ค้างคืน = เช็คอินก่อน 2 ชั่วโมง, ไป 4, ground stop 2, กลับ 4 ชั่วโมง) ความเหนื่อยจะอยู่ที่ระยะเวลารวมและจะออกฤทธิ์หลังจบไฟลท์เท่านั้น ระหว่างไฟลท์จะเพลินกับการทำงานครับ ทั้งขั้นตอนการบริการ ผู้โดยสารและเพื่อนร่วมงาน ถ้างานเสร็จแล้วแอบเบื่อบ้างก็มีอะไรทำแก้เบื่อครับ พอกลับถึงบ้านสูดหายใจลึกๆ 2,3 ที นอนให้เต็มอิ่มก็หายครับ

ที่เห็นได้ชัดเลย คือ เรื่องการตื่นนอน ถ้าทำงานอื่นซึ่งต้องตื่นเช้าเพื่อไปทำงานตลอด 5-6 วันต่อสัปดาห์ จะเห็นว่าในแต่ละวันเราแทบไม่อยากลุกจากเตียง เพราะกว่าจะกลับบ้านก็ค่ำ กว่าจะอาบน้ำ กินข้าว ดูทีวี ฟังเพลง เล่นเนต เข้านอนได้ก็ดึก เช้าต้องตื่นอีก นอนไม่เพียงพอ เป็นแพทเทิร์นทุกวัน เสาร์หรืออาทิตย์ที่เป็นวันที่ร่างกายต้องพักจริงๆ ก็ต้องออกไปข้างนอก กลับดึก จึงเป็นเหตุผลให้คนทั่วไปไม่ชอบวันจันทร์ (เพราะ 7 วันที่ผ่านมาได้พักจริงๆ น้อยมาก ผสมกับความเครียด การใช้ความคิด ซึ่งเป็นตัวหลักที่ทำให้เราเหนื่อยล้า)

ถ้าเป็นลูกเรือ คืนนี้กลับดึก พรุ่งนี้ก็ตื่นสายๆ กว่าจะทำงานอีกทีก็มะรืน(เป็นส่วนใหญ่)หรืออย่างเร็วก็เย็นๆ ดึกๆ ของวันพรุ่งนี้(มีน้อยมาก)
แต่ถ้าเป็นไฟลท์ที่ต้องไปค้างหนึ่งคืนก่อนกลับ ก็จะยิ่งสบายมาก เพราะใช้เวลาประมาณสองวัน แต่เวลาทำงานจริงๆ แค่วันละ 4-8 ชั่วโมง แล้วก็ได้พัก(เช็คอินก่อน 2 ชั่วโมง, บิน 2-6 ชั่วโมง) ไม่มีการโหนงานเพราะว่ามี Fatique Index กำกับ อาจมีนอนดึกตื่นเช้าบ้างถ้าเป็นไฟลท์ไป-กลับ ที่เรียกว่า "ดมหมอน"(ลงนอนที่ปลายทางแค่ 6-7 ชั่วโมง) แต่บินแค่ 3 ชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงบ้าน ได้นอนต่อแล้วนานเท่าที่ต้องการเพราะที่นี่ไม่ได้มีบินติดต่อกันทุกวัน ทำให้ตอนนี้ผมสามารถตื่นไปทำงาน(บิน) กี่โมงก็ได้ไม่เคยไปสาย ไม่ทรมานกับการลุกจากเตียง เมื่อก่อนก็กังวลเพราะว่าผมเป็นคนนอนเยอะ กลัวว่าเวลาไปบินไฟลท์เช้าจะตื่นไม่ทัน แต่ไม่มีปัญหาเลย เพราะเวลานอนเราเพียงพอและที่สำคัญจากการที่สมองไม่ล้าด้วย

ต่างจากการทำงานออฟฟิศ ทำงานจนดึก(ถ้าใครเป็นบ่อยๆ แบบว่าเป็นประจำก็สนุกเลยครับ) เตรียมงานส่งหัวหน้า เตรียมข้อมูลประชุม เช้ามาต้องตื่นมาทำงานต่อทั้งวันจนค่ำ

