เล่าประสบการณ์ท่องเที่ยวในต่างประเทศ
Cesky Krumlov ไข่มุกงามแห่งโบฮีเมีย






หลังจากที่เช็คเอ๊าท์ออกจาก Gasthof Zuaner ฉันเดินไปที่ท่ารถเพื่อไปต่อรถไฟที่สถานี
Steeg-Gosau แว่บหนึ่งก็เกิดความรู้สึกอาลัยอาวรณ์ไม่อยากจาก Hallstatt ไปเลย อธิษฐานในใจว่าขอให้มีโอกาสกลับมาเยือนอีกสักเถอะ



ตอนรถบัสไปถึงที่สถานี รถไฟที่ต้องโดยสารไปมาจอดรออยู่แล้ว ฉันต้องนั่งไปลงที่สถานี Attnang-Puchheim แล้วเปลี่ยนขบวนไปลงที่สถานี Linz ในเวลาประมาณ 11.30น. มีเวลารอรถตู้ที่จะโดยสารข้ามไปประเทศเช็กเกือบชั่วโมง




หากนั่งรถไฟข้ามประเทศจาก Linz เพื่อไปเที่ยว Cesky Krumlov ประเทศเช็ก จะต้องใช้เวลาเดินทางนานหลายชั่วโมง ฉันหาข้อมูลในเน็ตพบว่ามีบริการ Shuttle Bus หรือรถตู้ของ Shuttle Lobo วิ่งรับส่งระหว่าง Linz ไป Crumlov ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงครึ่งเท่านั้น จึงติดต่อจองที่นั่งไว้โดยการเมล์แจ้งรายละเอียดวันเวลาที่จะใช้บริการไว้ล่วงหน้า ทางนั้นแจ้งมาว่ารถจะมารับเวลา 12.30น.



ช่วงที่รอก็คิดว่าจะมีการผิดพลาดได้บ้างไหมนะ เพราะไม่มีการโอนเงินล่วงหน้า ยืนคอยด้วยความกระวนกระวายใจพอสมควร พอเที่ยงสิบห้า ยังไม่มีวี่แววรถตู้ของ Shuttle Lobo รู้สึกใจไม่ดี นึกว่ารถจะมาจอดคอยผู้โดยสารก่อนสักครึ่งชั่วโมง เลยต้องหาอีเมล์ที่พริ้นท์ไว้ออกมาดูพร้อมกับหาเบอร์มือถือของ Shuttle Lobo มาเผื่อไว้หากจำเป็นต้องใช้



สถานีรถไฟ Linz ใหญ่และทันสมัย


ราว 12.25น. รถตู้ของ Shuttle Lobo ก็มาจอดหน้าสถานี Linz มีผู้โดยสารขามาจาก Krumlov ลงมาด้วย 5-6 คน เพื่อไม่เป็นการเสียเที่ยวเปล่านี่เอง ส่วนเที่ยวกลับจาก Linz นอกจากฉันแล้ว ยังคู่สามีภรรยาชาวแคนาดาและหนุ่มน้อยอเมริกันอีกหนึ่งคน รวมแล้วเที่ยวนี้มีผู้โดยสารเพียงสี่คนเท่านั้น ผู้โดยสารคนอื่นจ่ายค่าโดยสารก่อนขึ้นรถเป็นเงินยูโรหมด ค่าโดยสาร 399CZK (สกุลเงินโครูน่าหรือเช็กคราวน์ อัตราประมาณ 1 CZK = 2 บาท) ฉันขอจ่ายเป็นเงินดอลล่าร์ เนื่องจากเงินยูโรที่แลกมาเหลือไม่พอจ่าย แต่คนขับไม่ทราบอัตราแลกเปลี่ยน จึงให้ฉันไปจ่ายที่ Krumlov ละกัน แหม!! รูปหล่อแล้วยังใจดีอีกต่างหาก



ฉันคิดว่าจะของีบในรถตู้ช่วงระหว่างการเดินทางนี่สักหน่อย เนื่องจากฤทธิ์กาแฟหลังมื้อค่ำเมื่อคืนนี้รึเปล่าไม่ทราบที่ทำให้ตื่นขึ้นมาตอนตีสาม กว่าจะหลับได้อีกทีก็เกือบตีห้า แล้วยังต้องมาแบกกระเป๋าหนักวันนี้อีก จึงออกจะเพลียบ้าง



