|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ชวนอ่านลิลิตพระลอ ว่าด้วยบทอัศจรรย์
เมื่อเพื่อนๆ ชวนอ่านลิลิตพระลอแบบวิเคราะห์ ช่วงแรกๆจอมยุทธฯก็พยายามอ่านศึกษาไปด้วย แต่ยอมรับว่ายังไม่กระตือรือร้นเท่าไหร่จนมาถึงบทอัศจรรย์นี่แหละ อยากมีส่วนร่วมด้วยเพราะมีความชอบเป็นการส่วนตัว ฮ่า ฮ่า ถึงส่วนใหญ่ช่วงนี้จะเน้นโคลงจากลิลิตพระลอเป็นหลัก แต่อาจจะยกหรืออ้างอิงโคลงบางบทจากวรรณกรรมเล่มอื่นเพื่อศึกษาด้วย
ขอออกตัวก่อนว่า จอมยุทธฯ อาจจะไม่ชำแหละโดยตรงแบบที่ นิรนาม ทำมา เพราะกลัวเนื้อหาบางส่วนอาจจะไม่เหมาะสม แต่จะชวนอ่านไปพร้อมๆกัน โดยดูจินตนาการของกวีในมุมกว้างๆดีกว่า
ก่อนจะเริ่มเข้าเนื้อหา จอมยุทธฯ ต้องขอบอกว่า ความจริงแล้วตัวเองยังไม่มีความสามารถพอ ที่จะนำเสนอแง่มุมต่างๆใน ตรงนี้ แต่จะขอยึดแนวทางการนำเสนอจากหนังสือที่ตัวเองมีอยู่ โดยหลักๆ ๓ เล่มคือ
๑. ฉากรักในงานวรรณกรรม ของ นิวัติ กองเพียร โดยสำนักพิมพ์แสงดาว ๒. วรรณกามแห่งสยามคดี ของ คมทวน คันธนู โดยสำนักพิมพ์มิ่งมิตร ๓. บทอัศจรรย์-เสน่ห์ของวรรณคดีไทย เขียนโดย พงศ์ พระยาจักร จากหนังสือ สวนหนังสือ ฉบับที่ ๒๗
ก่อนที่จะเข้าไปอ่านลิลิตพระลอกัน จอมยุทธฯ ว่ามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับบทอัศจรรย์ กันก่อนดีกว่าครับ
บทอัศจรรย์ คือ บทกลอนหรือบทร้อยกรองที่แสดงออกถึงอาการโอ้โลมปฏิโลม ตลอดไปถึงบทบรรยายถึงการมีสันถวสัมผัสระหว่างตัวละครฝ่ายหญิงกับตัวละครฝ่ายชาย แต่แทนที่จะเป็นการบรรยายแบบใช้คำพูดและตัวอักษรที่ชี้ออกมาตรงๆ ก็กลับเป็นการใช้ความสามารถในเชิงกวีและถ้อยคำอันวิจิตรอลังการให้มีนัยบ่งชี้ถึงปฏิสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างสองฝ่ายแทน ใช้ความสวยงามและความไพเราะของถ้อยคำมาตกแต่งและกลบเกลื่อนความรู้สึกอันชวนให้คิดไปในเชิงลามกอนาจารเสีย แต่การจะรังสรรค์หรือกลบเกลื่อนได้สนิทเพียงใด ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถในเชิงวรรณกวีของผู้แต่งเป็นสำคัญ (พงศ์ พระยาจักร : บทอัศจรรย์-เสน่ห์แห่งวรรณคดีไทย)
ว่าแล้วก็มาเข้าเรื่องลิลิตพระลอกันเลยดีกว่า
จอมยุทธฯ จะขอแยกบทอัศจรรย์ จากลิลิตพระลอ ออกมาเป็น ๒ เหตุการณ์ คือ บทอัศจรรย์ระหว่างนางรื่นนางโรยและนายแก้วนายขวัญ ซึ่งเป็นพี่เลี้ยงของทั้งสองฝ่าย คือ พี่เลี้ยงของ พระเพื่อนพระแพง กับ พี่เลี้ยงของพระลอ เป็นเหตุการณ์หนึ่ง และบทอัศจรรย์ระหว่าง พระเพื่อนพระแพง กับ พระลอ เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่ง ใครมีหนังสือลิลิตพระลอ ลองเปิดตามไปนะขอรับ
