Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2549
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
26 ธันวาคม 2549
 
All Blogs
 
" วังวนของการทรงเจ้า "

" วังวนของการทรงเจ้า "
เหตุส่วนใหญ่ที่พบมาก มี 2 ประการด้วยกัน ร่วมกันมาแต่การณ์ก่อน กล่าวคือ
1.ฝึกวิชาดั่งเดิมคือ วิชาสางใส เพื่อที่จะติดต่อกับพบภูมิต่างๆ....ผู้ที่ฝึกมักใช้ กรรมฐาน เตโช ,แสงสว่าง , อาโป...เป็นต้นจนเกิดได้วิชา 3 อย่างอ่อนๆ ที่สุดก็มีความสามารถที่จะ สื่อความหมายกับ ภพแห่งวิญญานได้...แต่ด้วยไม่มีความชำนานในวิชา 3 ..ภายหลังจึงเชิญให้ วิญญาณนั้นมาคุยเองเลย...จึงกลายเป็น การทรงเจ้า
2.กรรมเดิมของร่างทรงต้องไปดู ในสมัยที่เป็น ฤาษี ที่ยังมีมิฉาทิฏฐิ
2.1 อย่างน้อยต้องได้ ฤทธิ์ทางใจ แล้วนำฤทธิ์ทางใจนั้นไปบังคับเอาจิตวิญญาณ อื่นมารับใช้ตน หรือเพื่อตน หรือเพื่อคนอื่นแต่เนื่องด้วยตน ในสภาวะที่เป็นทิพย์ เช่น วิชาคุณไสยต่างๆที่มีความต่อเนื่องกันจนถึงปัจจุบันนี้
2.2.เกิดจากผู้นั้นเคยฝึกจิตจนได้ อภิญญา 5 แล้วใช้อภิญญา 5 นั้นปั้นหุ่นพยนต์ แล้วไปบังคับ วิญญาณ ดวงใดดวงหนึ่ง มาสิงที่หุ่นพยนต์นั้นให้มีอาการเลื่อนไหวได้ เยี่ยงคนทั่วไป เพื่อมาเป็นธาตุรับใช้ตน หรือให้ไปทำร้ายคนอื่น เป็นต้น
เมื่อพ้นจากชาตินั้นไปแล้ว ก็ต่างต้อใช้กรรมกันไปมา สลับกัน ต่างกรรมต่างวาระ จึงเป็นที่มาของ " ร่างทรง หรือม้าทรง "
ยังมีต่อครับ...มาถึงชาตินี้คนกลุ่มนี้ต้องมาใช้กรรมแก่กันในรูปแบบต่างๆกัน เกิดจากกรณีที่ต้องเป็นร่างทรงจะต้องมีเศษกรรมพื้นฐานดังกล่าวมา
ในทางกุศลมักเกิดจากร่างทรง มีกฎแห่งกรรมและเจ้ากรรมนายเวร มาส่งผลรุนแรง แต่ด้วยรางทรงนั้นมีความดีในอดีตอยู่บ้าง และความดีในปัจจุบันอยู่บ้าง จึงมาใช้พลังจิตมาบังคับให้ทำความดี ด้วยการเป็นทาสรับใช้คนทั้งหลายที่เดือดร้อน
ส่วนใหญ่ในระยะต้นๆ เทพมาทรงจริง ให้ดูที่ความแม่นยำ ใน 7 วัน ถึง 1 เดือน เมื่อทรงนานๆเขาติดในโลกธรรม 8 วิญญาณของอสุรกายจะมาเข้าทรงแทน ความแม่นยำที่ 1 ถึง 3 วัน ถ้าหลงโลกธรรม 8 มากจนแม้แต่ผีก็ทนไม่ไหว ตรงนี้มักจะ สะกด จิตต์ตนเอง หรือใช้สัญญาความจึงในการทรงที่ผ่านมา มากระทำการแทน
2.ถ้าเป็นการที่ท่านลงมาสงเคราะห์จริง จะไม่เป็นโทษอะไร เพราะเป็นเทวตานุสสติกรรมฐานด้วย แต่ตอนที่ร่างทรงติดในโลกธรรม 8 จนเป็นการละเมิดศีล ตรงนี้คนเป็นร่างทรงจะต้องตกนรกเอง
3.เทวดาที่หมดบุญแล้วมาเข้าทรงทำบารมีนั้นมีน้อยมาก..เพราะถ้าถึงขนาดนี้แล้วแสดงว่าเทวดาองค์นั้น ท่านมีความประมาทมาก แต่ถ้าเป็นกรณีที่เทวดาที่มา สงเคราะห์ลูกหลานที่ตกทุกได้ยาก แล้วมาบังคับให้ทำกุศลต่างจะมีมาก....แต่ท่านมักที่จะมีกำหนดเวลาในการที่จะมาสงเคราะห์ การบังคับให้ทำความดีที่เป็นการสนองคุณของบุคคลนั้น ไม่ถือว่าเป็นฐาปแต่อย่างไร...เพราะบังคับอยู่ในกรอบของเทวะธรรม
โดย คนเมืองบัว [31 พ.ค. 2546 , 20:00:03 น.]