...แต่ก็หลับไม่ลงหรอกค่ะ ได้เพียงแค่ปิดตาฟังพ่อหนุ่มช่างเม้าท์เล่าโน้นเล่านี่ให้คู่แคนาเดี้ยนฟังว่า เขาเพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัย ก็เลยมาเที่ยวยุโรปก่อนที่จะเริ่มทำงาน เพราะรู้ว่าทำงานแล้วคงหาโอกาสเที่ยวได้ยาก ..เขาเพิ่งจะ search ข้อมูลในเน็ตเมื่อคืนนี้ แล้วก็เลยอีเมล์จองรถตู้เพื่อจะข้ามไปเที่ยวปรากโดยแวะเที่ยว Krumlov ก่อนนี่แหละ



จะว่าไปแล้วฉันนับถือความคิดและทัศนคติของพ่อหนุ่มคนนี้ในหลายๆ เรื่องเลยนะ นอกจากฟังเขาเล่าว่าไปเที่ยวที่ไหนมาบ้าง และจะไปเที่ยวที่ไหนต่อเป็นเดือนๆ เขายังคุยและให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องการเมืองได้อย่างดุเด็ดเผ็ดร้อนไม่เบาเลย วิจารณ์นโยบายของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาทั้งของฮิลลารี่ คลินตัน และบารัก โอบามา ...ทำให้เห็นว่าเขาไม่ใช่คนที่เที่ยวลอยละล่องอย่างไร้แก่นสารเลย



คู่แคนาเดี้ยนและพ่อหนุ่มหันมาคุยกับฉันบ้างเป็นครั้งคราว จนกระทั่งเข้าสู่ตัวเมือง Krumlov คนขับแวะไปส่งคู่แคนาเดี้ยนที่โรงแรมก่อน แล้วขับรถพาฉันไปกดเงินจากตู้เอทีเอ็มเพื่อจ่ายค่าโดยสาร



...แนะนำให้พกบัตรเอทีเอ็มติดตัวไปด้วยนะคะ เฉพาะใบที่มีเครื่องหมายหลังบัตรเป็น PLUS หรือ POOL เพราะจะได้เงินของประเทศนั้นๆ เลยในอัตราแลกเปลี่ยนของวันนั้น สำหรับธนาคารกรุงเทพคิดค่ากดครั้งละ 100 บาทโดยไม่คิดค่าธรรมเนียมอัตราแลกเปลี่ยน



รถก็มาจอดส่งฉันที่ The Old Inn Hotel ก่อน มีหนุ่มน้อยอเมริกันนั่งรถต่อไปเป็นคนสุดท้าย ฉันเข้าเช็คอินโดยยื่นเอกสารที่จองจาก www.otel.com ให้พนักงานที่เคาน์เตอร์ ทางโรงแรมจะขอตรวจพาสปอร์ตด้วยเพราะตอนนั่งรถตู้ข้ามชายแดนมานั้น ไม่มีการตรวจลงตราแต่อย่างใด เนื่องจากประเทศเช็กเข้ากลุ่มวีซ่าเชงเก้นเมื่อตอนต้นปี 2008 นี่เอง



The Old Inn Hotel อยู่ใจกลางจัตุรัสเมือง (Old Town Square หรือ Namesti Svornosti) จึงมองเห็นผู้คนมาชุมนุมกันที่จัตุรัสแห่งนี้ค่อนข้างเยอะ



Old Town Square



The Marian Plague Column with Fountain
เสาศิลาและน้ำพุกลางจัตุรัส ที่กำลังซ่อมแซมช่วงฐานล่าง



Info Centrum หรือ Tourist Information


ฉันไม่ลืมที่จะเข้าไปขอข้อมูลเพิ่มเติมที่ Info Centrum (Tourist Information) ซึ่งอยู่ตรงจัตุรัสเช่นกัน มีเจ้าหน้าที่ให้บริการอยู่หลายคน บริการอยู่ในขั้นที่ดีมากเลย เพราะมีแทบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอินเตอร์เน็ต (นาทีละ 1CZK) แลกเปลี่ยนเงินตรา ข้อมูลต่างๆ รวมทั้ง Tourist Shop ซึ่งขายแผนที่ แสตมป์และโปสการ์ดต่างๆ ในราคาที่ถูกกว่าข้างนอก



ฉันใช้บริการอาหารมื้อเย็นในห้องอาหารของโรงแรม มื้อนี้สั่งอาหารท้องถิ่นคือ Old Bohemian Onion Soup with Bread และจานหลักเป็น Pork Serloin (ที่จริงอยากลิ้มลองคอหมูที่อยู่ในเมนูรูมเซอร์วิสมากกว่า แต่ที่ห้องอาหารนี่กลับไม่มี)