มาถึงตรงนี้จอมยุทธฯ จะใช้หนังสือ ฉากรักในงานวรรณกรรม ของ นิวัติ กองเพียร เป็นหลักในการนำเสนอ
ลิลิตพระลอนั้นเป็นเรื่องของหญิงไปหาชายด้วยความหลงรูปอันงดงาม ใฝ่ฝันอยากจะเห็นอยากจะได้พบ อยากจะได้รักผู้ชายทีได้ยินเพียงคำร่ำลือ ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล จนต้องมีการทำมนต์เสน่ห์จากฝ่ายหญิง
นางรื่นนางโรย และนายแก้วนายขวัญ เป็นพี่เลี้ยงของทั้งสองฝ่าย ที่พยายามจะช่วยเจ้านายตัวเองให้ได้เสียกัน ทำทุกวิถีทางทั้งเวทมนต์คาถาหรือไปขับซอเพื่ออวดความงามของพระเพื่อนพระแพงให้พระลอหลงใหล บุกป่าฝ่าดงเดินทางไกลเพื่อให้เจ้านายได้พบกัน แม้บ้านเมืองจะเป็นศัตรูกัน กลายเป็นความรักอันยิ่งใหญ่ถึงกับเอาชีวิตเป็นพลี เป็นความรักที่ลุ่มหลงงมงาย เป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ไม่มีอะไรมาเสมอได้
ฉากอัศจรรย์เกิดขึ้นเมื่อ พระลอ พร้อมพี่เลี้ยงนายแก้วนายขวัญ ตามไก่มาแล้วปลอมตัวหลบเข้าไปเที่ยวในสวนของเพื่อนแพง
ด้วยหัวใจระอุด้วยไฟรัก เพื่อนแพงรบเร้าให้นางรื่นนางโรยเดินทางไปตามหาพระลอที่สวน มาพบกับนายแก้วนายขวัญ ที่กำลังเล่นน้ำอยู่ในสระ ยังไม่ทันจะถามชื่อแซ่กันด้วยซ้ำเกี้ยวพาราสีอยู่ไม่นานก็ชวนกันเสพสังวาสในสระนั้นแล
ในระหว่างเล่นน้ำในสระด้วยกันนั้น โคลงแต่ละบทเปรียบเทียบและใช้สัญลักษณ์ในทางสังวาสได้อย่างงดงามทุกโคลง ลองอ่านดูเถอะขอรับ
๏ นางโรยนางเรียกด้วย.............คำงาม ขวัญอ่อนดั่งขวัญกาม...............ยั่วแย้ม ใบบัวหนั่นหนาตาม...................กันลอด ไปนา หอมกลิ่นบัวรสแก้ม..................กลิ่นแก้มไกลบัว ๏ ใบบัวบังข้าขอบ...................ใจบัว ดอกดั่งจะหัวรัว......................เรียกเต้า เชยชมภิรมย์ชัว.......................ซมซาบ บัวนา ถนัดดั่งเรียมชมเจ้า..................พี่เหล้นกับตน ๏ บัวนมบัวเนตรหน้า...............บัวบาน บัวกลิ่นขจรหอมหวาน..............รสเร้า บัวสมรละลุงลาญ....................ใจบ่า นี้นา บัวบาทงามจวบเท้า..................เกศแก้วงามจริง ๏ โกมุศกาเมศแก้ว...................โกมล พี่เอย หอมกลิ่นจงกลกล....................กลิ่นแก้ว จงกามินีปน..............................รสร่วม กันนา จงกอบอย่ารู้แคล้ว....................