Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2548
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
6 พฤศจิกายน 2548
 
All Blogs
 
วีรกรรม วีรเวรของมนตรี ในรอบปี 2004



แผ่นรองพื้น








มนตรี จอมดื้อ


ผมชื่อ มนตรีครับ แม่บ่นเรื่อยว่าความดื้อของผมทำให้ผมของแม่เริ่มมีสีขาวมาแซมแล้ว โธ่ เพียงแค่ผมเคยดื่มน้ำยาซักผ้าต่างนม จับหอยทากมาอาบนำ และ ปิดประตูขังปู่ไว้สมัยผมอายุ 2 ขวบเศษ ตอนนี้ผมอายุ 3 ขวบกว่าแล้ว ดื้อน้อยลงหน่อย แต่แม่ก็ยังขี้บ่นอยู่ดี งานอดิเรกของผม ก็คือ แกล้งพี่สาว อยากรู้จักผมไหมครับ

วันนี้ แม่ได้หยุด 1 วัน ปู่เลยรีบพาย่าไปเที่ยว ผมเลยแย่ แม่บ่นเก่ง และมือไวกว่าปู่กับย่าอีก พี่มณฑิกา ปิดเทอมเลยมีโอกาสมาช่วยผมกวนประสาทแม่ด้วย แต่พี่เขาก็ต้องระวังผมด้วย พี่มณฑิกาผมยาวสวย แม่ชอบจับเขาถักผมเปีย ในขณะที่ย่าชอบจับเขามัดผมแกละ พี่เขามาบ่นให้ผมฟังว่าเขาอยากปล่อยผมยาวสยาย เพราะดูเซ็กซี่ดี แต่ย่ากับแม่ ไม่เห็นด้วย พี่เขาเพิ่งอายุ 7 ขวบเท่านั้น จะมาดู เซ็กซี่ได้อย่างไร ดีเหลือเกินทีผมเกิดมาเป็นผู้ชาย ไม่ต้องโดนมาจับแต่งตัวราวว่าเป็นตุ๊กตา บาร์บี้วันนี้ร้อนจริงๆ เมืองที่ผมอยู่ วัดอุณหภูมิได้ 38 องศาเซลเซียสทีเดียว แม่ไปซื้อ swimming pool พลาสติกมาให้เราเล่นนำ กัน อันละ 30 ยูโร เราดีใจมากเลย ปรกติแม่ค่อนข้างขี้เหนียวนะ ขออะไรไม่ได้ ผมต้องร้องจนเสียงแหบทุกที ร้องลั่นนะครับ ไม่ได้ร้องเพลง แม่ไม่ชอบพาเราไปสระว่ายนำกลางเมือง เพราะแม่ว่ายนำไม่เป็น เผื่อผมตกนำไปแล้วจะยุ่ง พี่สาวผมนะหรือ ลงสระแล้วเป็นนางเงือกทีเดียว ว่ายไปว่ายมาจนแม่เวียนหัว


วันนี้พี่สาวผมมีเพื่อนมาเที่ยวหา เขาเลยเล่นนำกับเราด้วย ผมไม่ชอบยายเพื่อนของพี่เลย มาทีไรทำให้พี่ไม่ค่อยได้เล่นกับผม เลยแอบหยิกไปหลายหน แค่หยิกเบาๆ ต้องฟ้องแม่ด้วย ผมเลยโดนสวดหลายจบ พี่มณไม่สนใจผมเลย ผมเลยดึงผมเปียเรียกร้องความสนใจ ฟ้องแม่ ทำให้ผมโดนตีที่บั้นท้าย ผมไม่ร้องไห้หรอก ถือว่าแม่นวดบั้นท้ายให้ไป

เราเล่นนำถึง 6 โมงเย็น ยายหัวหยองก็กลับบ้าน เราคอยพ่อกลับบ้าน แล้วรับประทานอาหารเย็นร่วมกัน พ่อแปรงฟันแล้วพาผมเข้านอน ผมไม่ชอบเลย พ่อร้องเพลงเสียงเหมือนห่านข้างๆบ้านเลย แต่ด้วยความเพลียช่างเถอะ เดี๋ยวพ่อก็หลับก่อนผมอยู่ดี แม่จับพี่มณไปนอนแล้ว

เอาละ ผมต้องหลับแล้วเดี๋ยวพ่อแม่ไม่มีเวลาให้กัน เดี๋ยวแม่คงมาปลุกพ่อแล้ว แหม กรนดังจัง พ่อเรา ราตรีสวัสดิ์ครับ



8 ส.ค. 46

เรื่องเล่า ของมนตรี

สวัสดีงามๆอีกครั้งครับ และขอบคุณครับ สำหรับคำชม นีถ้าแม่ผม ชมผมแบบท่านผู้อ่านบ้าง คงจะดี แต่ตอนนี้แม่ ขี้บ่นมากเลย แม่บอกงานแม่ยุ่งมาก คนป่วยเต็มวอร์ด พ่อ พี่มณ กับผม โดนบ่นกันหลายบท เพราะเราชอบทำบ้านรกกัน พ่อบอกเสาร์-อาทิตย์นี้แม่ได้หยุด เดี๋ยวแม่ก็หายเหนื่อย หายบ่นเอง เราควรเอาหูทวนลม อย่าไป ริเถียงแม่นะ เดี๋ยวอดข้าวหัวโต แต่ผมว่าถ้าแม่เหนื่อยมากๆเดี๋ยวก็หมดแรงบ่นไปเอง ให้แม่เหนื่อยดีกว่า อีกอย่างเรื่องเอาหูทวนลมนั้น ผมถนัดอยู่แล้ว

วันนี้แม่ลงเวรเช้ามา กลับบ้านก็ บ่ายสองเข้าไปแล้ว วันนี้พ่อทำงานครึ่งวัน ตอนบ่ายทุกคนเลยอยู่พร้อมหน้า

พ่อออกความคิดว่าเราควรไปจ่ายกับข้าวกัน พีมณไม่ยอมไปด้วยขออยู่กับย่า ผมไม่อยากไปด้วย แต่ย่าบอกให้แม่เอาผมไปด้วย ผมต้องร้องประท้วงยกหนึ่ง ร้องจนไม่มีเสียงพ่อก็จับผมไปนั่งรถด้วย สักครู่แม่ก็ตามมาขึ้นรถด้วยสีหน้าระรื่น ผมอารมณ์ไม่ดีเลย แม่นั่งรถ ฮัมเพลงดังลั่น ผมเลยอารมณ์เริ่มดีตาม

เราไปถึง supermarket ผมเริ่มเล่าให้แม่ฟังว่าระหว่างที่ผมอยู่กับย่าผมทำอะไรบ้าง แม่พูดกับผมภาษาไทย ผมฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง ตอบแม่ภาษาไทยไปบางคำ ทำให้แม่ยิ้มได้ ระหว่างที่พ่อหันไปดูผัก ผลไม้ แม่หันบั้นท้ายมาชนศีรษะผมเซโดยไม่ได้ตั้งใจ ผมนึกอะไรได้ เลยหันไปบอกแม่ เสียงดัง "แม่รู้ไหมว่ามนุษย์ทุกคนต้องถ่ายอุจจาระ ทั้งนั้น ถ้าถ่ายไม่ได้ก็จะป่วย " แม่มองหน้าผม พยักหน้า แล้วส่งสัญญาณให้พูดเบาๆ แต่ผมภูมิใจเหลือเกินที่แม่เห็นด้วยกับผม ผมอยากให้คนอื่นๆในร้านได้รับรู้ด้วย เลยเปล่งเสียงดังเข้าไปใหญ่

