เล่าประสบการณ์ท่องเที่ยวในต่างประเทศ

Mystery Prague


วันที่สิบของการท่องเที่ยวแล้ว ยังอยู่ที่ปราก สาธารณรัฐเช็กนะคะ



สำหรับวันที่ต้องการอากาศแจ่มใสในการเดินเที่ยวปราสาทปราก ฝนตกพรำแต่เช้าค่ะ ถึงอย่างนั้น
ฉันก็ลงมารอพี่แต๋วก่อนเวลานัดเล็กน้อย แต่ปรากฏว่าพี่ตุ่มมานั่งรออยู่ที่ล็อบบี้แล้ว บอกว่าพี่แต๋วงานยุ่งจึงมาไม่ได้



น่าเสียดายค่ะ เพราะฉันทราบว่าพี่แต๋วและพี่ตุ่มมาอยู่ประเทศเช็กก็หลายเดือนแล้ว แต่ก็ยังไม่เคยมาเที่ยว Prague Castle กันเลย



....นี่ล่ะนะ สำหรับคนที่มาทำงานจริงๆ เวลาเที่ยวแทบจะไม่ต้องพูดถึง เพราะมักจะหาเวลาว่างไม่ค่อยได้ คนส่วนใหญ่ที่เข้าใจกันว่ามาทำงานอยู่ต่างบ้านต่างเมืองแล้วจะสบาย คงต้องคิดใหม่ เพราะบางทีอาจจะงานหนักกว่าทำงานในเมืองไทยเสียอีก




นักรบกับสิงโตที่ซุ้มประตูทางเข้า



ลาญ่าขับรถไปส่งที่หน้าประตูทางเข้า Prague Castle ตรง Courtyard I
ฉันจึงถือโอกาสถ่ายรูปกับทหารยามซึ่งยืนนิ่งทำท่าไม่รู้ไม่ชี้อะไรทั้งสิ้น แม้จะเข้าไปพูดขออนุญาตถ่ายรูปด้วย ก็ยืนนิ่งไม่พูดไม่จาไม่ไหวติงเชียว แหม!! จะยิ้มให้สักนิดก็ไม่มีเลย
Smiley



จากนั้นเราสองคนก็กางแผนที่และเปิดตำราดูว่าควรจะเดินตรงไหนก่อน ...จากข้อมูลที่ฉันเตรียมไปจากเมืองไทยนั้น บอกว่าควรจะเที่ยวชม Royal Garden ก่อน แล้วค่อยเข้าไปชมข้างใน จึงเข้าไปซื้อตั๋วที่ Box Office ซึ่งค่าตั๋วสำหรับการเข้าชมเส้นยาวหรือเต็มทัวร์ ราคา 350 คราวน์ ส่วนเส้นสั้นราคา 250 คราวน์ เส้นหลังนี้จะไม่ได้เข้าชม Prague Story History นะคะ
แนะนำว่าควรเข้าชมข้างในค่ะ เพราะมีหลายอย่างที่น่าดู)





ใกล้ประตูทางเข้าจะมีกลุ่มนักดนตรีขับกล่อมให้ฟัง หมวกด้านล่างสำหรับรับเงินบริจาค


เมื่อได้ตั๋วเรียบร้อยแล้ว
ฉันก็เดินย้อนกลับออกมาด้านนอก ฝนก็ยังลงเม็ดอยู่ ฉันตระเวนหาทางเข้า Royal Garden กันพักใหญ่เพราะยังไม่เจอป้ายบอก พอลองเดินออกไปเรื่อยๆ ก็เจอทัวร์หลากหลายคณะและหลากเชื้อชาติเริ่มทยอยเข้ามา
เราเห็นประตูหนึ่งเปิดอยู่เลยเดินเข้าไปด้อมๆ มองๆ ปรากฏว่าเจอดี โดยทหารยามไล่ออกมาแล้วก็ปิดประตูใส่ซะงั้นแหละ



พอเดินต่อไปด้านนอกอีกหน่อยก็เจอเข้ากับป้าย Royal Garden บอกเวลาเปิดไว้ 10 นาฬิกา (ตัวปราสาทเปิด 9-17 น.) ดูแล้วยังไม่ถึงเวลาเปิดสวน ก็เลยเดินฆ่าเวลาด้วยการเดินมองรอบๆ จึงถึงบางอ้อว่า ประตูเข้า Royal Garden นี่ต้องเข้าทางถนนที่มี Tram สาย 18 ผ่าน แต่ลาญ่าขับรถไปส่งเราที่หน้าประตูทางเข้าปราสาทเลย จึงไม่ผ่านถนนเส้นนี้