ก่อเกื้อกรีฑา ๏ สรนุกบัวซ้อนดอก................บัวพระ พี่นา ปลาช่อนปลาไซ้พระ................ดอกไม้ สลิดโพตะเพียนพะ..................กันชื่น ชมนา รวนเพรียกแนมหลิ่งไสร้...........เหยื่อหย้ามฟูมฟอง ๏ สนุกข้างนี้แนบ.....................จอมใจ พี่เอย สองสนุกกันใน..........................ฝ่ายนั้น ทำขวัญสนุกใด..........................จักดุจ นี้เลย หนีซอกซอนซ้ำหั้น....................เชิดชู้เทียมรงค์
ต้องยกมาให้อ่านกันยาวๆขอรับ เพื่อก่อให้เกิดจินตนาการอันบรรเจิด แล้ว โอ้ โห ลองมาไล่จินตนาการกันซักหน่อย
โคลงสามบทแรกที่ยกมา เป็นการปูพื้นและเกี้ยวพาราสีก่อนที่จะเสพสังวาสกัน โดยการใช้บัวในสระที่ลงอาบน้ำด้วยกันเป็นสัญลักษณ์ ใช้ภาษาที่งดงามและยั่วเย้าให้เกิดอารมณ์ทางเพศสูงยิ่ง ถ้าได้อยู่ในสระน้ำตรงนั้น ใครเล่าจะอดใจไหวมีข้อสังเกตตรงนี้หน่อยหนึ่ง ตามท้องเรื่อง นางรื่นนางโรย ไปพบนายแก้วนายขวัญนั้น พอปะหน้าก็เกิดความเสน่หายังไม่ทันจะถามไถ่ชื่อแซ่ด้วยซ้ำ บทสังวาสก็เริ่มต้น ทันสมัยจริงๆ เพราะผู้หญิงเป็นคนเกี้ยวผู้ชาย ไม่รักนวลสงวนกายกันเลย
สามบทต่อมาเป็นบทในเชิงสังวาส ไม่อยากจะจินตนาการเล้ยยย แต่ถ้าถามว่าบทอัศจรรย์ในน้ำตรงนี้ จอมยุทธฯ ชอบบทไหนมากที่สุด ก้อต้องบอกว่าบทที่ใช้ปลาเป็นสัญลักษณ์ขอรับงดงามและผุดผ่อง งามถึงขั้นจินตนาการเห็นภาพอันวิจิตรตระการ ขอบอกว่าสุดยอด
หลังเสร็จสมในสระน้ำก็ยกพลขึ้นบกอีก อะไรจะยอดเยี่ยมปานนั้น โคลงตรงนี้บอกไว้ว่า
๏ สรงสนุกน้ำแล้วกลับ..............สนุกบก เล่านา สองร่วมใจกันยก.......................ย่างขึ้น ขึ้นพลางกอดกับอก....................พลางจูบ สนุกดินฟ้าฟื้น............................เฟื่องฟุ้งฟองกาม
อ่านๆแล้วขณะประคองกันขึ้นจากน้ำ ยังไม่เว้นเลย โอ้ โห อีกแล้ว สนุกกันจนดินฟ้าฟื้น แน่ะ ตรงนี้แล้วแต่ใครจะจินตนาการครับ
เมื่อขึ้นมาในสวนก็ยังไม่ยอมเลิกอีก ดูโคลงอีกสัก ๒ บท
๏ สองนางนำแขกขึ้น................เรือนสวน ปัดฟูกปูอาสน์ชวน...................ชื่นชู้ สองสมพาสสองสรวล..............สองเสพย์ สองฤดีรสรู้...............................เล่ห์พร้อมเพรียงกัน ๏ เสร็จสองสมพาสแล้ว............กลกาม สองอ่อนสองโอนถาม...............ชื่อชู้ สองมาแต่ใดนาม........................ใดบอก ราพ่อ ให้แก่สองเผือรู้...........................ชื่อรู้เมืองสอง
เสร็จกิจจึงจะถามชื่อ แหม......