หลายๆ คนอาจจะเคยที่ตัวเองกำลังเก็บของจะกลับบ้าน เพราะได้เวลาเลิกงานแล้ว มีนัดทานข้าวกับที่บ้านกับแฟน แต่ก็มีอันทีจะต้องนั่งลงทำงานต่อและไม่ลืมที่จะต้องโทรยกเลิกนัดที่วางแผนมาหลายวัน...เหนื่อยและเสียดาย งานต้องมาก่อนชีวิตส่วนตัวอยู่แล้ว จริงมั้ยครับ

3. รายได้ รายได้ที่ไม่แน่นอนในแต่ละเดือน ถ้าในแต่ละเดือนสามารถบริหารเงินในช่วง 45,000-60,000 (รวมทุกอย่าง)ให้พอใช้ เที่ยว ซื้อของ ผ่อนและเก็บได้ก็โอเคครับหรือใครจะให้คุณพ่อคุณแม่ด้วยก็ยอดเลย เพราะว่าการทำงานที่นี่เรียงตามอาวุโส กว่าจะได้เยอะๆ กว่านี้ก็ต้องห้าปีขึ้นไป ซึ่งหาไม่ได้ที่อื่นในขณะที่งานสบายกว่าเยอะ
คนที่ทำงานอื่นอยู่แล้วอาจมีรายได้ไม่ต่ำกว่านี้ แต่โปรดย้อนไปอ่านข้อ 2 และอ่านข้อต่อไปครับ

4. วันลาป่วย : ถ้าวันไหนที่เราไม่สบาย เราสามารถพักผ่อนให้เต็มที่ ไม่ต้องกังวลว่างานที่ค้างอยู่ งานที่ต้องส่งจะทำอย่างไร เพื่อนร่วมงานหรือหัวหน้าเราไม่ต้องลำบากมารับผิดชอบงานที่เค้าไม่รู้เรื่อง อันนี้ไม่ว่าอาชีพไหนคงไม่มีใครอยากป่วยอยู่แล้ว แค่ยกตัวอย่างครับ

5. วันลาพักผ่อน : สำหรับวันลาพักร้อนของเราก็ไม้ต้องรีบเคลียร์งานหามรุ่งหามค่ำเพื่อเตรียมตัวไปเที่ยว วันสิ้นปีก็ไม่ต้องปวดหัวกับการปิดยอด และไม่ต้องกลัวว่าคนรอบข้างในที่ทำงานจะโทรมาถามเรื่องงานในวันพักผ่อนของเรา ที่นี่ผู้โดยสารซึ่งเป็นลูกค้าของผมและของบริษัทก็ไม่เคยโทรมาตามทวงงานหรือสั่งสินค้าในวันหยุดอย่างเคย...เพราะที่นี่ทุกคนทำงานแทนกันได้ตลอดเวลา และที่สำคัญสามารถลาติดต่อกันได้ครั้งละหลายวัน ถ้าทำงานที่อื่นก็เห็นจะไม่ได้นะครับ เพราะว่าไม่มีใครมาทำงานแทนเราได้และจะกระทบงานของบริษัท เจ้านายไม่ปลื้มแน่งานนี้

6. คนชอบท่องเที่ยว ชอปปิ้ง ผมได้ไปในที่ที่ไม่เคยมีโอกาสได้ไปมาก่อนและได้ไปเดือนละหลายแห่ง แม้แต่คนมีกะตังค์(เอาที่ชอบเที่ยวเหมือนผม) ก็ทำไม่ได้ เพราะว่าเค้าต้องทำงานหาตังค์ "งานไม่เดินเงินก็ไม่มี" จริงมั้ยครับ คงต้องสนุกอยู่กับการทำงานหาเงินและใช้เงินอยู่แถวๆ นี้ แต่จะไปเที่ยวไกลๆ บ่อยๆ คงยาก แต่ผมต้องไป ไม่อยากไปก็ต้องไป บริษัทเค้าจ้างให้ผมไปเที่ยว ยิ่งถ้าชอบถ่ายรูปก็เจ๋งเลย แต่ไปถึงจะนอนอยู่โรงแรมก็ได้ไม่ว่ากัน...(แต่ต้องทำงานระหว่างทางนะ

