Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2549
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
30 ธันวาคม 2549
 
All Blogs
 
คำแนะนำเกี่ยวกับคนตกงาน และมีปัญหาอื่นๆ (จากคนเมืองบัว) copy

คนตกงานกำลังจะหางานใหม่ ให้ปฏิบัติดังนี้
พระคาถาพระปัจเจกะโพธิ์โปรดสัตว์
๑. ต้องตักบาตรหรือถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุทุกวันถ้ามีเหตุที่ไม่สามารถตัก
บาตรได้ให้ใช้วิธีเก็บเงินใส่ทานถวายไว้ที่หิ้งพระหรือโต๊ะหมู่บูชาพระตอนที่
ท่านสวดมนต์ไหว้พระและเมื่อครบ๗วันแล้วให้นำเงินจำนวนนั้นไปถวายวัด
ใส่ตู้ที่วัดเขียนว่า“ถวายภัตราหารพระ”หรือให้จบอธิษฐานว่าเป็นเงินถวาย
ภัตตาหารพระเณรก็ได้ไม่ควรให้ช้ากว่า๑๐วันเพราะบุญจะไม่ต่อเนื่องกัน
เรื่องนี้สำคัญ

๒. พระคาถาบทนี้ต้องท่องสวดหลายๆจบยิ่งมากยิ่งดีแต่อย่างน้อยๆต่อหน้า
พระบูชาที่บ้านแล้วต้องครบ๙จบส่วนเวลาอื่นเช่นนั่งรถไปทำงานหรือ
ขณะทำงานไม่ว่าจะนั่งเดินให้ภาวนาตลอดๆเรียกว่านึกได้เมื่อไรก็ท่อง
ภาวนาพระคาถาฯบทนี้ทุกขณะจิตยิ่งจะได้ผลมากโดยเฉพาะคนที่ดวงชะตา
ตกอับจนเงินทองขัดสนยิ่งต้องภาวนามากๆเรียกว่าให้ท่องเป็นร้อยจบ
พันจบได้ยิ่งดีโดยไม่ต้องจำเป็นต้องสวดภาวนาต่อหน้าพระบูชาก็ได้
ท่านใดก็ตามที่สามารถได้ใน๒วันนี้รับรองจะมีความเป็นอยู่ที่ดีเรื่องที่จะขัด
สนในด้านอาหารการกินจะไม่มีอย่างแน่นอนขอรับรอง

ให้ทำตามข้อที่๑และ๒และให้เพิ่มการถือศีลอย่างน้อยศีล๕ให้ครบเมื่อตักบาตรทำบุญทุกครั้งให้อธิษฐานดังนี้

ขอบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้ทำมาตั้งอดีตชาติจวบจนทุกวันนี้จงส่งผลให้ข้าพเจ้าได้ให้งานที่ข้าเจ้าได้ติดต่อไปแล้วนนั้นจงสำเร็จในเร็ววันนี้ด้วยเถิด
และเมื่อไหว้พระสวดมนต์แล้วให้อธิษฐานดังนี้ขอให้พระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายหลวงปู่หลวงพ่อทั้งหลาย (หรือหลวงปู่หลวงพ่อที่เราเคารพนับถือเคยรับใช้เป็นลูกศิษย์ก็ให้กล่าวอัญเชิญด้วย) ครูบาอาจารย์ทั้งหลายและพระคุณของบิดามารดาเทพเทวดาทั้งหลายพระภูมิเจ้าที่ขอได้เมตตาต่อข้าพเจ้าช่วยดลบันดาลให้ข้าพเจ้าได้มีงานมีตำแหน่งหน้าที่การงานในเร็ววันนี้ด้วยเทอญขอต่อคุณพระทุกวัน
และถ้าจะให้ผลมากยิ่งขึ้นเมื่อสวดมนต์ไหว้พระเสร็จแล้วอธิษฐานขอแล้วให้นั่งสมาธิโดยใช้พระคาถาพระปัจเจกะโพธิ์โปรดสัตว์เป็นบทภาวนาทำเป็นสมาธิเลยถ้าบุคคลใดสามารถทำสมาธิโดยใช้พระคาถานี้ภาวนาไปเรื่อยๆประมาณสัก๑ถึง๒ชั่วโมงแล้วรับรองไม่ถึงสี่สิบห้าวันจะได้งานทำทันทีเพราะหนึ่งชั่วโมงก็สามารถท่องได้เป็นพันจบแล้วคนที่ตกงานหลายคนปฏิบัติตามนี้แค่สิบห้าวันก็ได้งานทำแล้วเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง

สำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่ค้าขาย
สำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่ค้าขายของจะเป็นการค้าขายอะไรก็ตาม (ยกเว้นการค้าที่ผิดศีลธรรม) ถ้าจะให้ขายของดีมีกำไรทุกวันแล้ว ให้ปฏิบัติตามข้อที่ ๑ และ ๒ และให้เพิ่มเคล็ดดังนี้
ตอนที่ไหว้พระสวดมนต์ตอนเช้าแล้วให้นำขันหรือแก้วใส่น้ำแล้วท่องพระคาถาพระปัจเจกะโพธิ์พระพุทธเจ้า ๙ จบ แล้วนำใบพลูไปพรมสินค้าที่จะขาย พรมไปท่องพระคาถาไปรับรองสินค้าจะขายดี โดยเฉพาะผู้ที่ปรุงไปท่องไปก็เท่ากับเสกอาคารนั้นให้มีเสน่ห์ไปในตัวด้วย คนรับประทานก็จะติดใจติดรสต้องมาซื้ออีก และที่น่าอัศจรรย์ยิ่งก็คือต้นทุนการผลิตจะลดลง
คนทำไร่ทำสวน