บรรยากาศใน Royal Garden


อาจจะเป็นเพราะช่วงนี้เพิ่งย่างเข้าฤดูใบไม้ผลิ ต้นไม้จึงยังไม่ค่อยสวยงาม สีสันไม่ค่อยมีสักเท่าไหร่ ทั้งที่ Royal Garden น่าจะเป็นสวนที่สวยงาม แต่ก็ไม่ได้ผิดหวังมากนักเนื่องจากเป็นส่วนที่เปิดให้ชมฟรี





เรา
เดินชมสวนอยู่ไม่นานนัก ก็กลับเข้าไปที่ตัวปราสาท Courtyard III พอเห็นแถวแล้วก็ค่อนข้างตกใจเพราะยาวมาก แต่พอไปยืนรอจริงๆ ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่ แค่ 15-20 นาทีเท่านั้น ...จำได้ว่าแถวที่ยืนคอยคิวนานที่สุด คือ ตอนไปยืนเข้าแถวรอเล่นเครื่องเล่นในดิสนีย์แลนด์ที่ญี่ปุ่นนานถึงชั่วโมงครึ่งเชียว





ตัวปราสาทด้านนอก




พอเข้าไปในปราสาท
ฉันก็เดินชมแบบคุ้มค่าตั๋ว เพิ่งมาทราบในภายหลัง เมื่อพี่แต๋วเล่าให้ฟังว่า พี่ตุ่มไปคุยให้ฟังเรื่องที่ฉันเดินดูทุกจุด และเก็บรายละเอียดทุกเม็ด


แหม!!! ก็ให้คุ้มกับค่าเครื่องที่บินมาไกลล่ะค่ะ




กระจกสีที่บอกเรื่องราว







ในส่วนของตัวปราสาทนั้น จะมีส่วนของโบสถ์
St.Vitus's Cathedral รวมอยู่ด้วย ต้องไม่ลืมขึ้นไปชมหอคอยวิหารนะคะ มีทั้งหมด 287 ขั้น ทางขึ้นวนเป็นเกลียวเหมือนน็อต จะมีขั้นพักเล็กๆ อยู่แค่ไม่ถึง 5 แห่ง เวลามีคนเดินสวนขึ้น-ลง จึงลำบากมากสำหรับคนตัวใหญ่ๆ




ฉันกับพี่ตุ่มเดินขึ้นแบบไม่เร่งรีบนัก!!...




ที่ว่าไม่เร่งรีบนั้น ที่จริงเป็นเพราะสังขารต่างหากค่ะ โดยเฉพาะพี่ตุ่มที่อยู่ไกลถึงคลองห้าโน่น


เรา
ก็เลยต้องยืนหอบกันอยู่หลายรอบ ใช้เวลาขึ้นราว 10-15 นาทีได้ค่ะ เมื่อมาถึงชั้นบนสุดของวิหาร จะมีเก้าอี้นั่งพักให้หายเหนื่อยก่อนที่จะออกไปสูดลมชมวิวด้านนอก ภาพที่เห็นเป็นทิวทัศน์ของกรุงปรากในเมืองชั้นใน สามารถมองเห็นสะพานชาร์ลส์ และฝั่งเมืองเก่า
(Old Town)









เสร็จจากด้านบนแล้ว
ฉันลงมาเดินต่อด้านล่าง ในส่วนของ Royal Palace วันนั้นไม่เปิดเพราะเหตุผลทางเทคนิค ซึ่งก็ไม่รู้ว่าคืออะไร เจ้าหน้าที่บอกเพียงเท่านี้ แต่ก็ยังเห็นมีคนไปเข้าแถวรอชมอยู่ ส่วนฉันพอเห็นป้าย Prague Story History Exhibition อยู่ที่โถงด้านล่างจึงเดินไปดู ส่วนนี้เจ้าหน้าที่ขอตรวจตั๋วของเรา เพราะเป็นส่วนที่จะต้องซื้อตั๋วเข้าชม ด้านในมีรายละเอียดของประวัติศาสตร์ประเทศเช็กเต็มไปหมด