.......การรับขันธ์ ครูร่างทรงเพื่อเหตุผลใด...จะบอกลาขันธ์ครูร่างทรงด้วยวิธีใด
“”””””””””””””””””””””””””
....................” การรับขันธ์ ครูร่างทรงเพื่อเหตุผลใด “
......เนื่องจากการนับถือเทวดาเป็นที่พึ่งมีมานานแล้ว ตั้งแต่ก่อนพุทธกาล..จึงมีพิธีกรรมหลากหลายในการยอมรับนับถือ พระองค์ท่านที่มาคุ้มครอง
......ในพุทธกาลนี้ พระพุทธเจ้าก็ทรง ยืนยันในผลของการเคารพบูชาเทวดา และพรหม ว่าดี
........ที่เรียกว่า “ เทวตานุสสติกรรมฐาน “ ๑ ใน พระกรรมฐาน ๔๐
............โดยอาศัยหลักการมงคล ๓๘ ประการ ที่ว่า “ คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล “ ดั่งนี้
“””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””
.............ก่อนอื่นเราต้องรู้พื้นฐานของคุณธรรมของเทวดาก่อน ที่เรียกว่า “เทวะธรรม “ หรือที่รู้จักกันในในนามว่า “ องค์ธรรมของท่าน..........”
.......” เทวะธรรม “ ประกอบด้วย
.......๑.ท่านเป็นผู้ทรงธรรม ศีล ๕ และกรรมบถ ๑๐ อยู่ในอารมณ์จิตต์
......๒.ท่านเป็นผู้ทรงคุณธรรม หิริโอตตัปปะ หมายถึง ความละอายบาป และเกรงกลัวบาป อยู่ในอารมณ์จิตต์
.......๓.” หากเป็นพรหม จะมีองค์ธรรมเพิ่ม คือ พรหมวิหาร ๔ “ อยู่ในอารมณ์จิตต์
“”””””””””””””””””””””””””””””””””””
............ดังนั้น หากคนใดมีความเคารพนับถือในเทวดา ย่อมมีอานิสงค์มากเพราะ
........๑. หากเทวดาพระองค์ใด มีความเพียรตั้งมั่นในสัมมาทิฏฐิ ต้องการเป็น “ เทวดา “ ต่อๆไปทุกชาติ คนผู้เคารพเทวดาพระองค์นั้นย่อมมีสิทธิ์ที่จะเป็น “ เทวดา “ ตามไปด้วย องค์ธรรมนั้น เช่นกัน
.........๒.หากเทวดาพระองค์ใด มีความเพียรตั้งมั่นในสัมมาทิฏฐิ ต้องการเป็น “ พรหม “ ต่อๆไปทุกชาติ คนผู้เคารพ พรหม พระองค์นั้นย่อมมีสิทธิ์ที่จะเป็น“ พรหม “ ตามไปด้วยองค์ธรรมนั้น เช่นกัน
........๓.หากเทวดาพระองค์ใดเป็นอริยเจ้า มีความเพียรตั้งมั่นในสัมมาทิฏฐิ ต้องการเป็น พระอริยะเจ้า ( พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี พระอรหันต์) ต่อๆไป..... คนผู้เคารพ เทวดา พระองค์นั้นย่อมมีสิทธิ์ที่จะเป็น พระอริยะเจ้า ตามไปด้วย องค์ธรรมนั้นเช่นกัน
........๔.หากเทวดาพระองค์ใด มีความเพียรตั้งมั่นในสัมมาทิฏฐิ ต้องการ ปัจเจกพระโพธิญาณ ต่อๆไปทุกชาติ คนผู้เคารพ เทวดา พระองค์นั้นย่อมมีสิทธิ์ที่จะเป็น ปัจเจกพระโพธิญาณ ตามไปด้วยองค์ธรรมนั้น เช่นกัน
