Group Blog
 
<<
มกราคม 2550
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
18 มกราคม 2550
 
All Blogs
 
หลักธรรมตามรอยพระยุคลบาท

หลักธรรมตามรอยพระยุคลบาท

โดย ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล (ทำงานรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาทมายาวนาน ปัจจุบันเป็นเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา)
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นแบบอย่างที่ดีในทุกด้าน โดยเฉพาะทรงมีความเป็นไทยอย่างที่สุด ดูได้จากพระราชจริยวัตรของพระองค์ทั้งเรียบง่าย พอดี และมีความอ่อนน้อมถ่อมตน
ถึงเวลาที่คนไทยจะต้องหันมาตามรอยพระยุคลบาท โดยยึดเอาหลักธรรมทั้งหลายที่ทรงแสดงให้เห็นมาใช้เป็นหลักปฏิบัติ หรือเป็นหลักทำ ทั้งนี้เพื่อความดีงามอันจะบังเกิดขึ้นในชีวิตที่เหลืออยู่
ทางสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนได้ประมวลหลักสิบข้อที่พระเจ้าอยู่หัวทรงแสดงให้เราคนไทยดูมาตลอด ๖๐ ปีที่ครองราชย์ หลักนี้สามารถใช้ได้กับทุกอาชีพ ทุกคน ขอให้ทบทวนทีละข้อว่าเราจะปฏิบัติได้ไหม แล้วดูว่าที่พระเจ้าอยู่หัวทรงปฏิบัตินั้นทรงปฏิบัติอย่างไร
1. ทำงานอย่างผู้รู้จริง และมีผลงานเป็นที่ประจักษ์
จำได้ไหมครับที่เคยรับสั่งไว้ว่า “รู้ รัก สามัคคี” คำแรกที่ทรงสอนคือ “รู้” เพราะฉะนั้นจะทำอะไรขอให้เริ่มที่ความรู้ก่อน
อย่างคำว่าสิ่งแวดล้อม คำว่าอนุรักษ์นั้น คนชอบพูดกันเสียจริง อนุรักษ์คือคำที่เชยที่สุด เข้าใจกันแค่ว่า อนุรักษ์แปลว่ามีของเก่าเก็บเอาไว้ แต่การจัดการสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น วิธีทำนุบำรุงป่าให้ถูกหลัก ป่าต้นน้ำ ลำธารเป็นอย่างไร ป่าเศรษฐกิจเป็นอย่างไร ไม่มีใครพูดถึง ไม่มีใครอยากเข้าใจเพราะมันยาก การบริหารทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่นยืนเป็นสิ่งที่ควรพูดควรทำมากกว่า เพราะก่อประโยชน์มากกว่า
การอนุรักษ์เป็นกิจกรรมหนึ่งเท่านั้น แต่มีสิ่งที่ใหญ่กว่า พระเจ้าอยู่หัวทรงทดลองทดสอบในวังก่อน ทรงเอาสระว่ายน้ำของพระองค์เองที่สวนอัมพรมาเลี้ยงปลา ท่านบอกอยู่ไปของหรูหราฟุ่มเฟือยก็ไม่ค่อยได้ใช้ว่ายน้ำ เลี้ยงปลาดีกว่า ปลาหมอเทศเกิดที่นั่น แจกจ่ายกระจายไปทั่วเลย พระองค์ไม่เสวยปลาหมอเทศ รับสั่งว่าเหมือนลูก เพราะพระองค์ท่านทรงเริ่มเพาะ และทรงเริ่มแจกจ่าย เวลานี้แปรพันธุ์เป็นปลานิล เป็นโปรตีนราคาถูกให้กับทุกคน
