Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2549
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
15 ธันวาคม 2549
 
All Blogs
 
มองย้อนศร: เส้นทางชีวิตในทัศนะท่านอาจารย์พุทธทาส

จากเด็กเล็กเล่าเรียน เขียนอ่าน เรียนรู้และเติบโตตามวัยจนเป็น ผู้ใหญ่ ทำกิจการงาน มีครอบครัว เลี้ยงดูลูกหลาน กระทั่งแก่ชราเข้าสู่วัยไม้ใกล้ฝั่ง และท้ายที่สุดก็ละวางสังขารและลาจากโลกนี้ไป นี่คือท่วงทำนองเส้นทางชีวิตของคนส่วนใหญ่ ความแตกต่างอยู่ที่รายละเอียดของเส้นทางชีวิตว่า เขาหรือเธอนั้น เติบโตอย่างไร ประกอบอาชีพอะไร และดำรงชีวิตอย่างไร
แต่ละคนจักสามารถเดินทางไปบนเส้นทางชีวิตได้ไกลแค่ไหน นอกเหนือจากปัจจัยเส้นทางตามอายุขัย ปัจจัยสำคัญอื่น คือ เขาหรือเธอใช้ชีวิตและโอกาสที่มีอยู่อย่างไร และเพื่ออะไร คำถาม อะไร และอย่างไร ย่อมบ่งบอกถึงคุณค่าบางอย่างที่เราในฐานะมนุษย์น่าที่จะบรรลุถึง แน่นอนระบบคุณค่าย่อมแตกต่างไปตามวัฒนธรรมและค่านิยมของแต่ละสังคม
ระบบคุณค่าสำคัญของคนส่วนใหญ่ คือ การมุ่งบรรลุความสำเร็จทางโลก ชื่อเสียง เงินทอง ทรัพย์สิน ฐานะ ตำแหน่ง ขณะที่อีกด้าน ซึ่งไม่มากคนนักจะให้ความสำคัญ คือ การมุ่งให้ชีวิตมีความสุขและ สงบเย็น ใช่หรือไม่ว่า หลายครั้งที่เราเครียดจากชีวิตประจำวัน มีความทุกข์จากความผิดหวัง เศร้า เสียใจ หรือรุ่มร้อนด้วยความโกรธ เกลียด กลัว ลึกๆ โดยสัญชาตญาณ เราต้องการดับทุกข์ในใจ เยียวยาความเครียดที่รุมเร้า
ทางออกของหลายคน คือ การหลบหนีจากความจริง จากความทุกข์ที่รุมเร้าในขณะนั้น เริ่มต้นง่ายๆ จากการหาสิ่งบันเทิง ตั้งแต่โทษภัยน้อย เช่น การหาความเพลิดเพลินกับการกิน การท่องเที่ยว จนถึง สิ่งบันเทิงที่โทษภัยมาก เช่น อบายมุขต่างๆ การดื่มสุรา ยาเสพติด การพนัน เพศรส รสชาติความตื่นเต้น ความสนุกสนานชั่วครั้งคราว เสมือนยาแก้ปวดที่ทำให้ความทุกข์รุมเร้าลดทอน หรือหายไป เมื่อรู้สึกว่าสบายกาย สบายใจขึ้น ก็กลับไปหาความเครียดนั้นใหม่ ในอีกแง่ ความเคยชินจนชาด้านก็ทำให้เราอยู่กับความเครียด ความทุกข์นั้นได้ อาจจะด้วยการเก็บกด การหาทางระบายออกอื่นๆ
นิมิตดี คือ ภายใต้รากฐานวัฒนธรรมพุทธศาสนา ทางออกทางหนึ่งของบางคน คือ การพึ่งพิงธรรมะ การปฏิบัติธรรม อันหมายถึงการนำธรรมะมาปฏิบัติในการดำเนินชีวิต ความเข้าใจผิดของสังคมส่วนใหญ่ ก็คือ การมองว่าเส้นทางชีวิตเพื่อไปสู่ความสำเร็จทางโลก จำเป็นต้อง หันหลังให้กับการปฏิบัติธรรม เราในฐานะมนุษย์ปุถุชนมีหน้าที่มุ่งความสำเร็จทางโลก ส่วนความสำเร็จทางธรรมก็เป็นหน้าที่ของพระ ฆราวาสไม่เกี่ยว
ความเข้าใจผิดนี้ ท่านอาจารย์พุทธทาสได้อธิบายในเรื่องนี้ว่า
(ตัดทอนจากการบรรยายโอวาทนวกะ ในหัวข้อย่อย “ปริญญาจากสวนโมกข์”)
“อย่าเข้าใจว่ามีหลายอย่าง หลายทิศทาง เป็นเรื่องโลก เป็นเรื่องธรรม เดินหันหลังให้กัน อย่างนั้นมันไม่ถูก มันยิ่งโง่ใหญ่ไปอีก เรื่องโลกก็เดินไปทางนี้แหละ เรื่องธรรมก็เดินไปทางนี้แหละ เรื่องโลกิยะก็เดินไปทางนี้ เรื่องโลกุตระมันปลายทางเท่านั้นเอง มันสุดปลายทาง อย่าไปเข้าใจผิดว่าอันหนึ่งหันหน้าไปทางทิศตะวันออก อันหนึ่งหันหน้าไปทางทิศตะวันตก เอาดีกันคนละอย่าง อย่างนี้ นั้นไม่จริงเลย ไม่ถูกต้องตามหลักของพุทธศาสนาซึ่งสอนไว้ เรื่องทางที่จะต้องไป มีทางเดียวสำหรับคนเดียว ไปยังจุดหมายปลายทางเพียงอย่างเดียว มันจึงต่างกันอยู่แต่ว่าใครอยู่ต้นทางเกินไป หรือว่าใครยังไม่เคยเข้าทางเสียเลย ยังไม่ได้เหยียบย่างลงไปในทางเสียเลย มันก็เต็มทีมาก”
“เดินทางถูกแน่วไปเลยนี้ไม่มีเสียอะไร มันมีแต่ได้ก็คือ สิ่งที่ควรจะได้ ไม่ใช่ได้สำหรับเอามาหลงรัก ยึดถือเป็นตัวกู–ของกู หรือมาหล่อเลี้ยงตัวกู-ของกู ให้มันหนาแน่นยิ่งขึ้นไปอีก อย่างนั้นเรียกว่าเสีย ที่ได้มา ทำให้ตัวเองโง่หลงหนักขึ้นไปอีก นั่นแหละเขาเรียกว่า ‘เสีย’ ในทางธรรมะ”
ชีวิต คือ สายสัมพันธ์ เราไม่อาจตัดทอน และหั่นแบ่งเรื่องราว การดำเนินชีวิตออกเป็นส่วนเสี้ยว เมื่อเราดำเนินชีวิตโดยหันหลังให้ธรรมะ เราก็ต้องพบกับความทุกข์ยากที่กัดกินชีวิต เป็นความทุกข์ยากจากการไม่รู้ ไม่เข้าใจและไม่ได้ประโยชน์จากธรรมะ แต่แน่นอน ในฐานะมนุษย์ปุถุชนที่ต้องดำรงชีวิต และอยู่รอด ความสำเร็จทางโลกก็มีความสำคัญ ธรรมะช่วยให้เราบรรลุคุณค่า บรรลุความต้องการทาง จิตใจ เช่น คุณค่าทางจิตวิญญาณ คุณค่าของการได้รู้จัก เข้าใจตนเองและแก้ไขความทุกข์ของตนเอง ความต้องการนี้ไม่อาจบรรลุได้ หากเรายังขาดแคลน และตอบสนองความต้องการทางกายไม่ครบถ้วน รวมถึงความมั่นคง ความปลอดภัย
เราจะก้าวเดินอย่างไร ให้ไปด้วยกันได้ทั้ง 2 ทาง คือ บรรลุ ความพอเพียงในความสำเร็จทางโลก และมีพลังชีวิตเหลือและมากพอสำหรับชีวิตเพื่อศึกษา ปฏิบัติธรรม หัวใจของการเดินทางไปบนเส้นทางชีวิต คือ การก้าวเดินไปบนเส้นทางโลกิยะ โดยไม่หลงผิดว่า เราต้อง หันหลังให้เส้นทางโลกุตระ แท้จริง มันคือ เส้นทางเดียวกันที่เราสามารถเดินทางร่วมกันได้ เพียงแต่ขอให้ธรรมะนำทาง และเป็น แนวการดำเนินชีวิต เพราะชีวิตที่ปฏิบัติธรรม ย่อมมีธรรมะเป็นเครื่องคุ้มภัย
ขอเชิญร่วมงาน สวนโมกข์เสวนาสัญจร ครั้งที่ 12
เรื่อง "ฝ่าพ้นวิกฤตศีลธรรมด้วยทัศนะใหม่ : ก้าวต่อไปของการขับเคลื่อนศีลธรรมในสังคมไทย"
วันเสาร์ที่ 23 ธันวาคม 2549 เวลา 13.00-17.00 น. ณ ห้องประชุมสารนิเทศ หอประชุมใหญ่ จุฬาฯ
พบกับ พระไพศาล วิสาโล, สุริชัย หวันแก้ว, สุวรรณา สถาอานันท์, พระดุษฎี เมธังกุโร, วินัย สะมะอุน
ประชา หุตานุวัตร, บรรยง พงษ์พานิช, นวพร เรืองสกุล, สมณะ เพาะพุทธ จันทเสฏโฐ(ท่านจันทร์), มารค ตามไท ฯลฯ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-866-2721-2 หรือ 081-341-4433