สำหรับชาวไร่ชาวสาวนไม่ว่าจะปลูกพืชผักผลไม้ชนิดไหนก็ตาม ให้ปฏิบัติตามข้อ ๑ และ ๒ แล้วให้เพิ่มเคล็ดดังนี้ ขณะที่ให้น้ำแก่ต้นไม้หรือพืชผัก ให้ภาวนาท่องพระคาถาไปตลอด จะเป็นการใช้น้ำหยดสปริงเกอร์หรือใช้เรือรถน้ำตามล่องคูสวนก็ตามจะเห็นผลแตกต่างกัน เมื่อตอนเก็บเกี่ยวพืชไร่ผลผลิตจะมากเช่นกล้วย มะม่วงจะออกดกมากกว่าตอนที่ไม่ได้ใช้พระคาถานี้
พนักงานขายกับการติดต่อธุรกิจ
การติดต่อธุรกิจค้าขายอะไรก็ตาม ไม่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นเซลล์แมนเซลล์เกิล หรือพิธีกรขายสินค้าต่างๆ ให้ปฏิบัติตาม ข้อ ๑ และ ๒ แล้วให้เพิ่มเคล็ดลับดังนี้
ขณะที่จะไปหาลูกค้าหรือติดต่อกับใครก็ตาม เมื่อตอนจะออกจากบ้านให้กราบไหว้คุณพระศรีรัตนตรัย หลวงปู่หลวงพ่อทั้งหลาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายแล้วอธิษฐานขอให้ประสบความสำเร็จในธุรกิจที่จะทำ พอออกจากบ้านแล้วให้ภาวนาพระคาถาไปตลอดทางจะท่องเสียงดังหรือท่องในใจไปก็ได้ท่องไปตลอดจนกว่าจะถึงที่หมายหรือจนกว่าจะพบบุคคลนั้นแล้วความสำเร็จสมหวังก็จะเกิดขึ้น วิธีนี้คนนำไปปฏิบัติต่างเห็นผลกันมามากมายแล้วเรียกว่าไปหาลูกค้า ๑๐ ราย อย่างน้อยสำเร็จได้ผลถึง ๗ ราย
ถูกกลั่นแกล้งจนออกจากงาน
ให้คิดปลงตกเสียว่าได้หดกรรมจากสถานที่นี้แล้ว อย่าจองเวรอาฆาตต่อไปหรือ ท่านที่มีกิจการค้าขายใหญ่โตทำแล้วธุรกิจเสียหาย ถูกโกงจนเจ๊งล้มละลายก็ให้คิดเสียว่า ได้ชดใช้กรรมเวรต่อเขาแล้ว อโหสิกรรมกันเสียเถอะแล้วจะสบายใจ มิฉะนั้นจะคิดกลุ้มทุกข์ใจ ทรมานตัวเองเปล่า ๆ เพราะทุกข์ไปแล้วก็ไม่ได้คืนย้อนกลับมาหรอก ยิ่งคิดเหมือนยาพิษตัวเองเมื่อกลับมาถึงบ้านแล้ว อาบน้ำทานข้าว พักผ่อนพอสมควรแล้ว ให้เตรียมตัวสวดมนต์ไหว้พระเปิดเทปหลวงพ่อฟังการแสดงธรรมนั่งฝึกสมาธิกรรมฐาน การฝึกสมาธิกรรมฐานจะนั่งแบบไหนก็ได้ จะใช้คำภาวนาได้ทั้งนั้นข้อสำคัญ คือการทำจิตให้นิ่ง ปล่อยวางทุกสิ่งอย่างยึดทุกอย่างความสำคัญมีแค่นี้ ทำให้มาก ๆ นาน ๆ แรกเริ่มเลยจะนั่งสมาธิสัก ๑๐ - ๒๐ นาทีพอมันคุ้นชิน จะนั่งได้เป็นชั่วโมง ตลอดคืนยังรุ่งของบางคนสงสัยว่าทำจนไม่ได้นอนเลยจะไม่ง่วงไม่เหนื่อยหรือมิต้องหลับที่ทำงานหรือขอตอบว่ายิ่งสบายยิ่งสดชื่นแจ่มใสเสียอีก สติปัญญามีมากขึ้น อย่าห่วงข้อนี้ทดลองทำดูก่อนแต่ไม่ใช่นั่งฟุ้งซ่าน คิดเรื่องนี้เรื่องนี้นอยู่ทั้งคืน ถ้านั่งฟุ้งซ่านพรุ่งนี้หลับแน่ทำดูแล้วจะรู้เอง
สถานที่เราจะเลือกให้ห้องพระหรือห้องนอนก็ได้ แล้วแต่ความสะดวกของคนนั้น ห้องน้ำห้องส้วมทำได้เลย นี่คือกิจวัตรประจำวันที่ผู้หวังความเจริญ
การทำบุญนั้นต้องเลือกวันหรือ
หลายท่านสงสัยว่า จะตักบาตรทำบุญต่าง ๆ ต้องเลือกวันต้องทำให้ตรงกับวันเกิดของตัวเอง ต้องทำวันพระ หรือเกิดวันอังคารต้องทำแต่วันอังคาร เรื่องการเลือกวันเพื่อจะทำบุญทำกุศลนั้น ไม่ต้องเลือก สะดวกวันไหนเอาเลย เวลาเช้าหรือเย็นได้ทั้งนั้น เดือนมืดหรือแรม ๑๕ ค่ำก็ได้ ทำได้ทุกวันยิ่งดี
ถ้าเลี่ยงลูกด้วยความทุกข์ ห่วงบาปก็จะตกไปที่ลูกด้วย ถ้าจิตใจไม่แจ่มใส การทำมาหากินก็จะพลอยติดขัดไปด้วย ต้องดูและเอาใจใส่ต่อพระพุทธรูปกราบไหว้สวดมนต์ จัดดอกไม้บูชาให้สดเสมอ ชีวิตก็พลอยสดใสไปด้วย
ชะตาชีวิตของคนเราทำวันนี้แตกต่างกันออกไปหลายรูปแบบ มีทั้งลำบากยากแค้นไปจนถึงสุขสบายเป็นเศรษฐีทำไมจึงแตกต่างกันเช่นนี้มันเป็นเพราะอะไรหรือ เรื่องนี้เป็นเรื่องของบุญญาวาสนาของแต่ละคนที่ได้สร้างสมกันมาตั้งแต่อดีตชาติแล้ว คนที่ขอบทำบุญให้ทานเคยทำนุบำรุงศาสนาวัดวาอาราม ไปจนถึงถวายสังฆทานเลี้ยงพระเณรนั้นเป็นสาเหตุที่มาของพวกเศรษฐีมีเงิน ส่วนคนที่ยากจนหาเช้ากินค่ำเป็นเพราะว่าทำบุญน้อยแต่ยังโชคดีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ปัญหาอยู่ที่ว่าคนยากจนนี้จะทำอย่างไรจึงจะมีเงินทองใช้ในภพชาตินี้ จะแก้ไขทันหรือไม่
คนที่อยากร่ำรวยในชาตินี้ ต้องเริ่มลงมือสร้างบุญกุศลทันที จะรอช้าไม่ได้แล้ว และต้องรีบมาทางลัดจึงจะแก้ไขทันโดยปฏิบัติดังนี้ ให้ไหว้พระสวดมนต์ทำวัตรจะเป็นเวลาไหน แล้วแต่คนสะดวกจะเป็นเช้ารุ่งหรือตอนกลางคืนไม่มีปัญหาขอให้จิตตั้งมั่นมีสติและศรัทธาสวดมนต์แล้วต่อด้วยการทำสมาธิเพราะขณะนั้นจิตใจเริ่มจะสงบนิ่ง การทำสมาธิกรรมฐานให้หาเทปธรรมของหลวงพ่อต่างๆ หรือพระอาจารย์กรรมฐานมาเปิดฟังเพื่อทำตามกำหนดจิตอารมณ์ไปตามเสียงที่ท่านสอนจะทำให้รู้เรื่อง จิตสงบมากขึ้นให้ทำทุกวันให้ทำบุญตักบาตรทุกวันเมื่อจะทำบุญตั้งใจสงบ ดังคนยากจนในพุทธกาลที่ถวายเพียงเข็มถักผ้าเล่มเดียวก็เสทือนทั้งแผ่นดิน ได้มากตามคำอธิษฐาน คนยากจนจึงต้องใช้ทางจิตใจเข้าช่วยให้มากและห้ามเบื่อหน่ายต่อชีวิต อย่าทำจิตใจให้เครียดหรือเศร้าหมองพยายามนั่งทำกรรมฐานทุกวัน ข้อ ๓ คือทางลัดหรือเคล็ดลับที่จะทำให้ชีวิตนี้ดีขึ้นคือการเสาะหาพระอาจารย์หลวงพ่อที่ดีหรือเรียกว่าพระสุปฏิปันโณ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพระกรรมฐานที่เคยธุดงค์มาแล้ว ฆ่ากิเลศตัณหาหมดแล้วจะเป็นหลวงพ่อองค์ไหนก็หาอ่านเอาจากหนังสือโลกทิพย์ได้ แต่ถ้าถามว่าพระที่ดี ๆ ยังมีอยู่หรือไม่ ปัจจุบันนี้ขอตอบว่ายังมีและยุคนี้มีมากด้วย ที่บอกว่าให้หาพระดีก็เพื่อให้รีบไปทำบุญสร้างกุศลบารมีแก่ตัวเราเอง เพราะบุญกุศลที่เราจะได้รับนั้นมีผลตอบสนองกลับมาอย่างรวดเร็ว ทันใจถ้าทำติดต่อกันอย่างเสมอ ไม่เกิน ๓ เดือน ความยากจนจะหายจากไป และจะดีขึ้นเรื่อย ๆ ทางลัดไปสู่ความร่ำรวยเพราะอะไรจึงเป็นเช่นนี้ นั่นเป็นเพราะพระองค์นั้นมีความบริสุทธิ์บารมีแก่กล้าพอที่จะเผื่อแผ่เมตตา สงเคราะห์เราได้ ก็แค่เราไปนั่งอยู่ใกล้ ๆ หรือบริเวณที่พอเห็นท่าน พลังความเย็นชุ่มเราจะสัมผัสได้ลองสังเกตุดูได้ สวนคนยากจนที่จะต้องลำบากยากแค้นไปถึงชาติหน้านั้น คือคนที่ขาดการบำบุญให้ท่านในชาตินี้ จึงต้องจนข้ามภพข้ามชาติ
กรรมที่ผูกพันอย่างแนบแน่น
๒ คนผลัดกันเป็นพ่อเป็นแม่ เรื่องของบุญกรรมนั้นเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนลึกล้ำแต่ไม่สับสน และมีความยุติธรรมในตัวของมันเอง ไม่โอนเอียงเข้าข้างใครทำดีได้ดี ทำชั่วทำบาปต้องได้รับกรรมสนองจะข้าเร็วเท่านั้นเอง เช่นเดียวกับการที่คนเราเกิดมาเป็นครอบครัวเดียวกันมีพ่อแม่และพี่น้องสมาชิกในครอบครัวต่างได้เคยทำบุญสร้างสมกันมาแต่อดีตแล้ว จึงได้มาเกี่ยวข้องพบปะกันคนที่เคยเป็นพ่อชาติก่อนได้เคยเป็นลูก หรือคนที่เป็นลูกอยู่ในชาตินี้ ชาติก่อนคงเคยเป็นแม่เราเรียกว่าผลัดกันเป็นคนเลี้ยงดู จึงเรียกว่าเป็นกรรมที่ผูกพันชนิดที่สนิทแน่นมากจึงขอให้มากจึงขอให้ท่านที่นี้ เป็นพ่อเป็นแม่คนก็ขอให้ทำหน้าที่ถูกต้องและดีที่สุดถ้าเราตีลูก ลูกก็จะต้องตีเราคืนอย่าถืออำนาจใหญ่กว่าเราเป็นพ่อแม่จะตบตีด่าลูกไม่ได้ว่าลูกไม่ได้การสั่งสอนมีหลายวิธีการก็ให้เลือกใช้วิธีทีดีที่สุด การเกื้อกูลส่งเสียให้เล่าเรียนจนอยู่ในระดับสูง ต่อไปเมื่อเราเป็นลูกบ้างก็จะไม่มีอุปสรรคในการเรียน
การทำแท้งบาปหรือไม่
ไม่ว่าบุคคลนั้นจะมีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหนจะมีอุปสรรคหนักหนาประการใดด็ตาม ในเรื่องไม่พร้อมที่จะมีบุตรจะท้องได้ ๒ เดือน ๓ เดือน ๔ เดือน ก็ตาม แล้วไปทำแห้งถือว่าผิดศีล ทำบาปสร้างกรรมแล้ว เพราะอะไรหรือ คนเราเมื่อตั้งครรภ์แสดงว่า สิ่งมีชีวิตได้เกิดขึ้นแล้วถึงแม้ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างดี ยังพูดคุยไม่ได้ก็ตาม แต่จิตวิญญาณได้มาสิ่งสถิตย์แล้วความผูกพันได้ก่อเกิดขึ้นแล้ว ความสัมพันธ์ที่ได้เป็นแม่ลูกได้เริ่มขึ้น ถึงแม้ทางโลกจะมองเห็นว่าเป็นแค่ก้อนเนื้อน้อยนิดแล้วยังอยู่ในมดลูกในท้องคนจิตวิญญาณจะเข้าไปได้อย่างไร เรื่องนี้ไม่ต้องสงสัยโลกของจิตวิญญาณไม่มีอะไรขวางกั้นได้ เป็นอีกมิติหนึ่งมิฉะนั้นสวรรค์นรกก็ไม่มี จึงขอให้ท่านช่วยบวกบุญต่อเพื่อเอาบุญว่าการทำแท้งเท่ากับฆ่าลูกตัวเองเป็นบาปกรรมดวงวิญญาณของคนนั้นจะต้องเร่รอคอย เพื่อจะเกิดใหม่อีกผิดพลาดแล้วจะทำอย่างไร เมื่อทำแท้งแล้วจึงต้องรีบทำบุญใหญ่อุทิศขอขมาแก่ดวงวิญญาณดวงนั้นทำบุญใหญ่ทำอย่างไรให้ดูบทเรื่องการทำบุญ

เมื่อตกทุกข์ได้ยาก มีอุปสรรคอย่างใหญ่หลวง
มีวิธีแก้ไขดังนี้
ชีวิตของคนเรานั้น ผันแปร เปลี่ยนไปได้ไม่สิ้นสุด ขึ้นอยู่กับบุญกรรมที่ได้ทำไว้ทั้งอดีตและปัจจุบัน เมื่ออยู่ดีกินดี จึงต้องไม่ประมาท หมั่นทำแต่ความดีตลอดไป บุญกุศลจะได้เกื้อกูลให้พบแต่ความเจริญยิ่งขึ้น
ส่วนบุคคลที่กำลังผจญกับชะตากรรม อย่างตกระกำลำบากยากแค้นแสนสาหัสแล้ว ต้องรับปฏิบัติดังนี้
๑. ให้รักษาศีล ๕ ข้อ อย่างบริสุทธิ์ ตลอดไป
๒. ให้ไหว้พระ สวดมนต์บูชาพระทุกวัน
๓. ให้นำผ้าขาวกว้างอย่างน้อย ๕๐ ซม. ยาวอย่างต่ำ ๑ เมตร นำไปไหว้หน้าหิ้งพระพุทธรูป หรือโต๊ะหมู่บูชาห่างประมาณสัก ๑/๒ - ๑ เมตร พร้อมหมอนสำหรับกราบไหว้ ๑ อัน น้ำบูชา ๑ แก้ว ทุกวันก่อน ๒๓.๐๐ น. แล้วจัดให้เสร็จจะมีเทพ – เทวดามากราบไหว้ แล้วท่านจะให้พรแก่เจ้าของบ้านด้วย และเก็บให้เรียบร้อยในตอนเช้า แล้วห้ามนำผ้า - หมอนไปใช้อย่างอื่น
๔. ให้ทำสมาธิทุกวัน จะได้นานแค่ไหนก็ได้ แต่ยิ่งนานยิ่งมีผลมากจะทำให้จิตใจสงบ เกิดพลังจิต เมื่อจะเลิกก็ให้แผ่เมตตาแก่ตัวเอง และผู้อื่น
๕. ถวายเครื่องสังฆทานแก่พระสงฆ์ ถ้าขณะนั้นมีปัญหาอุปสรรคมากต้องถวายให้ครบ ๗ ครั้ง จะถวายพร้อมกันในวันเดียว ๗ ครั้งหรือ ๗ ชุดก็ได้ ถ้าไม่ติดขัดในเรื่องการเงิน
ถ้าบุคคลนั้นทำดังนี้แล้ว กุศลผลบุญจะช่วยลดปัญหาที่มีอยู่ให้คลี่คลายส่งอย่างรวดเร็ว แต่ต้องอย่าลืมอุทิศส่วนกุศลที่ทำมานั้นให้กับเจ้ากรรมนายเวรของเรื่องที่ประสบอยู่ด้วยบทต่าง ๆ ที่ได้กล่าวมาแล้ว ต้องอุทิศบุญให้ถูกเรื่องจึงจะได้ผลเร็ว
สังฆทานมีอะไรบ้าง
สังฆทานที่จะถวายแด่พระสงฆ์นั้น มีดังนี้
๑. พระพุทธรูป จะเป็นปางอะไรก็ได้แล้วแต่จะชอบ ส่วนขนาดนั้นแล้วแต่กำลังทรัพย์ในขณะนั้น
๒. ผ้าไตรจีวร ๑ ชุด
๓. เครื่องใช้ประจำวันของพระภิกษุ
ส่วนของฉัน อาหาร แล้วแต่เวลาและโอกาส