โดยส่วนตัวแล้วฉันค่อนข้างชอบค่ะ เดินดูทุกจุดจนพี่ตุ่มต้องเตือนว่าใกล้เที่ยงแล้วนะ ใกล้เวลาเปลี่ยนเวรยามของทหารซึ่งมีทุกชั่วโมง แต่ตอนเที่ยงจะเป็นพิธีใหญ่สุด
ฉันจึงต้องจำใจออกจากส่วนพิพิธภัณฑ์นี้ด้วยความเสียดาย เหลือเวลาแค่ 5 นาที แต่ต้องเดินออกไปหน้าประตูอีกไกลพอควร




พอไปถึง Courtyard I ก็เห็นคนมุงรอดูการเปลี่ยนเวรยามกันแน่นขนัด ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปเบียดยืนอยู่ตรงไหน ที่จะเปลี่ยนใจกลับเข้าไปดูพิพิธภัณฑ์ใหม่ก็คงไม่ได้ เพราะเจ้าหน้าที่ตัดคลิปที่ตั๋วเป็นสัญลักษณ์ไว้เรียบร้อยแล้ว จึงจำต้องขอเบียดเสียดฝูงชนสอดแทรกเข้าไปถ่ายรูปมาได้บ้าง



รู้สึกไม่ค่อยคุ้มกับที่มาดูเท่าไหร่ค่ะ ไม่ได้อลังการอย่างที่คิด ตอนไปดูพิธีทหารเปลี่ยนเวรยามที่เกาหลียังรู้สึกว่าชอบ และทหารยามก็ดูเป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวมากกว่าเยอะเลย




หลังจากพิธีเสร็จ
เราก็กลับเข้าไปด้านในใหม่ ฉันขอเวลาพี่ตุ่มแวะซื้อโปสการ์ดที่ shop ในปราสาทเพื่อส่งกลับเมืองไทยก่อน เนื่องจากมี post office อยู่ใกล้ๆ กัน แถมไม่ปิดบริการตอนเที่ยงหรือพักกลางวันทั้งหมดด้วย มีสลับช่องการให้บริการซึ่งถือว่าสะดวกแก่นักท่องเที่ยวดีค่ะ





St.George's Basilica


ดูจากเวลาแล้ว
เราก็เลยคิดว่านั่งพักกันบ้างก็ดี มีร้านคาเฟ่และร้านอาหารอยู่หลายแห่งในนี้ จึงแวะซื้อแซนด์วิชกับเครื่องดื่ม
ฉันเลือกกาแฟร้อนมาบรรเทาความหนาวเหน็บของมือที่เย็นเฉียบ ไออุ่นจากกาแฟพร้อมแซนด์วิชแสนอร่อยทำให้มีแรงที่จะเดินต่อไปอีกเยอะ



จากคาเฟ่ที่เรานั่งกันอยู่นั้น มีทางเข้าเชื่อมต่อกับ Golden Lane หรือหมู่บ้านช่างทอง ซึ่งมีชายหนุ่มสองคนยืนคอยตรวจตั๋วอยู่ด้วย ซึ่งค่าตั๋วของเราที่จ่ายไปนั้น สามารถเข้าชมในส่วนนี้ได้เลย





หมู่บ้านช่างทองนี้ เป็นหมู่บ้านประวัติศาสตร์นับพันปีมาแล้ว ซึ่งเล่ากันมาว่า สมัยพระเจ้ารูดอล์ฟที่ 2 ได้นำช่างฝีมือทุกแขนงมาชุมนุมกันที่นี่ เพื่อประกอบงานศิลปหัตถกรรมส่งเข้าไปในวังหลวง ในสมัยนั้นเชื่อกันว่า พวกนักเล่นแร่แปรธาตุสามารถนำโลหะหลายชนิดมาผลิตเป็นทองคำแท้ได้ ก็เลยเรียกหมู่บ้านนี้ว่า "หมู่บ้านช่างทอง" ทั้งที่ในความเป็นจริงไม่ปรากฏหลักฐานว่าพวกนี้สามารถผลิตทองคำกันออกมาได้จริงๆ




จากที่เดินเข้าไปดูนั้น บ้านเลขที่ต่างๆ ได้กลายเป็นร้านขายของไปหมดแล้ว รวมทั้งบ้านเลขที่ 22 ซึ่งเคยเป็นบ้านพักของนักประพันธ์คนดังอย่าง Franz Kafca ด้วย