Old Bohemian Onion Soup with Bread


ตอนที่พนักงานนำ Old Bohemian Onion Soup with Bread หรือซุปหัวหอมสไตล์โบฮีเมียน มาเสิร์ฟ รู้สึกว่าหน้าตาไม่ค่อยชวนชิมนัก อาจจะเป็นเพราะสีออกน้ำตาลดำๆ แต่พอชิมแล้วต้องบอกว่าอร่อยมากๆ เลย เป็นซุปใสใส่หัวหอม มีหมูสามชั้นหั่นชิ้นเล็กๆ ใส่ขนมปังหั่นเป็นท่อนเล็กทอดกรอบ มีชีสใส่อยู่ทั้งด้านบนและด้านล่าง ถ้วยนี้ราคา 45CZK



Pork Serloin


อาหารจานหลักแม้ว่าหน้าตาจะชวนชิม แต่เนื่องจากเป็นหมูส่วนที่ไม่มีมันเอาซะเลย แถมยังเห็นเนื้อสีแดงอยู่ด้วย จึงไม่ค่อยถูกใจสักเท่าไหร่ ส่วนรสชาติถือว่าไม่เลว เครื่องเคียงพวกผักนำไปย่างแล้วราดด้วยซอส อร่อยหรือไม่อร่อยก็เกลี้ยงล่ะค่ะ จานนี้ราคา 240CZK เบียร์ 1/3 ลิตรหนึ่งแก้ว 40CZK รวมแล้วอิ่มท้องในราคา 325CZK



บรรยากาศน่านั่งชมวิว



ชอบสไตล์การตกแต่งประดับประดาด้วยต้นไม้แบบนี้



เพราะเห็นบรรยากาศด้านหน้าของโรงแรมน่านั่งมาก นึกว่าจะออกไปนั่งซึมซับบรรยากาศ แต่ปรากฏว่าไม่ไหวค่ะ ลมหนาวพัดมาทียะเยือกเชียว จึงเปลี่ยนใจเดินสำรวจรอบๆ โรงแรมที่พัก แล้วก็กลับขึ้นไปพักผ่อนเนื่องจากเหนื่อยจากการเดินทาง



ห้องพักค่อนข้างเลิศหรูโดยเฉพาะห้องน้ำใหญ่ดี ใหญ่พอกับส่วนที่เป็นห้องนอนเลย ฉันชอบราวตากผ้าที่มี heater ในตัว ทำให้ซักผ้าแล้วตากแห้งได้อย่างรวดเร็วมาก ราคา 47 ยูโรต่อคืนรวมอาหารเช้าด้วย ฉันให้คะแนนที่นี่ในด้านความพึงพอใจและความคุ้มค่ามากที่สุดสำหรับทริปนี้



อาหารเช้าที่นี่ให้ลูกค้าได้อิ่มท้องอย่างเต็มที่


ฉันเริ่มต้นการเที่ยวในวันที่หกด้วยการตรงดิ่งไปที่ปราสาท Cesky Krumlov ราวเก้าโมงเศษ ..เชิงบันไดทางขึ้นมีร้าน ChequePoint รับแลกเปลี่ยนเงิน ฉันเห็นป้ายติดไว้ว่า 0%commission ก็ไม่ได้ดูอย่างอื่นเลย ตรงเข้าไปแลกเงินดอลล่าร์ที่มีอยู่ อัตราแลกเปลี่ยนด้านนอกติดไว้ว่าหนึ่งดอลล์เท่ากับสิบหกบาทกว่า แต่พอแลกเข้าจริงกลับได้ในอัตราหนึ่งดอลล์เท่ากับ 12.83 เท่านั้น ดังนั้น ก่อนแลกควรจะถามหรือสำรวจราคาซื้อขายสกุลเงินของแต่ละที่ก่อนน่าจะดีกว่า ..นี่เป็นการแลกเงินด้วยตัวเองเป็นครั้งแรก จึงถือเป็นบทเรียนไป



chequepoint




ทางขึ้นปราสาท ด้านที่มีร้าน chequepoint



ทางเข้าปราสาท ส่วนที่เรียกว่า Red Gate


ส่วนแรกของการเข้าชมในปราสาท คือ The Castle Tower เป็น Individual Tour ต้องซื้อตั๋วราคา 45CZK ขึ้นไปชมข้างบน มองเห็นวิวเมือง Krumlov โดยรอบ ทางเดินขึ้นเป็นบันไดวนค่อนข้างแคบ มีเชือกขึงไว้ตามแนวไว้ให้ยึด หากมีคนเดินสวนมาเวลาหลบอาจจะลำบากบ้างสำหรับคนตัวใหญ่



