อำลา Salzburg
หลังจากได้เบิกบานใจกับหิมะที่ไม่เคยคิดว่าจะได้สัมผัส ได้ชมเสน่ห์ของน้ำพุซ่อนกลอย่าง Hellbrunn Trick Fountain ไปแล้ว ก็ถึงวันที่จะต้องอำลา Salzburg เมืองกำเนิดของกวีเอก Mozart แล้ว แต่ช่วงเช้ายังมีเวลาให้เดินเที่ยวในเมืองได้อยู่
พอเก็บของที่เหลือแพ็คใส่กระเป๋าเดินทางเรียบร้อยแล้ว ฉันก็ลงไปจัดการอาหารมื้อเช้า เจอครอบครัวพ่อแม่ลูกคนไทยที่เมื่อวานเย็นได้ทักทายกันตอนฉันกลับเข้าที่พัก คนที่เป็นคุณแม่บอกว่าจะไม่ไป Hellbrunn ตามที่สนใจสอบถามฉันไว้ เนื่องจากเมื่อเย็นวานเจอฝนตกก็เลยไม่ได้เที่ยวในเมือง เธอขอความเห็นว่าควรจะไปที่ไหนดีกว่ากันระหว่างไป Hellbrunn กับเดินเที่ยวในเมือง ฉันเห็นว่าเมื่อมีเวลาจำกัดอย่างนี้ ถ้ายกทีมไป Hellbrunn ก็คงกลับมาไม่ทันขึ้นรถไฟไป Innsbruck แน่ เลยแนะว่าน่าจะเที่ยวในเมืองมากกว่า ไม่ลืมที่จะเน้นว่าอย่าลืมขึ้นไปดูวิวบน Hohensalzburg Fortress ด้วย พอจัดการอาหารมื้อเช้าเสร็จฉันก็บอกขอปลีกตัวลาไปเที่ยวก่อน โดยหวังว่าอาจจะไปเจอกันในเมืองอีกครั้งหนึ่ง
เช้าวันนี้ ด้วยความรีบเร่งฉันก็นั่งรถหลงฝั่งอีกจนได้ค่ะ กระโดดขึ้นรถรางสาย 21 หน้าโรงแรม ปรากฏว่ารถพาไปเข้าอู่ก่อน เลยเสียเวลาไปนิดนึง ต้องนั่งรอคนขับหยุดพักรอบประมาณ 10 นาที คนขับคนเดิมจึงมาขับวนกลับไปใหม่
จุดเริ่มต้นในการเดินของฉันก็ยังเหมือนเมื่อวันแรก คือที่สะพาน Staatsbrucke เดินเลียบริมน้ำไปสักครู่ ก็ข้ามมาที่ Mozart's Birthplace ซี่งขณะนั้นมีทัวร์ไทยกำลังลงพอดี ดูเหมือนจะหลายกรุ๊ปด้วยกัน เห็นคุณไกด์หนุ่มตัวเล็กกำลังอธิบายว่านี่คือบ้านของโมสาร์ตนะ พร้อมกับชี้ให้ดูตัวอาคารสีเหลือง แล้วก็บอกลูกทัวร์ว่า ...เอาอย่างนี้มั้ย ถ้าสนใจเดี๋ยวฉันค่อยย้อนกลับมาดู ตอนนี้ไปดูอย่างอื่นก่อนดีกว่า ซึ่งฉันก็ไม่คิดว่ากรุ๊ปทัวร์กลุ่มนี้จะได้ย้อนกลับมาที่นี่อีกนะ
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมบรรดาทัวร์ทั้งหลายถึงไม่ได้แอ้มเงินฉันสักที
จะว่าไปแล้ว บางคนอาจจะไม่สนใจ Mozart's Birthplace เลยด้วยซ้ำนะ เพราะมันเหมือนกับพิพิธภัณฑ์ที่บอกเรื่องราวความเป็นมาของตัวโมสาร์ต หรือชื่อเต็มว่า Wolfgang Amadeus Mozart คีตกวีผู้ยิ่งใหญ่ของโลก ซึ่งเกิด ณ เมืองซาลซ์บวร์ก ออสเตรีย โมสาร์ตได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นอัจฉริยะทางดนตรีคลาสสิกโดยเริ่มแต่งดนตรีเมื่ออายุเพียง 5 ขวบ และแสดงดนตรีต่อสาธารณชนครั้งแรกเมื่ออายุ 6 ขวบเท่านั้น เขาได้เดินทางไปแสดงดนตรีในยุโรปหลายประเทศ ชื่อเสียงรุ่งโรจน์ตั้งแต่ยังเยาว์วัย ได้รับยกย่องนับถือจากวงสังคมทุกชนชั้น ตั้งแต่ประชาชนคนเดินถนนจนถึงราชสำนักออสเตรีย เยอรมัน ฝรั่งเศส และอังกฤษ
แม้ว่าชีวิตของโมสาร์ตจะประสบความสำเร็จในด้านชื่อเสียงและผลงาน แต่สุดท้ายเขาก็ต้องจบชีวิตลงด้วยโรคไทฟอยด์ด้วยวัยเพียง 35 ปี เท่านั้น แถมยังไม่มีญาติสนิทมิตรสหายคนใดไปฝังศพเขาเลย ปล่อยให้สัปเหร่อจัดการ ณ ป่าช้าสำหรับคนอนาถาที่กรุงเวียนนา
.....ไม่น่าเชื่อว่าคีตกวีเอกของโลกจะปิดฉากชีวิตลงอย่างเงียบเหงาเศร้าสร้อยเช่นนี้.....