7. ความมั่นคงของอาชีพ ขัอนี้สำคัญ ถ้ายังไม่ถึงวันนั้นก็ยังไม่มีใครตอบได้ครับ ว่าสัญญาที่เป็น 2 ปี 5 ปี นั้น เมื่อครบแล้วจะต่อหรือไม่ไม่มีใครตอบได้ครับ ผู้บริหารเปลี่ยนนโยบายก็อาจเปลี่ยนตาม ถ้าลองคิดเป็นเหตุเป็นผลแล้วก็น่าจะต่อ เพราะเรื่องต้นทุนการเทรน เรื่องความชำนาญของพนักงาน เพราะที่นี่ไม่เหมือนหลายสายการบินที่ต้องการพนักงานหน้าใหม่ๆ มาบริการผู้โดยสาร ถ้าคิดตามนี้แล้วมีอยู่เหตุผลเดียวที่บริษัทจะไม่ต่อสัญญา คือ กิจการไม่ดีซึ่งมีโอกาสน้อยมาก

จากที่ผ่านงานอื่นมาแล้วประมาณ 4 ปี นะครับ ในความคิดผมความมั่นคงในการทำงานนั้น ส่วนหนึ่งอยู่ที่บริษัท คือ ให้เลือกทำงานกับบริษัทมีความมั่นคงน่าเชื่อถือ มีโอกาสก้าวหน้า เห็นความสำคัญของทรัพยากรบุคคล อีกส่วนหนึ่งอยู่ที่ตัวเราครับ ว่าเราจะสร้างเนื้อสร้างตัวได้เร็วแค่ไหนกับรายได้ที่เราได้มา จะบริหารเงินที่ได้มาอย่างไรให้อนาคตเราไม่ลำบาก คงจะเคยได้ยินคำพูดที่มีคนกล่าวไว้นะครับว่า "ได้มาเท่าไหร่ไม่สำคัญเท่ากับเหลือเก็บเท่าไร่"

ทุกงานไม่ว่างานอะไรลูกเรือหรือบริษัททั่วไป ถ้าเราไม่ดูแลตัวเราเอง ให้เราทำงานได้ดีเหมือนกับวันแรกที่เราเริ่มงานก็ไม่มีใครอยากจ้างเราหรอกครับ หลายคนพออายุมากขึ้นสุขภาพไม่ดีก็ต้องลาออกไป เพราะไม่สามารถทำงานต่อไปได้ ดังนั้นต้องรีบสร้างอนาคตให้ตัวเองทุกอาชีพเหมือนกันครับข้อนี้ ไม่ใช่ว่าลูกเรือไม่มั่นคง ทุกอาชีพไม่มั่นคงมากกว่าครับ...

หลายอาชีพอายุมากขึ้นเงินเดือนเยอะขึ้นครับเพราะว่าเรามีความเก๋าในการทำประโยชน์ให้บริษัทได้มากขึ้น ก็จะได้รับการ Promote ให้ทำในตำแหน่งที่สูงขึ้น ความรับผิดชอบมากขึ้น แต่แปรผกผันกับความสบายนะ ซึ่งขึ้นอยู่กับความสามารถของเราล้วนๆ ครับ ถ้าอายุมากขึ้นแต่ความสามารถยังเท่าเดิมเงินเดือนก็คงไม่มากตาม...