.......๔.หากเทวดาพระองค์ใด มีความเพียรตั้งมั่นในสัมมาทิฏฐิ ต้องการ พระโพธิญาณ ต่อๆไปทุกชาติ คนผู้เคารพ เทวดา พระองค์นั้นย่อมมีสิทธิ์ที่จะเป็น พระโพธิญาณ ตามไปด้วยองค์ธรรมนั้น เช่นกัน
.........ที่กล่าวมานี้รวบรวมมานี้ คือผลของท่านที่มีความเคารพใน “ เทวดา “ มีความดีและสำเร็จดังนี้
“””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””
........แต่เป้าหมายในการบูชาเทวดาในปัจจุบันนี้ “ เปลี่ยนไป “
.......๑.ยังโลกธรรม ๘ ให้แก่ ผู้ที่เป็นม้าทรง
.......๒.ยังโลกธรรม ๘ ให้แก่ ผู้ที่ที่ไปเป็นลูกศิษย์
......๓.ม้าทรงเกือบทุกคน หลงตนว่าเป็น เทพเจ้าพระองค์นั้นเสียเอง โดยให้เหตุผลให้ตนเองและผู้อื่นว่า ตนนั้น เป็น “ อวตาร “ ของเทพพระองค์นั้น.......ม้าทรง...จะเสี่ยงต่อการปรามาส แก่เทวดาพระองค์นั้น.......จึงมีสิทธิ์ตกนรกได้โดยไม่ยากนัก
......๔.หากเทพพระองค์นั้นบารมีธรรมเกือบหมดจริง จะต้องจุติจากสวรรค์แน่นในไม่ช้า ( อายุสวรรค์ )
........ จึงต้องหาม้าทรง ที่โลกมนุษย์นี้ ที่มีกรรมซึ่งกันและกัน....ถึงใช้งานกันได้โดยไม่ผิดกฏแห่งกรรม “ เพื่อทำบารมีต่อ จะได้อยู่บนสวรรค์ต่อไปอีกได้
......๕.ม้าทรงก็ยังไม่ได้ทำบารมีเหมือนเดิม แถมยังต้องถูกบังคับกายเนื้อ รับใช้ชาวบ้าน
......เพราะม้าทรงทำความดีนั้นๆไม่เกิดจากความศรัทธาของตนเอง จึงมีสิทธิ์ตกนรกได้โดยไม่ยากนัก......เหมือนต้นตาลยอดด้วน
......๖.ม้าทรง ที่หลงใน “ โลกธรรม ๘ และไม่ปฏิบัติธรรม “ ในที่สุดหากมีเทวดา มาลงทรงจริง ไม่เกิน ๓ ปีเทวดา จะถอยไม่มาลงทรง.....ตรงนี้แบ่งออกเป็น สองกรณี คือ
.................๖.๑. ต้องแกล้งทำเป็นเข้าทรงเพื่อหลอกชาวบ้าน
................๖.๒. ถูกอสุรกายที่มีฤทธิ์ เข้ามาครอบงำแทนโดยไม่รู้ตนเอง เป็น “ มิจฉาทิฏฐิ “
....../.....โดยมีข้อสังเกต ตรงนี้คือ ม้าทรงจะทำผิดศีล ๕ , ขาดพรหมวิหารธรรม, มักมีทีท่าดุดัน , อวดวิเศษในตน เช่นกินเหล้าแทนน้ำ, อมไฟจากเปลวเทียน, เป็นผีบุญ เล่นอวิชา ไม่มีการสอนธรรมตามพระพุทธเจ้า “
........๗.มักกล่าวแบบทะเลาะเบาะแว้งกัน “ ตามตำนานแขก... “ ว่าเทพองค์นั้นไม่ถูกกับองค์นี้...เป็นต้น
.......๘.มีความหลงผิดว่า “ ในระหว่างกึ่งพุทธกาลแล้ว ( พ.ศ. ๒๕๐๐ ขึ้นไป )