การขอบารมีพระภูมิเจ้าที่
ทุกบ้านเรือนจะต้องมีเทพเทวดา หรือพระภูมิเจ้าที่รักษาอยู่ การเข้าอยู่อาศัยของคนเรานั้น จะให้เป็นศิริมงคลและความร่มเย็นเป็นสุขแล้ว ควรจะให้ความเคารพแก่พระภูมิเจ้าที่ หรือเจ้าของเดิมที่ล่วงลับไปแล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถมองเห็นด้วยตาก็ตาม แต่สิ่งเหล่านี้ตั้งแต่ครั้งอดีตกาลต่างก็ให้ความเคารพนับถือมาแล้วจนถึงปัจจุบัน
ฉะนั้นเพื่อความอยู่เป็นสุข แก่ครอบครัวแล้ว ควรให้ความเคารพโดยการอุทิศส่วนกุศลให้กับพระภูมิเจ้าที่ทุกวัน ถ้าบ้านใดมีศาลพระภูมิก็ควรจะถวายน้ำ ผลไม้หรืออาหารทุกวัน ถ้าไม่มีศาลก็แผ่เมตตาอุทิศให้จะทำให้บ้านเรือนร่มเย็นขึ้นแล้วยังขอบารมีท่านช่วยคุ้มครองเรื่องต่างๆ ได้อีกด้วย

ทำบุญแล้ว ทำไมไม่เห็นดีขึ้น!?
หลายท่านไดมีความสงสัยว่า ตนเองนั้นก็สร้างบุญกุศลตักบาตรให้ท่าน ร่วมกฐินผ้าป่าเช่นกัน แต่ทำไม่ยังไม่ร่ำรวยแถมยังมีปัญหาให้ยุ่งยากอีกเล่า
การทำบุญสร้างกุศลเพิ่มบารมีนั้น ต้องทำอย่างต่อเนื่องห้ามขาดตอนเปรียบเสมือนการชาต์ทไฟเข้าตัวแบตเตอร์ต้องเติมกระแสไฟให้เต็ม ตามอัตราปริมาณแบตเตอรี่เครื่องนั้นจึงมีพลังกระแสไฟนำไปใช้งานได้สว่างไสวอย่างมีประสิทธิภาพ
คนที่ทำบุญบ้าง หยุดบ้าง แล้วมาบ่นน้อยใจทำดีแล้วไม่ได้ดีต้องกลับไปถามตัวเองเสียใหม่ว่า ทำความดีมาอย่างสม่ำเสมอหรือเปล่า ถือศีลได้มากน้อยแค่ไหน แล้วความไม่ดีหรือความชั่วนั้นได้หยุดทำตั้งแต่เมื่อไร ถ้ายังไม่หยุดทำในสิ่งทีไม่ดี ก็เท่ากับกระแสไฟในตัวแบตเตอรี่ได้หมดลงแล้วและถ้าไม่ทำความดีสร้างบุญกุศลเพิ่มเติม ชดใช้พลังที่หมดไป แน่นอนอุปสรรคต่างๆ ย่อมมาแทนที่ เพราะพลังบุญหรือแบตเตอรรี่ได้เสื่อมสลายไปแล้ว
จึงขอให้มีความเชื่อมั่นศรัทธาในเรื่องกุศลผลบุญ สร้างความดีทุกวัน ก็เท่ากับเติมพลังบุญ ชดเชยส่วนที่สึกหรอไปทำอย่างต่อเนื่อง เมื่อเต็มแล้ว ลาภผลเงินทองก็จะหลั่งไหลมาเอง จะไม่เหนื่อยยากอีกต่อไป

เรื่องของศาลพระภูมิ
ภพภูมิของเทพเทวดา เทพเทวดาที่อยู่ในโลกมนุษย์นี้จะอาศัยสถิตย์อยู่ในสถานที่ต่างกันตามภูมิชั้นระดับบารมีของแต่ละองค์ เทวดาจึงมีหลาย เรื่องของศาลพระภูมินั้น มีหลายท่านที่ยังสงสัยว่า จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องตั้งศาลแล้วจะทำให้ร่ำรวยจริงหรือ เรื่องนี้ตามที่ได้ยินจากพระปฏิบัติกรรมฐานหรือหลวงพ่อที่ญาณหยั่งรู้แล้ว ท่านตอบว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตั้งศาลแล้วกลับนำความยุ่งยากมาให้แก่เจ้าของบ้านได้ เช่น คนทำพิธีเชิญนั้นมีบารมี อำนาจจิตไม่พอจะทำให้พวกจิตวิญญาณขั้นต่ำมาสิงสถิตย์สวมรอยมาอยู่ได้ พอเจ้าของบ้านขาดการเซ่นไหว้ก็จะมาหาเรื่องก่อความเดือดร้อนให้กับคนในบ้าน และผู้ที่จะเชิญเทพดี ๆ อยู่ภพภูมิที่สูงมาอยู่อาศัยคอยดูแลให้แก่เจ้าของบ้านนั้น ต้องเป็นผู้มีญาณแก่กล้า ส่วนใหญ่ได้แก่พระกรรมฐาน จะรู้ว่าสิ่งที่จะมานั้น มาดีหรือร้ายซึ่งตามปกติแต่ละสถานที่นั้นก็มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พระภูมิเจ้าที่ดวงวิญญาณที่เคยเป็นเจ้าของที่หรือเรียกว่าเจ้าที่ อาศัยอยู่ก่อนแล้ว บางสถานที่บางบ้านเจ้าของที่เขาหวงเราะจะเก็บไว้หรือคอยพวกลูกหลานญาติของเขาเองให้มาอยู่ บางคนจึงอยู่ไม่ทนก็ร้อนที่มีเรื่องต่างๆ แล้วก็อยู่อาศัยไม่ได้ต้องย้ายขายออกไป เรียกว่าไม่ถูกโฉลกกับสถานที่นั้น เมื่อเราไม่ต้องศาลพระภูมิจึงต้องทำบุญแล้วอุทิศให้แก่เจ้าที่สิ่งศักดิ์ในบ้านสถานที่ที่เราจะเข้าอยู่อาศัย
เรื่องนี้ต้องทำจะละเลยหลงลืมไม่ได้เพราะเป็นที่ของเขามาก่อนแผ่เมตตาอุทิศบุญให้อย่างสม่ำเสมอ เราก็จะอยู่เย็นเป็นสุข โดยไม่ต้องตั้งศาลให้เสียเงินทองก็ได้ เพราะเพียงแต่บอกกล่าวอธิษฐานบุญให้ ท่าน ๆ ก็ได้รับแล้วคนจีนที่นิยมซื้อเจ้าที่สีแดง ๆ มาไว้กับพื้นภายในบ้านก็เป็นการแสดงความเคารพต่อเจ้าของเดิมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในบ้านแล้วนั้น ก็ถือ่าทำถูกต้องส่วนใครอยากจะตั้งศาลก็ตั้งได้เช่นกันสำคัญอยู่ที่ว่าผู้ที่จะประกอบพิธีนั้นมีความสามารถมีบารมีหรือไม่ มีตาในที่พอที่จะมองพวกภูมิผี วิญญาณ หรือเทพได้หรือเปล่า
แผ่เมตตาให้ตัวเองทุกวัน
เมื่อสวดมนต์ไหว้พระเสร็จแล้ว ทุกครั้งต้องแผ่เมตตาให้กับตัวเองก่อน จะทำให้มีความเป็นอยู่ดีขึ้น เจริญขึ้น โดยกล่าวดังนี้ :
ขอให้ข้าพเจ้า จงมีความสุข ขอให้ข้าพเจ้าจงปราศจากทุกข์ทั้งปวงขอให้ข้าพเจ้าจงอย่าได้มีเวรมีภัยแก่ใครและใครเลย ขอให้ข้าพเจ้าอย่าได้เบียดเบียนข่มเหงแขนงร้ายป้ายสีแก่ใครและใครเลย ขอให้ข้าพเจ้าอย่าได้ทุกข์กายและใจเลย ขอให้ข้าพเจ้าจงรักษาตนของตนให้พ้นจากทุกข์ภัยอันตรายทั้งสิ้นเทอญ
“เมื่อจบแล้ว จึงค่อยแผ่เมตตาให้ผู้อื่นต่อไป”
วิธีแก้อุปสรรคในการงานและการทำมาหากิน