พ่อรีบเดินมาหาผม และเริ่มบ่น แม่อธิบายกับพ่อเบาๆว่า มันเป็นสิ่งปรกติทีผมเริ่มสนใจเรื่องการขับถ่าย แม่บอกว่า ตา Sigmund Freund นักจิตวิทยาชื่อดังเขียนตำราเกี่ยวกับเด็กวัยผมไว้ พ่อเลยเงียบ ผมเดินตามแม่ไปได้ สักพัก ก็อยากอวดแม่อีกว่าผมรู้มากกว่านั้นนะเลยตระโกนลั่น "แม่ ผมรู้นะว่าอุจจาระของแม่ออกมาจากตรงไหน" แม่หน้าซีด พ่อหันมาตีก้นผมแรงหนึ่งที ไม่เจ็บหรอกครับ แต่ผมร้องไห้ เพราะเสียใจมากกว่า พ่อไม่เคยตีผมเลย ไม่เข้าใจเลย ว่า ทำไมพ่อต้องตีผมด้วย ช่วงนั้นเพื่อนบ้านตรงข้ามอยู่ในร้าน เห็นเหตุการณ์ด้วย เลยเดินมาบ่นกับพ่อ ว่าทำไมต้องตีผมด้วย เขาอายุตั้ง 60กว่าปี มีลูก 3 คนไม่เคยลงไม้ลงมือกับลูกเลย แม่ต้องมาช่วยพ่อ กันพ่อให้มาปลอบผมซึ่งกำลังสะอึกสะอื้นเบาๆ ระหว่างนั้นแม่ก็อธิบายเหตุการณ์ให้เขาฟัง

แต่เขาก็บ่นพ่ออีก แม่เลยเดินหนี เมื่อเรากลับบ้านพ่ออธิบายให้ผมฟังว่าถ้าพูดถึงเรื่องขับถ่าย ไม่ควรจะพูดดัง

เดี๋ยวคนอื่นจะหาว่าผมหยาบคาย พ่อแม่ไม่สั่งไม่สอน ผมรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง พยักหน้าหงึกๆ พ่อหันมาปลอบแม่ให้คลายโมโหเพื่อนบ้าน และเล่าให้แม่ฟังว่า การเลี้ยงลูกโดยใช้ไม้นวมไม่ตีเลย คงเป็นไปได้ยากหน่อย พ่อเสียใจเหมือนกันที่ตีก้นผม แต่แม่ไม่ควรไปฟังป้าข้างบ้านมากนัก ลูกชายเขา 3 คนไม่มีใครได้ดีเลย หย่าร้างกันทั้งสามคน นิสัยก้าวร้าว เข้ากับคนหมู่มากไม่ได้ ทำงานที่ไหนก็อยู่ได้ไม่นาน แม่เลยเย็นลง ผมได้ยินแม่บอกกับพ่อว่า เราเลี้ยงตามวิธีของเราก็แล้วกันนะพ่อนะ ไม้อ่อนสลับไม้แข็ง

ส่วน ตัวผมนั้นเสียวบั้นท้ายทุกครั้งเมื่อได้ยินคำว่าไม้แข็งของแม่ นี่แม่จะใช้ไม้แทนมือแล้วหรือนี่

บางครั้งโลกของผู้ใหญ่นั้นค่อนข้างสับสนสำหรับผมมาก ทำไมผู้ใหญ่่รับความจริงหลายๆอย่างไม่ได้นะ ทำไมผมต้องเรียนรู้อะไรมากมาย แต่พูดถึงเรื่องบางอย่างต่อหน้าสาธารณชนไม่ได้


สวัสดีอีกทีนะครับ

แม่บอกว่ามีแต่คนเขียนชมผมให้แม่อ่าน ผมเป็นเด็กบ้ายอเสียด้วยสิครับ ยิ่งชมยิ่งดื้อ เพราะยิ่งดื้อก็จะมีคนชม( ยกเว้น แม่ ผม) แต่ตอนนี้ ผมต้องเพลาความดื้อลงหน่อย เพราะแม่บอกว่า วันที่ 12 สิงหาคม ที่จะถึงนี้เป็นวันแม่ในเมืองไทย วันแม่สากลที่ผ่านมาแล้ว ผมวาดรูปหัวใจสีแดงๆให้แม่ หัวใจอันเบี้ยวๆ ส่วนพีมณร้องเพลงให้แม่ฟัง
พ่อซื้อ ช็อกโกแลตให้แม่กล่องหนึ่ง แม่บอกเราว่าวันแม่ไทยนั้นไม่ต้องให้อะไรแม่ขอให้เราไม่ดื้อก็พอ แต่ผมสงสัยจัง ทำไมวันแม่สากลที่ผ่านมา แม่ต้องไปทำงานด้วย ทำไมแม่ต้องทำกับข้าว เก็บบ้าน รีดผ้าด้วย วันพ่อ ผมไม่เห็นปู่กับ พ่อทำอะไรเลย ผมถามแม่ แม่ขยี้หัวผม และให้ไปถามพ่อ พ่อบอกว่า เอาอย่างนี้แล้วกัน วันแม่ไทยนั้นเราไปทานอาหารมื้อเย็นนอกบ้านกัน พ่ออาสาเก็บบ้านวันนั้น แต่แม่นั่นแหละ ตัวดี บอกไม่เอาทานที่บ้านดีกว่า แม่ไม่ชอบ Pizza และไม่ชอบทานอาหารจีน แม่กลัวว่าพี่แพ้อาหารอีกเพราะเวลาพี่เขาแพ้ ตัวเขาจะเต็มไปด้วยลมพิษ จะเกาเป็นลิงอยู่นั่นแหละ
สรุปแล้วแม่ต้องทำกับข้าวอยู่ดี
ผมถามแม่ว่าแม่จะทำอะไรในวันนั้น แม่บอกว่าจะโทรศัพท์ไปหาคุณยาย ไปคุยกับคุณยาย ผมสงสัยจังทำไมแม่ ถึงไม่อยู่กับคุณตาคุณยาย แม่บอกผมว่าอีกหน่อยผมคงเข้าใจ เมื่อผมโตไป อาจจะต้องอยู่ห่างแม่ และอาจอยู่กับภรรยา ผมตะเบ็งเสียงใหญ่ ไม่เอา ผมไม่อยากมีภรรยา ผมอยากอยู่กับแม่ แม่ดึงผมไปหอมแก้มฟอดใหญ่ ผมคิดถึงคุณยาย คุณยายมาเยี่ยมเรา และเพิ่งกลับเมืองไทยไปได้ไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมา ตอนคุณยายอยู่กับเราแม่มีความสุขมาก แม่ไม่มีเวลาให้เราเลยมัวแต่มีเวลาให้คุณยายผมน้อยใจ ร้องไห้เรียกร้องความสนใจบ่อยๆ แต่แม่กลับยิ้มอย่างเอ็นดู ปล่อยให้ผมร้องไปเรื่อยๆ จนต้องหยุดเอง
คุณยายผมนั้น ตัวเล็กๆ ชอบไล่จับผมไปกอด ผมไม่ชอบเลย คุณยายสอนภาษาไทยให้ผม แต่ผมฟังไม่รู้เรื่องหรอก
แม่บอกว่าคุณยายเคยเป็นอาจารย์สอนภาษาไทย ผมต้องหัดพูดภาษาไทย ผมบอกกับคุณยายไปว่าคุณยายต้องเรียนภาษาเยอรมันก่อน แล้วผมจะเรียนภาษาไทย คุณยายฟังผมไม่รู้เรื่อง แต่แม่หันมาทำตาเขียวใส่ผม เท่าที่ผมเห็นเวลาแม่พาคุณยายนั่งรถไปเที่ยวไหน คุณยายจะมีขวดยาติดไปด้วยบนขวด และข้างขวดมีรูปลิงอยู่ด้วย ยายชอบเอานิ้วจิ้มไปในขวดแล้วเอาครีมมาทาที่ขมับ บางครั้งคุุณยายก็มียาผงๆละลายนำ้กลิ่นเหม็นๆ ยายบอกว่านั่นแหละ ยาลม เวลายายนั่งรถจะเมารถบ่อย ผมเข้าใจยายดี เมื่อผมเล็กๆ แม่ชอบเอาผมติดรถไปทั่วทุกหัวระแหง ผมอาเจียรในรถบ่อย ผมขยาดมากเวลาแม่ชวนขับรถไปเที่ยว แม้แต่พ่อยังกลัวฝีมือในการขับรถของแม่เลย ถ้าแม่ขับ พ่อนั่ง จะมีการถกเถียงกันเกี่ยวกับการขับรถของแม่ทุกครั้ง เวลาแม่พายายไปเที่ยว ยายก็จะรีบชงยาลมดื่มก่อนทุกที สงสัยจะขยาดฝีมือการขับรถของแม่เหมือนกันแฮะ


