การเดินทางตามหาขุมทรัพย์ที่ปลายฝัน
ซานติเอโก เลือกที่จะเป็นคนเลี้ยงแกะ ก็เพราะเขาอยากออกเดินทาง และคนเลี้ยงแกะ ก็คือ อาชีพ ที่จะทำให้เขาได้เดินทางเขาได้ฝันถึงเรื่องๆหนึ่งติดต่อกัน นั่นก็คือ การได้ค้นพบขุมทรัพย์ที่ฝังอยู่ที่ปิรามิดใหญ่ เป็นความฝันที่ท้าทายให้เขาต้องตัดสินใจออกเดินทางเพื่อตามหาและทำฝันนั้นให้กลายเป็นจริงตลอดระยะเวลาของการเดินทางเพื่อไปให้ถึงยังขุมทรัพย์ที่เขาฝันถึงนั้น ซานติเอโก ได้พบเจอผู้คน และ เรื่องราวต่างๆมากมาย เขาได้เรียนรู้เรื่องราวของโลก มนุษย์ ความใฝ่ฝัน ความศรัทธา ความรัก และ ความจริงของชีวิตบนโลก1 ปีที่ผ่านมา ชีวิตในแต่ละวันก็เป็นไปเช่นเดียวกับซานติเอโก มีความฝันที่ต้องการจะไปให้ถึงเช่นกัน มีความสุข ความทุกข์ ความฮึกเหิม ความอ่อนแอ ท้อแท้ ร่าเริง1 ปีที่ผ่านมา ขุมทรัพย์ที่เคยเป็นเพียงความฝัน กลายเป็นสิ่งที่ชัดเจน จับต้องได้ แต่ยังไม่ใช่ความจริง ขุมทรัพย์นั้นยังห่างไกล รอให้เราฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ เพื่อไปให้ถึงสิ่งนั้นหรือแท้ที่จริงแล้ว ขุมทรัพย์ที่แท้จริง คือ สิ่งที่ได้เรียนรู้ตลอดการเดินทางนั่นเอง"เมื่อฉันออกแสวงหาขุมทรัพย์ของฉัน ฉันก็ได้ค้นพบสิ่งต่างๆ บนเส้นทางซึ่งฉันอาจจะไม่ได้เห็น หากฉันไม่กล้าหาญพอที่จะทดลองทำสิ่งที่ดูเหมือนคนเลี้ยงแกะธรรมดาจะไม่มีทางทำได้"หลายครั้งที่การเดินทางสร้างความเหนื่อยยากให้กับร่างกาย แต่ไม่เท่ากับความอ่อนล้าทางใจ ที่คอยจะบอกว่า ขุมทรัพย์ที่ฝันนั้นไม่ใช่เรื่องจริง หรือสิ่งที่คิดว่าเป็นขุมทรัพย์นั้น มันยังไม่ใช่ มันเป็นเพียงหนึ่งในประสบการณ์ที่เราต้องเจอ ก่อนที่จะไปถึงขุมทรัพย์อันแท้จริงอย่างที่ฝันชีวิตคนเราก็เช่นนี้ เราไม่มีทางรู้ตอนจบของเรื่องราว ไม่เหมือนกับการอ่านหนังสือที่ยังแอบเปิดไปดูตอนจบก่อนได้เมื่อไม่รู้ตอนจบ สิ่งที่ควรทำก็คือ การใส่ใจในปัจจุบัน"เพราะฉันไม่ได้มีชีวิตอยู่กับอดีตหรือเพื่ออนาคต สิ่งที่ฉันใส่ใจมีแต่ปัจจุบัน ถ้าเธอใส่ใจแต่ปัจจุบัน เธอก็จะเป็นคนที่มีความสุข...หากเธอใส่ใจแต่ปัจจุบัน ชีวิตจะเหมือนงานเลี้ยง เป็นงานฉลองที่ยิ่งใหญ่"และถึงแม้จะรู้วิธีที่จะมีความสุข แต่เราก็คงจะห้ามไม่ให้ความทุกข์มาเยือนได้ ความทุกข์ที่มาพร้อมกับความหวาดหวั่น หวั่นไหว ความไม่แน่ใจ ความอ่อนแอของตนเอง...."