วิถีชีวิตของคนเรานั้น แตกต่างกันออกไปหลายรูปแบบทั้งฐานะการเงิน หน้าที่การงาน ความสามารถ บางท่านมีความสามารถดี แต่การดำเนินงานมีอุปสรรคอยู่เสมอ เจ้านายอยู่เสมอ บางคนจึงทำงานได้ไม่นานต้องลาออกย้ายที่ใหม่ บุคคลใดก็ตาม ถ้าประสบกับอุปสรรคในการทำงานจะเป็นในรูปแบบไหน ลักษณะใดก็ดี ให้แก้ไขดังนี้
สิ่งแรกเมื่อไปถึงสถานที่ทำงานแล้ว ให้แผ่เมตตาด้วยการอุทิศส่วนกุศลให้แก่พระภูมิเจ้าที่ เทพเทวาที่รักษาสถานที่นั้น กล่าวจบแล้วก็ขอบารมีท่านช่วยคุ้มครองปกป้องอย่าให้มีอุปสรรคในการดำเนินงาน เป็นที่รักใคร่เมตตาของเจ้านายและผู้ร่วมงานทั้งหลาย เมื่อถึงห้องทำงานแล้ว ก็แผ่เมตตาให้แก่เจ้านายและเพื่อนร่วมงานถ้ารู้ว่าถูกใครเกลียดชัง กลั่นแกล้งอยู่เสมอ ต้องรีบให้บุคคลนั้นมาก ๆ จะลดความรุนแรงและอุปสรรคต่างๆ ทั้งหลายได้อย่างฉับพลัน ให้ปฏิบัติทุกวันอย่างต่อเนื่อง แล้วอุปสรรคต่างๆ จะไม่มี
เมื่อครอบครัวมีปัญหา
คนเรานั้นเกิดมาแล้ว เมื่อถึงวัยอันสมควรต่างก็ต้องมีความรักกันทุกคน แล้วการมีครอบครัวก็เกิดขึ้นเป็นธรรมดาของธรรมชาติ แต่การอยู่กินครองรักในครัวครัวไม่ใช่เป็น
ครอบครัวบางท่านมีปัญหา ขัดแย้ง ทะเลาะวิวาทบางคู่ที่ดีก็มี แตกต่างกันออกไปตามบุญกรรมที่ได้สร้างร่วมกันมา บางคู่ทางพระเรียกว่าคู่ทุกข์คู่ยาก คู่เวรคู่กรรม คู่บุญบารมี คู่ล้างผลาญ คู่กาลี แต่ทุกครอบครัวต่างก็เคยสร้างบุญกรรมร่วมกันมาก่อนทั้งสิ้น จะเป็นกรรมดีหรือไม่น้อยหรือมากเท่านั้นเอง ชาตินี้จึงต้องเกิดมา เป็นคู่ครองสามีภรรยากัน เพื่อมาชดใช้กันใครสร้างกรรมนั้นดี ก็ได้คู่ที่ดีมาเกื้อกูลกัน เรียกว่าคู่บุญบารมีใครสร้างกรรมไม่ดีก็ได้คู่ที่ไม่ดี มาอยู่ร่วมกันเพื่อจะชดใช้กรรมนั้น
ท่านที่มีปัญหาครอบครัว จึงต้องรีบสร้างบุญกุศลชดใช้ให้กับคู่ครองยอมรับสภาพที่เป็นทุกข์อยู่นั้น หมดกรรมเมื่อไรเขาก็จะดีขึ้นเอง หรือสามารถแยกจากกันไป ถ้าใครคนหนึ่งได้หมดภาระกรรมนั้น คู่ที่แตกแยกจนหย่าร้างจึงแสดงถึงได้หมดกรรมกัน ส่วนคู่ที่ต้องทนทุกข์ทั้งกายและจิตใจที่ถูกบีบคั้นแสดงถึงกำลังเสวยกรรมอยู่ ให้รีบปฏิบัติตามหัวข้อเรื่อง “เมื่อตกทุกข์ได้ยากฯ” ปฏิบัติตามนั้นแล้วรับแผ่ส่วนกุศลให้ทุกวัน โดยกล่าวคำอุทิศว่า “บุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้เคยเสร้างมาให้อดีตชาติ จะเป็นกี่ชาติกี่ภพก็ตาม และบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้สร้างมาในชาติปัจจุบันนี้ขออุทิศส่วนกุศลทั้งหลายนี้ให้กับเจ้ากรรมนายเวรที่เคยเป็นคู่ครองในอดีตชาติ และคู่ครองในชาติปัจจุบันนี้ ที่เคยล่วงเกินมา จะตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจทำก็ดีขอให้มารับบุญกุศลนี้ รับแล้วให้อโหสิซึ่งกันและกัน อย่าได้มาเบียดเบียนกันอีกเลย ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป” ให้พูดทุกวันทุกครั้ง ที่สวดมนต์บูชาพระเสร็จแล้ว หรือเมื่อได้ทำบุญทำทานแล้ว
เคล็ดลับในการดำเนินชีวิต
ตื่นเช้าขึ้นมาต้องตื่นขึ้นมาด้วยจิตใจที่แจ่มใส สดชื่น ถ้ายังขุ่นมัวจะด้วยสาเหตุประการใดก็ตาม เช่น นอนไม่พอ อารมณ์ยังเสีย ยังค้างอยู่ต้องรีบฝืนให้แจ่มใส เมื่อล้างหน้าตา ขณะที่กำลังล้างหรือท่านที่ใช้ขันน้ำล้างหน้าให้ท่อง พระคารามงกุฎพระเจ้า ดังนี้
อิติปิโส วิเสเสอิ
อิเสเส พุทธะนาเมอิ
อิเมนา พุทธะตังโสอิ
อิโสตัง พุทธะปิติอิ
ให้ท่องพระคาถา ๓ จบ
จะเพิ่มสง่าราศีให้กับตัวเอง เมื่อจะออกจากบ้านไปทำงานไปธุระให้กราบไหว้พระพุทธรูปขอความสวัสดีมีชัย (ถ้าไม่มีเวลาสวดมนต์จุดธูปบูชา) และถ้าไม่มีใครอยู่ดูแลบ้าน ให้บอกกล่าวฝากบ้านต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์โดยเฉพาะ แม่พระธรด้วยการกราบพื้นเรื่องบ้านและกล่าวคำฝากให้ท่านช่วยดูแลให้ด้วยเมื่อจะขับรถออกจากบ้าน ขณะที่อุ่นเครื่องยนต์อยู่นั้นให้ระลึกถึงคุณพระศรีรัตนตรัยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย หลวงพ่อที่เคารพนับถือแล้วกล่าวคำพุทธธังรักษา พระธรรมมังรักษา พระสังฆังรักษา แล้วจึงค่อยขับรถออกไป
สำหรับรถที่ขับนั้น สมควรอย่างยิ่งต้องมีพระเครื่องวัตถุมงคลแขวนบูชาไว้ในรถเพื่อเป็นสิริมงคล และยังช่วยคุ้มครองรักษา ผู้ขับขี่โดยสารได้ดียิ่งเป็นรุที่ซื้อ มาจากผู้อื่นหรือรถเก่าแล้ว ยิ่งต้องมีการนิมนต์หลวงพ่อทรงญาณทำพิธีเจิมให้ เพราะหากท่านได้รถที่เจ้าของเสียชีวิตด้วยแล้วจะมีปัญหามาก
เมื่อถึงที่ทำงานให้ท่านแผ่เมตตา อุทิศส่วนกุศลแก่เทพเทวดา พระภูมิเจ้าที่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์สถานที่นั้นก่อนจะเข้าไปทำงานหรือเข้าร้านค้าขาย และถ้าเป็นบ้านที่เราให้ทำมาค้าขายแล้ว ต้องจุดธูปเทียนบูชา สวดมนต์ไหว้พระก่อนทุกครั้งจึงค่อยเริ่มทำมาค้าขาย
สำหรับท่านที่ทำงานราชการ หรือเป็นพนักงานห้างร้าน บริษัทเมื่อเข้าไปนั่งที่โต๊ะแล้ว ให้ทำการแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลให้กับเพื่อนร่วมงานเจ้านายเจ้าของกิจการ ทุกครั้งทุกวัน โดยกล่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงมีแต่ความเจริญ จงมีแต่ความสุขยิ่ง ๆ ขึ้น สิ่งใดที่เคยล่วงเกินกันมาแต่อดีตและปัจจุบันก็ขอให้อโหสิซึ่งกันและกัน อย่าได้จองเวรต่อกันเลย โดยเฉพาะคนที่กลั่นแกล้ง หาเรื่องเราอยู่เสมอนั้นต้องให้เขามาก ทำบุญอะไรมาก็ตามรีบอุทิศให้เขาทุกครั้ง เขาจะได้เลิกอาฆาตพยาบาทเรา เขาจะได้เลิกคิดกีดกันหาเรื่องเรา แล้วจะค่อย ๆ หมดเวรกัน
ปัญหาในวงการนั้นยังมีอีกมากนัก บางคนถูกบีบ ถูกกลั่นแกล้งปัดแข้งปัดขากันสารพัด ทำนองพวกใครพวกมัน บางคนอดกลั้นไม่ได้ ฆ่ากันตายก็มีมากราย ยิ่งเป็นพวกพ่อค้า ร้านค้า ที่ขายของแข่งกัน พวกเจ้าพ่อมีอิทธิพลต่าง ๆ แล้วไล่ฆ่ากันอยู่เสมอ ถ้ารู้ตัวเองว่า อยู่ในสภาพถูกบีบคั้นแล้ว อย่าได้ตอบโต้เลย รีบสวดมนต์ไหว้พระทำบุญอุทิศให้ทุกวันๆ แต่ถ้ารู้ว่าจะมีภัยถึงตัวแล้ว ให้หนึ่งเอาตัวรอดเข้าทำนองรู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดีปลอดภัยไว้ก่อนไม่ใช่ว่า ก่อนที่มันจะเล่นเราเราต้องทำมันก่อนแบบนี้เป็นการสร้างกรรมใหม่ จะถูกพันกันไม่รู้จบ แต่ถ้าถามว่า ก็เราอยู่ดี ๆ มันมาแล้วเรา ทำเราก่อนทำไม เรื่องนี้ตอบได้เลยว่าชาติก่อนเราได้แกล้งเขามา รังแกเขามาก่อนไม่ต้องสงสัยว่าชาติก่อนชาติหน้ามันมีจริงหรือ ถ้าสงสัยแล้ว อย่าอ่านหนังสือเล่มนี้ต่อไปเลย
การอุทิศกุศลผลบุญให้ถูกต้อง – ถูกเรื่อง
ทุกท่านต้องเคยได้สร้างบุญกุศลกันมาแล้ว และส่วนใหญ่เมื่อทำบุญแล้ว ก็จะอุทิศให้แก่เจ้ากรรมนายเวรของตัวเอง และผู้มีอุปการคุณต่างๆ
แต่บางท่าน มีอุปสรรในการดำเนินชีวิตมาก บางคนมีสุขภาพอ่อนแอ บางคนเป็นโรคที่ยึดเยื้อ เรื้อรัง ไม่ยอมหายขาด เช่น มะเร็ง โรคกระเพาะ ฉะนั้นการอุทิศส่วนกุศลผลบุญต่างๆ ทีได้เคยสร้างมา ต้องอุทิศให้กับเรื่องของสุขภาพาตัวเองก่อนจะได้หมดเวรหมดกรรม แข็งแรง หายดีแล้ว จึงค่อยเป็นเรื่องทำมาหากินเลี้ยงชีพและครอบครัว
ท่านที่มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ เมื่อทำบุญแล้วให้กรวดน้ำแล้วอุทิศให้แก่เจ้ากรรมนายเวรที่เป็นอุปสรรคในการเจ็บป่วย โดยกล่าวว่า “บุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้ทำในวันนี้ และที่ทำมาแล้วในชาติปัจจุบันนี้ และในอดีตชาติที่ได้ผ่านมาแล้วจะเป็นกี่ชาติกี่ภพก็ตาม ขอให้ผลบุญกุศลทั้งหลายของข้าพเจ้า (บอกชื่อ นามสกุล) นี้มอบอุทิศให้แก่เจ้ากรรมนายเวรที่ได้ล่วงเกินมา จนเป็นเหตุให้ข้าพเจ้าเกิดการเจ็บป่วยเป็น (ป่วยเป็นอะไรก็พูดไป) เมื่อท่านได้รับแล้ว ขอให้อโหสิกรรม ยกโทษให้แก่ข้าพเจ้าด้วยอย่างได้จองเวรผูกพันต่อไป และขอให้ข้าพเจ้าได้หายจากโรคภัยที่เบียดเบียนตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
“ทำบุญกุศลอะไรก็ตามให้แผ่เมตตาด้วยการพูดอุทิศแบบนี้ทุกครั้งจะหายเป็นปกติในเร็ววัน”
รู้อดีตชาติ – ปัจจุบัน – อนาคตด้วยตัวเอง?
ตัวเราก็สามารถที่รู้อนาคตของเราเองได้ เรื่องอนาคตข้างหน้านั้นใคร ๆ ก็อยากรู้ทั้งนั้น คนที่ไม่ได้อนาคตตังสญาณแล้วจะรู้ได้อย่างไรเรื่องนี้แรก ๆ ได้ฟังพระท่านพูดก็งง ๆ อยู่ ต่อเมื่อพระท่านฯ อธิบายแล้วจึงเข้าใจพระท่านว่า ชาติปัจจุบันที่เราเสวยสุขของเรื่องต่างๆ อย่างนี้ เป็นเพราะการกระทำที่เราได้ทำมาแล้วในอดีตชาตินั้นเอง ถ้าเรานั้นร่ำรวยเป็นเศรษฐีก็เพราะเราได้ทำบุญให้ทานมาในอดีต ถ้าคนนั้นจนแสดงว่าทำมาน้อย หรือไม่ได้ทำบุญให้ท่านมาในอดีต ถ้าคนนั้นมีสติปัญญาดีฉลาดรอบรู้ แสดงว่าคนนั้นได้เคยทำสมาธิเจริญกรรมฐานมา ถ้าบุคคลใดที่โง่เง่า ปัญญาอ่อนหรือมีสติปัญญาไม่สมประกอบแล้ว แสดงว่าในอดีตชาตินั้นชอบดื่มสุราเมรัยถ้าใครที่ชาตินี้อกหักผิดหวังในเรื่องของความรัก แสดงว่าชาติก่อนเคยทอดทิ้งหลอกลวงทำให้เขาชอกช้ำใจมาก่อน คือสรุปว่าปัจจุบันเราได้รับประสบผลกรรมอะไรมาก็ตาม นั่นเป็นสิ่งที่เราได้เคยสร้างทำมาแล้วทั้งสิ้นแม้กระทั้งผลดี ความสุขต่างๆ นั้นก็เรานั่นเแหละเป็นผู้สร้างมาแล้วนั่นเองพระท่านบอกว่าปลูกต้นมะม่วงก้ต้องได้ผลเป็นมะม่วง จะได้ผลเป็นทุเรียนที่ราคาแพงกว่านั้นจะเป็นไปได้อย่างไร มันเป็นไปไม่ได้ หรือทำชั่วได้ชั่ว ทำดีได้ดีนั่นเอง
ชาติหน้าจะเป็นเช่นไร?
เรื่องอนาคตนั้น ก็อยู่ที่การกระทำของเราในชาติปัจจุบันนี้แหละเรียกว่ากรรมใหม่เราอยากจะเป็นอะไรหรือ? ถ้าอยากเป็นเศรษฐีให้หมั่นทำบุญสร้างทานอยู่เสมอ แล้วอธิษฐานทุก ๆ ครั้งว่า …”บุญใดที่ข้าพเจ้าได้กระทำมาแล้วในอดีตชาติก็ดี และผลบุญใดที่ข้าพเจ้าได้ทำแล้วในภพชาตินี้ ขอให้ผลบุญนั้นลงเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าได้เป็นผู้มั่งมีทรัพย์สิน เป็นเศรษฐีทุก ๆ ชาติเทอญ” อธิษฐานไว้เรื่อย ๆ ทุก ๆ ครั้งในการทำความดีรับรองว่าเป็นมหาเศรษฐีแน่นอน ถ้าเราอยากเป็นครูบาอาจารย์สอนศาสนาเผยแพร่ธรรมะ ก็รีบฝึกนั่งสมาธิ แล้วให้ทำตัวอ่อนน้อมต่อผู้คนอย่าแข็งกระด้างดื้อด้าน เราก็จะเป็นพระอาจารย์ใหญ่ มีผู้คนเชื่อถือกราบไหว้สรุปว่าสิ่งที่เราทำในชาตินี้จะไม่สูญหาย บางคนยังได้รับผลในชาตินี้ก็มีอันนั้นเป็นแรงส่งของกรรมเก่ากับกรรมใหม่ผสมกัน ฉะนั้นเราท่านจึงสามารถรู้อนาคตชาติหน้าของเราเองได้ ด้วยเหตุนี้
ศรศิลปไม่ตรงกัน
คนบางคนเมื่อพบหน้ากันเพียงครั้งแรก ก็มีความรู้สึกว่าไม่ถูกชะตากันแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ให้พึงระวังตัวพยายามใกล้ชิด หรือคบหาสมาคมด้วย เพราะจะมีปัญหาบุคคลนั้นจะนำความยุ่งยากมา ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใครถ้าเป็นเจ้านายก็จะถูกเล่นงานสามารถถูกจับผิดได้ ถ้าเป็นเพื่อนร่วมงานก็จะเป็นตัวต้นเหตุให้งานเสียหายได้ ถ้าเป็นเพื่อนบ้านยิ่งต้องระวังให้มาก เพราะอยู่ใกล้กัน ต้องพยายามอย่าพูดคุยด้วย เพราะจะนำความเดือดร้อนมาให้ไม่มีสิ้นสุด การที่เรามีความรู้สึกนี้ “ฉันกับคนนี้จะตาไม่ถูกกันเลย” เป็นเพราะว่า ตัวจิตของเราเองเป็นผู้บอกเพราะดวงจิตของคนนั้นได้ผ่านการเวียนว่ายตายเกิด มาหลายภพหลายชาติแล้วจึงสามารถรู้ได้ จำได้ว่าคนนี้ได้เคยเป็นศัตรูกันมาก่อน จึงขอให้เชื่อความรูสึกไว้ บางทานบอกว่าเป็นลางสังหรณ์มีซิกซ์เซ็ฯต์สัมผัสได้ความหมายก็เหมือนกันนั่นแหละ
น้องฆ่าพี่ตาย
เรื่องพี่น้องฆ่ากันตายนั้น บางคนอาจจะสงสัย ว่าทำไมไม่รักกันหรือเป็นสายเดือดเดียวกันแท้ ๆ เรื่องฆ่ากันตาย หรือรักกันมากนั้น เป็นเรื่องของอดีตกรรมเป็นเรื่องของอดีตชาติ หรือชาติปางก่อน คนที่เคยเป็นศัตรูกันมาคนที่เป็นคู่อาฆาตกันมาแต่อดีตชาติแล้ว เมื่อต่างเกิดมาเจอกันอีก ก็จะต้องมีเรื่องให้สะสางกัน ล้างแค้นกัน ความรุนแรงขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ในครั้งก่อน ๆ เป็นปัจจัย และส่วนใหญ่คู่อาฆาตกันจริง ๆ แล้วจะต้องอยู่ใกล้กันยิ่งเป็นคู่ที่ต้องสะสางกันหลาย ๆ เรื่องแล้ว โอกาสที่จะเกิดเป็นพี่น้องกันญาติกันยิ่งมีมาก ชาตินี้จึงมาคิดบัญชีก้นต่อไม่จบสิ้นเพราะยังไม่มีใครอโหสิกันหรือเลิกจองเวรกัน ตามที่พระพุทธเจ้าท่านสอนว่า กรรมเวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวรต่อกัน เรียกว่า ต้องยอมเสียฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด มิฉะนั้นเกิดชาติหน้าน้องก็กลับมาฆ่าพี่ชดใช้ เพราะชาตินี้พี่ได้ฆ่าน้องแล้วและส่วนใหญ่ก่อนตายได้กล่าวคำอาฆาตไว้แล้วเรียกว่าอธิษฐานจิตให้ได้ฆ่ากันอีก
ไอ้ลูกล้างผลาญ
คนบางคนถูกโกง ถูกหลอกให้เสียเงิน เสียทอง อยู่เรื่อยไม่จบสิ้นพอจะสบายหน่อยถูกโกงอีกแล้ว แต่บางครอบครัวลูก ๆ นี้แหละเป็นได้ตัวร้ายเสียเอง คือคอยทำให้เสียเงินเสียทองตลอดนำความเดือดร้อนอยู่เสมอ แต่ก็ไม่สามารถตัดขาดได้ ได้แต่ตรอมใจ เจ็บใจ ที่เป็นเช่นนี้เพราะเคยผลาญเงินโกงเงินเขามากอ่นทางแก้นั้นต้องรบอโหสิกรรมกันและถ้าเป็นกรรมมากคือรู้สึกว่าถูกลูกเวรคนนี้ผลาญอยู่เรื่อย เป็นเวลานานแล้ว ทรัพย์สินจะหมดแล้วให้รับแบ่งเงินกันทรัพย์สินออกมาส่วนหนึ่งที่พอเห็นว่าจะอยู่กินใช้ได้ในบั้นปลายชีวิต เสร็จแล้วที่เหลือเอาออกมาให้ลูกเวรคนนี้เห็นรับรู้ไว้ โดยเรียกมาคุยกันให้รู้กันจุดธูปเทียนบูชาพระ บอกกล่าวต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้เป็นพยานในการกระทำความเดือดร้อน ให้พ่อแม่เสียเงินทองไปมากแล้วนะ จนเกือบจะหมดสิ้นอยู่แล้ว วันนี้ขอให้ลูกอโหสิกรรมต่อพ่อแม่ด้วย ขอให้หมดกรรมกันในวันนี้ และที่ลูกผลาญเงินก้อนสุดท้ายที่พ่อแม่จะให้ลูกไว้ทำกินต่อไป และพ่อแม่จะไปอยู่ที่อื่นแล้วใครที่มีปัญหาในเรื่องนี้ ต้องรีบใช้วิธีนี้ จึงสามารถตัดล้างกันได้ มิฉะนั้นหมดตัวแน่
แผ่เมตตาหลวง