โดยส่วนตัวแล้ว
ฉันชอบบ้านเลขที่ 14 ซึ่งขายของที่ระลึกจำพวกที่คั่นหนังสือทำจากโลหะหลายประเภท ไอเดียในการทำ Bookmarks ของที่นี่เรียกว่าแจ่มแจ๋วมากทีเดียว



บ้านเลขที่ 23 มีนาฬิกาโบราณหลากหลายรูปแบบ ทั้งนาฬิกาข้อมือ แบบแขวนผนัง แบบห้อยคำ คนชอบของเก่าคงตาโตเลยล่ะค่ะ



จะว่าไปแล้วคนยิวนี่เก่งมากนะคะ ที่สามารถทำชุมชนนี้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวได้ ซึ่งนอกจากจะเก็บเงินค่าเข้าชมแล้ว ยังทำให้นักท่องเที่ยวต้องเสียเงินซื้อของที่ระลึกอีก



ในส่วนของ Golden Lane นี้ ยังมีทางขึ้นไปยังที่ขังนักโทษสมัยก่อนด้วยค่ะ




Prison Tower นี่ ทำให้เห็นถึงความทารุณโหดร้ายของคนสมัยก่อน เวลาจองจำจะมีโซ่ตรวนรัดทั้งข้อมือข้อเท้า และมีเหล็กแหลมไว้คอยทิ่มแทงร่างกาย



นอกจากนั้น เมื่อมองลงไปดูด้านล่าง จะเห็นว่ายังมีซากโครงกระดูกเหลืออยู่ มองดูแล้วน่ากลัวเหลือเกินค่ะ






ออกจากส่วนที่เป็นหอจองจำนักโทษนี่แล้ว ก็หมดรายการของ Prague Castle ที่ซื้อตั๋วไว้ ถ้าใครดูวันเดียวไม่หมด สามารถมาดูวันรุ่งขึ้นได้อีก ให้สังเกตวันหมดอายุบนตั๋วด้วยค่ะ



....ทางที่เดินลงจากปราสาทจะมีจุดชมวิวอยู่ด้วย ตอนแรกเราตั้งใจว่าเมื่อเดินลงจากปราสาทแล้วจะเดินข้ามสะพานชาร์ลส์เพื่อข้าไปฝั่ง Old Town ดูนาฬิกาดาราศาสตร์กัน แต่พี่ตุ่มดูเวลาแล้วเห็นว่าเกือบบ่ายสามอยู่รอมร่อ ก็ฉันใช้เวลาที่ Prague Castle กว่า 5 ชั่วโมง พี่ตุ่มจึงบอกว่าให้นั่งรถรางไป 3 สถานีเพื่อย่นเวลาดีกว่า
ฉันเองก็ไม่ขัดข้องเพราะทราบมาว่า การเดินบนสะพานชาร์ลส์นั้น ให้เดินจากฝั่ง Old Town มายังฝั่งปราสาทจะได้วิวที่สวยกว่า





ฉันลงจากรถรางเลยสะพานชาร์ลส์ไปหน่อยแล้วเดินย้อนกลับ บรรยากาศรอบๆ ก็เหมือนกับในหนังสือต่างๆ ที่มีการพูดถึงสะพานชาร์ลส์ไว้


บริเวณนั้นจะมีคนแต่งชุดกะลาสียืนเรียกลูกค้าให้ลงเรือล่องแม่น้ำวัลตาวาเพื่อชมวิว ซึ่งก่อนมานั้น
ฉันคิดว่าจะลงเรือตอนเย็นชมวิวพร้อมดินเนอร์ในเรือด้วย แต่จากการที่ได้อ่าน comment ในเว็บต่างๆ ของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่วนใหญ่จะให้ความเห็นว่าเป็นโปรแกรมที่ไม่ได้เรื่อง เพราะเส้นทางสั้นมาก ไม่คุ้มค่า
ฉันจึงตัดรายการนี้ออกจากโปรแกรม




จากต้นสะพาน จะเจอ Power Tower (Power Gate) ก่อน ซึ่งแต่เดิมนั้นที่นี่ใช้เป็นที่เก็บดินประสิวจากนั้น 2 ฝั่งสะพานซ้ายขวา จะมีรูปปั้นนักบุญรวมทั้งสิ้น 31 องค์