ข้อดีในความคิดของผมเหล่านี้หวังว่า คงจะเป็นประโยชน์กับการตัดสินใจของหลายๆ คนนะครับ ผมเชื่อว่าทุกอาชีพมีข้อดีในตัวเอง งานแต่ละงานมีจุดดีต่างกัน งานที่หลายๆ คนทำอยู่รายได้และโอกาสก้าวหน้าอาจดีกว่านี้ แต่ก็คงต่างกันในเรื่องที่ผมเล่ามาข้างบน หาข้อมูลเยอะๆ ก่อนตัดสินใจนับว่าดีไม่น้อย ไม่ว่าอาชีพอะไรก็ทำให้เรามีความสุขได้ หลายสายการบินรายได้ก็ไม่ได้เหมือนกันมีทั้งมากและน้อยแตกต่างกันแล้วแต่โอกาสของแต่ละคน แต่หากทำแล้วรักและมีความสุขกับงานที่ทำได้ ผมว่าถึงแม้ว่าจะไม่ใช่งานที่เราอยากทำหรือเป็นบริษัทที่เราอยากทำมากทีสุดก็ตาม แต่ถ้าเรารับผิดชอบต่อตัวเอง ต่อคนรอบข้าง ต่อนายจ้างของเรา ต่อสังคมตามหน้าที่ของเราได้ดี ผมว่าอาชีพนั้นสุดยอดแล้วครับ



มีข้อดีอย่างเดียวคงจะไม่ใช่ครับ มาดูข้อเสียกัน (เน้นสจ๊วตนะครับ)

1.ความเครียด แน่นอนครับอาชีพงานบริการ กับงานบริหาร มันไม่เหมือนกัน งานบริการเหนื่อยร่างกาย งานบริหารเหนื่อยสมอง อันนี้แล้วแต่คนจะเลือกครับว่า ชีวิตต้องการแบบไหน ถามว่าเหนื่อยมั๊ย เหนื่อยทั้งคู่ครับ

2.รายได้ อันนี้ปกติครับ รายได้ของสจ๊วตจะมากก่อนในตอนแรก ซึ่งต้องดูศักยภาพของตัวเองครับว่าในอนาคต ทำงานบริษัท หรือกิจการของตัวเอง จะสามารถทำเงินได้เยอะกว่าการเป็นสจ๊วตรึเปล่า บางคนมองแล้วว่าทำงานออฟฟิศไม่รุ่ง ก็ต้องขยับหาอย่างอื่นทำ บางคนทำงานออฟฟิสเห็นหกหลักกันแล้วเมื่อ 30 กว่าๆ มาพูดเรื่องโบนัส ทำงานออฟฟิสเงินเดือน 100,000 โบนัส 3 เดือนต่อปี นั่นหมายถึงรับ 3แสนต่อโบนัส 1 รอบปีครับ เป็นสจ๊วต เงินเดือนหมื่อนกว่าบาท โบนัสออกคือ 3หมื่น (ทุกเดือนที่ได้เกินจากเงินเดือนหมื่นกว่าบาทคือ per dium) เงินเดือนเท่านี้ไปตลอด เห็นมั๊ยครับว่าต่างกันขนาดไหน

3.วันลาป่วย แน่นอนครับ อาชีพบริการแบบนี้ใช้ร่างกายเป็นหลัก ขาเจ็บแขนหัก เดินเหินไม่สะดวก ทำงานไม่ได้แน่นอน per dium ก็ไม่ได้ หมอบอกพักซัก 4 อาทิตย์ ก็จบกัน ทำงานออฟฟิส ไปถึงคุณยังนั่งทำงานต่อได้ เงินได้เท่าเดิมครับ

4.วันพักผ่อน อันนี้แล้วแต่คนชอบแล้วล่ะครับ งานเทศกาลคนหยุดกันปกติ ไปเที่ยวตามงานเทศกาล คนอาจจะเยอะ แต่มันเป็นวันเทศกาลพิเศษ สจ๊วตมีบินห้ามลาแน่นอน ทำงานออฟฟิส ก็เฮฮาเต็มที่ครับ

5. เรื่องความมั่นคงของอาชีพ ผมก็ไม่ได้มองว่า สจ๊วตจะไม่ได้ต่อสัญญานะครับ ประเภท 5ปี 10ปี คุณได้ต่ออยู่แล้ว ผมอยากให้มอง ถึง 20 - 30 ปีครับ งานบริการแบบนี้ ต้องการคนร่างกายแข็งแรง บริษัทอยากได้คนยังหนุ่มครับ ไม่เหมือนทำงานบริษัท ยิ่งอาวุโส ยิ่งมีค่าตัวเยอะ (แต่ก็ไม่ใช่แก่เกินไปนะครับ) ถึงตอนนั้นอาจเป็นคุณเองที่ไม่อยากทำงานบริการอย่างนี้แล้ว