อิทังโนปุญยะพาคัง ราชาทินันเจวะ อิสสะระณัง มาตาปิตุ อาทีนันจะ ปิยะชะนานัง สัพพะสัตตานัญจะ นิยาเทมะ

ข้าพุทธเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวายส่วนบุญกุศล ให้แก่อิสระชนคนผู้ที่เป็ฯใหญ่ทั้งหลาย มีพระราชามหากษัตริย์ทุก ๆ พระองค์ ผู้เป็นพระประมุขของชาติ องค์สมเด็จพระสังฆราชผู้เป็นพระประมุขของศาสนาและคณะรัฐบาล ผู้บริหารประเทศชาติ เป็นต้น ข้าพเจ้าขอแผ่ส่วนบุญกุศลให้แก่ ปิยะชน คนผู้เป็นที่รักทั้งหลาย มีมารดาบริดาปู่ย่าตายาย คุณครูอุปัชฌาอาจารย์ทั้งหมาย เป็นต้น ข้าพเจ้าขอแผ่ส่วนบุญกุศลให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงทุกชาติชั้นวรรณะทุกศาสนา ทุกภาษาที่อยู่ทั่วทุกมุมแห่งโาลกสัพเพสัตตา ปุญญะภาคิโณ โหนตุ ขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง จงมีส่วนแห่งบุญกุศล ร่วมกับข้าพเจ้าทั้งหลายโดยทั่วถึงกันเถิด