ถ้าลองนับกันจริงๆ จะได้แค่ 30 เท่านั้น ส่วนองค์ที่ 31
ฉันเองก็ยังหาไม่เจอ ..จำได้จากหนังสือ "ปรากในรอยหนาว" เพียงว่านักบุญองค์ที่ 31 อยู่ใต้สะพาน แต่ฉันดันจำไม่ได้ว่าอยู่ฝั่งไหนของสะพาน พยายามหากันอยู่พักใหญ่ก็ยังไม่เจอ แถมช่วงที่ไปนั้นเขากำลังซ่อมสะพานอยู่ การถ่ายภาพนักบุญก็เลยทุลักทุเลพอสมควร






พูดถึงนักบุญบนสะพานชาร์ลส์ องค์ที่เป็นที่กล่าวขานมากที่สุดเห็นจะเป็น St.Nicolas ที่เชื่อกันว่า หากใครได้ไปสัมผัสหรือลูบคลำแล้วอธิษฐานจะได้สมดังหวัง ดูจากภาพก็คงจะเห็นว่ามีคนไปลูบกันมากมาย เลยทำให้ฐานของรูปปั้นเห็นเป็นทองสัมฤทธิ์เหลืองอร่ามขึ้นมาเลยค่ะ



หลังจากเดินสะพานชาร์ลส์ครบทั้งสองฝั่งแล้ว พี่ตุ่มก็พาเดินต่อไปยัง Old Town Square ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของปรากมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 10 เพื่อดูนาฬิกาดาราศาสตร์



ทุกชั่วโมงหน้าต่างนาฬิกาจะเปิดออก เห็นตุ๊กตาโผล่มาทักทาย พอถึงเวลา ผู้คนก็จะแห่มายืนมุงกันแน่น เพื่อดูช่วงเวลาสั้นๆ นี่ล่ะ





ใกล้ๆ กับนาฬิกาดาราศาสตร์ จะมีอนุสาวรีย์ของ Jan Haus นักสอนศาสนา ซึ่งถูกเผาทั้งเป็นกลางจตุจักรแห่งนี้ เนื่องจากถูกข้อหาว่าต่อต้านคริสตจักร การตายของเขาจึงกลายเป็นการจุดชนวนสงครามทางศาสนาครั้งใหญ่ และถือเป็นจุดกำเนิดของศาสนาคริสต์นิกายโปรแตสแตนท์ที่ยั่งยืนมาจนถึงปัจจุบัน






ศิลปะบนอาคาร





ไม่นานนัก พี่แต๋วก็ตามมาสมทบพร้อมกับลาญ่า พาไปเดินดูของที่ระลึกต่างๆ ในย่าน Old Town Square ตรอกเล็กซอยน้อยมีร้านค้ามากมายเต็มไปทั้งสองข้าง






ฉันใช้เวลาเดินดูในร้านของที่ระลึกไม่นานนัก มาเที่ยวครั้งนี้ฉันยึดหลัก window shopping ซะมากกว่าการชอปปิ้งอย่างจริงจัง แม้ว่าจะมีข้าวของดูน่าซื้อไปซะหมด




สำหรับอาหารมื้อเย็น พี่แต๋วก็ถามความเห็นว่าฉันอยากทานอะไร อาหารไทยหรืออาหารเช็ค ด้วยความเกรงใจฉันจึงบอกว่า




"อะไรก็ได้ พี่แต๋วแนะนำก็แล้วกันค่ะ"




ดังนั้น เธอจึงพาไปพลาเดียม ห้างสรรพสินค้าที่เพิ่งเปิดใหม่เมื่อปลายปี 2007 แต่พอเปิดได้สักครึ่งปีก็เกิดเพลิงไหม้ขึ้น ...ดูจากสภาพห้างแล้ว
ฉันคิดว่าคงจะพอเทียบได้กับสยามพารากอนบ้านเรานี่ล่ะ




ร้านอาหารที่พี่แต๋วพาไป คือ NORDSEE เป็นร้านอาหารแบบ self service คล้ายๆ fast food แต่ดูเมนูแต่ละอย่างที่จัดโชว์ไว้หน้าร้านแล้วพาลน้ำลายสอ เพราะสีสันสวยน่าหม่ำไปซะทุกอย่าง
ฉันเลือกสลัดกุ้งกับไข่ด้วยความที่อยากกินผักมากๆ เพราะมาเที่ยวนี่ไม่ค่อยได้เจออาหารประเภทผักเลย