แล้วความรู้จริง มีผลงานเป็นที่ประจักษ์นั้นจะต้องแสดงให้เห็น วันที่ 4 ธันวาคมเมื่อสองสามปีที่แล้ว พระองค์ทรงเอากระดานมาตั้งให้เห็นบนเวทีเลย อธิบายว่าน้ำมาอย่างไร เป็นการสอนให้พวกเรารู้ ก่อนที่จะพูดอะไร ก่อนที่จะทำอะไร ต้องเริ่มจากรู้ก่อน พระท่านบอกว่าต้องมีสติ แต่สติที่เกิดขึ้นจะทำให้มีสิ่งที่สูงกว่า นั่นคือ ปัญญา
ปัญญาคือความรู้ ฉะนั้นเราจึงต้องเป็นผู้รู้จริงในการทำงาน พระองค์ท่านมีเอกสารศึกษาวิธีทำแต่ละเรื่อง ทรงศึกษาอย่างละเอียด ก่อนตัดสินพระทัยลงไปช่วยพัฒนาประชาชนนั้นทรงศึกษาก่อน เตรียมก่อน เมื่อพร้อม พระองค์ถึงลงไปทำ
2. ความอดทน มุ่งมั่น ยึดธรรมะ และความถูกต้อง
รู้ไหมครับ ตั้งแต่ปลายปี 2493 มาจนถึงทุกวันนี้ พระเจ้าอยู่หัวพระราชทานปริญญาไปแล้วรวมน้ำหนัก 220 ตัน อยากรู้ว่าเหนื่อยแค่ไหน ลองหาของหนักสามขีดแล้วนั่งยกส่งไปมา 2,400 ครั้ง แล้วช่วยบอกผมด้วยว่าเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าแค่ไหน
เมื่อประทับอยู่ในป่าในดง แมลงบินมาเข้าหน้าเข้าตา ไม่ทรงปริพระโอษฐ์ ทากกัดทรงดึงออก ปล่อยไป นั่นคือพระเจ้าอยู่หัว
ตลอดระยะเวลา 60 ปี พระเจ้าอยู่หัวทรงงานหนักจนกระทั่งทุกวันนี้ ผลพวงก็ออกมาตอนพระชนมายุ 72 พรรษา ต้องเสด็จมาประทับที่พระราชวังไกลกังวล หัวหินเพื่อรักษาอาการปวดพระปฤษฏางค์ เท่าที่ทราบมา ทรงใช้พระวรกายจนสึกหรอแล้ว เราจะนิ่งเฉยอยู่ได้อย่างไร ความอดทนของเราที่จำเป็นต้องมีเมื่อเผชิญกับเหตุการณ์นั้น น้อยกว่าของพระองค์ท่านเยอะ เพราะเราเผชิญแค่ปัญหาในสำนักงานของเรา แต่พระองค์ท่านทรงเผชิญปัญหาทั้งชาติ
พระองค์ต้องทรงอดทนตลอดเวลา 60 ปีเพราะฉะนั้น เรื่องความอดทนนั้นขอให้มองพระเจ้าอยู่หัวไว้ แล้วพยายามทำตามให้ได้
ธรรมะ ความถูกต้อง ทรงถือยิ่งกว่าสิ่งใด เมื่อคนถวายเงินโดยเสด็จพระราชกุศล กองนี้ใครแตะไม่ได้นะครับ ทำบุญอย่างเดียว เพราะเจ้าของเงินเขาระบุไว้ว่า “โดยเสด็จพระราชกุศล” และมักคิดว่าจะทรงทำอะไรก็ทำเถอะ แต่ไม่เคยทรงใช้ส่วนพระองค์เลย กำชับนักหนาเรื่องความถูกต้องในการดำเนินการ ทุกกระเบียดนิ้ว ทุกกระบวนการ ต้องยึดความถูกต้องไว้