The Castle Tower






เดินบันไดวนขึ้นไปชม


บันไดที่จะทอดไปถึงบนยอดนั้นมีทั้งหมด 162 ขั้น ขึ้นไปถึงก็หมดแรง พอจะหายเหนื่อยได้ก็จากวิวเมือง เห็นหลังคาสีส้มเต็มไปหมด โค้งน้ำ Valtava ไหลคดโค้งโอบล้อมเมืองไว้จนเห็นเป็นรูปหยดน้ำ



ก่อนถึงยอดจะมีโมเดล Castle Tower ทำด้วยไม้จำลองไว้ในตู้กระจก





เหมือนเขตพระราชฐานในเทพนิยาย









บ้านเรือนคดโค้งไปตามแม่น้ำวัลตาวา









ภาพเต็มจากโปสการ์ดอีกครั้ง จะเห็นเมืองเป็นเหมือนหยดน้ำ



ปราสาทครุมลอฟแห่งนี้ เป็นปราสาทที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศเช็กรองจากปราสาทปราก (Prague Castle) ได้รับการขึ้นบัญชีให้เป็นมรดกโลกทั้งทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติจากยูเนสโก ในปี ค.ศ. 1992 จะเห็นว่าตัวหอคอย (Castle Tower) มีสีสะดุดตามาก ส่วนตัวอาคารเป็นสถาปัตยกรรมที่เน้นการเล่นลายปูนปั้น ผนังของปราสาททำด้วยปูนแกะเป็นบล็อกให้เป็นสีเหลือง ฉาบปูนเรียบเป็นระยะๆ แล้วทำเป็นขอบนูนเด่นขึ้นมาคล้ายกรอบรูป แม้ว่าจะผ่านมาหลายร้อยปีแล้วแต่ลวดลายและสีเดิมยังคงความงดงามไว้



สีและลวดลายสะดุดตา

จากนั้นฉันไปที่ Box office เพื่อซื้อตั๋วเข้าชมปราสาท ในส่วนนี้จะมี 2 route ที่จะต้องเสียเงินค่าเข้า เสียดายในวันที่ฉันไป route2 ปิด จึงได้แต่ซื้อตั๋วของ route1 ซึ่งเป็น Third Court Yard จากข้อมูลของคนไทยที่แนะนำไว้ในเน็ตให้ซื้อทัวร์ภาษาท้องถิ่น จะราคาถูกกว่า คือ 130CZK ส่วนภาษาอังกฤษ 230CZK ราคาต่างกันเท่าตัวเลยนะ แต่ฉันตัดสินใจยอมจ่ายแพงหน่อยเพราะคิดว่าฟังภาษาอังกฤษพอรู้เรื่องและน่าจะได้อรรถรสกว่าการเข้าชมแล้วฟังไม่รู้เรื่อง



ระหว่างรอก็เก็บภาพโดยรอบ



พอได้เวลา อดัม-ไกด์หนุ่มใส่แว่นก็มาเปิดประตูทางเข้าปราสาท พูดภาษาอังกฤษสำเนียงเช็ก ฟังยากนิดหน่อยแต่ก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรงนัก น่าแปลกใจที่เช้าวันเสาร์อย่างนี้ กลับยังไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเท่าไหร่ รอบนี้มีนักท่องเที่ยวซื้อทัวร์ภาษาอังกฤษเพียง 5 คนเท่านั้น เป็นฝรั่งหนุ่มหนึ่งคนพร้อมแฟนสาวชาวเอเชีย ที่เหลือเป็นสาวผมดำหมดเลยรวมทั้งฉันด้วย หน้าตาเป็นหมวยกันทั้งนั้น