แล้วพลันสายตาก็เหลือบไปเห็นลาซานญ่าชิ้นน่ากินสีเหลืองสวย จึงขออนุญาตสั่งเบิ้ลอีกหนึ่งจาน (ไม่ค่อยงกเท่าไหร่เลยนะคะ) พร้อมกับเลือกเครื่องดื่มเป็นไวน์แดงหนึ่งขวดเล็ก



พอถึงเวลาคิดเงินพี่แต๋วกลับไม่ยอมให้ฉันจ่าย บอกว่าไม่เคยให้เด็กออกตังค์ให้


...นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ฉันไม่ค่อยอยากรบกวนคนอื่น ดูสิคะ พี่แต๋วมาเทคแคร์แล้วยังต้องจ่ายตังค์ให้อีกอย่างนี้ ถ้าไม่เกรงใจก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว




จานขวามือนั่นคือลาซานญ่าที่ขอบอกว่าอร่อยมากที่สุดเท่าที่เคยชิมมาเลย จะเรียกว่า "อร่อยที่สุดในโลก" ก็ยังได้นะคะ
ฉันให้ทุกคนลองชิมดู พี่แต๋วเองที่เป็นคนชอบลาซานญ่าก็ยังออกปากว่าอร่อย ลาญ่าเองแรกๆ ก็เกรงใจไม่ยอมตักชิม แต่พอชิมคำหนึ่งแล้ว ก็อดที่จะตักคำที่สองไม่ได้


เพราะฉะนั้น ถ้าใครมีโอกาสได้ไปร้าน NORDSEE ที่ไหน ก็อยากจะให้ลองเมนูนี้ดูค่ะ




ฉันกลับไปถึงโรงแรมก่อนสองทุ่ม แต่ก็ไม่ได้ออกไปตระเวนราตรีหรือชมบรรยากาศของกรุงปรากยามค่ำคืน เลยไม่ได้สัมผัสว่าบรรยากาศจะเหมือนกับในหนังสายลับที่มักจะต้องกล่าวถึงการนัดพบที่กรุงปรากในยามวิกาลอยู่เสมอหรือไม่



ค่ำคืนสุดท้ายของที่นี่...
ฉันจึงยังถวิลหาความลึกลับของกรุงปรากอยู่จนถึงทุกวันนี้






 

Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2554
3 comments
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2554 23:28:28 น.
Counter : 1857 Pageviews.

 

ตอนเราไปปราสาทปิด เพราะปธน.เมกามาเยือน เซ้งมากเลยค่ะ เลยนั่งรถไป kunta hora นึกว่าหลงไปยุคสงครามโลกครั้งที่2ไงงั้น -_-'

 

โดย: abbykanitha IP: 101.108.178.179 20 สิงหาคม 2554 16:46:56 น.  

 

ตอนกลางคืนเงียบครับ มีร้านเบียร์ 2-3 ร้าน แต่เค้ากินกันเงียบๆ ผมเดินเที่ยวประมาณ 2 ชม. ทนความหนาวไม่ไหวเลยกลับมานอนตอนตี 2

 

โดย: Wut IP: 115.67.229.98 9 มีนาคม 2556 9:31:56 น.  

 

ป้าไปเที่ยวปรากเจ็ดวัน เดินเที่ยวทุกวันเมืองสะอาดน่าอยู่มาก ไปช่วงตุลาคมค่ะ อากาศยังไม่หนาวมากนัก

 

โดย: ป้าแก่ IP: 171.4.250.206 6 ตุลาคม 2556 15:57:08 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


แฮปปี้มีนา
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]









ทำงานในองค์กรภาครัฐ ใช้เวลาพักร้อนในแต่ละปีออกไปเปิดรับและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ในโลกใบนี้ตามลำพัง ...การออกไปเผชิญโลกภายนอกที่กว้างใหญ่ไม่จำเป็นต้องเก่งภาษามากมายขอแค่มีใจที่พร้อมจะเปิดรับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในระหว่างเดินทาง ทั้งสุข สนุก ตื่นเต้น การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้น จะทำให้เรามีโอกาสสัมผัสประสบการณ์ที่ไม่มีในหนังสือท่องเที่ยวเล่มไหนสอนไว้


New Comments
Group Blog
 
 
กุมภาพันธ์ 2554
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728 
 
5 กุมภาพันธ์ 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แฮปปี้มีนา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.