และเชื่อเถอะครับ ถ้ายึดในสิ่งนี้แล้ว คุณจะสบายใจ คุณจะเผชิญหน้ากับทุกสิ่งทุกอย่างได้โดยไม่ต้องกลัวใคร ถ้าคุณถูกต้อง และยึดความถูกต้องแล้ว คุณจะเผชิญหน้าใครๆได้ทั้งสิ้น แต่ถ้าคุณมีแผลแม้นิดเดียว คุณจะไม่กล้าหันหลังให้ใคร หน้าก็ไม่กล้าหัน กลัวคนเขาเห็นแผล หากยึดความถูกต้อง ในชีวิตเราก็มีความสุข ไม่ต้องทุกข์ ไม่ต้องกลัวอะไร
3. ความอ่อนน้อมถ่อมตน เรียบง่ายและประหยัด
เห็นเวลาเสด็จฯเยี่ยมราษฏรไหม ทรงโน้มพระวรกายหาประชาชน ในขณะที่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของเราเดินก๋า คนใหญ่คนโตระดับเจ้ากระทรวงเดินผูกผ้าขาวม้า เดินตรวจราชการลอยไปลอยมา
พระองค์ทรงน้อมพระวรกายไปหาประชาชน ทรงคุกเข่าหน้าประชาชน ทรงถามทุกข์สุข ทรงปรึกษาหารือกับเขาเป็นชั่วโมงๆ บางทีประทับพับเพียบ ประชาชนนั่งพับเพียบ พระองค์ท่านก็ทรุดพระวรกายนั่งพับเพียบเสมอบนพื้นเดียวกัน
เวลาทรงงานต่างๆนั้น ทรงประทับกับพื้นประทับพับเพียบ พระองค์เสด็จพระราชสมภพต่างประเทศ ทรงเติบโตต่างประเทศ ทรงศึกษาในต่างประเทศ แต่เหตุไฉนเสด็จกลับมาพระองค์ท่านทรงเป็นไทยที่สุด ทรงประทับพับเพียบได้เป็นห้าหกชั่วโมง ไม่เปลี่ยนท่าเลย ทรงมีวินัยควบคุมพระวรกายทั้งหมด ทรงมีความเรียบง่าย พระองค์ทรงกองเอกสารบนพื้น พวกเราก็นั่งล้องวงเฝ้ากัน ไม่ต้องเข้าห้องประชุม ไม่ต้องมีโต๊ะ มีเก้าอี้
ฉลองพระองค์เป็บสิบๆปีก็อย่างนั้น ฉลองพระบาทตลอด 60 ปี ไม่เคยทรงเปลี่ยนยี่ห้อเลย เวลาเสด็จประพาสจะมีรองเท้าผ้าใบยี่ห้อหนึ่ง ทรงมา 60 ปีแล้ว พวกเราสวมยี่ห้ออะไรต่ออะไร แล้วก็ตามเสด็จไม่ทันหรอก ฉลองพระบาทพระองค์ท่านไม่กี่ร้อยบาท ก็เสด็จไปฉิวแล้ว
ผมเหลือบเห็นนาฬิกาของพระองค์ท่าน ทรงเรียกของพระองค์เองว่า “ยี่ห้อใส่แล้วโก้” ไม่กี่ร้อยบาทนะครับ ในขณะที่พวกเราต้องจอเป็นสัญลักษณ์ ที่ทำอย่างนั้นแสดงว่าในตัวไม่มีอะไรเลย เพราะฉะนั้นตัองการเฟอร์นิเจอร์มาประดับ คนที่เขามีอะไรแล้ว โหงวเฮ้งมันบอก คนที่พอกอะไรไว้แสดงว่าในตัวไม่มีอะไรเลย มีแต่เปลือก ไร้สาระ เพราะฉะนั้น ความประหยัด อ่อนน้อมถ่อมตน เรียบง่ายเป็นสิ่งที่พวกเราควรยึดถือ ทำได้ทันที ผู้คนจะเคารพบูชา
4. มุ่งประโยชน์คนส่วนใหญ่เป็นหลัก
ผมเคยไปขอพระราชทานพร กราบบังคมทูลว่าวันนี้วันเกิดของพระพุทธเจ้าค่ะ ขอพระราชทานพร พระราชทานว่า “ขอให้มีร่างกายที่แข็งแรงเพื่อสามารถทำประโยชน์ให้กับคนอื่นได้ ขอให้มีความสุขจากการทำงาน และขอให้ได้รับความสุขจากผลสำเร็จของงานนั้น” ไม่มีเลยของส่วนตัว แข็งแรงก็ไม่ใช่ส่วนตัว แข็งแรงเพื่อไปรับใช้คนอื่นเขา ความสุขก็ไม่ใช่ความสุขจะไปเต้นดิสโก้ที่ไหน ความสุขคือการทำงานให้คนอื่น เมื่องานสำเร็จ เราจะมีความสุข ตั้งแต่ร่างกายจนกระทั่งการกระทำของเราเพื่อคนอื่น ผลที่สุดสิ่งที่เราได้รับคือความสุข
5. รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น เคารพความคิดที่แตกต่าง
บ้านเมืองที่ทะเลาะกันอยู่ทุกวันนี้เพราะเราไม่รับฟังความเห็นของผู้อื่น
เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2546 ทรงเตือนให้นั่งปรึกษาหารือกัน ฟังเขาแสดงเหตุแสดงผลออกมา แล้วเราแสดงเหตุแสดงผลออกไป เหตุผลอันไหนจะยอมรับได้มากกว่า และเมื่อตกลงกันแล้วก็เลิกเถียงกัน ลงมือปฏิบัติเลย ทรงรับสั่งเอาไว้อย่างเรียบง่าย เพราะถ้าไม่ยอมกัน ต่างเอาชนะคะคานกัน แล้วเริ่มต้นด้วยวาจา ตามด้วยร่างกาย และผลสุดท้ายก็ตีกัน เสร็จแล้วเกิดอะไรขึ้น บ้านพัง จะเป็นพฤษภาทมิฬ จะเป็น 14 ตุลาฯ อะไรก็แล้วแต่ บ้านพัง บ้านของทุกคนด้วย ไม่ใช่บ้านของใครคนหนึ่ง
เพราะฉะนั้นจะทำอะไรให้นึกถึงคำว่า “บ้าน” ไว้ “บ้าน” กินความถึงองค์กรที่ท่านอยู่ สำนักงานที่ท่านอยู่ แม้กระทั่งบ้านที่ท่านอยู่ การทะเลาะเบาะแว้งล้วนแต่ทำให้ที่ใดที่หนึ่งซึ่งเป็นของท่าน และที่ท่านอาศัยอยู่พังทลายไป ลองมานั่งดูสิว่าเหตุผลที่ดีที่สุด น่ายอมรับที่สุดคืออะไร ผลสุดท้ายก็จะตกลงกันได้ นี่สิครับเป็นหนทางของมนุษย์ที่มีสติและปัญญา ไม่ใช่ความคิดกูเป็นที่ตั้ง จะเอาอย่างนี้ ใครอย่าเถียง นี่คนเถื่อนแล้ว ไม่ใช่คนมีสติปัญญา
6. มีความตั้งใจจริง และขยันหมั่นเพียร
พระเจ้าอยู่หัวเวลาทรงทำอะไรทรงมุ่งมั่นมาก เรื่องความขยันไม่ต้องพูด ทรงงานไม่มีวันเสาร์อาทิตย์ ไม่มีเวลากลางวันกลางคืน
เมื่อสองสามปีก่อนที่น้ำท่วม ทรงอึดอัดพระทัย พระองค์ท่านไม่ใช่หน่วยงานจะไปสั่งเขาได้อย่างไร รัฐบาลก็ไม่ใช่ จะทำกันทีต้องจัดประชุม
พระองค์ไม่รับสั่งอย่างที่เจ้าขุนมูลนายของเราชอบสั่งกัน น้ำมาแล้ว พวกเราไปทำ ไม่ใช่เลย พระองค์ทรงอธิบายว่าน้ำท่วมมันมาวินาทีละเท่านั้น ระหว่างทางมันเติมเท่านั้น เพราะฉะนั้น ระหว่างทางมันเติมมากี่ลูกบาศก์เมตร เคลื่อนย้ายด้วยความเร็วเท่านั้น เพราะฉะนั้นนับเวลาที่เท่านั้นจะถึงกรุงเทพฯพอดี รับพระราชกระแสมา พรุ่งนี้เช้าจะเริ่มดำเนินการ ไม่ใช่พรุ่งนี้เช้า ต้องเดี๋ยวนี้ เพราะน้ำไม่มีหยุด เขามาของเขาตลอด เราต้องรีบทำกันคืนนี้เลย