ก่อนจะเข้าเรื่องลิลิตพระลอต่อ จอมยุทธฯขอนำฉากอัศจรรย์ที่เป็นโคลงสี่สุภาพ จากวรรณกรรมเรื่องอื่นมาเพื่อเป็นทางเลือกในการเสพอรรถรสด้านนี้ หลายๆลีลา
ชุดแรกเป็นโคลงที่นำมาจาก " ลิลิตเพชรมงกุฎ " ของเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ซึ่งนำเอานิทานจาก " นิทานเวตาล " มาแต่งเป็นลิลิต กล่าวถึงเจ้าชายเพชรมงกุฎ พระราชโอรสของท้าวรัตนนฤเบศร์ แห่งนครศรีบุรี ที่จากบ้านจากเมืองไปประพาสป่า เกิดหลงป่า จนไปถึงเมืองหนึ่งซึ่งมีพระราชธิดาชื่อว่า ประทุมวดี ในที่สุดได้นางเป็นชายาและพานางกลับบ้านเมือง โดยใช้กุโลบายอันชาญฉลาดของพี่เลี้ยง ตอนหนึ่งบนปราสาทของเจ้าหญิงประทุมวดีมีบทอัศจรรย์ ความว่า
๏ พระเสด็จไคลสู่ห้อง...............บรรทม ถึงอาสน์บรรจถรณ์สม..............ม่านแพร้ว พรวนเงินพรวนคำสม................สายสูตร ยี่ภู่ทองรองเตียงแก้ว................เพริศแพร้วเพดาน ๏ โอฬารสารเสนาะพร้อง............พาที สองเกษมเปรมปรีด์..................ผ่องแผ้ว รวยรื่นรสฤดี.............................ปราโมทย์ พระตระกองกายแก้ว.................แนบเนื้อแนมนม ๏ ชมพักตร์จุมพิศเน้น................นวลปราง เอนแอบอุรานาง........................แนบไท้ สองร่วมภิรมย์ปาง....................ประดิพัทธ์ กันแฮ ดุจลดารัดไม้...............................เมื่อเมื้อราตรี ๏ พยุพยับเมฆครื้น...................ครวญหาญ วิรุณร่วงโรยรินฉาน..................ครึกครื้น เวหาฮึกมืดมัวปาน....................เดือนดับ บงกชแบผกาชื้น......................กลิ่นหรื้นรัญจวน
ขอต่อด้วยร่ายตรงนี้อีกหน่อยขอรับเพื่อให้ต่อเนื่อง
ร่าย-พระภูธรธิราช สุขสมพาสพระยุพา มโหฬาดิเรก เป็นเอกโอชา สองเสน่หาสโมสร ในบรรจถรณ์ทิพรัตน์ โดยกำหนัดนิยม แรกเริ่มสมสังวาส ห่อนเคลื่อนคลาดคลารส.......
เมื่อพูดถึงวรรณกรรมเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ถ้าไม่นำ โคลงสี่สุภาพบทอัศจรรย์ จาก " ลิลิตพระศรีวิชัยชาดก " มานำ เสนอด้วยก็กระไรอยู่ เพราะตรงนี้ถือเป็นโคลงครูในแบบบทอัศจรรย์ของจอมยุทธฯ ก็ว่าได้(เอิ้ก)
ก่อนถึงบทอัศจรรย์ตรงนี้ ขอเล่าเนื้อเรื่องเพื่อดูภูมิหลังซะหน่อย
ลิลิตพระศรีวิชัยชาดก เป็นเรื่องราวประวัติของพระโพธิสัตว์ที่มีชื่อว่า " ศรีวิชัยกุมาร " ผู้ทรงมีสติปัญญาอันเปรื่องปราดพระองค์ได้ฝึกเลี้ยง นกแสนรู้ไว้ตัวหนึ่งตั้งชื่อว่า " สุรเสน " ภายหลังได้ใช้นกแสนรู้ไป สืบข่าวสารและหาข้อมูลของผู้ที่สมควรจะเลือกเป็นพระชายา หลังจากสืบหาจนครบถ้วนตามเมืองต่างๆ ก็ไปพบเห็นพระราชธิดา ของเมืองหนึ่ง นางเป็นสตรีที่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดและทรงโฉม เป็นอย่างยิ่ง พระศรีวิชัยกุมารได้ทำพระราชสาส์นขอนางต่อ พระราชบิดา แต่พระราชบิดาทรงพระพิโรธตรัสตอบว่าจะยก พระราชธิดาให้ก็เฉพาะชายที่สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้เท่านั้น พระราชกุมารใช้วิธีบนบานศาลกล่าวต่อเทพประจำเมืองให้ช่วยเหลือ จนเทพกรุณาพาเหาะขึ้นไปบนปราสาทชั้นที่ ๗ ที่พระราชธิดา ประทับอยู่ หลังจากมีการทดสอบสติปัญญากันพอหอมปากหอมคอ แล้วพระราชธิดาก็ตกลงปลงใจยอมเป็นพระชายาในที่สุด