.....สมมุติสงฆ์จะมีความเสื่อมมาก....เหล่าเทวดาทั้งหลายต้อง “ อวตารบ้างเพื่อลงมากอบกู้พระศาสนา มา ลงทรง เพื่อลงมากอบกู้พระศาสนา หรือที่ใช้เรียกกันทั่วไปว่า “ มายกยอพระศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง ...ให้เหมือนพุทธกาล “
...../.....แต่ความจริงแล้ว “ มนุษย์ย่อมต้องสอนมนุษย์กันเอง “..ในเบื้องต้น
...../......แม้ในก่อนพุทธกาล ( ก่อน พ.ศ. ๐๐๐๑ ) พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ยังต้องจุติจากเทวดาชั้นดุสิต มาเกิดเป็นมนุษย์ที่มีขันธ์ ๕ เลย เพราะต้องสอนมนุษย์ด้วยกัน เรียกว่า “ โลกุตตรธรรม “
.....และในกึ่งพุทธกาลจึงเพี้ยนกันไปถึงขนาดนี้......จะเก่งเกินพระพุทธเจ้าไปแล้ว ใช่หรือไม่
......นั้นคือการแนะนำสั่งสอนที่ผิดกฏความเป็นธรรมดา.....คือผู้ใดเป็นสาวก “ ต้องรับขันธ์ทรงองค์เทพย์ “...แล้วจึงพ้นทุกข์ภัยต่างๆ
.......จึงถือว่า “ บิดเบือนคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า “ ผู้ที่หลงเชื่อเช่นนี้ มีที่ไปแห่งเดียวคือ “ อเวจีมหานรก “ เป็นเพื่อนกับ “ ท่านเทวทัต “....แน่นอน
........๙.ม้าทรง อสุรกายมักแนะนำให้ ผู้ที่เข้ามาพึ่งใบบุญนั้น “ รับขันธ์ ขันครู “
..../.....ในบางแห่งจะบังคับผีที่ตนเองเลี้ยงไว้ ไปเข้าคนที่มีความเดือดร้อน มาพึ่งพาอาศัยคลายทุกข์ เสียเลย .....โดยผู้นั้นจะมีอาการเข้าทรง หรือผีเข้า....เมื่อม้าทรงไล่ผีออกไปแล้วคนที่มาหารู้สติแล้ว...จึงให้ทำนายไปว่า...ให้รับขันธ์๕ เสีย.....มิฉะนั้นอาจจะตาย...เพราะเทวดาไม่ช่วย...ดั่งนี้เป็นต้น
......../...เห็นไหม่ละว่ามีความเสี่ยงสูงมาก.....ถ้านับถือกันผิด
“””””””””””””””””””””””””””””””
.........เมื่อท่านได้ทราบผลดี และผลเสียแล้ว
....... เราจะมาพูดกันต่อถึงความเคารพใน “ เทวตานุสสติ “ ๑ ใน พระกรรมฐาน ๔๐ กอง ว่าจะทำอย่างใดจึงจะได้อานิสงค์กันแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย กล่าวคือ
.........๑.การปฏิบัติบูชา ได้แก่ผู้ใดก็ตามที่มีความเคารพนับถือในเทวดา “ เทวตานุสสติกรรมฐาน “ ย่อมรู้คุณธรรมแห่งเทวธรรม และปฏิบัติตนตาม เทวธรรมนั้น “ ตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า “ คือ
.................๑.๑.ท่านเป็นผู้ทรงธรรม ศีล ๕ และกรรมบถ ๑๐ อยู่ในอารมณ์จิตต์