เรื่องความขยัน เรื่องความตั้งใจจะเห็นได้ชัดเจน ทรงเป็นเลิศหมดทุกอย่าง ทรงพระปรีชาสามารถด้านดนตรี สถาบันการดนตรี และศิลปะแห่งกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย จารึกพระนามว่าเป็นชาวเอเชียคนเดียวที่ได้รับการจารึกในฐานะนักดนตรีของโลกคนหนึ่ง ด้านกีฬาทรงได้รับเหรียญทองเรื่องเกษตร เรื่องน้ำ เรื่องวิทยาศาสตร์ เรื่องสารพัด ทรงทะลุปรุโปร่งหมด ทรงตั้งใจทำอะไรก็ตั้งพระทัย นำไปสู่การปฏิบัติที่เป็นผล
เรื่องความขยันหมั่นเพียรไม่ต้องพูดถึง วันนั้นเสด็จงานห้าทุ่ม เสด็จฯไปแล้วเราเข้าค่ายมฤคทายวัน เราเหนื่อยมาตั้งแต่บ่ายสี่จนถึงห้าทุ่ม แผ่นอนสลบไสล ตีสองทรงเรียกไปขอแผนที่ ขอข้อมูลเพิ่มเติม ในขณะที่เรากลับไปสลบไสล ทรงกลับไปทรงงานต่อ เราละอายไหมครับ แล้วเรื่องแบบนี้ปรากฏขึ้นตลอดเวลา ตราบใดที่งานไม่เสร็จ จะต้องต่อเนื่องไม่มีวันจบจนกระทั่งงานบรรลุ
7. มีความสุจริต และความกตัญญู
ความสุจริตเป็นเรื่องที่จะทรงแสดงให้เห็น ไม่ใช่เฉพาะความกตัญญูซึ่งเห็นได้ชัดที่ทรงแสดงกับสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้ทรงแสดงให้เห็นถึงความกตัญญู ความกตัญญูต่อแผ่นดิน ความกตัญญูต่อสิ่งต่างๆที่เป็นประโยชน์ ถ้าเป็นเรื่องของส่วนรวมนั้น พระเจ้าอยู่หัวได้ทรงแสดงให้เราดู และทรงเตือนพวกเราให้ยึดสิ่งนั้นไว้ เพราะเป็นเรื่องจำเป็น เป็นเรื่องที่มีความสำคัญ เป็นเรื่องที่มีคุณค่า
8. พึ่งตนเอง ส่งเสริมคนดี และคนเก่ง
พูดเรื่องที่สองก่อน ส่งเสริมคนดี และคนเก่ง อย่าไปอิจฉาเพื่อนร่วมงาน ใครดีใครเก่งนี้สนับสนุนครับ มีนายบางคนอิจฉาลูกน้อง ไอ้นี่จะล้ำหน้าแล้ว เป็นความคิดต่ำช้าที่สุด ตรงกันข้าม ถ้าเขาเก่งจริงสนับสนุนเขาเลย นี่คือสิ่งที่ควรทำกัน
ส่วนพึ่งตนเองคือเศรษฐกิจพอเพียง พระเจ้าอยู่หัวทรงบอกว่าคำสำคัญที่สุดในเรื่องนี้คือคำว่า “พอ” ทุกคนต้องกำหนดเส้นความพอให้กับตนเองให้ได้ และยึดเส้นนั้นไว้เป็นมาตรฐานของตนเอง คำว่า “พอ” นั้นต้องดูตัวเอง ดูรายได้ตัวเอง ดูขีดความสามารถของตัวเอง และขีดเส้นนั้นให้เหมาะสม ไม่ใช่เห็นเพื่อนเขามีอย่างนี้ ฉันก็อยากมีบ้าง เห็นเขาขี่รถ เราอยากมีบ้าง ไม่มีเงินก็ไปกู้หนี้ยืมสิน แล้วผลสุดท้ายเป็นอย่างไร ทุกข์ๆๆ เพราะฉะนั้นให้กลับไปอยู่ที่ความพอดี