เมื่อยายกลับไปแล้ว ผมมียาหม่องของยายไว้ดูต่างหน้า ยาหม่องไทยที่ยายลืมไว้ รูปเจ้าลิงถือลูกบอลล์ ( แม่บอกทีหลังว่าลูกท้อ )ข้างขวดนั้นดูตลกดี เมื่อแม่ไม่อยู่ ผมเอามายาหม่องมาพิจารณาดูอย่างใกล้ชิด หมุนเกลียวเปิดฝา เอายามาทาขมับ เผลอไปโดนตา ผมร้องลั่น ย่าต้องวิ่งมาดู จับผมไปล้างหน้าล้างตา กลิ่นเหม็นๆนั้นล้างไม่ออก ย่าเลยจับผมอาบนำเสียเลย เมื่อแม่กลับบ้านมา ย่าเล่าให้แม่ฟัง แม่บ่นกับผมอีก เฮ้อ ความจริงแม่ก็รู้ว่าเด็กวัยผมนั้นชอบทดลอง แต่ก็ยังอดบ่นไม่ได้อีก พ่อบอกว่าอีกหน่อย แม่คงต้องไปทำ face lifting ที่เมืองไทย เพราะกล้ามเนื้อมุมปากห้อย เนื่องจากบ่นผมมาก แม่บอกว่า คุณหลายๆคนที่อ่านอยู่ อาจ มีลูกสาวสวยๆ ผมควรทำตัวดีๆ จะได้มีคุณสมบัติพอเพียงในการจีบเขาได้ แม่ให้ผมดูรูปหนู เจนิส เพื่อนคุยทาง web ของแม่ ผมหยิกนิดๆสวยถูก สเป็ค ผมเลย ถามแม่ไปว่า ลองหยิกดู เขาจะร้องไหมแม่ แม่ตอบ ถ้าผมหยิกเขา ผมต้องร้องดังกว่าเขาแน่ๆ โอ๊ย เสียว แม่ตาเขียวอีกแล้ว

แต่อย่างไร ก็ตาม ผมรักแม่มาก รักคุณยาย รักเมืองไทย เมื่อผมโตขึ้นอาจรักสาวไทย แต่ที่แน่ๆไม่ชอบ ยาหม่องไทยเลยครับ


10 ส.ค. 46




มนตรีจอมดื้อ สวัสดีงามๆหนึ่งหนครับ ตอนนี้ผมเข้าโรงเรียนอนุบาล 1 แล้วนะครับ ผมยังจำได้วันแรกที่เข้าเรียน ย่าจับผมแต่งตัวเสียหล่อเชียว วันนั้นแม่ขึ้นเวรเช้า แม่ต้องออกจากบ้านตอนตีห้า ย่าพาผมไปเข้าเรียน ผมกลัวมากเลย ยูเลียนเด็กข้างบ้านซึ่ง แก่กว่าผมสองปีบอกผมว่ารร.อนุบาลนั้นคือคุกของเด็กๆดีๆนี่เองย่าบอกผมอย่างอ่อนโยนว่าผมจะมีเพื่อนเล่น.อีก เยอะแยะ ถ้าผมไปเรียนที่รร..อนุบาล ผมถามย่าว่าทำไมผมต้องเข้าชั้นอนุบาลด้วย ผมนับหนึ่งถึงสิบได้แล้ว ทำอะไรได้แบบพี่มณ มากมาย ย่าบอกว่า ผมจะได้เล่นกับเด็กๆคนอื่นบ้างและจะได้ไม่เหงา เมื่อเข้าชั้นเรียน มีผู้หญิงคนหนึ่งออกมาต้อนรับ ย่าบอกว่า นี่แหล่ะ คุณครูของผม หล่อนยิ้มอย่างเป็นมิตรมาที่ผม และชมว่าผมเก่งไม่ร้องไห้ เท่านั้นแหละ ทำนบนำ้ตาของผมพังทะลาย ผมอ้อนย่า ขอกลับบ้าน ย่าทำหน้าตาเหมือนจะร้องไห้ไปกับผม ย่าบอกว่าผมต้องอยู่ที่นี่ ผมร้องไห้ลั่นโชว์ลิ้นไก่จนคนอื่นแห่มาดู ย่าอุ้มผมเข้าห้องเรียนแล้วเดินออกนอกห้อง ผมวิ่งตามย่าไม่ได้เพราะครูคนนั้นกอดและจับผมไว้แน่น ผมร้องไห้โวยวาย จนไม่มีใครกล้ามาเล่นด้วย แค้นนี่นา โดนอุ้มมาปล่อยเกาะ ห้าวันแรก ผมร้องไห้ทุกวัน บางวันปู่พาไปส่ง ผมอ้อนปู่ ไม่เป็นผลสำเร็จ ผมไม่พูด และไม่เล่นกับใครเลย กลางคืนนอนกัดฟันดังมาก ผมเครียดของผมนี่ครับ แม่บอกสมัยพี่มณเป็นสาวอนุบาลไม่มีปัญหาอะไรเลย ไปวันแรกก็มีหนุ่มปิ๊ง เล่นกับเด็กๆคนอื่นสนุกสนาน ผมได้แต่อุดหูไม่ฟัง อาทิตย์ต่อมาแม่ขึ้นเวรบ่าย วันจันทร์แม่พาผมไปโรงเรียน ผมวางแผนแหกคุกเอ๊ยโรงเรียนไว้เรียบร้อย ระหว่างที่ครูคุยกับแม่และบอกแม่ว่า อย่ากังวลมากนักที่ผมร้องไห้ทุกวัน ตอนมาโรงเรียน เด็กๆคนอื่นก็เป็นเหมือนผม พอเข้าอาทิตย์ที่สองเดี๋ยวก็หายร้องกันเอง วันนั้นผมไม่ร้องไห้ แม่กับครูตายใจ พอแม่ปล่อยผมลงจากอ้อมแขน ผมวิ่งหน้าตั้งออกไปทีถนน ผมวิ่งสุดที่กำลังขาสั้นๆของผมจะมี ให้ ครูกับแม่วิ่งตาม ผมเพิ่งรู้ว่าแม่ของผมก็วิ่งเร็วเป็นเหมือนกันอยู่บ้านต้วมเตี้ยมน่าดู โดนพ่อแซวบ่อยๆ ผมวิ่งเกือบถึงถนนใหญ่ที่มีรถวิ่ง แต่ทันใดนั้นก็มีมือใหญ่ของชายแปลกหน้ามาจับคอผมไว้ ในวินาทีนั้นผมทราบได้ว่า อิสระภาพของผมได้หมดลงแล้วครูอุ้มผมเข้าห้องเรียนผมร้องไห้กระซิกๆ วันที่สองแม่จับคอเสื้อผมแน่นเลยผมกัดมือแม่แล้ววิ่งหนีคราวนี้ครูไวกว่าใครๆวิ่งแซงผมและจับผมลากเข้า ห้องเรียน แม่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เลย ทั้งสองอาทิตย์ผมได้แต่ร้องไห้ และในเมื่อหมดความหวังผมเลยต้อง เปลี่ยนความคิดใหม่ ผมหันมาเล่นกับเด็กๆวัยเดียวกัน ผมคิดถึงปู่บ่อยๆ เวลาผมเล่นเกมส์กับปู่ผมชนะบ่อยๆ เวลาเล่นกับเด็กคนอื่น เขาไม่ยอมให้ผมชนะเลยโดนผมหยิกเนื้อเขียว ร้องไห้บ่อยๆ ตอนนี้ผมไม่ร้องแล้ว ผมหันมาร้องเพลงแทน ผมมีเพื่อนมากขึ้น มีแต่เพื่อนผู้ชาย ผมไม่ชอบเล่นกับเด็กผู้ห­ิง พวกนี้ขี้แย ดึงผมหน่อยก็ร้อง ตวาดใส่หน่อยก็ฟ้องครู ก๊วนของผมมีแต่เด็กผู้ชายทั้งนั้น อีกไม่นานนี้วันเกิด ของผม ผมชวนแต่เพื่อนชายมาบ้าน แล้วผมจะฉลองวัยสี่ขวบเต็มอย่างสุโขสโมสรทีเดียว ผมโตแล้วนะครับ เป็นเด็กอนุบาลเสียด้วย