Create Date : 15 ธันวาคม 2549
Last Update : 15 ธันวาคม 2549 15:47:48 น. 0 comments
Counter : 728 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

psak28
Location :
ภูเก็ต Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]





คนเราเกิดมาจากเหตุปัจจัยจากกรรมที่เราสร้างขึ้น และด้วยอนุสัยที่สั่งสมมาตั้งแต่อดีตกาล ย่อมมีความสุข และความทุกข์เป็นธรรมดา เราก็แค่เป็นเพียงผู้ดูสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น เปรียบเสมือนการดูละคร ดูแล้วก็ผ่านไป ไม่ต้องไปยึดติดกับมัน เคยสงสัยเหมือนกันว่าคนเราเกิดมาทำไมกัน แล้วทำไมคนเราจึงไม่เหมือนกันเลย ทั้งรูปร่าง หน้าตา กิริยา และการดำเนินชีวิต ที่กล่าวมาล้วนมีกรรมสรรสร้างให้เป็นอย่างนั้น หน้าที่ของเราก็คือ ละเว้นความชั่ว ทำความดีให้ถึงพร้อม และทำจิตใจให้ขาวรอบ


อันนี้ลองดูนะครับ หากใครสนใจหวยหุ้น หวยรัฐบาล นี่ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งครับ ได้มากกว่า ^_^



อันนี้น่าสนใจดีครับ จุ๊บลมยางที่สามารถบอกเราได้ว่าลมยางตอนนี้เป็นเท่าไหร่ และเตือนเราในกรณีลมยางอ่อนได้ ลองดูกันนะครับ




: Users Online

Friends' blogs
[Add psak28's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.