ชีวิตคนฉันก็เท่านี้แหละค่ะ!!!
ฉันเดินอยู่ใน Mozart's Birthplace ราวครึ่งชั่วโมงเศษ รีบทำเวลาเพราะยังมีสถานที่ที่อยากไปดูอีกหลายแห่งด้วยกัน เช่น โบสถ์ St.Peter, โบสถ์ Franciscan และว่าจะไปชมวิวเมืองอีกมุมหนึ่งบนเขา Monchsberg ด้วย
St.Peter Church
ต้องออกตัวว่าฉันไม่ใช่คริสต์ศาสนิกชน จึงไม่สามารถอธิบายเรื่องราวภายในโบสถ์ได้ นอกจากจะชื่นชมกับความงดงามของศิลปวัฒนะธรรม และพยายามดูในสิ่งที่ศาสนาคริสต์ต้องการสื่อผ่านวัตถุในโบสถ์
Franciscan Church
ตรงที่มีรูปม้าคือ Leopolds Platz
Monchsberg Mountain ที่ฉันอยากขึ้นไปชมวิวนั้นจะต้องขึ้นลิฟท์ไป แต่ฉันหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ เจอแต่บันไดทางขึ้นซึ่งปิดอยู่ มีป้ายบอกชี้อยู่ด้านใน เดินตามไปก็หาไม่เจอ พยายามเดินวนหาอยู่ 3 รอบก็อ่อนใจ ยอมแพ้เพราะไม่มีเวลาหาแล้วล่ะ เดี๋ยวจะตกรถไฟที่จะไป Hallstatt ซะก่อน
ฉันชอบป้ายรถเมล์ในรูปนั่นนะ เพราะมีบอกชื่อป้ายว่าเป็นที่ไหน พร้อมกับรถรางหรือรถเมล์สายอะไร ตัวเลขสีแดงในช่องทางขวามือบอกเวลาที่รถจะมาถึง ไม่ถึงกับตรงเป๊ะๆ หรอกแต่ก็ใกล้เคียงมาก แถมมีหลอดไฟส่องในยามค่ำคืนอีกด้วย
ร้านช็อกโกแลตโมสาร์ตมีให้เห็นมากมาย
ระหว่างที่คอยรถรางสาย 21 อยู่นั้น ก็หันไปเจอคู่รักหวานแหววคู่หนึ่ง .....ถือเป็นคู่รักในฝันของฉันเลยก็ว่าได้นะ
ดูอายุอานามก็น่าจะเกินเจ็ดสิบปีแล้ว แต่ท่าทางยังแข็งแรงดี ทั้งชายและหญิงน่าจะเป็นชาวเอเชีย หน้าตาค่อนไปทางจีน ..ที่จริงจากการแต่งกายทำให้ฉันนึกถึงภาพชาวเขาบ้านฉันมากกว่า ทั้งคู่สวมเครื่องแต่งกายสีดำ ผู้ชายสวมหมวกดำ ในขณะที่ผู้หญิงคาดผ้าดำคลุมผม
แม้ทั้งคู่จะไม่ถึงกับเดินจูงมือกัน แต่ภาพคู่รักสูงอายุที่สะพายเป้ใบเล็กไว้บนหลังแล้วก็เดินชมเมืองกันนั้น เป็นภาพที่ทำให้ฉันประทับใจในวันอำลาเมืองซาลซ์บวร์กวันนี้มากๆ เหมือนกับมองเห็นภาพสิ่งที่เคยนึกฝันในวัยเด็กว่าคู่รักควรจะได้อยู่คู่กันจนถึงแก่เฒ่า บั้นปลายได้ใช้ชีวิตและท่องไปในโลกกว้างร่วมกันแบบนี้
เอ!!...ชักจะโรแมนติกเกินเหตุทั้งที่ไปเที่ยวคนเดียวซะแล้วล่ะซี
คู่รักสูงอายุหน้าตาและวัยประมาณนี้
.....นี่ถ้าฉันเจอคู่นี้ในสองวันแรก คงรีบเข้าไปสัมภาษณ์ขอพูดคุยด้วยแน่ๆ เลย แต่วันนี้คงทำตามใจตัวเองไม่ได้ เพราะรถรางมาซะแล้ว
กลับมาถึงโรงแรมก็สิบเอ็ดโมงพอดี รีบขึ้นไปแบกกระเป๋าเดินทางลงมาจากห้องเพื่อเช็คเอ๊าท์ที่เคาน์เตอร์ จากนั้นก็เดินลากกระเป๋าไปที่สถานีรถไฟ แวะซื้อตั๋วรถไฟล่วงหน้าจาก Hallstatt ไป Linz ไว้ก่อนด้วย เผื่อเหลือเผื่อขาด ส่วนขาไป Hallstatt ในการเดินทางครั้งนี้ ฉันซื้อไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
ยังมีเวลามากพอที่จะหาซื้อของกินสำหรับมื้อกลางวันบนรถไฟด้วย เลยแวะซื้อเบอร์เกอร์ไก่ที่ร้าน BurgerKing ราคาชิ้นละ 2.99 ยูโร อย่าคำนวณเป็นเงินไทยเชียวนะเดี๋ยวจะทำให้หมดอร่อยเลยค่ะ
เดินทางด้วยรถไฟก็ดีอย่างนะคะ ได้ชมวิวทิวทัศน์สวยๆ แล้วก็ได้พักขาให้คลายเมื่อยบ้าง
อีกไม่นานก็จะถึง Hallstatt เมืองเล็กที่สวยงามแล้วค่ะ