สัพเพสัตตา อะเวราโหตุ อัพยาปัชฌาโหตุ อะณีฆาโหตุ สุขีอัตตานังปะริหะรันตุ ขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง จงเป็นสุข ๆ เถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย อย่าได้ทุกข์กายทุกข์ใจเลย ขอจงมีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยอันตรายทั้งหมดทั้งสิ้นเทอญ
(คาถารวมจิต) อิติสัมมา สัมพุทธัสสะ มะมะ จิตตัง
(คาถาพระนิพพานนิมิต) นิมิตจิตติ นิมิตจิตตา นิพพานจิตติ
นิพพานจิตตา
พระคาถา มงกุฎพระเจ้าฯ
พระคาถานี้ ด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ ร.๕ ได้ใช้เสกหญ้าให้ม้าที่พยศ ได้หยุดการพยศกลายเป็นม้าที่เชื่อง ให้คนขึ้นขับขี่ได้พระคาถานี้สักดิ์สิทธิ์มาก เมื่อท่องคาถานี้ทุกวันจะทำให้มีคนนับถือ เชื่อฟัง ดีในด้าน การบังคับบัาญชาลูกน้อง บริวาร เหมาะแก่ครูบาอาจารย์ที่ต้องสอนลูกศิษย์มาก ๆ
อิติปิโส วิเสเสอิ
อิเสเส พุทธนาเมอิ
อิเมนา พุทธตังโสอิ
อิโสตัง พุทธปิติอิ
พระคาถานกยูงทอง
โมระปะริตตัง
อุเทตะยัญจักขุมา เอกะราชา
หะริสสะวัณโณ ปะฐะวิปปะภาโส
ตัง ตัง นะมัสสามิ หะริสสะวัณณัง ปะฐะวิปปะภาสัง
ตะยัชชะ คุตตา วิหะเรมุ ทิวะสัง
เย พราหมะณา เวทะคุ สัพพะธัมเม
เต เม นะโต เต จะ มัง ปาละยันตุ
นะมัาตถุ พุทธานัง นะมัตถ โพธิยา
อิมัง โส ปะริตตัง กัตวา โมโร จะระติ เอสะนาฯ
อะเปตะยัญจักขุมา เอกะราชา
หะริสสะวัณโณ ปะฐะวิปปะภาโส
ตัง ตัง นะมัสสามิ หะริสสะวัณณัง ปะฐะวิปปะภาสัง
ตะยัชชะ คุตตา วิหะเรมุ รัตติง
เย พราะหมะณา เวทะคุ สัพพะธัมเม
เต เม นะโม เต จะมัง ปาละยันตุ
นะมัตถุ พุทธานัง นะมัตถุ โพธิยา
นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุตติยา
อิมัง โส ปะริตตัง กัตวา กัตวา โมโร วาสะมะกัปปะยีติฯ

คาถานกยูงทองนี้ มีอานุภาพในด้านแคล้วคลาด ปลอดภัย บังตาจากศัตรูหรือโจรผู้ร้ายที่จะมาทำร้ายขี้ปล้นทรัพย์ให้ท่องบูชาทุกครั้ง ก่อนออกเดินทางจะปลอดภัยแน่นอน เป็นคาถาที่พระโพธิสัตว์ใช้กันมา แต่อดีตกาล
พระคาถาพระสีวลี
พระอรหันต์เจ้า ที่มีบุญบารมีทางลาภสักการะมากกว่า พระอรหันต์ด้วยกันในสมัยพุทธกาล พระอินทร์ ได้มอบพระคาถานี้กับคุณแม่บุญเรือนโตงบุญเติม ท่านแม้เป็นฆราวาสแต่ก็ได้ฝึกธรรมะถึงขั้นได้อภิญญา มีฤทธิเดชมากมาย ดังมีหลักฐานให้อ่านให้ดูดได้ที่” วัดอาวุธ ถ.จรัลสนิทวงศ์ บางพลัด กทม.
นะ ชาลีติ ฉิมพา จะ มหาเถโร
สุวรรณะ มามา โภชนะ มามา วัตถุวัตถา มามา
พลาพลัง มามา โภคะ มามาร มหาลาโภ มามา
สัพเพ ชะนา พหู ชะนา ภวันตุเม
ถ้าจะให้เกิดลาภสม่าเสอ ให้ท่องสวดพระคาถาตามกำลังวันดังนี้วันอาทิตย์ ๖ จบ วันจันทร์ ๑๕ วันอังครา ๘ วันพุธ ๑๗ วันพฤหัส ๑๙ วันศุกร์ ๒๑ วันเสาร์ ๑๐
บทสวดมนต์ขอพรพระแม่กวนอิมโพธิสัตว์

น้ำโม ไต่ชื้อ ไต่ปุย กิ๊วโข่ว กวงไต๋เหล่งก๊ำ กวงสีอิมผ่อสัก (กราบ)
น้ำโม ไต่ชื้อ ไต่ปุย กิ๊วโข่ว กวงไต๋เหล่งก๊ำ กวงสีอิมผ่อสัก (กราบ)
น้ำโม ไต่ชื้อ ไต่ปุย กิ๊วโข่ว กวงไต๋เหล่งก๊ำ กวงสีอิมผ่อสัก (กราบ)
น้ำโมฮูก น้ำโมหวก น้ำโมเจง น้ำโม กิ๊วโข่ว กิ๊วหลั่ง กวงสีอิมผ่อสัก ถั่งจี๊โต โอม เกียล้อฮวกโต เกียล้อฮวกโต เกีายออฮวกโต หล่อเกียฮวกโต หล่อเกียฮวกโต ชำพอออ เทียงหล่อซิ้ง ตี่หล่อซิ้งนั้งหลี่หลฃั่ง หลั่งหลี่ซิง เจ็กเฉียก ไจเอียงห้วยอุ่ยติ๊ง น้ำโม หม่อออปั่วเยี๊ยะ ปอหล่อบิ๊ก (กราบ)
(ภาวนาวันละมากจบเท่าไรก็ยิ่งเป็นการดี)

ใจความสำคัญของมนต์ขอพรพระแม่กวนอิมฯ
ขอนอบน้อมพระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์ พระผู้เปี่ยมล้นด้วยมหาเมตตา มหากรุณอันยิ่งใหญ่ไพศาล ขอได้โปรดบำบัดทุกข์โศกโครภัยอันตรายทั้งปวง
ข้าพเจ้าขอน้อมถึงพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ พระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์ ขอได้โปรดขจัดเป่าทุกข์โศกโครภัยทั้งปวงให้หมดสิ้นไป ขอความสุขสมปรารถนาทุกประการ จงมีแด่ข้าพเจ้า ขอเทพเจ้าเบื้องบนและเทพเจ้าเบื้องล่างทั้งหมด ได้โปรดปัดเป่าให้เวรกรรมและสรรพเคราห์ทั้งมวล จงหมดสิ้นไป
อะภะยะปะริตตัง
ให้ท่องนะโม ๓ จบ
ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะ
โย จามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโท
ปาปัคคะโห ทุสสุปินัง อะกันตัง
พุทธานุภาเวนะ วินาสะเมนตุฯ
ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะ
โย จามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโท
ปาปัคคะโห ทุสสุปินัง อะกันตัง
ธัมมานุภาเวนะ วินาสะเมนตุฯ
ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะ
โย จามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโท
ปาปัคคะโห ทุสสุปินัง อะกันตัง
พสังฆานุภาเวนะ วินาสะเมนตุฯ
คาถาบทนี้ใช้สวดบูชา ตอนที่ฝันไม่ดี ฝันร้ายต่าง ๆ คนที่ฝันว่าเก็บเงินเก็บธนบัตรได้ ได้หยิบเงินจากการให้ของใครก็ตาม ถือว่าเป็นการฝันไม่ดี ใคร่ ไม่เชื่อให้สังเกตดู การสวดบูชาต้องรีบสวดในวันนั้น ให้สวดท่อง ๑๙ จบ
ประวัติพระคาถาพระปัจเจกะโพธิ์โปรดสัตว์
พระคาถาพระปัจเจกะโพธิ์โปรดสัตว์นี้ หลวงพ่อปาน (พระครูวิหารกิจจานุการ) วัดบางนมโค อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้เรียนมาจากครูพึ่งบุญ อายุ ๙๙ ปี จังหวัดนครศรีธรรมราช (ท่านทำทานให้ขอทานครั้งละ ๑ บาท ซึ่งสมัยนั้นก๋วยเตี๋ยวข้าวแกงจานละห้าสตางค์เอง)
เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๑ หลวงพ่อปาน พร้อมด้วยคณะได้เดินทางไปทุกภาคของประทศไทย ทิศเหนือได้ไปเชียงตุงของพม่า ทิศตะวันออกไปสุดภาคอีสาน และได้ขออนุญาติข้ามเขตไปในอินโดจีนของฝรั่งเศสถึงประเทศญวน ทิศใต้ได้ไปถึงปีนังของอังกฤษ
ท่านครูพึ่งบุญเล่าประวัติพระคาถา
(มองดูแล้วตนในคณะที่ไปกับหลวงพ่อ อายุ ๕๐ เศษ เหมือนจะแก่ เท่า ๆ กับทาน) เมื่ออายุท่านได้ประมาณ ๔๐ ปี ได้มีพระธุดงค์เดินธุดงค์มารูปเดียว ท่านเห็นพระรูปนั้นแล้วรู้สึกเลื่อมใสมาก จึงได้นิมนต์ให้พักอยู่เพ่อบำเพ็ญกุศล ๕ วัน ได้ปฏิบัติท่านอย่างดีเท่าที่จะทำได้ ได้เรียนกรรมฐานจากท่าน ท่านได้สอนให้เป็นอย่างดี เมื่อจะกลับท่านพูดว่า “โยมฉันจะจุดธูปอาราธนาพระ แล้วอาตมาจะมาพบทางใน แล้วท่านได้มอบพระคาถาพระปัจเจกะโพธิ์โปรดสัตว์บทนี้ให้ พร้อมทั้งอธิบายวิธีปฏิบัติ ท่านว่าทำเพียงเท่านี้พอเลี้ยงตัวรอด เงินทองของใช้ไม่ขาดมือ ถ้าปฏิบัติเป็นกรรมฐานทำให้ถึงฌานแล้วจะร่ำรวยเป็ฯเศรษฐีโยมเอาพระคาถาบทนี้ภาวนาเป็ฯกรรมฐานเถิดนะ ไม่เกิด ๒ ปี โยมจะรวยใหญ่ เงินทองจะหลั่งไหลมาเองพระคาถาบทนี้ของพระปัจเจกพุทธเจ้า ตระกูลอาตมาได้เรียนสืบต่อกันมาทุกตน ไม่มีใครจน อย่างจนก็พลเลี้ยงตัวรอด”
ให้หลวงพ่อปานเรียนพระคาถา
เมื่อพูดจบได้มอบพระคาถาให้หลวงพ่อเรียนแล้วบอกว่าได้โปรดอย่าปิดบังพระคาถาบทนี้เลย ขอได้กรุณาแจกเป็นธรรมด้วย แล้วหลวงพ่อก็หลับตาเข้าสมาธิ ท่านครูผึ้งก็หลับตาเข้าสมาธิต่างคนต่างหลับตาประมาณ ๕ นาที ก็ลืมตาขึ้นพร้อมกัน ต่างคนต่างยิ้ม เสียงท่านครูผึ้งพูดว่า “ผมดีใจด้วยที่ต่อไปเบื้องหน้าท่านจะได้ศิษย์คู่ใจ” หลวงพ่อก็หัวเราะ
(มีต่อ)


Create Date : 30 ธันวาคม 2549
Last Update : 30 ธันวาคม 2549 16:51:33 น. 6 comments
Counter : 3951 Pageviews.

