"A journey of a thousand miles begins with a single step." : Lao Tzu
ถ้าไม่มีก้าวแรก ก้าวต่อไปก็ย่อมไม่มี .....ในการเดินทางไกล ย่อมอาศัยก้าวย่างแรก
บางคนเปรียบชีวิตเหมือนการเดินทาง แต่สำหรับบางคน...การเดินทางนั้นคือชีวิต
สำหรับเราแล้ว... การเดินทางและชีวิตคือการเปิดโลกแห่งการเรียนรู้ในโลกกว้างอย่างมีความสุข ทำงานหนักแล้วก็ให้รางวัลกับชีวิตบ้าง ซึ่งเราก็เลือกที่จะให้รางวัลกับตัวเองด้วยการท่องเที่ยวต่างประเทศเหมือนที่ใครหลายๆ คนใฝ่ฝัน
ด้วยความอยากเที่ยวยุโรป แต่เวลาว่างมักจะไม่ตรงกับเพื่อนๆ รวมทั้งความอิสระและความคล่องตัวที่ค่อนข้างแตกต่างจากเพื่อนฝูง ก้าวย่างแรกในการท่องเที่ยวต่างแดนตามลำพังจึงเริ่มต้นจากตรงนี้
หลังจากซื้อหนังสือท่องเที่ยวแต่ละประเทศมาอ่านกว่า 10 เล่ม เริ่มหาตั๋วเครื่องบินที่มีโปรโมชั่นราคาถูก ไปลงตัวที่สายการบิน EVA Air แล้วก็เลือกประเทศที่จะเที่ยวเป็นออสเตรียและสาธารณรัฐเช็ก
หนังสือท่องเที่ยวที่เลือกอ่านก่อนตัดสินใจ
หนังสือที่ใช้เป็นคัมภีร์ในการเที่ยวครั้งนี้
แล้วก็ทำการบ้าน ทยอยหาข้อมูลจากเว็บไซต์และเว็บบอร์ดหลักๆ 6 แห่ง คือ
//www.pantip.com/cafe/blueplanet
//board.trekkingthai.com/board/webboard.php?Category=trekking&forum=2&PHPSESSID=clvmnudhserbe2tor4h5cc1i87
//www.tripadvisor.com
//www.virtualtourism.com
//www.planetware.com และ
//www.ricksteves.com
สรุปได้เส้นทางการเที่ยวเป็น 14 วัน 12 คืน ดังนี้
Vienna 3 คืน, Salzburg 2 คืน, Hallstatt 2 คืน, Cesky Krumlov 2 คืน และ Prague 3 คืน
ไม่กี่วันก่อนการเดินทางชุลมุนชุลเกมาก เพราะดูเหมือนขาดความพร้อม ขอหยิบยืมโอทูที่มีจีพีเอสจากน้องที่ทำงานติดตัวไปด้วยเพราะกลัวหลงทาง วันสุดท้ายก่อนการเดินทางก็ยังวิ่งวุ่นซื้อของจำเป็น เช่น ร่มคันเล็ก, กระเป๋าใส่พาสปอร์ตและเงินสดที่ห้อยคอติดตัวตลอดเวลาได้ แม้กระทั่งชั่วโมงสุดท้ายก่อนออกจากบ้านก็ยัง search หาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตอยู่ มาเสร็จสิ้นการจัดกระเป๋าเดินทางตอนสี่ทุ่ม โดยมีกระเป๋าเดินทางล้อลากขนาด 9x12x21 นิ้ว หนึ่งใบ กับกระเป๋าเป้สะพายหลังอีกหนึ่งใบ เอาไว้สำหรับใส่ของใช้และเสื้อผ้าอีกหนึ่งชุดเผื่อกระเป๋าใบใหญ่หลงหาย
เราไปถึงสนามบินก่อนเที่ยงคืน เครื่องบินจะออกในเวลา 02.35 น. เลยนั่งรออยู่ที่สนามบินค่อนข้างนาน ประมาณตีหนึ่งครึ่งจึงเดินไปที่ gate เพื่อเอกซเรย์ ปรากฏว่าเครื่องตรวจดันร้องปี๊บๆ จึงถูกเรียกเจ้าหน้าที่เรียกไปตรวจและรื้อกระเป๋าเป้อยู่นานแทบเทกระเป๋าหา แต่ก็ไม่เจออะไร
จากนั้นก็เข้าไปรอใน gate นั่งมองดูผู้โดยสารคนอื่นๆ ที่จะร่วมชะตากรรมบนเครื่องบินเที่ยวเดียวกัน สังเกตว่าส่วนใหญ่จะไปเป็นหมู่คณะหรือเป็นคู่ ที่เดินทางเดี่ยวดูจะมีน้อยมาก ที่มีบ้างก็เห็นจะเป็นฝรั่งเสียมากกว่า นอกนั้นก็เป็นหญิงไทยที่ไปตั้งรกรากทางโน้น