เศรษฐกิจพอเพียงไม่ใช่กลับไปปลูกถั่ว ปลูกงาทำเกษตร แต่ถ้ามีที่ก็เชิญ หากต้องตั้งวิถีชีวิตให้เป็นแบบไทยๆ วิถีชีวิตที่เรียบง่าย ธรรมดา เดินทางสายกลาง
9. รักประชาชน
ตอนพระองค์ท่านรับสั่งให้ผมไปจดทะเบียนขอตั้งมูลนิธิชัยพัฒนา ผมไปที่กรุงเทพมหานคร เราไม่อยากใช้อภิสิทธิ์อะไร เพราะยิ่งอยู่ใกล้เจ้านายก็ยิ่งต้องทำตัวให้ธรรมดาตามรอยเบื้องพระยุคลบาท ก็ไปแจ้งเหมือนบุคคลธรรมดาทั่วไป มีเจ้าหน้าที่ของกทม. เขามาสอบสวน ถามว่าทำไมนายกมูลนิธิไม่มาเอง ผมก็บอกว่านายกฯงานเยอะมาไม่ได้เลยมอบฉันทะมา บ้านอยู่อำเภออะไร บอกอยู่อำเภอดุสิต บ้านเลขที่เท่าไหร่ ไม่รู้ เขาก็ว่า เอ อะไรกัน บ้านไม่มีหลักแหล่งแล้วมาตั้งมูลนิธิได้อย่างไร สอบสวนไล่ผมต่อ ไล่ไปเรื่อย ทำอาชีพอะไร บอกเขาว่าไม่รู้จริงๆว่าอาชีพอะไร แต่เห็นทำหลายอย่าง เจ้าหน้าที่เขาก็บอก อะไรกัน บ้านไม่มีหลักแหล่ง อาชีพก็ไม่มี แล้วตาเหลือบไปเรื่อยจนกระทั่งไปเห็นชื่อผู้ยื่นจริงๆ และผมเป็นแค่ตัวแทนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมอบอำนาจมา อุ๊ย อย่าให้ท่านมานะ มายุ่งตายเลย แล้วจัดการให้เสร็จ ค่าจดทะเบียน 30 บาท ขอบริจาคเป็นคนแรกได้ไหม ตกลงวันนั้นฟรี สามสิบบาท แกควักออกมาด้วยความตกอกตกใจมาก
ผมกลับมากราบบังคมทูล พอเขาถามว่า อาชีพอะไร ข้าพระพุทธเจ้าตอบไม่ได้
พระองค์ท่านตอบว่า คราวหลังถ้าเขาถามว่าฉันทำอาชีพอะไร ให้ตอบว่า “ทำราชการ” พระองค์ท่านทรงรักประชาชน ทำงานเพื่อประชาชน คนที่รับราชการถือว่ารับงานของราชะมาทำต่อ สิ่งแรกที่ต้องทำคือต้องรักประชาชน และทำงานเพื่อประชาชน
พระพุทธเจ้าทรงสอนว่าปลูกต้นมะม่วง แล้วได้ลูกมะม่วง ไม่ใช่ปลูกมะม่วงแล้วได้ทุเรียน คุณปลูกความดี คุณได้ความรักกลับมาแน่นอน
10. การเอื้อเฟื้อซึ่งกันและกัน
พระเจ้าอยู่หัวรับสั่งว่ารู้ไหมบ้านเมืองอยู่รอดมาได้ทุกวันนี้เพราะอะไร เพราะคนไทยยังให้กันอยู่ คำสั้นๆคำเดียว “เรายังให้กันอยู่” คนในครอบครัวยังช่วยเหลือกัน คนในชุมชนยังเอื้อกัน เวลาเกิดทุกข์ยากที่ไหนทุกคนยังรวมตัวกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
ผมสั่งเจ้าหน้าที่ในสำนักงานของผมเสมอว่า เวลาใครมาติดต่อกับเรา เขาจะได้หรือไม่ได้อะไรจากเราก็ตาม แต่หลักอย่างหนึ่งที่เขาจะได้คือเขาจะต้องเดินยิ้มออกไปจากสำนักงานของเรา ถึงแม้จะปฏิเสธเขา ก็ให้เขาเดินยิ้มออกไป ไม่ต้องไปด่าทอ ไม่ต้องไปกระแหนะกระแหนใดๆทั้งสิ้น ฝึกเสียให้ชิน แล้วจะทำได้