แม้จะเป็นเรื่องราวชาดก แต่ เจ้าพระยาพระคลัง (หน) ก็รจนาบทอัศจรรย์ไว้อย่างสุดยอด ลองอ่านดู นะครับ
๏ อ้าอรวรนุชเนื้อ........................นฤมล เรียมใฝ่มาฝากชนม์.....................ชีพด้วย ตราบสิ้นสุธาดล.........................อากาศ ก็ดี สูญสมุทรสุเมรุม้วย.....................ไป่ม้วยเสน่ห์นาง ๏ ตรัสพลางชายเนตรต้อง............ตาสมร เสียวกระสันเสมอศร....................เสียบไส้ แดดิ้นดั่งไฟฟอน........................รสราค กรตระกองลูบไล้........................แนบเนื้ออิงองค์ ๏ บุษบงส่งดอกพ้น....................ชลธาร พอแสงสุริยฉาน........................จรัสต้อง คลายคลี่ผกาบาน........................แบะกลีบ ภุมเมศรู้รสจ้อง.........................จรดเคล้าเสาวคนธ์ ๏ ฝนสวรรค์อั้นอดถ้า..................ฤดูกาล ครั้นวลาหกทะยาน.......................ยั่วฟ้า เมขลาล่อมณีกาล........................อสุรโกรธ ฝนก็ซกเซ็งซ้า............................ทั่วท้องธรณี ๏ คีริมหิมเวศห้วย.......................เหวธาร สระหนองคลองละหาน...............เปี่ยมน้ำ พฤกษาชุ่มใบบาน.......................เบิกช่อ จัตุบททวิบาทซ้ำ.........................ชื่นเต้นตามคะนอง ๏ สองสมบรมสุขล้ำ...................เปรียบสอง สองเกษมสมปอง......................เกลือกเคล้า สองกรสองตระกอง..................องค์แอบ กันนา สองฤๅหยุดยั่วเย้า......................ยิ่งเย้ายวนสม
ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้วครับ สำหรับพรรณาโวหารโดยใช้ความเปรียบเทียบ บทอัศจรรย์ชุดนี้ ที่แสดงถึงการใช้สัญลักษณ์ จากสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติมารจนาและเรียบเรียงเข้าด้วยกัน วิจิตรบรรเจิดจริงๆ
แล้วจะไม่ให้ จอมยุทธฯ ถือโคลงครูชุดนี้เป็นต้นแบบในการแต่งโคลงบทอัศจรรย์ได้อย่างไร ?
นอกเรื่องมาหน่อย ไม่ว่ากันนะขอรับ เดี๋ยวจะมาว่าถึงลิลิตพระลอต่อมาว่าถึงลิลิตพระลอกันต่อครับ
หลังจากผ่านเหตุการณ์แรก ซึ่งเป็นฉากรักหมู่สองคู่ระหว่างนางรื่นกับโรย และนายแก้วกับนายขวัญ ก็จะมาถึงเหตุการณ์ที่สอง ซึ่งเป็นบทอัศจรรย์ระหว่างพระลอ กับพระเพื่อนพระแพง เป็นฉากรักที่เกิดขึ้นระหว่างหนึ่งชายกับสองหญิง ที่ภาษาสมัยใหม่เขาเรียกว่าแซนด์วิช นั่นเอง
คงต้องย้อนความกันสักนิด
สองพี่เลี้ยงหลังเสร็จสมสังวาสแล้ว ก็คิดถึงนายตนที่กำลังลุ่มหลงอยากเห็นโฉมของกันและกัน ก็ช่วยกันจนสำเร็จในสวนอันงดงามตระการตา พระเพื่อนพระแพงก็มาปรากฎกายอันงดงามให้พระลอได้เห็น และต้องตกตะลึงในความงาม ขอยกบทชมความงามของพระเพื่อนพระแพงมาซักบทแล้วกัน
๏ งามยงงามยิ่งแม้................แมนมา แต่งฤๅ โฉมระทวยทอตา....................แหล่งหล้า สมนักบ่านี้นา........................สรบ่า นี้นา สรดกว่าสรดโอ่อ้า..................อ่าโอ้เอาใจ
ส่วนสองคู่ชู้ชื่นที่เป็นบ่าวตัวดีก็หลบออกหายไปให้นายได้อยู่กันตามลำพัง