.....เครื่องดีเลย์ไปถึงหนึ่งชั่วโมงแน่ะ กว่าจะออกบินก็เกือบตีสามครึ่ง พอขึ้นเครื่องแล้วก็ยังนอนไม่ได้เพราะแอร์โฮสเตสเสิร์ฟอาหารมื้อแรกประมาณตี สี่ กว่าจะหลับได้ก็ประมาณตีห้า หลับๆ ตื่นๆ อยู่ตลอด นอนไม่สบายเลยค่ะ เนื่องจากเที่ยวบินตรง 11 ชั่วโมงในชั้นประหยัดค่อนข้างทรมานเอาเรื่อง เพราะส่วนใหญ่จะปรับเก้าอี้ได้ไม่มาก แล้วเผอิญว่าที่นั่งเราก็ปรับแทบไม่ได้เลย จึงเป็นการนั่งหลับมากกว่านอนหลับ
เครื่องบินแตะพื้นดินเวียนนาประมาณ 09.30 น. เราผ่าน ตม. ได้อย่างสะดวกรวดเร็วมาก แล้วก็มารอกระเป๋าซึ่งมีอยู่ไม่กี่สายพาน ผู้คนคึกคัก คงเป็นเพราะสนามบินมีขนาดไม่ใหญ่นักกระมัง
เราเดินออกจากศุลกากรได้ตอน 10.15 น. เงอะงะอยู่ครู่หนึ่งก็เดินตามลูกศรไปขึ้นรถบัสที่จะเข้าเมืองไปที่สถานีรถไฟ Wien Westbahnhof เดินเข้าไปถามให้แน่ใจอีกทีว่าจุดหมายปลายทางอยู่ที่ไหน จากนั้นคนรถก็เปิดประตูที่เก็บกระเป๋าให้ เรานึกว่าจะช่วยยกกระเป๋าขึ้นเก็บให้เสียอีก แต่เปล่าเลยค่ะ ...self service ต้องยกเองค่ะ
ไม่เป็นไร ฝึกไว้ให้ชิน หนทางยังอีกยาวไกลสำหรับทริปนี้ คงต้องช่วยตัวเองอีกบ่อยครั้ง
เสร็จแล้วก็ขึ้นไปจ่ายเงินค่าโดยสารให้กับคนขับ 6 ยูโร
บรรยากาศขณะรอกระเป๋าที่สนามบินเวียนนา
รถบัสแวะส่งให้คนลงจุดแรกที่ Wien Sudbahnhof จากนั้นก็มาส่งที่สถานีปลายทางคือ Wien Westbahnhof ประมาณ 11.10 น. เราลงจากรถแล้วก็เดินดุ่มด้วยความมั่นใจเข้าไปซื้อตั๋วรถไฟชั้นสองไป Salzburg ราคา 44.20 ยูโร ดูรายละเอียดในตั๋ว ไม่มีตรงไหนบอกว่าต้องขึ้นที่ชานชาลาเท่าไหร่
หันไปเห็นหนุ่มใส่สูทผูกเน็คไท ซึ่งท่าทางบอกว่าน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลสถานี ก็เลยเดินเข้าไปถาม เขาบอกว่าไป Salzburg ให้ขึ้นบันไดไปข้างบนรถไฟจะจอดรอที่ชานชาลา 7 เรากล่าวขอบคุณแล้วรีบเดินตรงไปร้านพิซซ่าใกล้ๆ กันดูว่า พอจะมีอะไรที่จะเป็นมื้อกลางวันบนรถไฟได้บ้าง เลือกได้ Falafel มาชิ้นนึง 3.3 ยูโร กับน้ำสไปร์ท 2 ยูโร มื้อแรกปาเข้าไปเกือบสามร้อยบาทแล้วก็แค่แซนด์วิชเนี่ย
พอขึ้นไปนั่งบนรถไฟขบวนจอดรอที่ชานชาลา 7 ได้สักพัก ก็เริ่มไม่สบายใจ เพราะตอนเดินมาขึ้นรถไฟ เห็นมีอีกขบวนจอดรอที่ชานชาลา 8 มีป้ายเขียนว่า Salzburg แต่ที่ชานชาลา 7 นี่เขียนไว้ว่า Innsbruck เลยต้องหยิบข้อมูลการเดินทางที่พิมพ์มาจากในเว็บของการรถไฟออสเตรียออกมาดู ก็พบว่าไปได้ทั้งสองชานชาลา แต่เพื่อความแน่ใจจึงเดินเข้าไปถามหญิงสาวที่นั่งอยู่ในตู้เดียวกันดู เธอยืนยันว่าไปได้ทั้งสองขบวนแหละ ก็เลยอุ่นใจหน่อยค่ะ
ตั๋วรถไฟจากเวียนนาไปซาลซ์บวร์ก ชั้น 2
ดูจากรูปจะเห็นว่าอายุของตั๋วรถไฟใช้ได้ถึง 6 วัน จะขึ้นวันเวลาไหนก็ได้ในช่วงเวลาดังกล่าว เช็คเวลาได้ที่บอร์ดในสถานีรถไฟ หากไม่ได้จองที่นั่งก็จะไม่มีการระบุหมายเลขไว้ ก็ต้องแบกรับความเสี่ยงว่าขึ้นไปแล้วอาจจะไม่มีที่นั่งก็ได้ แต่ตามตารางเดินรถไฟจะมีการบอกไว้ว่าขบวนไหนควรจะต้องทำการจองที่นั่งด้วย ซึ่งก็ต้องเสียค่าจองอีกหลายยูโรทีเดียว
กระเป๋าที่ใช้ในการเดินทางกับที่นั่งบนรถไฟชั้น 2 ซึ่งตู้นี้เฉพาะผู้หญิง (Lady Compartment)
แล้วค่อยมาเล่าเรื่องเมือง Salzburg ต่อนะคะ
ปล วีซ่าเดินทางคนเดียวยุ่งยากมั้ยค่ะ ถ้าไม่เป็นการรบกวนช่วยแชร์ประสบการณ์เผื่อเป็นแนวทาง ขอบคุณค่ะ