Create Date : 18 มกราคม 2550
Last Update : 24 มกราคม 2550 16:31:23 น. 7 comments
Counter : 889 Pageviews.

 
แวะมาชื่นชมน่ะค่ะ


โดย: tai (taibangplee ) วันที่: 18 มกราคม 2550 เวลา:17:21:42 น.  

 


โดย: กายแก้ว วันที่: 18 มกราคม 2550 เวลา:19:18:35 น.  

 
บล็อคดูธรรมะธรรมโมดีจังค่ะ สู้ๆนะคะ


โดย: เบ เบ้ วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:12:38:54 น.  

 

เป็นกำลังใจให้กับคนที่กำลังมีความกังวล หรือทุกข์ได้นะคะ


โดย: sophia (Kamonchanok ) วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:9:10:40 น.  

 


โดย: Kamonchanok วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:9:13:01 น.  

 
ขอบคุณมากครับ ทุกท่านที่แวะเข้ามานะครับ รวมทั้งเพื่อนๆที่แวะเข้ามาประจำด้วยนะ
ไหนๆแล้ว ช่วยเข้าไปที่บล็อกของผม แล้วคลิ๊กที่ป้ายโฆษณาด้านขวามือให้สัก 1 ครั้งนะครับ ขอบคุณมากครับ


โดย: sak (psak28 ) วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:20:53:05 น.  

 
แวะเข้ามาอ่านธรรมะ แก่นการดำเนินชีวิตเลยนะครับ ทุกคนน่าจะนำไปใช้กับตนเอง
ไงก็ขอให้มีความสุขนะครับ


โดย: Nui (AWATARN ) วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:15:55:14 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

psak28
Location :
ภูเก็ต Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]





คนเราเกิดมาจากเหตุปัจจัยจากกรรมที่เราสร้างขึ้น และด้วยอนุสัยที่สั่งสมมาตั้งแต่อดีตกาล ย่อมมีความสุข และความทุกข์เป็นธรรมดา เราก็แค่เป็นเพียงผู้ดูสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น เปรียบเสมือนการดูละคร ดูแล้วก็ผ่านไป ไม่ต้องไปยึดติดกับมัน เคยสงสัยเหมือนกันว่าคนเราเกิดมาทำไมกัน แล้วทำไมคนเราจึงไม่เหมือนกันเลย ทั้งรูปร่าง หน้าตา กิริยา และการดำเนินชีวิต ที่กล่าวมาล้วนมีกรรมสรรสร้างให้เป็นอย่างนั้น หน้าที่ของเราก็คือ ละเว้นความชั่ว ทำความดีให้ถึงพร้อม และทำจิตใจให้ขาวรอบ


อันนี้ลองดูนะครับ หากใครสนใจหวยหุ้น หวยรัฐบาล นี่ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งครับ ได้มากกว่า ^_^



อันนี้น่าสนใจดีครับ จุ๊บลมยางที่สามารถบอกเราได้ว่าลมยางตอนนี้เป็นเท่าไหร่ และเตือนเราในกรณีลมยางอ่อนได้ ลองดูกันนะครับ




: Users Online

Friends' blogs
[Add psak28's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.