.................๑.๒.ท่านเป็นผู้ทรงคุณธรรม หิริโอตตัปปะ หมายถึง ความละอายบาป และเกรงกลัวบาป อยู่ในอารมณ์จิตต์
.................๑.๓. หากเป็น “ พรหม “ จะมีองค์ธรรมเพิ่ม คือ พรหมวิหาร ๔ เจริญในความไม่ประมาท ในฌาน ๔ และผลของฌาน ๔ “ อยู่ในอารมณ์จิตต์
.......๒.อามิสบูชา ได้แก่ผู้ใดก็ตามที่มีความเคารพนับถือในเทวดา “ เทวตานุสสติกรรมฐาน “ ย่อมทำความเคารพบูชาด้วยอามิส ด้วยเป็น “ สื่อ “ ยึดเหนี่ยวใจ อาธิ
................๒.๑. อามิสบูชา ด้วยดอกไม้
................๒.๒.อามิสบูชา ด้วย ธูป
................๒.๓.อามิสบูชา ด้วย เทียน
................๒.๔.อามิสบูชา ด้วยอาหาร คาวหวาน
...............๒.๕.อามิสบูชา ด้วยเครื่องบายศรี และของหอม แบบต่างๆ
.......ทั้งหลายเหล่านี้ ต่างถือว่า เป็น “ เทวตานุสสติ “ ทั้งสิ้น ได้อานิงค์ตามแต่กำลังใจ...ตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น
“”””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””
.......แต่ในปัจจุบันการรับขันธ์ ๕ จากร่างทรงมีความหมายที่ต่างกันกับ ความหมายที่พระพุทธเจ้าได้แนะนำไว้ คือ
.......๑.เพื่อมาเป็นร่างทรงสืบสาย การทรงเจ้า “ พฤติกรรมฝูงชน “ และบริวารของม้าทรง
.......๒.มักเกิดกันคนที่เกิดปัญหาชีวิตอย่างหนัก ไม่เป็นที่นับถือของคนในครอบครัว มักเป็นคนที่มีปมด้อยมาก่อน จึงเกิดจิตต์วิทยา จิตต์ใต้สำนึกทำงาน “ ว่าตนนั้นเป็นคนดีทำไมไม่มีใคร่เห็น จึงตีกลับมาเป็นทรงเจ้า “ เพื่อให้คนในครอบครัวของตนและ เพื่อนๆของตน
ได้รู้ว่า “ ตนเองนั้นมีดีอยู่มาก....ไม่อย่างนั้นเทวดาจะมาจับร่างเป็นร่างทรงได้อย่างไร “
.......๓.เพื่อเป็นสิ่งล่อ “ อามิส “ กล่าวคือ หากผู้ใดได้ทำบารมีแบบร่างทรง โดย “ ได้รับขันธ์ ๕ “ จะมีความเจริญรุ่งเรือง ในโลกธรรม ๘ อยากได้อะไรได้หมด
.......๔.จึงมักมีความเห็นว่า “ การปฏิบัติธรรม สายพระพุทธเจ้า “ นั้นได้ผลของ “ อนิสงค์ “ ช้ามาก หรือ ค่าต่างตอบแทนใน โลกธรรม ๘ ชักช้าอืดอาด
.......๕.หากไม่รับรับขันธ์ ๕ ละก็ “ เทวดาจะลงโทษ “ จะมีอันเป็นไปต่างๆนาๆ
................ท่านที่ถูกแนะนำเช่นนี้...พึงระวังตนเองก็แล้วกัน...ครับ
“””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””
....................สำหรับท่านที่เคยรับ รับขันธ์ ๕ มาแล้ว
........... เกิดความไม่สบายใจว่า “ ได้ทำรับขันธ์ ๕ เพื่อยอมรับ เทวดา หรือ อสุรกาย กันแน่ “ ควรที่จะทำการอย่างไร