 
ตอบคำถามหลวงพ่อ
หลวงพ่อถามว่า ท่านอาจารย์ทำนานนักไหม จึงจะรู้ผลอาจารย์ตอบว่า ไม่นานครับ ประมาณเดือนแรกผ่านไป เริ่มรู้ผลระยะแรกให้ผลในทางกินก่อน เช่นข้าวหุงตามธรรมดา คนกินในบ้านก็กินเท่าเดิม เพิ่มการใส่บาตร แต่ข้าวเหลือ ผมเคยต่อว่าหุงทำไมหุงมากนัก เขาบอกว่าหุงเท่าเดิน ผมจึงสั่งให้ลดจนเหลือครึ่งจำนวนพอดี
เงินเริ่มเพิ่ม
เมื่ออาหารเริ่มลดความหมดเปลือง รายได้ก็เพิ่มขึ้นในระยะ ๑ ปี ผ่านไปเรื่องการเงินเริ่มไหวตัว เงินในที่เก็บเริ่มเกินบัญชี เงินจากร้านค้ารับมานับว่าพอดี พอรุ่งขึ้นมาจรวจเงินมากกว่าจำนวนทุกที ดีขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะทำอะไรเป็นเงินเป็นทองไปหมด เดี๋ยวนี้ผมทำอะไรไม่ไหว แต่ผมก็มีรายได้ทุกวันใครไปใครมา ขากลับคนนี้ให้บ้างคนนั้นให้บ้าง คิดเฉลี่ยผมมีรายได้วันละประมาณเกือบร้อยบาท พระคาถาบทนี้ศักดิ์สิทธ์มากครับ
ทำเป็นกรรมฐาน
หลวงพ่อได้ถามว่า ท่านอาจารย์ทำอย่างไร อาจารย์ตอบว่า ผมทำเป็นกรรมฐานเลยครับ ทำจนสว่าง หลับตาลงแล้วเกิดความสว่างขึ้น ได้เห็นพระพุทธรูปบ้าง พระสงฆ์บ้าง มีอยู่องค์หนึ่งครับจีวรสวยมากไม่เหมือนจีวรพระธรรมดา แล้วเริ่มเห็นเงิน คราวแรก ๆ เป็นจำนวนน้อย ๆ ต่อมาก็เห็นจำนวนมากตามลำดับ จนถึงกองใหญ่เหลือที่จะนับ ตอนนี้เองครับ เงินทองไหลมากันใหญ่ทำอะไรนิดทำอะไรหน่อยก็ดีไปหมด คนอื่นเขาทำขาดทุนผมลองไปบ้างก็มีกำไรดีเสียด้วย
ของเพิ่ม
มีเรื่องแปลกอีกครับ นอกจากเงินเพิ่มแล้ว ของก็เพิ่มอีกด้วยข้าวของที่อยู่หรือหาหาใหม่ มีบัญชีจดไว้ครบถ้วน ครั้นไปตรวจคราวใดของเกินบัญชีทุกที
เคล็ดลับ
หลวงพ่อถามว่า มีเคล็ดลับอะไรบ้างในการเข้าออกและการเก็บเงินใช้เงินอาจารย์ตอบว่า มีครับแหม ผมเกือบลืมบอก ดีแล้วครับถามดีมาก เรื่องนำข้าวของไม่ว่าเป็นอะไร จะเป็นของกิจ ของใช้ของขายก็ดีผมทำน้ำมนต์ด้วยพระคาถาบทนี้ไว้เมื่อนำข้าวของเข้าบ้านผมเอาใบพลู ๓ ใบ จุ่มน้ำมนต์พรมของนั้น ๓ หน พรม ๑ ว่าพระคาถาหนึ่งจบ
การนำเงินเข้าเก็บและนำออกใช้
เมื่อนำเงินเข้าเก็บและนำเงินออกมาใช้ ให้ว่าพระคาถานี้เท่ากับจำนวนที่สวดบูชาพระเช่น ปกติสวด ๗ จบ เมื่อนำเงินเข้าเก็บก็ว่าพระคาถานี้ ๗ จบ แต่อย่านับเงินก่อน ให้จบเงินแล้วว่าพระคาถาครบจำนวนเงิน จึงนำเงินออกมานับนอกที่เก็บ คำสนทนาครูพึ่งบุญกับหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จบคำสนทนาของครูพึ่งบุญ กับหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค
พระคาถาพระปัจเจกะโพธิ โปรดสัตว์
นะมโตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
(ว่า ๓ จบ)
พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระยะโย
วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี
วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ
มานี มานะ พุทธัสสะ สวาโหม

พระคาถาบทนี้ สามารถพิสูจน์ทดสอบได้
เพื่อให้เป็นที่ประจักษ์แก่ผู้คนทั้งหลายว่า พระคาถาพระปัจเจกโพธิ์ โปรดสัตว์นี้ศักดิ์สิทธิ์ ได้ผลแน่นอนแล้ว ให้ทดสอบดังนี้ เอาต้นไม้ที่ออกดอกง่าย ๆ เร็ว ๆ เช่นต้นพริกหรือต้นคุณนายตื่นสาย (ต้นเซี้ยงไฮ้) ให้ปลูกไว้ ๒ กระถาง แล้วรดน้ำตามปรกติ อีกต้นหนึ่งรดน้ำธรรมดา แต่อีกต้นหนึ่งรดน้ำพร้อมทั้งท่องพระคาถาบทนี้ทุกครั้งจะเป็ฯผลแตกต่างกัน ทั้งความแข็งแรงและการผลิดอกออกผล ให้ท่านพิสูจน์เช่นนี้ จะเห็นความมหัศจรรย์ของพระคาถาบทนี้

ปรารภถึงหลวงพ่อ โดย นายประสงค์ ตั้งตรงจิตร ห้างขายยาตราใบโพธิ์ ท่าเตียน
เนื่องด้วยข้าพเจ้าเป็นศิษย์ของพระครูวิหารกิจจานุการ (หลวงพ่อปาน) วัดบางนมโค บ้านแพน อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งท่านได้มีพระคุณ ได้อบรมสั่งสอนวิชา และให้โอวาทความดีต่างๆ แก่ข้าพเจ้าตลอดมา
เท่าที่ข้าพเจ้าสังเกตในท่านที่มีพระคุณนี้เห็นว่าท่านในใจในพระคาถาของพระปัจเจกะโพธิ์มากกว่าสิ่งใด ๆ ทั้งหมด อาทิเช่น ท่านจะมีการประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลใด ๆ ท่านต้องนำบทพระคาถานี้ออกแจกแก่บรรดาท่านทั้งหลายที่มาร่วมกันกระทำการกุศลนั้นทั้งบรรดาท่านที่คุ้นเคยนับถือและบรรดาศิษยานุศิษย์ทั่วกันทุก ๆ คน หรือท่านมีกิจจะไปพัก ณ ที่ใด ท่านจะต้องนำพระคาถานี้ติดตัวท่านไปแจกด้วยเสมอทุก ๆ ครั้ง หรือท่านบูชากับกองพระคาถานี้ในขณะที่ท่านผ่านไปมาทุกเมื่อ
หรือท่านจะอยู่ ณ สถานที่ใด ย่อมต้องกล่าวอ้างถึงความงามความดีแห่งพระคาถานี้เสมอ และแนะนำให้ผู้ทีมานั่งฟังอยู่ ณ ที่นั้นให้ไปกระทำตามพร้อมทั้งกล่าวยกตัวอย่างที่ท่านได้แนะนำไปแล้วนำไปแล้วว่าได้ผลดีอย่างไร ถึงกับได้นำของตัวอย่างมากให้ดูด้วย เช่น ต้นกล้วยที่มีผู้ปลูกแล้วต้นสูงใหญ่ผิดกว่าต้นกล้วยธรรมดา มีลูกมากกว่า ๕๐๐ ลูกต่อหนึ่งเครือ ตกปลีแล้วยังเหลือปลีใหญ่
อีกมากนัก ผู้ที่เห็นกับตาตนเองแล้วกล่าวอนุโมทนาทุกคนว่าแปลกประหลาดมาก ต้นกล้วยที่กล่าวนี้ท่านได้นำมาตั้งให้คนจำนวนมากดูอยู่ที่ลานวัดของท่าน เพื่อจะได้ชมเป็นขวัญตาทุกคน และยังมีอีกมากรายที่ท่านไดเล่าให้ฟัง เพื่อจะได้ชมเป็นขวัญตาทุกคน และยังมีอีกมากรายที่ท่านไดเล่าให้ฟัง มีผลดีทั้งนั้น การปลูกฟักที่ลูกมากมาย ฟัก ๓ ลูกใหญ่โตมาก ๓ ลูกหนักกว่า ๑ หาบ การปลูกมะม่วงอกร่องออกลูกเต็มต้น ผลมะม่วงใหญ่กว่าผลมะม่วงธรรมดาถึง ๓ เท่า การปลูกข้าวก็ได้ข้าวมากกว่าธรรมดามาก แต่เหลือวิสัยที่จะนำมาให้ดูได้ทุก ๆ อย่างเป็นแต่เล่าให้ฟังพอเป็นสังเขปเท่านั้น จึงเห็นว่าท่านสนในพระคาถานี้มากที่สุด
(นายประยงค์ ตั้งตรงจิตร์ เป็นศิษย์คนแรกที่ได้นำพระคาถาบทนี้ไปปฏิบัติอย่างจริงจัง จนได้ผลสำเร็จมาแล้ว จากคนธรรมดาไปเปลี่ยนฐานะเป็นเศรษฐี และได้ช่วยเหลือหลวงพ่อปานมาตลอด และเป็นผู้เผยแพร่พิมพ์แจกพระคาถาบทนี้)
หลวงพ่อปาน โสนันโท
หลวงพ่อปาน ถือกำเนิดที่ย่านวัดบางนมโค เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๔๑๘ อาชีพของครอบครัวคือการทำนา
หลวงพ่อปาน อุปสมบทเมื่อวันที่ ๑ เมษายน ๒๔๓๘ โดยมีพระอุปัชฌาย์ คือหลวงพ่อสุ่นวัดบางปลาหมอ เป็นอาจารย์สอนจนสำเร็จกรรมฐาน
ได้หลวงพ่อเนียม วัดน้อย อ.บางปลาม้า สุพรรณบุรี เป็นอาจารย์สอนด้านกรรมฐานเพิ่มตอนมีชีวิตอยู่หลวงพ่อปานได้ช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บตลอดจนผู้คนที่ถูกคุณไสยฯ ต่างๆ จนหายเป็นปกติทุกรายไป
หลวงพ่อสุ่นและหลวงพ่อเนียมได้ทำนายหลวงพ่อปานว่าได้
ปรารถพุทธภูมิมามาก ทำมาเยอะแล้ว ชาตินี้เป็นชาติที่สุด การบำเพ็ญบารมีชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย ต่อไปก็มีการเกิดจะตรัสเป็นพระพุทธเจ้าเท่านั้นหลวงพ่อปานมรณะภาพเมื่อ ๒๖ กรกฎาคม ๒๔๗๑