หากเราพบสิ่งที่บริสุทธิ์ มันจะไม่มีวันเสื่อมสลาย และเราจะกลับไปหาได้เสมอ แต่หากสิ่งซึ่งเจ้าพบเป็นเพียงแสงสว่างชั่ววูบ อย่างการระเบิดของดวงดาว เมื่อเจ้ากลับไป เจ้าก็จะไม่พบอะไร"ยัง(แอบ)หวังที่จะให้ขุมทรัพย์ที่เจอ เป็นดังเช่นที่นักเล่นแร่แปรธาตุกล่าวกับซานติเอโก หรือที่สุดแล้ว...ขุมทรัพย์ของเรา ไม่ได้อยู่ที่ไหนไกลเลย เพียงแค่เรารู้ว่า "หากหัวใจเจ้าอยู่ที่ตรงไหน ที่ตรงนั้นเจ้าจะพบขุมทรัพย์ล้ำค่า"ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เราเจอขุมทรัพย์ที่แท้จริงแล้วค่ะขุมทรัพย์ที่ปลายฝัน เป็นหนังสือเล่มบางๆ แต่สาระที่อยู่ในหน้ากระดาษนั้นไม่บางตามเลย รู้จักหนังสือเล่มนี้ครั้งแรก ตอนที่กำลังจะเรียนจบ ช่วงนั้น ชีวิตสับสนพอสมควร ว่าควรจะเลือกทางเดินในชีวิตอย่างไรต่อไป จะเป็นคนเลี้ยงแกะตามเดิม เพราะเป็นวิถีชีวิตที่คุ้นเคย หรือขายแกะไป แล้วเริ่มเดินทางตามหาความฝันของตนหนังสือเล่มเล็กๆเล่มนี้ จึงทำหน้าที่คล้ายๆแผนที่ชีวิต เช่นเดียวกับอีกหลายๆคนที่มีหนังสือเล่มอื่น เป็นแผนที่ให้กับตนเองอยู่ความน่าสนใจของ "ขุมทรัพย์ที่ปลายฝัน" อยู่ที่ ข้อคิดต่างๆที่แฝงในบทสนทนาของตัวละครนั้น เป็นข้อคิดที่ไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่า สำหรับความรัก สำหรับชีวิตการทำงาน เหมือนกับหนังสือประเภท How to ที่เจอทั่วไปตามแผงหนังสือ แต่จะเหมือนกับการมีเพื่อนแค่คนหนึ่ง แต่เป็นคนที่จะให้คำปรึกษา ให้ข้อคิดดีดีได้ทุกเรื่อง ทุกโอกาสจึงไม่น่าแปลกใจ ที่หนังสือเล่มนี้จะเป็นหนังสือในดวงใจ ที่ถ้าเจอก็จะซื้อเก็บไว้ เพื่อรอวันจะมอบให้ใครสักคน ที่เราอยากให้จนถึงวันนี้ วันที่ชีวิตกำลังออกเดินทางอีกครั้ง เราจึงเลือกหนังสือเล่มนี้มาอ่านอีกรอบ ไม่ว่าการเดินทางครั้งนี้จะพาไปสู่ปิรามิด หรือเป็นเพียงทางแยกอีกทางหนึ่ง ก็ไม่สำคัญแล้ว เพราะเมื่อรู้ว่า หัวใจอยู่ที่ไหน ขุมทรัพย์ก็อยู่ที่นั่นแล้วเราก็กำลังจะไปที่ที่ขุมทรัพย์อยู่ค่ะ
ขุมทรัพย์ที่ปลายฝัน (The Alchemist)
เปาโล คาเอโย เขียน
ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ แปล
พิมพ์ครั้งที่1 โดยโครงการจัดพิมพ์คบไฟ เมษายน 2542