..........ให้ยึดหลักโดยกฏของสวรรค์ว่า....( ที่รู้ได้ก็เพราะเคยเกิดเป็นเทวดามาก่อน จึงพอจำได้บ้าง ...ขอหลงตนเองสักครั้ง..นะครับ )
......... หากเทวดาหรือพรหมองค์ใด เกิด “ มีราคะ โทสะ โมหะ “ เกิดขึ้นในขณะที่เป็นเทวดาอยู่ เท่ากับผิดกฏสวรรค์ต้องจุติ จากสวรรค์ในทันที่ ไปในภพของ มนุษย์ และอบายภูมิ ๔ ในทันที
.........ดังนั้นจึงมีข้อแนะนำว่าผู้ใดหลงผิดไปรับ รับขันธ์ ๕ เข้า...จะบอกยกเลิกรับขันธ์ ๕ นั้นได้โดยทันที่...จะไม่เกิดโทษแต่ประการใด.....หากท่านเทวดาพระองค์นั้นโกรธ....ถือว่าท่าน ซวยเอง ที่ยังกิเลสให้กำเริบในขณะเป็นเทวดา
........แล้วท่านที่ยกเลิกขันธ์ ๕ นั้นควรมา “ เจริญพระกรรมฐาน ใน เทวตานุสสติแทน “ เป็นอันใช้ได้ เทวดา พรหมท่านจะ “ ดีใจเสียด้วยซ้ำ “
.”””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””
........การยกเลิก รับขันธ์ ๕ มีด้วยกันหลายวิธี......แต่วิธีที่ง่ายที่สุดคือ...” อธิษฐานบอกกล่าว แก่เทวดาพระองค์นั้นด้วยความเคารพ แล้วนำ รับขันธ์ ๕ นั้นไปลอยน้ำ “ ในทันที
......เหตุทีควรที่ลอยน้ำเพราะ.......เพื่อไม่ให้คนเดินผ่านเหนือกว่า เพราะถือว่าเคารพท่านแล้วเมื่อยกเลิก รับขันธ์ ๕ ก็ไม่เหยียบย้ำ...จะกลายเป็นการปรามาสไป
“”””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””
....จึงขอแนะนำท่านที่หลงผิดในการนับถือ “เทวตานุสสติ “ ....พึงพิจารณาตน ให้รอดพ้นภัย นี้
“””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””
........มาร...ที่มาขวางในการปฏิบัติธรรม...มีอยู่ ๓ ประการ ( เท่าที่จำได้ตอนนี้..นะครับ...)ได้แก่
...........๑.ขันธมาร .......พอนั่งสมาธิครั้งใด เนื่องด้วยเศษกรรมปานาติบาต...ตามมาส่งผล ให้คันตามเนื้อตัว...ปวด ตามส่วนต่างๆของร่างกาย ฯลฯ ทุกครั้ง
...........๒. กิเลสมาร ......พอนั่งสมาธิครั้งใด เกิด “ ราคะ โทษ โมหะ “ ทุกครั้ง
..........๓. เทวบุตรมาร.....พอนั่งสมาธิครั้งใด “ เทพลงทรง “ ทุกครั้ง
“”””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””
........ข้อดีใน “เทวตานุสสติ “ ....มีมากเหลือคณานับ.....
..../...แต่มีภัยอยู่นิดเดียวคือ “ หลงผิดไปรับขันธ์เพื่อให้เทพมาทรง ตนเอง “
...........ด้วยความเคารพในคุณธรรมทุกๆท่าน