6. การยอมรับ อันนี้จากที่คุยกับเพื่อนหลายคน มีปัญหาครับ เรื่องการทำงานคงรู้ๆอยู่ว่านักบินคิดกับเรายังไง (อันนี้มีเรื่องกันประจำ) แต่มันทำอะไรได้ยากครับ ต้องยอมรับ หรือถ้ามีคนถามตอนคุณอายุ 40 ว่า คุณทำอาชีพอะไร มันอาจจะแปลกๆ ถ้าบอกว่าเป็นสจ๊วตครับ อันนี้ต้องรอตอนอายุเยอะจริงๆครับ แล้วจะรู้ความรู้สึก เพราะเท่าที่เห็น สจ๊วตหาทางหนีไปจากอาชีพนี้กันเยอะเมื่ออายุมาก

อีกเรื่องคือ เมื่อแก่ตัวไปแล้ว การมีครอบครัวเป็นเรื่องลำบากครับครับ ลูกเลิกเรียน 5 โมงเย็น พ่อมีบิน4โมง อย่างนี้ก็อาจจะมีปัญหาหน่อยครับ

อันนี้ขอความเป็นกลางจากทุกฝ่ายนะครับ เป็นการแสดงความเห็นโดยอิสระ ไม่มีอะไรแอบแฝงจริงๆครับ





Create Date : 24 มกราคม 2550
Last Update : 24 มกราคม 2550 14:00:18 น. 5 comments
Counter : 793 Pageviews.

 
การบินไทยเกษียรอายุที่45 สำหรับงานบริการบนเครื่องบิน ที่เราเรียกสจ๊วต หรือแอร์ฮอสเตร์ส
หลัง45 บริษัทให้มาทำงานภาคพื้นดินเริ่มที่เงินเดือน ??? คงหลักหมื่นเศษๆ
ขณะทำงานโอกาศเรียนต่อเท่ากับศูนย์
ถ้าทำสักห้าปีสิบปีไปทำงานชนิดอื่นไม่ได้แล้ว
อายุหลัก3แล้ว
ใครที่คิดว่าตอนหนุ่มๆสาวๆ จะได้เที่ยวทั่วโลกก็เอานะครับ แต่ถ้าคิดนานๆ อาชีพนี้ไม่น่าพิศมัยทีเดียวเหละ เผลอแป๊บเดียวเวลาผ่านไป7ปี8ปี อายุเลย30
กลับลำยากแล้ว


โดย: Yoawarat วันที่: 24 มกราคม 2550 เวลา:12:39:29 น.  

 
รักการบินมากมายครับ


โดย: รักคุณมากกว่าฟ้า IP: 118.172.241.3 วันที่: 22 พฤษภาคม 2552 เวลา:20:27:48 น.  

 
ขอบคุณมากครับ ขอบคุณมากมาย ขอบคุณจริงๆครับ


โดย: กรวิชญ์ IP: 117.47.182.226 วันที่: 9 ธันวาคม 2552 เวลา:23:09:28 น.  

 
6. การยอมรับ อันนี้จากที่คุยกับเพื่อนหลายคน มีปัญหาครับ เรื่องการทำงานคงรู้ๆอยู่ว่านักบินคิดกับเรายังไง


นักบินคิดกับเรายังไงอ่อคับ ??


โดย: PAT IP: 58.9.194.138 วันที่: 15 เมษายน 2553 เวลา:17:48:36 น.  

 
ขอบคุณคับ...


โดย: 1233 IP: 110.49.38.188 วันที่: 30 สิงหาคม 2554 เวลา:19:17:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

KiSs MoRe
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




บิน กิน เที่ยว เบี้ยวไปวันๆ
...
(บล็อคนี้ สาระการเป็นแอร์ = 0)


สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความใน blog แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่และเพื่อการอ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด


Friends' blogs
[Add KiSs MoRe's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.