17/10/03
สวัสดีครับ ตอนนี้ที่นี่อากาศเย็นขึ้นมากเลย แถมบางวันฝนตก.อีกด้วย แม่กับย่าจับผมใส่เสื้อหนาๆอึดอัดน่าดู ผมมีเพื่อนที่โรงเรียนเพิ่มมากขึ้น ทุกคนมีรสนิยมคล้ายกัน เช่น ชอบเล่นทราย ชอบเล่นตัวต่อเลโก้
ผมไม่ชอบเล่นกับผู้หญิงเพราะพวกนี้ขี้แยพ่อเคยบอกผมว่าผู้หญิงทำให้โลกสดชื่น แต่ถ้าพ่อมาเจอแม่พวกนี้
คงคิดแบบผมแน่ ว่าผู้หญิงทำให้โลกอึกทึกด้วยเสียงร้องไห้ ผู้หญิิงขี้แย บ่อยครั้งมีเด็กผู้หญิงมาเล่นกับผมแล้วชอบเอาชนะ เลยโดนผมดึงผมแรงๆบ้าง ดุบ้างร้องไห้ลั่นไปฟ้องครู ผมเลยโดนสวดไปหลายจบ
เมื่ไม่กี่เดือนที่ผานมามีครูฝึกสอนมาช่วยสอนในห้องผม หล่อนชื่อซันดร้า ชื่อเหมือนชื่อแรกของพี่มณเลย
และสวยเหมือนกันเสียด้วย ผมยอมให้เจ้าหล่อนอุ้มไปนั่งตักเกือบทุกวัน ผมตัวเล็กกว่าใครในห้อง หล่อนชอบมาอุ้มและปลอบให้ผมหายร้องไห้ตามแม่ในตอนแรกๆ เมื่อไม่นานนี้หล่อนก็หายหน้าหายตาไป
จนกระทั่งวันนี้แม่บอกว่า พบซันดร้าที่โรงพยาบาล หล่อนฝากความคิดถึงมาถึงผมด้วย ที่โรงเรียนครูคนอื่นเล่าว่า ซันดร้าเป็นไส้เลื่อน ต้องเข้ารับการผ่าตัดด่วน ผมถามแม่ว่าทำไมคนเป็นไส้เลื่อนได้ แม่บอกหากยกของ อุ้มของ
หรือแบกของหนักบ่อยๆและกล้ามเนื้อกระบังลมไม่ค่อยแข็งแรง ผมอดถามแม่ไม่ได้ว่าซันดร้าเป็นไส้เลื่อนเพราะอุ้มผมหรือเปล่าแม่หัวเราะ ผมต้องทำหน้าขึงขังบอกว่าผมโตขึ้นแล้วหนักขึ้นด้วยเดี๋ยวนี้ย่ายังไม่ยอมอุ้มผมเลยเพราะย่าปวดแขนบ่อยๆแม่ได้แต่หัวเราะ ผมบอกแม่ว่าหากเจอซันดร้าแม่ควรบอกให้หล่อนเอากาวทาไส้แปะไว้ดีๆ ไส้จะได้ไม่เลื่อน แม่หัวเราะก๊ากและอธิบายอะไรยืดยาวผมไม่อยู่ฟังจนจบหรอกผมออกไปเล่นนอกบ้านกับพี่มณต่อ และหลังจากนั้นผมขึ้นไปเล่นกับปู่อีก ห้องนั่งเล่นปู่มีของเล่นของผมวางเยอะแยะ ผมเล่นเพลินๆ จนเบื่อจะลงไปหาแม่ ย่าบอกให้ผมเก็บของเล่น ผมมองย่าและอธิบายกับย่า " เก็บไม่ได้ หนัก เดี๋ยวไส้ผมเลื่อน" เท่านั้นแหละ ย่าอ้าปากค้าง ปู่หัวเราะพุงกระเพื่อม จนย่าต้องดุ ย่าถามว่าผมไปได้ยินมาจากไหน และแล้วผมต้องเล่าเรื่องไส้เลื่อนของซันดร้าให้ปู่กับย่าฟัง.ก คืนนั้นทุกคนมีเรื่องหัวเราะกัน.อีก ผมต้องเก็บของเล่นอีกตามเคย ผมเกลียดที่สุดการที่ต้องมาเก็บข้าวของหลังเลิกเล่น แต่แม่กับย่าไม่เคยยอมผมเสียที ทำไมไม่มีใครตามใจผมเลย แต่ไม่เป็นไร พรุ่งนี้วันเกิดผม เดี๋ยวผมจะเรียกร้องสิทธิ ให้เต็มที่ วันนี้ผมง่วง และเหนื่อยน่าดู ขอตัวไปนอนก่อนนะครับ
06.06.2004

สวัสดีครับ

ตอนนี้แม่บอก ผมไม่ค่อยแก่นเหมือนเดิมแล้ว แม่เลยไม่ค่อยบ่นกับผมอีก ผมโตขึ้นตั้งสองเซนติเมตร แม่จับผมวัดความสูงบ่อยๆ เพราะผมตัวเล็กกว่าใครในห้องเลย ย่าแอบบอกแม่เบาๆ (คงกลัวว่าผมจะได้ยิน หารู้ไม่ว่าหูกางๆแบบค้างคาวของผมนั้นทำงานได่ดีมาก ) ผมได้ยินว่าย่ากังวลว่าผมตัวเล็กกว่าใครในห้อง เลยบอกแม่ให้พาผมไปหาหมอ แม่บอกย่าว่าผมคงได้เชื้อแม่ เชื้อเตี้ย ย่าเลยหงอยไป

ตั้งแต่นั้นมาแม่จับผมวัดส่วนสูง ดูความเจริ­เติบโตของผมบ่อยๆ แม่ทำกราฟไว้ ผมถามด้วยความสนใจ ว่าแม่ทำไว้เพื่ออะไร แม่บอกไว้ดู หากผมดื่มนมน้อย ไม่โตจะได้พาไปหากุมารแพทย์

แม่หารู้ไม่ว่าผมชอบหมอลินด์โหฟ มาก หมอน่ารัก แม่เคยทำงานกับหมอมาหกปี ตอนแม่คลอดผมหมอก็มาตรวจผมด้วย ตอนนี้หมอก็เป็นหมอประจำตัวผมกับพี่มณ นี่ถ้าผมดื่มนมน้อย ผมจะได้เห็นหมอบ่อยๆ ผมชอบไปหาหมอ ไปทีไร นางไบเออร์ที่นั่งหน้าห้องหมอชอบให้ลูกอม ของเล่นชิ้นน้อยๆแก่ผมทุกที