จากคุณ คนเมืองบัว เมื่อวันที่ 12/6/2547 0:32:45



Create Date : 26 ธันวาคม 2549
Last Update : 26 ธันวาคม 2549 15:24:26 น. 8 comments
Counter : 1789 Pageviews.

 
ตกลงเรื่องทรงเจ้าหรือร่างทรงในปัจจุบันนี้มีจริงไหม!


โดย: *-* IP: 125.24.160.157 วันที่: 16 กรกฎาคม 2550 เวลา:13:53:03 น.  

 
ผมพยายามที่จะไม่รับทรง
แต่ก็ต้องรับเพราะผมพิสูจน์มาตั้งแต่อายุ
23 จนถึงปัจจุบันอายุ 34 พึ่งจะรับ
การเป็นทรงต้องตั้งมั้นในพระธรรม
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าด้วย
อย่าอวดอุตริ ด้วยกายของมนุษย์เอง
เป้าหมายต่อไปคือการนั่งกรรมฐาน
นี่แหละถึงจะเป็นทรงจริง
ครั้งแรกในชีวิตที่ท่านมาประทับ
มันมึน ลืมตามก็ไม่ได้พูดอะไรก็ไม่รู้ฟังไม่รู้เรื่อง
จะเิดินจะทำอะไรก็มึนไปหมด
ท่านเป็นเทพสูง ผมมิอาจจะลบหลู่ได้ สมัยยังเด็กผมฝันว่าเหาะได้ เช่นนี้ทุกคืน จิตใจตั้งมั่งว่า
ไปนั่งวิปัสนากรรมฐาน แม้ตายไปก็ควบคุมจิตได้ไม่อาจเสียใจ
ทรงที่ดีอย่าเบ่ง แม้บางครั้งผมเห็นหน้าใครผมก็มองออกว่าคนนี้นิัสัยเช่นไร
ชีวิติผมมีแต่ให้ ใครอยากได้อะไร
ให้แม้เิงินทองก็ให้ มันเป็นของนอกกาย สุขใจที่เทพท่านเห็นความดี

ฉะนันร่างทรงทั้งหลายจงปฏิบัติในคุณงามความดีและ
ยึดมันในพระพุทธศาสนา ดังศาสดาสอนไว้ เถิดอย่าได้อุตริ
เลยไม่สมควรยิ่ง








โดย: นก IP: 58.8.137.9 วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:7:51:26 น.  

 
อยากถ้าว่าทำไมคนที่เป็นร่างทรงส่วนใหญ่เป็นสาวประเภทสองมากกว่าผู้หญิง หรือผู้ชายทั่วไปคะ


โดย: โม IP: 222.123.128.210 วันที่: 11 มิถุนายน 2551 เวลา:20:24:43 น.  

 
ผมก็เป็นร่างทรงเมื่อกันของ พ่อปู่ฤๅษีนารายณ์ ครับ เวลาท่านมาท่านจะต้องสวดมนต์ แล้วจะมาสวดมนต์ ทำสมาธิทุกวันคร๊าบท่ามีคนมาขอให้ท่านช่วยท่านก็จะแน้นให้ทำบุญให้มากๆ อย่ากินบุญเก่าครับ


โดย: เอก IP: 61.7.159.13 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:13:19:35 น.  