๏ สี่คนคิดชอบถ้อย..............สอนสั่งกันค้อยค้อย สว่างร้อนไฟกาม
นี่ขนาดพระพี่เลี้ยงทั้งสี่คนเตือนกันสั่งสอนกันจนเห็นพ้องต้องกันว่า ควรลดไฟกามที่เร่งร้อนลง เพราะนี่คือที่ของเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน เป็นที่ต้องยำเกรง ต้องข่มใจไว้บ้าง แต่ก็โดนแรงราคะเผาจนระทดท้อทั้งสามพระองค์แต่เมื่อสามกษัตริย์แก่นท้าวกำลังมีความสุข หน้าที่ของพระพี่เลี้ยงก็ต้องหมดลง โคลงตรงนี้บอกไว้ว่า
๏ แรกรักแรงราคร้อน...............รนสมร ยงยิ่งเปลวไฟฟอน...................หมื่นไหม้ มณเฑียรปิ่นภูธร.......................เป็นที่ ยำนา ขืนข่มใจไว้ได้...........................เพื่อตั้งภักดี
โคลงบทนี้แปลความประมาณว่า ความรักครั้งแรกนี้ช่างร้อนแรงเปี่ยมไปด้วยกำหนัด ร้อนรนคิดถึงแต่คู่สวาท ดังเปลวไฟที่เผาไหม้ตั้งหมื่นเท่า แต่ก็ควรข่มใจไว้เพราะนี้เป็นเรือนของพระเจ้าแผ่นดิน เพื่อแสดงความภักดี แต่เมื่อโดนไฟราคะเผาผลาญ ใครเล่าจะทนได้ บทอัศจรรย์ก็ต้องเริ่มต้น
สามกษัตริย์ พระลอและพระเพื่อนพระแพง เป็นฉากรักระหว่างหนึ่งชายกับสองหญิงภายในห้อง ซึ่งขึ้นต้นบทอัศจรรย์ด้วยโคลง สองสุภาพ ดังนี้
๏ ส่วนสามกษัตริย์แก่นท้าว................กรโอบองค์โน้มน้าว แนบเนื้อเรียงรมย์ ๏ เชยชมชู้ปากป้อน.........................แสนอมฤตรสข้อน สวาทเคล้าคลึงสมร ๏ กรเกี้ยวกรกอดเนื้อ......................เนื้อแนบเนื้อโอ่เนื้อ อ่อนเนื้อเอาใจ ๏ พักตราใสใหม่หม้า........................หน้าแนบหน้าโอ่หน้า หนุ่มเหน้าสรสม ๏ นมแนบนมนิ่มน้อง........................ท้องแนบท้องโอ่ท้อง อ่อนท้องทรวงสมร ๏ สมเสน่ห์อรใหม่หมั้ว......................กลั้วรสกลั้วกลิ่นกลั้ว เกลศกลั้วสงสาร ๏ บุษบาบานคลี่คล้อย.......................สร้อยและสร้อยซ้อนสร้อย เสียดสร้อยสระศรี ๏ ภุมรีคลึงคู่เคล้า.............................กลางกมลยรรเย้า ยั่วร้องขานกัน ๏ สรงสระสวรรค์ไป่เพี้ยง.................สระพระนุชเนื้อเกลี้ยง อาบโอ้เอาใจ ๏ แสนสนุกในสระน้อง.......................ปลาชื่นชมเต้นต้อง ดอกไม้บัวบาน ๏ ตระการฝั่งสระแก้ว........................หมดเผ้าผงผ่องแผ้ว โคกฟ้าฤๅปุน ๏ บุญมีมาจึ่งได้...............................ชมเต้าทองน้องไท้ พี่เอ้ยวานชม หนึ่งรา
พระลอเสพสังวาสกับพระเพื่อนก่อนพระแพง เป็นอย่างไรก็ต้องลองดูโคลงสองที่ยกมาให้อ่านรวดเดียวข้างบนนี้แต่สำหรับตอนนี้ จอมยุทธฯ ขอพักผ่อนก่อนขอรับ
มาต่อขอรับ
บทอัศจรรย์จากลิลิตพระลอ ถือเป็นเคล็ดแห่งความสำเร็จทางกามที่โน้มน้าวให้เห็นความเป็นนักรักระดับหัวกะทิซึ่งพระลอนี้สามารถเผด็จสวาทเพื่อนแพงได้ในห้องเดียวกัน และเล่นบทอัศจรรย์ประเภทสองรุมหนึ่ง ซึ่งไม่มีในวรรณคดีเรื่องอื่นๆ ถ้าจะใกล้เคียงกันบ้างก็คงจาก เสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน ตอนที่ขุนแผนได้นางพิม แล้วไปเผด็จสวาทนางสายทองอีกหนึ่งคน แต่แม้เหตุการณ์จะเกิดบนเรือนเดียวกัน แต่ก็คนละห้อง
คราวที่แล้ว จบไว้ที่โคลงสองสุภาพชุดพระลอเสพสังวาสกับพระเพื่อน อ่านอย่างช้าๆแล้วลองจินตนาการจะเห็นภาพ พระลอกับนางเพื่อนเสพสังวาสกันงดงามนัก โอ้ โห อีกแล้ว