ผมดื่มนมน้อยลง จนแม่โมโห ผมต้องนั่งประจำโต๊อาหารลุกไม่ได้จนกว่าจะดื่มนมหมด ผมแผลงฤทธฺ์ร้องไห้ลั่น แม่ต้องอุ้มผมมากอด ผมสะอึกสะอื้นบอกแม่ว่า ผมไม่อยากโตเลยนะแม่ นมก็ไม่อยากกินด้วย แม่บอกถ้าอย่างนั้นผมต้องไปหาหมอ ผมตาลุกวาวด้วยความปิติ บอกแม่ว่าไปนะแม่ ผมอยากได้ของเล่นแบบที่เควิ่นเพื่อนในห้องได้มาจากหมอเลย แม่หายใจแรงๆ ไม่พูดอะไร แต่ก็ไม่พาผมไปหาหมอนะ

วันต่อมา แม่ซื้อโยเกิร์ตมาเยอะ แยะ แต่ผมก็ไม่ค่อยชอบทาน จนกระทั่งปู่ทำนมปั่นใส่เมเปิลไซรัป รสหวาน หอม อร่อย ให้ผมดื่ม ตั้งแต่นั้นมาผมจึงยอมดื่มนมวันละ สองครั้ง

วันหนึ่งผมไปตลาดกับแม่ แม่บ่นกระปอดกระแปดว่าร้าน เรเว่ นี่ชอบย้ายของ จัดชั้นวางของใหม่บ่อยๆ ขณะที่แม่กำลังเขย่งปลายเท้าหยิบเนยของโปรดของแม่ลงมาจากชั้นวางของบนสุด มีห­ิงชราตัวเล็กกว่าแม่อีก ถามแม่ว่า ช่วยหยิบเนยข้างๆลงมาด้วยให้หน่อยได้ไหม แม่ยิ้ม ตอบรับ และหยิบเนยมาให้ เขาขอบใจแม่ พอเขาหันกลับ ผมก็บอกกับแม่ ว่า เห็นไหมแม่ ยายคนนี้คงดื่มนมน้อยมาก เลยหยิบอะไรไม่ค่อยจะถึง คนอื่นๆที่เดินผ่านไป หัวเราะกันให­่ คุณยายคนนั้นได้ยิน เลยหันมาบอกผม ไอ้หนูเอ๋ย เมื่อก่อนฉันดื่มนมเยอะนะ สูงด้วย พอแก่แล้วไม่ต้องทำอะไรหรอก มันก็จะเตี้ยลงโดยปริยาย



เมื่อกลับถึงบ้านผมบอกแม่ว่า เมื่อผมแก่ ผมคงเตี้ยลงแบบคุณยายคนนั้น ดังนั้น ผมคงไม่ต้องดื่มนม สูงไปแล้วเดี๋ยวก็เตี้ยอยู่ดี แม่บอกผมว่า หากผมโตขึ้น จะได้ไปจ่ายตลาดได้เอง หยิบของจากชั้นสูงๆได้ โดยไม่ต้องขอร้องใคร ผมเริ่มเข้าใจถึงผลดีของความสูงขึ้นมาบ้าง ขนมที่ผมชอบทานก็อยู่ชั้นบนสูงลิ่วเสียด้วย

อีกไม่นาน ย่าก็ซื้อจักรยานคันเล็กๆมาให้ผม ปู่บอกเสียดาย ผม เท้าไม่ถึงเพดาน ไม่ว่าปู่จะลดเบาะให้เตี้ยลงอย่างไรก็ตาม ก็ขาดไปตั้ง 3 เซ็นติเมตร รถคันใหม่สีสวยด้วย ผมเริ่มเห็นแล้วว่าขายาวเร็วๆก็มีประโยชน์เหมือนกัน ตั้งแต่นั้นมาผมเลยเริ่มดื่มนมโดยไม่อิดออดอีก



20.7.04

วันนี้ ผมไป โรงเรียนตามปรกติ คู่หูผมนาย มาเชลเล่าให้ฟังว่า­ญาติเขาตาย ต้องถูกฝังในดิน ผมอดคิดไม่ได้ว่าทำไมคนตายแล้วต้องอยู่ในดิน ย่าเคยบอกผมว่าย่าทวดปู่ทวดอยู่บนสวรรค์ และสวรรค์อยู่บนฟ้านี่นา

เมื่อย่ามารับผมกลับบ้าน ผมถามย่า ว่าหากย่าตายแล้วย่าต้องโดนฝังดินหรือเปล่า ย่าทำหน้าพิกล ก่อนบอกผมว่า โดนเหมือนกัน แต่หลังจากนั้นย่าจะลอยไปขึ้นสวรรค์ ผมเลยหายงง ผมถามว่าที่สวรรค์มีของเล่นเยอะไหม ย่าบอกมีเยอะแยะ เลย ผมถามย่าว่า สวรรค์มีโทรทัศน์ไหม ย่าบอกนางฟ้าเทวดาบนสรรค์ไม่ต้องดูทีวีก็มีอะไรให้ทำสนุกๆเยอะแยะ

แม่ ผม และ พี่สาว ขึ้นไปพร้อมหน้าพร้อมตาที่ห้องครัวปู่กับย่า ( แม่จะมาทานกลางวันกับปู่และย่า ก่อนที่แม่ต้องไปทำงานตอนบ่าย ) ผมจะต้องอยู่กับปู่และย่าจนกว่าพ่อจะกลับบ้านและขึ้นมารับผมลงไปข้างล่าง ระหว่างทานอาหาร ผมถามปู่ขึ้นมาลอยๆ ปู่... ปู่ ถ้าปู่ตายผมขอโทรทัศน์ปู่ได้ไหมครับ ปู่สำลัก มันฝรั่งบด ย่าต้องลุกไปตบหลังปู่เบาๆ แม่หันมาทำตาเขียวใส่ผม พลางบ่นเบาๆ พูดอะไรอย่างนั้นล่ะ ปู่ซึ่งหายจากการสำลัก หันมาบอกแม่ว่า ไม่เป็นไร แม่ถามผมว่าทำไมถามปู่พิเรน อย่างนั้นล่ะ ผมบอกแม่ว่าก็ย่าบอกว่า คนตายขึ้นสวรรค์ไม่ต้องใช้ทีวี ปู่แก่แล้วนี่ ถ้าตายขึ้นมาผมอยากได้ทีวีของปู่นะ ที น้องชายของปู่มาเซล ตายยังยกมรดกให้ปู่มาเซลเลย เท่านั้น แม่เลยร้อง อ๋อ ผมทนทานอาหารหมดจาน ปู่เลยอนุ­าตให้ผมลุกไปเล่นได้ ผมได้ยินแม่บอกปู่ ว่าเด็กวัยผมเริ่มจะสนใจเรื่องความตาย นั่นเป็นเรื่องธรรมดา แต่ขืนผมบอกคุณตาที่เมืองไทยแบบนี้คงโดนดุแน่ๆ เพราะเดี๋ยวคุณตาจะหาว่า แม่สอนไม่ดี แช่งคุณตา

คืนนั้นเมื่อแม่กลับมาบ้าน พาผมเข้านอน แม่สอนผมว่า ความตายคือการที่คนไม่หายใจ ไม่เคลื่อนไหว พูดไม่ได้ เล่นไม่ได้ กินไม่ได้ และ ไม่มีร่างกายเป็นตัวตนอีก แม่บอกคนดีแบบปู่ได้ไปสวรรค์แน่นอน แต่ผมไม่ควรพูดถึงเรื่องนี้บ่อยๆ เราอยากให้ปู่อยู่กับเรานานๆ ผมถามแม่ว่า เด็กๆตายแล้วไปสวรรค์ใช่ไหม แม่พยักหน้า แล้ว หอยทากที่ผมเคยจับมาอาบน้ำล่ะ แม่บอกว่า คงขึ้นสรรค์ของสัตว์เหมือนกัน ผมเริ่มเข้าใจคำนิยามของความตาย และ สวรรค์ คืนนั้นแม่ร้องเพลงกล่อมผมจนหนังตาผมเริ่มหนัก และผลอยหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้