หลวงพ่อพระมหาวีระ ถาวโร
วัดจันทาราม (ท่าซุง) อ.เมือง จ.อุทัยธานี
หลวงพ่อพระมหาวีระ ถาวโร หรือหลวงพ่อฤาษีเป็นศิษย์ใกล้ชิดหลวงพ่อปานมากที่สุด และเป็นผู้เขียนประวัติหลวงพ่อปาน วัดบางนมโคให้เราทราบประวัติรายละเอียดจนทุกวันนี้ (หาซื้อหนังสือประวัติหลวงพ่อปานได้ที่วัดท่าซุง)
หลวงพ่อพระมหาวีระ ถาวโร ได้เพิ่มพระคาถาพระปัจเจกะพระพุทธเจ้าดังนี้
นะมโตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (ว่า ๓ จบ)
สัมปจิตฉามิ
นาสังสิโม
พรหมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ
พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุ เม
มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุ เม
มิเตพาหุหะติ
พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระยะโย วิระโคนายัง
วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ
มานีมานะ พุทธัสสะ สวาโหม
สัมปะติจฉามิ
เพ็ง ๆ พา ๆ หา ๆ ฤา ๆ
วิธีปฏิบัติต่อพระคาถาบทนี้
ให้ถูกต้องแล้วจะสัมฤทธิ์ผลอย่างแน่นอน ดังนี้
๑. ต้องตักบาตรหรือถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุทุกวัน ถ้ามีเหตุที่ไม่สามารถตัก
บาตรได้ ให้ใช้วิธีเก็บเงินใส่ทานถวายไว้ที่หิ้งพระหรือโต๊ะหมู่บูชาพระ ตอนที่
ท่านสวดมนต์ไหว้พระ และเมื่อครบ ๗ วันแล้วให้นำเงินจำนวนนั้นไปถวายวัด
ใส่ตู้ที่วัดเขียนว่า “ถวายภัตราหารพระ” หรือให้จบอธิษฐานว่าเป็นเงินถวาย
ภัตตาหาร พระเณรก็ได้ไม่ควรให้ช้ากว่า ๑๐ วัน เพราะบุญจะไม่ต่อเนื่องกัน
เรื่องนี้สำคัญ
๒. พระคาถาบทนี้ ต้องท่องสวดหลายๆ จบยิ่งมากยิ่งดี แต่อย่างน้อย ๆ ต่อหน้า
พระบูชาที่บ้านแล้วต้องครบ ๙ จบ ส่วนเวลาอื่น เช่น นั่งรถไปทำงาน หรือ
ขณะทำงานไม่ว่าจะนั่ง เดินให้ภาวนาตลอด ๆ เรียกว่า นึกได้เมื่อไร ก็ท่อง
ภาวนาพระคาถาฯ บทนี้ทุกขณะจิต ยิ่งจะได้ผลมากโดยเฉพาะคนที่ดวงชะตา
ตกอับจนเงินทองขัดสนยิ่งต้องภาวนามาก ๆ เรียกว่า ให้ท่องเป็นร้อยจบ
พัน จบได้ยิ่งดีโดยไม่ต้องจำเป็นต้องสวดภาวนาต่อหน้าพระบูชาก็ได้
ท่านใดก็ตามที่สามารถได้ใน ๒ วันนี้รับรองจะมีความเป็นอยู่ที่ดี เรื่องที่จะขัด
สนในด้านอาหารการกินจะไม่มีอย่างแน่นอน ขอรับรอง
พระคาถาโสฬสมงคล
โสฬะสะมังคะลัญเจวะ นะวะโลกุตตะระธัมมะตา
จัตตาโรจะมหาทีปา
ปัญจะพุทธามหามุนี ตรีปิฏะกะธัมมักขันธา
ฉะกามาวะจะราตะถา
ปัญจะทัสสะกะเวสัจจัง ทะสะมังสีละเมวะจะ
เตรัสสะธุตังคาจะ
ปาฎิหารัญจะทะวาทัสสะ เอกะเมรุจะ สุราอัฎฐะ
ทะเวจันทังสุริยังสัคคา
สัตตะโพชฌังคาเจวะ จุททัสสะจักกะวัตติจะ
เอกาทะสะวิสะณุราชา
สัพเพเทวามัง ปะลายังตุ สัพพะทาเอเตนะ
มังคะละเตเชนะ สัพพะโสตถี ภะวันตะ เมฯ

กล่าวให้ปรากฏ อุปเท่ห์โสฬส บันดาลชายหญิง ภาวนาทีหนึ่ง สองทีดีจริง สิบแปดทีดียิ่งมีผลานิงค์ ชักลูกประคำ ร้อยแปดเลิศล้ำ ให้ได้คาบทรงคงเกิดส่วนบุญ มีผลานิสงค์ พบแล้วอย่างง ไม่พบเร่งหา ผู้ใดไม่พบบุญน้อยถอดถด เสียชิตเกิดมา เป็นคนขัดสน มืดมนต์หนักหนา พบแล้วท่านว่าภาวนาประจำ เหมือนชีวิตเกิดมา เป็นคนขัดสน มืดมนต์หนักหนา พบแล้วท่านว่าภาวนาประจำ เหมือนได้ดวงแก้วแถม ทองผ่องแผ้ว กุศลชักนำ สิ่งใดปรารถนาภาวนาหัวค่ำ กุศลเลิศล้ำ ประมูลพูนมา อุบาทว์จัญไร กันทั้งโรคภัย ปรากฏคาถากลับจิตคิดเห็น ๆ อนัตตา มิอาจมาทำลายตัวเรา ภาวนาภัยหัวค่ำทีหนึ่งประจำ เที่ยงคืนและย่ำรุ่งเป็นสามทีเกิดสวัสดี มีลาภทุกประการอาหารการกินปรีเปรมเกษมสันต์ ภาวนา ๓-๗ เป็นสำเร็จการ ทุกค่ำสำราญกว่าคนทั้งหลาย อายุวัณโณ บรมสุขโขภัญโญทั้งปลาย ถ้าไฟไหม้มาให้เสกข้าวสาร สาดหว่านหลังคา ลมพาพัดหวลอย่าได้สงกา ฝนตกลงมาภาวนาป้องกัน ถ้าจะขายของเสกน้ำประพรม สินค้าสารพันระบือลือสั่น พากันเข้ามาค้าเรือ เหนือใต้ เขียนคาถาไว้ แผ่นกระดาษปรารถนาเสกด้วยตัวเองปิดหัวนาวา นำของสินค้าขายมีกำไร ถ้าเป็นความเสกน้ำล้างหน้าทาแป้งเสกเครื่องแต่งตน เสกหมากอย่านาน กินแล้วยาตรา กระทืบเท้าสามทีแปลกายบ่ายสู่คู่ความตามที่เป่าพ่นอย่าหนี พลุ่งพล่านต้องเวทย์มนต์ถาคาพลัน ให้ภาวนาเสกน้ำล้างหน้า กันทั้งคุณไสยอุบาทว์ จัญไร อัคคีโจรภัยตามความปรารถนา
พระคาถาบทนี้ เป็นของหลวงปู่เอี่ยม ปฐมนาม วัดสะพานสูง ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ซึ่งท่านได้ใช้บทนี้ ปลุกเสกสร้างพระปิดตา และ ตะกรดทำให้มีพุทธคุณมาก จนเป็นที่ต้องการของผู้คนทั้งหลายตราบเท่าทุกวันนี้
หลวงปู่เอี่ยม ปฐมนาม เกิดเมื่อ ๒๓๖๐ มรณะภาพ เมื่อ ๒๔๓๙

พระคาถา อุณหิสสะวิชะยะ
อัตถิ อุณหิสสะ วิชะโย ธัมโม โลเก อะนุตตะโร
สัพพะสัตตะหิตัตถายะ ตังตวังคัณหาหิ เทวะเต
ปะริวัชเช ระชะทัณเฑ อะมะนุสเสหิ ปาวะเก
พะยัคเฆ นาเค วิเส ภูเต อะกาละมะระเณนะ วา
สัพพัสมา มะระณา มุตโต ฐะเปตวา กะละมาริตัง
ตัสเสวะ อานุภาเวนะ โหตุ เทโว สุขี สะทา
สุทธะ สีลัง สะมาทายะ ธัมมัง สุจะริตัง จะเร
ตัสเสวะ อานุภาเวนะ โหตุ เทโว สุข สะทา
ลิกขิตัง จินติตัง ปูชัง ธาระนัง วาจะนัง คะรุง
ปะเรสัง เทสะนังสุตวา ตัสสะ อายุ ปะวัฑฒะตีติ

พระคาถาบทนี้ อยู่ในสมัยพุทธกาล ที่พระพุทธเจ้าได้ทรงเมตตาให้เทวดาองค์หนึ่งที่กำลังหมดอายุขาย จะต้องลงไปเสวยกรรมในนรก แต่เทวดาองค์นี้ มีความกลัวมากที่จะต้องลงไปเกิดใน เมืองนรกจึงดิ้นรนทุกวิถีทาง ที่จะไม่ไปแต่ก็ไม่มีใครจะช่วยเหลือได้ แม้แต่องค์ พระอินทร์ แต่ยังโชคดีที่ได้พบพระพุทธเจ้า และทรงแนะให้ภาวนาคาถาบทนี้ จะได้มีอายุยืนยาวนานต่อไป เพื่อที่จะได้ใช้เวลาที่เหลืออยู่นี้ บำเพ็ญภาวนา ใช้หนี้กรรมที่มีอยู่ ให้หมดไป
พระคาถาบทนี้ จึงมีพุทธานุภาพมาก ในเรื่องของการมีอายุยืนยาวและยังทำให้สุขภาพแข็งแรง ไม่เจ็บไข้ได้ป่วยอย่างง่าย ๆ อีกด้วย ผู้ที่มีสุขภาพไม่ดี หรือขี้โรค หรือป่วยเป็นโรคที่รักษายากแล้ว ควรหมั่นท่องภาวนาเป็นประจำ จะหายได้โดยเร็ววัน

© copyright 2006 konmeungbua.com All right reserved.


โดย: sak (psak28 ) วันที่: 30 ธันวาคม 2549 เวลา:16:53:20 น.  

 
ขออนุโนทนาบุญด้วยด้วยนะคะ


โดย: จิราพร IP: 124.120.164.28 วันที่: 27 ตุลาคม 2550 เวลา:20:13:37 น.  

 
ขอก๊อบหน่อยนะค่ะ


โดย: คนตกงาน IP: 125.25.226.8 วันที่: 2 พฤษภาคม 2551 เวลา:13:38:22 น.  

 

ขอ Copy หน่อยนะคะ


โดย: นก IP: 203.130.143.243 วันที่: 20 ตุลาคม 2551 เวลา:17:00:44 น.  

 
อยากมีงานดีๆๆทำลองเข้ามาดูนี่ดิ

//tinyurl.com/pond14


โดย: bas IP: 114.128.175.105 วันที่: 2 พฤศจิกายน 2551 เวลา:22:31:07 น.  

 
ขอ copy ค่ะ


โดย: นัท IP: 122.154.16.2 วันที่: 21 พฤศจิกายน 2551 เวลา:11:46:35 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

psak28
Location :
ภูเก็ต Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]





คนเราเกิดมาจากเหตุปัจจัยจากกรรมที่เราสร้างขึ้น และด้วยอนุสัยที่สั่งสมมาตั้งแต่อดีตกาล ย่อมมีความสุข และความทุกข์เป็นธรรมดา เราก็แค่เป็นเพียงผู้ดูสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น เปรียบเสมือนการดูละคร ดูแล้วก็ผ่านไป ไม่ต้องไปยึดติดกับมัน เคยสงสัยเหมือนกันว่าคนเราเกิดมาทำไมกัน แล้วทำไมคนเราจึงไม่เหมือนกันเลย ทั้งรูปร่าง หน้าตา กิริยา และการดำเนินชีวิต ที่กล่าวมาล้วนมีกรรมสรรสร้างให้เป็นอย่างนั้น หน้าที่ของเราก็คือ ละเว้นความชั่ว ทำความดีให้ถึงพร้อม และทำจิตใจให้ขาวรอบ


อันนี้ลองดูนะครับ หากใครสนใจหวยหุ้น หวยรัฐบาล นี่ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งครับ ได้มากกว่า ^_^



อันนี้น่าสนใจดีครับ จุ๊บลมยางที่สามารถบอกเราได้ว่าลมยางตอนนี้เป็นเท่าไหร่ และเตือนเราในกรณีลมยางอ่อนได้ ลองดูกันนะครับ




: Users Online

Friends' blogs
[Add psak28's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.