๏ พระเพื่อนสมสมรแล้ว...................ลอราชเชยชมแก้ว แก่นไท้แพงทอง
เพื่อความต่อเนื่อง ต้องอ่านบทอัศจรรย์ระหว่างพระลอกับพระแพงต่อเลย ขอรับ
๏ ลบองบรรพ์หลากเหล้น................บ่เหนื่อยบ่ได้เว้น เพิ่มชู้ชมสมร ๏ ดุจอัสดรหื่นห้า............................แรงเร่งเริงฤทธิ์กล้า เร่งเร้าฤๅเยาว์ ๏ ดุจสารเมามันบ้า...........................งาไล่แทงงวงคว้า อยู่เคล้าคลุกเอา ๏ ประโลมเล้าอ่อนไท้.........................แก้วพี่เอยเรียมได้ ยากด้วยเยาวมาลย์ ๏ เอ็นดูวานอย่าพร้อง.......................เชิญพระนุชนิ่มน้อง อดพี่ไว้เอาบุญ ก่อนเทอญ
ตรงนี้ขอถอดพอเอาใจความได้ว่า พระลอสามารถเสพสังวาสได้ทั้งเพื่อนทั้งแพง ด้วยแรงกำลังดังช้างม้าศึกคึกคะนอง จนสองนางต้องครวญครางยอมแพ้ แต่ถึงพระแพงจะพูดจาเป็นเชิงเว้าวอนอย่างไร พระลอก็ขอให้นิ่งขอให้อดไว้เอาบุญให้พระลอได้เสพสมตามปรารถนาก่อนเถิด เพราะรักเจ้าหลงเจ้าอยากได้เจ้าเหลือเกิน แล้ว และต้องพรากจากกันไม่นานนี้ ทำนองว่าพี่คงตายแน่ถ้าไม่เห็นน้องสักวันเดียว
มาถึงตรงนี้ จอมยุทธฯ นึกถึงโคลงบทหนึ่งจาก นิราศนรินทร์ บทหนึ่ง คือ
๏ บำราศรสหื่นห้า...........................แหหาย โหยคระหนรนกาย...........................ก่ำไหม้ รัวรัวราคราวพาย...........................เรือเร่ง แรงแม่ ทันถี่ทุกเล่มไหล้.............................หล่อต้นตามเผยอ
โคลงบทนี้ถอดความได้ประมาณว่า ตัวกวีมีอารมณ์กระสันถึงหญิงคนรักจนร่างกายมีแต่ไฟกิเลสเผาผลาญอยู่เต็ม จึงต้องเร่งพายเรือด้วยพายทุกเล่มสุดกำลัง ตีความดีๆแล้วจะร้องอะไรจะขนาดนั้น
มาถึงฉากรักระหว่าง พระลอกับพระแพงกันต่อ ซึ่งตรงนี้บรรยายไว้เป็นโคลงสี่สุภาพ
๏ บ่ มลายสมรเร่งเร้ง......................ฤทธิรงค์ สองอ่อนระทวยองค์.......................ละห้อย ความรักดุจทิพย์สรง.......................โสรจชื่น บัดชื่นบัดเศร้าสร้อย........................สร่างสร้อยสรดใส ๏ สะเทือนฟ้าฟื้นลั่น..........................สรวงสวรรค์ พื้นแผ่นดินแดยัน............................หย่อนไสร้ สาครคลื่นอึงอรร-.............................ณพเฟื่อง ฟองนา แลทั่วทิศไม้ไหล้...............................โยกเยื้องอัศจรรย์ ๏ ขุนสีห์คลึงคู่เคล้า..........................สาวสีห์ สารแนบนางคชลี..............................ลาศเหล้น ทรายทองย่องยงกรี.........................ฑาชื่น ชมนา กระต่ายกระแตเต้น...........................ตอบเต้าสมสมร ๏ ทินกรกรก่ายเกี้ยว..........................เมียงบัว บัว บ่ บานหุบกลัว...............................ภู่ย้ำ ภุมรีภมรมัว......................................เมาซาบ บัวนา ซอนนอกในกลีบกล้ำ...........................กลิ่นกลั้วเกสร ๏ บ่ คลาไคลน้อยหนึ่ง..........................ฤๅหยุด อยู่นา ยังใคร่ปองประติยุทธ์.........................ไป่ม้วย ปรานีดอกบัวบุษป์..............................บ่ชื่น ชมนา หุบอยู่ บ่ บานด้วย...............................ดอกสร้อยสัตตบรรณ