22.7.04

ช่วงนี้ผมปิดเทอม แม่พาผม พ่อ และ พี่มาเที่ยวที่ประเทศอเมริกา ผมไม่อยากมาด้วยเลย อยากอยู่บ้านมากกว่า ผมไม่อยากนั่งอยู่นิ่งๆบนเครื่องบินนานๆ

พ่อเองก็ไม่ค่อยอยากไปกับแม่เท่าไรนัก ผมได้ยินพ่อพูดกับแม่ว่า ทำไมต้องไปด้วยแม่ไปคนเดียวไม่ได้หรือไร ช่วงนี้มีข่าวก่อวินาศกรรมในอเมริกาบ่อยๆ แม่งอนพ่อไปหลายวันเชียว จนพ่อต้องหยวน ยอมให้

วันเดินทางผมเสียนำตาไปหลายหยด ผมไม่อยากทอดทิ้งปู่กับย่า ผมร้องได้ไม่นานพอเครื่องบินออกจากท่าอากาศยาน ผมก็รู้ว่าร้องไปก็ไม่มีประโยชน์ แม่ไม่โอ๋ผมเหมือนปู่หรอก นอกจากนั้น มีอะไรน่าดูในเครื่องอีกด้วย เช่น ทีวี รายการการ์ตูน และของเล่นที่แอร์โฮสเตสสรรหามาให้ผม

ผมหลับๆตื่นๆ ไม่นาน แม่ก็ยอกผมว่า เราถึงท่าอากาศยาน วอชิงตัน ดี ซี แล้ว พวกเราต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่นั่นต่อไปลงที่ คลีฟแลนด์

ตอนเครื่องมาลงที่ท่าอากาศยานวอชิงตันแม่โดนเรียกครวจอยู่เรื่อย บางครั้งแม่ต้องถอดรองเท้า โชว์ส้นเท้าให้ผู้นักษาความปลอดภัยที่ท่าอากาศยานดู แต่แม่อารมย์ดีนะ ไม่บ่น หัวเราะเคิกๆคักๆ และพูดภาษาอะไรที่ผมไม่รู้เรื่องกับคนตรวจตลอด

แต่ ตอนต่อเครื่อง ผมเห็นแม่เริ่มหน้าซีด พ่อบ่นอะไรพึมพัม แม่เดินไปถามคนโน้นคนนี้ และที่เคาน์เต้อร์ของยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ผมกับพี่สาวเริ่มหิว และหงุดหงิด แม่หายไปนานมาก พ่อคุมผมอยู่ จนกระทั่งแม่กลับมา บอกว่า ไม่มีเครื่องต่อไปลงคลีฟแลนด์ เพราะมีพายุเข้า พ่อโมโห ที่ไม่มีการประกาศบอกอะไรล่วงหน้าเลย แม่ต้องเดินถามผู้เดินทางด้วยกัน ซึ่งเขาก็ไม่รู้อะไรมากนักเช่นเดียวกับแม่

ทางสายการบินมีโรงแรมให้พัก แม่บอกแพงมาก ลด 30 เปอร์เซ็นต์แล้วยัง สองร้อยกว่าดอลล่าร์อเมริกัน พ่อบอกให้แม่ตัดสินใจว่าจะพาพวกเราไปพักโรงแรมดีไหม เครื่องที่จะไปคลีฟแลนด์ออก 8 โมงเช้า แต่เราต้องไปกับสายการบินคอนติเนลตัล ตอนนั้นก็ สี่ทุ่มแล้ว แม่เลยบอกพ่อว่านอนที่สนามบินดีกว่า แม่กลัวตอนเช้ารถติด หรือพลาดเครื่องเนื่องจากไม่ชินกับเมืองวอชิงตันน่ะ

แม่กับพ่อ ผลัดกันเฝ้าผมกับพี่ ดีที่สัมภาระของพวกเราทางสายการบินยูไนเต็ด โอนไปทางสายการบินคอนติเนนตัลเรียบร้อยแล้ว แม่มีกระเป๋าเล็กๆใบเดียวเลยไม่ต้องกังวลกับข้าวของ

ผมจำได้เมื่อปีที่แล้ว ปู่ไปเที่ยวบาหลี เครื่องของปู่มาที่เยอรมนีไม่ได้ ทางสายการบินกับบริษัททัวร์หาโรงแรมให้ปู่พักฟรี ผมเล่าให้แม่ฟัง แม่บอกเรามาด้วยตัวเองไม่ได้มาทัวร์บริการแบบนั้นไม่มีหรอก

ผมตื่นมาพ่อกับแม่ก็พาผมไปทานอาหารเช้าที่แม็คโดนัลด์ในท่าอากาศยาน ผมดีใจที่สุด เพราะอยู่เยอรมนีแม่ไม่พาผมไปหรอก แม่บอก อาหารไม่มีประโยชน์ บางวันแม่กลับจากทำงานเหนื่อยแทบตายก็ยังมาทำกับข้าวให้พวกเราทาน เพราะพี่สาวผมแพ้สารกันบูด และ ผงชูรส มีแต่ปู่กับย่าที่บางครั้งจะหาผมไป แต่นานๆครั้งเหลือเกิน พี่สาวผมดีใจใหญ่ถึงแม้จะได้ทานแต่ มันฝรั่งทอดเท่านั้น ส่วนผม ไม่แพ้อะไรเลยทานได้หลายอย่าง เรารับประทานอาหารเสร็จก็ไปขึ้นเครื่องไปคลีฟแลนด์ ใช้เวลาบินราว 1 ชม.เท่านั้น

เมื่อพวกเราลงเครื่องมา มีผู้หญิงสวยคนหนึ่งกับผู้หญิงตัวใหญ่ๆคนหนึ่งวิ่งมารับ แต่ละคน ร้องไห้ ผมไม่รู้เขาร้องไห้กันทำไม แม่มาบอกทีหลังว่าปิติในเพราะไม่ได้เจอแม่กันนานมากเลย

แม่แนะนำพ่อ ผม พี่ ให้ครอบครัวอเมริกันรู้จัก ผมฟังแม่ไม่รู้เรื่องเลย แม่พูดภาษาอะไรของแม่ก็ไม่รู้ พี่สาวบอกผมว่าภาษาอังกฤษ ผมทึ่งพี่มากที่เขาพูดและฟังภาษาอังกฤษรู้เรื่อง แม่บอกผมว่าก็พี่เขาเริ่มเรียนภาษาอังกฤษที่ รร.แล้วนี่

แม่บอกผมให้เรียก ผู้หญิงตัวใหญ่ๆว่า แนนน่า ซึ่งแปลว่า ยาย ผมชอบแนนน่ามาก ที่บ้านแนนน่า มีขนมเยอะแยะ ทุกๆเช้า แพพโพ่ (คุณตา) สามีคุณยายจะตื่นแต่เช้า ทำแพนเค็กให้ผมทาน และทำอาหารเช้าให้แม่กับพ่อ แม่จะทำอาหารมื้อกลางวันให้ทุกคนทานบ่อยๆ

บางวันเพื่อนแม่มาหาแม่ มารับไปทานข้าวบ้าง แม่มีความสุข ในขณะที่พ่อเริ่มเบื่อที่จะอยู่บ้านเฉยๆ บางวันพ่อตื่นเช้า ออกไปเดินเล่น บางวันพ่อเดินไปศูนย์การค้ากับผม และพี่ การช็อปปิ้ง เป็นเรื่องที่พ่อถนัด (ที่อเมริกานั้นมีร้าน อัลดี ของเยอรมัน มากระจายหลายสาขาด้วย )ในขณะที่แม่นัดพบเพื่อนเก่าๆและครู แม่ผมนั้นไม่ค่อยชอบช็อปปิ้งอยู่แล้ว