 
ฉันคนหนึ่งที่ยังสงสัยกับตัวเองว่าเป็นร่างทรงหรือเปล่าเพราะมีคนทักว่ามีปู่ฤษีเขาให้จุดธูป 16 ดอกบอกกล่าวว่าถ้ามีปู่จริงให้เข้ามาประทับพอสักพักฉันก็เกิดอาการสั่นมึนหัวแล้วก็ควบคุมตัวเองไม่ได้แต่ก็รู้สึกตัวนะอาการเหมือนคนเมาเหล้ามันมึนๆทุกวันนี้ยังสงสัยอยู่เขาก็บอกให้ไปรับขันธ์แต่ฉันยังลังเลอยู่ว่าจะไปดีหรือไม่


โดย: น้อย IP: 124.121.231.59 วันที่: 5 มิถุนายน 2552 เวลา:10:13:44 น.  

 
เราก่อเปนคนนึ่งที่ถูกทักง่าเปนพ่อปู่ฤาษีแต่จิงแล้วเราเปนพระแม่ปราวตีในร่างชายแต่เราไม่ได้อวดไคเราสวดมนนั่งสมาทิทุกวันกวดน้ำด้วยเพื่อที่องไนเราจะได้สื่อกันรุเรื่องเพราะท่านกับเรามันคนละภาษากว่าจะสื่อกันรุเรื่องต้องยากหลายเดือน


โดย: องค์ลง IP: 118.172.51.49 วันที่: 6 กรกฎาคม 2552 เวลา:18:41:09 น.  

 
ทุกวันนี้ทรงจนเหนื่อย รักษาคนให้หายมาก็มาก มิหนำซ้ำมารักษาต้องจ่ายค่ายา ค่ารถให้อีก แต่ก็ดีใจได้สร้างบารมีธรรม


โดย: ตั้งใจจุติ IP: 10.0.0.136, 61.19.112.254 วันที่: 6 พฤษภาคม 2553 เวลา:15:18:44 น.  

 
เราก็ฝันบ่อยๆๆว่ามีร่างมาทรงในความฝันเหมือนจริงมากเป็นองค์ปู่ฤษีนารายณ์ครั้งนึงและล่าสุดเป็นยายแต่ยายอะไรไม่รู้มาแล้วบอกให้ซื้อหวย11ล่างงวดที่1กันยาแต่ไม่ได้ซื้อเสียดายมากขอฝากคนที่มีองค์ทุกคนว่าถ้าหมั่นยึดหมั่นในความดีเชื่อว่าไม่จำเป็นต้องรับขันธ์องค์ทุกองค์ก็ปกปักรักษาเราอยู่แล้วแลกเปลี่นความคิดได้0807819135


โดย: สาวWD IP: 110.164.243.65 วันที่: 3 กันยายน 2553 เวลา:16:06:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

psak28
Location :
ภูเก็ต Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]





คนเราเกิดมาจากเหตุปัจจัยจากกรรมที่เราสร้างขึ้น และด้วยอนุสัยที่สั่งสมมาตั้งแต่อดีตกาล ย่อมมีความสุข และความทุกข์เป็นธรรมดา เราก็แค่เป็นเพียงผู้ดูสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น เปรียบเสมือนการดูละคร ดูแล้วก็ผ่านไป ไม่ต้องไปยึดติดกับมัน เคยสงสัยเหมือนกันว่าคนเราเกิดมาทำไมกัน แล้วทำไมคนเราจึงไม่เหมือนกันเลย ทั้งรูปร่าง หน้าตา กิริยา และการดำเนินชีวิต ที่กล่าวมาล้วนมีกรรมสรรสร้างให้เป็นอย่างนั้น หน้าที่ของเราก็คือ ละเว้นความชั่ว ทำความดีให้ถึงพร้อม และทำจิตใจให้ขาวรอบ


อันนี้ลองดูนะครับ หากใครสนใจหวยหุ้น หวยรัฐบาล นี่ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งครับ ได้มากกว่า ^_^



อันนี้น่าสนใจดีครับ จุ๊บลมยางที่สามารถบอกเราได้ว่าลมยางตอนนี้เป็นเท่าไหร่ และเตือนเราในกรณีลมยางอ่อนได้ ลองดูกันนะครับ




: Users Online

Friends' blogs
[Add psak28's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.