เสร็จสมอารมณ์หมายแล้ว ทั้งสามก็ลงอาบน้ำในอ่างทองคำ เคล้าคลึงคลอเคลียกันจนตะวันคล้อยต่ำลงจึงได้ขึ้นสู่พระที่ออดอ้อนอาลัยอาวรณ์ทอดถอนใจกว่าจะจากพราก
ขอจบไว้ตรงนี้ก็แล้วกัน จอมยุทธฯ ขอไปหาสิ่งสวยๆงามๆชมก่อน ฮ่า ฮ่า
Create Date : 23 กรกฎาคม 2548 |
|
27 comments |
Last Update : 23 กรกฎาคม 2548 13:49:34 น. |
Counter : 36198 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ^U^ IP: 202.142.219.189 23 กรกฎาคม 2548 19:51:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: รสา รสา 28 กรกฎาคม 2548 23:18:12 น. |
|
|
|
| |
โดย: มะลิป่า (ละมุนใจ ) 23 สิงหาคม 2548 0:53:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: ar-moo 18 กันยายน 2548 9:43:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: ar-moo 18 กันยายน 2548 9:51:44 น. |
|
|
|
| |
โดย: damdamja IP: 202.8.86.122 24 มีนาคม 2549 21:51:11 น. |
|
|
|
| |
โดย: มีนา IP: 203.146.252.66 4 เมษายน 2549 15:34:00 น. |
|
|
|
| |
โดย: มงกุฎอันที่สิบเก้า IP: 58.9.187.136 31 กรกฎาคม 2550 11:51:02 น. |
|
|
|
| |
โดย: natacha IP: 124.120.218.155 17 มกราคม 2551 22:33:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: natacha IP: 124.120.218.155 17 มกราคม 2551 22:34:21 น. |
|
|
|
| |
โดย: คนบ้าบารามอส IP: 58.8.103.92 23 มกราคม 2551 17:58:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: คนงง IP: 124.122.137.70 25 มกราคม 2551 22:28:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: ก IP: 202.28.219.90 16 กุมภาพันธ์ 2551 10:43:58 น. |
|
|
|
| |
โดย: Ho Ta Ru IP: 118.174.201.41 8 กรกฎาคม 2551 21:49:44 น. |
|
|
|
| |
โดย: กอล์ฟ IP: 118.174.66.128 7 สิงหาคม 2551 18:31:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: พระลาน IP: 61.91.188.126 15 สิงหาคม 2551 22:38:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: มือใหม่หัดเขียน IP: 61.91.188.126 15 สิงหาคม 2551 23:43:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: เด็ก 301 ส.พ.คับผม IP: 118.172.118.185 31 ธันวาคม 2551 12:45:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: stamp_nakrab@hotmail.com IP: 118.172.239.159 25 สิงหาคม 2552 20:40:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: นมหวาน IP: 58.8.124.128 2 ธันวาคม 2552 21:19:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: พิณพลาญ IP: 172.16.1.2, 113.53.205.40 11 มิถุนายน 2554 18:33:49 น. |
|
|
|
| |
โดย: ลีลาวดี IP: 172.16.1.2, 113.53.205.40 11 มิถุนายน 2554 18:36:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: เด็กรักวรรณคดี IP: 125.24.67.127 8 กุมภาพันธ์ 2555 18:38:40 น. |
|
|
|
| |
โดย: ยูเรนัส IP: 223.205.251.31 9 พฤศจิกายน 2558 20:53:47 น. |
|
|
|
|
|
|
|
อ. เรารักตายเลยเนี่ย