ผมมีเพื่อนเพิ่มขึ้นคนหนึ่ง ชื่อ ไทเลอร์ อายุ 4 ขวบ แม่พาผมไปบ้านเขา ผมทึ่งจริงๆ บ้านเขาใหญ่มาก สวยด้วย ในห้องเขามีทีวี เครื่องเบ้อเริ่ม มี ของเล่นเป็นตู้ๆ และมีคอมพิวเต้อร์ เราเล่นด้วยกันอย่างมีความสุข พ่อไทเล่อร์ตามใจเขามาก แต่พ่อผมไม่ค่อยตามใจผมเลย

พ่อเริ่มมีเพื่อน ได้ไปตกปลาบ้านน้องสาวแนนน่า ด้วย ผมเองก็ได้มีโอกาสตกปลาเป็นครั้งแรกในชีวิต พ่อบอกให้ผมเอาไส้เดือนตัวใหญ่ มาเกี่ยวเบ็ด แม่บ่นพ่อใหญ่ ว่าสอนลูกให้ทำบาป พ่อหัวเราะ พ่อบอกผมเป็นลูกผู้ชายต้องหัดไว้ แม่กลัวไส้เดือน แต่ต้องคอยดูผม เพราะกลัวผมเกี่ยวเนื้อตัวเองแทนไส้เดือน เวลาไส้เดือนดิ้นร่วงลงพื้น แม่ร้องวี๊ดๆ พ่อหัวเราะบ่อยๆ ผมภูมิใจมากที่เอาไส้เดือนเกี่ยวเบ็ดเป็น ผมบอกพ่อว่าจะไปเล่าให้เควิ่น เพื่อนรักของผม ฟังด้วย



วันนั้นผมตกปลาได้ 1 ตัว ผมดีใจมากที่สุดเลย ผมบอกแม่ว่าผมจะเล่าให้ปู่ และเพื่อนๆฟัง





ใกล้ๆกลับบ้าน แพพโพ่ พาแม่ พ่อ ผม และ ไปเที่ยวนำตกไนแองการ่าด้วย ผมดูๆไม่เห็นมีอะไรสวยๆเลย ร้องบอกแม่บ่อยๆว่าน่าเบื่อ

จนกระทั่ง พ่อพาผมและพี่ไปนั่งเรือดูนำตกใกล้ๆ ผมเปียกปอนไปหมดถึงแม้ว่าจะใส่ภุงพลาสติกหันเปียกก็ตาม ตอนกลางคืนมีพลุให้ดูด้วย วันต่อไปเราเข้าไปแคนาดากัน แม่ไปด้วยไม่ได้ เพราะแม่ไม่มีพาสปอร์ตเยอรมัน เรามีเครื่องส่งวอร์คกี้ ทอลคกี้ ติดไปด้วย ส่งได้ถึง 20 ไมล์ แม่คอยพวกเราที่ฝั่งอเมริกาคนเดียว พวกเราสื่อสารกับแม่ทางวอร์คกี้ ทอล์ตกี้ตลอด แพพโพ่ พ่อ ผมและ พี่ ท่องแคนาดาในช่วงสั้นๆอย่างมีความสุข

อเมริกาเป็นประเทศ ที่ 6 ในชีวิตนอกผม นอกจาก ไทย สิงคโปร์ โดมินิกัน ฮอลแลนด์ เสปญ

ขากลับ แม่เครียดอีก เพราะ ไม่มีเครื่องจากคลึฟแลนด์ไป วอชิงตัน แม่ยืนเถียงกับทางสายการบินนานมากเลย ในขณะที่พ่อต้องมาดูผม และพี่ๆ ผมถามแม่ว่าผมต้องนอนที่สนามยินอีกหรือเปล่า พ่อต้องดุ ผม แม่ท่าทางหัวเสีย ผมใจเสียกลัวไม้ได้กลับบ้าน หาปู่ และย่า ในที่สุด แม่ก็กันมาบอกพวกเราว่า ต้องเปลี่ยนแผนบินไปชิคาโก และจากที่นั่น ไปเยอรมนี โดยสายการบินลุฟท์ฮันซ่า พวกเราต้องวิ่งเร็วๆ เพราะอีก 15 นาที เครื่องจะออก แต่แม่โดนกักตรวจอีกแฮะ ต้องถอดรองเท้า เข็มขัด เที่ยวนี้ แม่บ่นอะไรก็ไม่รู้ ผมได้ยินคนตรวจพูด ซอร์รี่ ซอร์รี่ ใหญ่เลย

เมื่อเราขึ้นเครื่องเรียบร้อยแล้ว ผมได้ยินพวกแอร์โฮสเตสพูดภาษาเยอรมันกัน ผมดีใจ บอกแม้ดังๆ แม่ แม่ พวกนี้เขาพูดภาษาของพวกเราได้ด้วยละ พวกเขาได้ยินหัวเราะกันใหญ่เลย แอร์โฮสเตส หลายคนมาจากเยอรมนี บางคน มาจากเบลเยี่ยม และ ฮอลแลนด์ เขาชอบมาทักผมบ่อยๆ ผมเขินนะ อย่าบอกใครเชียว

เมื่อผมกลับเยอรมนี ปู่มารับพวกเราที่ท่าอากาศยานคนเดียว ผมบอกปู่ว่า ผมคิดถึงปู่ และย่ามาก ไม่ไปไหนอีกแล้ว








มาลงชื่อในสมุดยี่ยมของผมหรือยังครับ

guestbook




18.10.2004

วันนี้ผมอายุ 5 ขวบเต็มแล้วครับ แม่ลาหยุดได้ 1 วัน ผมเลย นัดเพื่อนๆมาฉลอง ผมเชิญเพื่อนปากเปล่าไว้ ครึ่งห้อง แหม ยิ่งเชิญมามากๆผมก็จะได้ของขวัญเยอะแยะ แต่แม่กับย่า บอกผมให้เชิญน้อยๆหน่อย แม่ไม่มีที่พอให้เด็กเยอะๆ วันนี้ผมมีความสุขมากที่สุด
คู่หู มาเล่นด้วย 6 คน มีเค๊กอร่อยๆฝีมือย่ากับแม่ มีของเล่นให้เล่น
พฤติกรรมของผมนั้นคงดีขึ้นเรื่อยๆ แม่เลยไม่ค่อยจะมีเรื่องป่วนๆของผมมาเขียนอีก
ย่า ปู่ และพ่อ ยังคงวิตกกังวลว่าผมตัวเล็กไม่สมวัย แม่บอกบ่อยๆว่าเด็กไทยวัยเท่าผม นั้นตัวเล็กกว่าผม นั้นมีเยอะแยะ ไม่น่าจะกลุ้มอะไร

ในที่สุด แม่กับพ่อต้องพาผมไปวัดกระดูก ตรวจเลือดจนได้เพื่อความสบายใจของทุกคนในครอบครัว นายแพทย์ใหญ่ใจดี เจาะเลือด ผมไม่ร้องสักแอะ และผมต้องโดนถ่ายเอ็กซเรย์เพือวัดความหนาของกระดูก

ผลออกมา ผมกระดูกเล็กกว่าเด็กเยอรมันนิดหนึ่ง หมอบอกไม่เป็นไร เดี๋ยวโตขึ้นทุกอย่างจะดีเอง ผลเลือดของผมก็ปรกติ

ส่วนที่โรงเรียน ครูบ่นผมให้แม่ฟังว่า ผมไม่ชอบวาดภาพ ไม่มีแรงจับดินสอ สงสัยต้องไปหาหมอเพื่อรับการทำกายภาพบำบัด แม่หน้าย่นเลย บอกครูไปว่าอยู่บ้านแม่ให้ผมวาดรูปต่างๆที่ผมชอบ ไม่เห็นมีปัญหาอะไร ครูคนอื่นเขาก็เข้ามายืนยันว่าผมมีอาการแบบนั้นจริงๆ แม่มองผม ผมมองแม่ตาปริบๆ
วันต่อมาแม่พาผมไปหาหมอ แม่บ่นพึมพัม ว่าทำไมปัญหาแบบนี้จึงเกิดขึ้นได้ แม่ไม่ได้บ่นกับผม เพียงแต่ถามผมว่าทำไมไม่ชอบวาดรูป ผมบอกแม่ เบื่อน่ะ

หมอตรวจผม และให้ผมวาดรูปคน ผมวาดรูปคนมี หัว หู ใบหน้าครบตา ปาก จมูก ผมวาดท้องมีสะดือ หมอหัวเราะร่า และผมวาดขา และเท้าซึ่งวาดรองเท้าหุ้มด้วย หมอ บอกว่า แบบนี้สมบูรณ์ด้านพัฒนาการแล้ว สมบูรณ์มากกว่านี้ไม่มีแล้ว หมอบอกผมมีแรงจับปากกา แม่ไม่ต้องกลัวว่าผมจะป่วยเป็นโรคไขข้อแบบเด็กเยอรมันหลายคนซึ่งไม่มีแรงจับดินสอหรอก

หมอบอก ครูอาจไม่ค่อยชมเด็ก หรือให้กำลังใจเด็ก แม่บอกคงจะจริงเพราะเวลาผมวาดภาพ เสร็จ แม่จะเอารูปที่ผมวาดไปแปะที่ตู้กับข้าว พอพ่อกลับบ้านจะชมผม ทุกวันผมจะวาดภาพบ้านบ้าง คนบ้างให้พ่อ เวลาผมกลับจากโรงเรียนแม่ถาม สนุกไหม ผมจะพยักหน้าเท่านั้น

วันต่อมาแม่พาผมไปส่งโรงเรียน แม่บอกครูว่าผมเป็นปรกติดี เพียงแต่ต้องการแรงกระตุ้น หมอบอกผมขาดแรงกระตุ้นที่ดี และแม่ก็เอารูปเป็นสิบๆรูปที่ผมวาดที่บ้าน และวาดให้หมอดูมาอวดครู ครูเลยเงียบไป

ตั้งแต่นั้นครูเลยดูแลผมบ่อย เมื่อก่อนผมจะเล่นที่กลุ่มตัวต่อเลโก้ทุกวัน ครูจะปล่อย ตอนนี้ครูจับผมมาตัดกระดาษสีบ้าง ประดิษฐ์การ์ตูนจากกระดาษบ้าง เมื่อก่อนผมไม่ชอบนะ แต่ตอนนี้ผมเริ่มสนุกเพราะครูหารูปการ์ตูนที่ผมชอบมาประดิษฐ์ด้วยกัน

ผมรักโรงเรียนของผม ผมชอบไปโรงเรียนทุกวันเลย

2005

ปรกติผมเป็นเด็กพูดน้อย เวลาครูถามอะไรในชั้นคนอื่นแย่งตอบผมจะเงียบ ไม่มีใครว่าอะไร จนกระทั่งวันหนึ่งแม่มารับผมกลับบ้าน ครูบอกแม่ว่า ผมมีปัญหาด้านการออกเสียง แม่หน้าซีดอีก แม่บอกปัญหานี้ผมเคยมีตอนผ่าตัดต่อมทอนซิลออกใหม่ๆ เรื่องการออกเสียงตัว ชอ ตัว ซอ และ ตัว สอ ซึ่งแม่กับย่า ได้สังเกตุเห็นและฝึกทุกวัน

เมื่อผมอยู่บ้านผมจะพูดถูกต้อง ไม่ถูกได้อย่างไรล่ะ เดี๋ยวย่า กับ แม่เอ็ดตะโร อีก
ในโรงเรียน กลุ่มเพื่อนๆผม มีหลายคนพูดไม่ชัด ผมเลยพูดไม่ชัดอีก หมอเด็กบอกไม่ต้องไปบำบัดการออกเสียงกับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางหรอก การที่แม่และย่าเคี่ยวผมทุกวันทุกคืนนั้นพอแล้ว

แต่ครูบ่นกับย่าทุกครั้ง ย่าเลยมาบ่นแม่ ต่อ แม่ยิ้มเครียดๆคงโมโหครู พาผมไปหาหมออีก คราวนี้หมอฉุนครูอีก ......ใครเป็นหมอกันแน่วะ......หมอบ่น แม่หัวเราะ หมอใจดีออกใบสั่งไปให้ผมไปรับการบำบัดด้านการออกเสียง สิบครั้ง

แม่เหนื่อยกลับมาจากงาน ทานอาหารกลางวันเสร็จก็ต้องพาผมไปหานางเอ็ดลิค ผู้เชี่ยวชาญ อาทิตย์ละ สองครั้ง เมื่อผ่านไปได้ สามครั้ง นางเอ็ดลิค บอกแม่ ผมไม่มีปัญหาอะไรหรอก เพียงแต่ผมเคยตัวไปหน่อยเพราะอยู่ในกลุ่มเพื่อนพูดไม่ชัด และเด็กๆพวกนี้มีปัญหาจริงๆหล่อนบำบัดพวกเขาอยู่เหมือนกัน

ผมไปรับการบำบัดห้าครั้งก็เลิก ผมเริ่มพูดชัดอีก เลยไม่มีใครมาจับผมไปหานางเอ็ดลิคอีก เสียดายจัง หล่อนน่ารักออก ให้ลูกอมผมทานทุกครั้ง...เฮ้อ










Create Date : 06 พฤศจิกายน 2548
Last Update : 1 ธันวาคม 2548 18:59:07 น. 6 comments
Counter : 453 Pageviews.

 
น่ารักอ่ะ มพถ


โดย: มคซ IP: 81.236.216.5 วันที่: 12 พฤศจิกายน 2548 เวลา:13:27:46 น.  

 
55555555+


โดย: เนย IP: 124.120.77.123 วันที่: 1 เมษายน 2549 เวลา:2:33:52 น.  

 
ใครถามอ่ะ


โดย: ChelseaF.C. IP: 203.113.40.73 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2549 เวลา:19:05:59 น.  

 


โดย: ออม IP: 203.113.77.68 วันที่: 21 ธันวาคม 2549 เวลา:19:19:14 น.  

 
น่ารักจังเลยนะ
55555555555555555555+


โดย: แพร IP: 203.113.77.68 วันที่: 21 ธันวาคม 2549 เวลา:19:21:19 น.  

 
น่ารักจังเลยนะ
55555555555555555555+


โดย: แพร IP: 203.113.77.68 วันที่: 21 ธันวาคม 2549 เวลา:19:21:47 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

It-ta-tee
Location :
กรุงเทพฯ Germany

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






บันทึก และ มุมมองแห่งชีวิต ของ เรา ผู้เป็น แม่และพยาบาล

ในโลกนี้มีอะไรสำคัญกว่าที่ต้องทำมากว่าการนั่งหน้าจอ PC เช่น ขึ้นเวร เวลาขาดคน ถึงได้หยุดก็เถิด หรือ การเล่นและสอนลูกๆ บางครั้งได้มีโอกาสทำประโยชน์ให้คนไทยด้วยกัน
เท่านี้ เราก็มีความสุขมาก
เราเขียนบล๊อกเมื่อมีเวลา หากเพื่อนๆแวะมา comment เราขอบคุณค่ะ
และจะตามไปเยือน เมื่อ โอกาส อำนวยค่ะ
ขอบคุณสำหรับมิตรภาพที่มอบให้

กระทู้ล่าสุด



Thai-deutsches Familienleben




free counter
widget
Friends' blogs
[Add It-ta-tee's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.