ด้านในนี่ห้ามถ่ายรูปนะคะ


อดัมพาชมห้องต่างๆ ทั้งห้องนอน ห้องกินข้าว ห้องรับแขก รถลากสีทองอร่าม และห้องเต้นรำสวมหน้ากากอันอลังการของตระกูลชวาร์เซนเบิร์กส์ โดยเขาเล่ารายละเอียดต่างๆ ประกอบไปด้วยตำนานและความเชื่อเกี่ยวกับปราสาทหลังนี้ ตำนานหนึ่งที่เล่าขานกันมานานมากคือเรื่องราวของสาวสวยทายาทตระกูลโรเซนเบิร์ก ซึ่งเรียกขานกันว่า White Lady ถูกจับคลุมถุงชนให้แต่งงานกับขุนนางม่ายแห่งลิกเตนสไตน์ซึ่งมีนิสัยมุทะลุดุดัน จึงทำให้เธอทุกข์ระทมแสนสาหัส เนื่องจากต้องเผชิญกับสามีที่ร้ายกาจแล้ว ยังถูกแม่และน้องสาวของภรรยาเก่ากลั่นแกล้งอีก ..ตรงนี้ชักจะเหมือนละครน้ำเน่าบ้านฉันแล้วล่ะค่ะ.. ต่อมาเมื่อสามีตายเธอจึงกลับคืนสู่ปราสาทครุมลอฟ แต่อยู่ในสภาพคนอมทุกข์ และจากโลกนี้ไปในวัยก่อน 50 ปี จึงมีเรื่องเล่าขานกันต่อมาว่าเธอมักสวมชุดขาวบริสุทธิ์มาเข้าฝันคนในตระกูล หากเมื่อใดฝันเห็นเธอสวมถุงมือสีดำและใบหน้าเคร่งขรึม มักจะเกิดเหตุร้ายขึ้นในปราสาทเสมอ ..ทุกวันนี้ก็ยังเชื่อว่าเธอยังวนเวียนอยู่ในปราสาทแห่งนี้



มีมุขตลกจากอดัมแทรกเข้ามาว่า เมื่อคืนเขาก็เห็น White Lady มาหลอกเขาด้วย (อดัมเรียก White Lady เป็นควีนด้วยค่ะ) แต่พูดไปพูดมาบอกว่าสงสัยว่าเมื่อคืนเขาคงจะดื่มหนักไปหน่อยเลยเพ้อเจ้อ ฉันเลยหัวฉันะก๊ากออกมาดังๆ กับหน้าตาท่าทางของอดัม



....ไม่รู้ว่าตั้งใจจะให้คนฟังขำรึเปล่า อาจจะเพราะเห็นลูกทัวร์กรุ๊ปเล็กนี้ไม่ค่อยจะช่างซักช่างถามเอาเสียเลย ฉันเองถามเฉพาะในส่วนที่ตัวเองสนใจเท่านั้น ส่วนที่เป็นประวัติศาสตร์ไม่รู้จะถามอะไรเหมือนกัน ไม่เคยรู้เรื่องบ้านเขามาก่อน ส่วนอีกสามสาวก็ฟังอย่างเดียว จะมีก็แต่หนุ่มฝรั่งเท่านั้นที่สนใจซักถามมากกว่าคนอื่น



The "Na plasti" Bridge


เป็นสะพานเชื่อมต่อระหว่างปราสาทช่วง The 4th courtyard ตรงที่มีห้องเต้นรำสวมหน้ากาก (The Masquarade Hall) และส่วนอื่นเช่น สวน (Castle Garden) และโรงละคร (Castle Theater) ...ในการเดินเที่ยวชมปราสาทให้สนุกและพอเข้าใจเรื่องราวได้ ควรซื้อแผนที่ของสถานที่นั้นๆ ประกอบการเข้าชมด้วย เพราะมีรายละเอียดบอกว่าควรจะดูจุดใดบ้าง แต่ละจุดมีอะไรเป็นจุดเด่น อย่างเช่น Cesky Krumlov detailed guide map ที่ฉันซื้อเป็นกระดาษอาร์ตสี่สี ราคา 89CZK



หลังจากเดินชมปราสาทส่วนต่างๆ เสร็จ ก็เดินย้อนกลับมาที่จัตุรัสเมือง ระหว่างทางมีรถเจ้าบ่าวเจ้าสาวและขบวนติดตามหลายคันขับมาตามถนน บีบแตรดังลั่นตลอดเวลา แล้วไปจอดอยู่ที่จัตุรัสหน้าสถานีตำรวจและ Info Centrum ปรากฏว่ามีคู่บ่าวสาวมาทำพิธีแต่งงานกันที่นี่ ไม่แน่ใจว่าเป็นคนในครุมลอฟหรือไม่ เพราะที่ Krumlov ได้ชื่อว่าเป็นเมืองโรแมนติก มีโฆษณาเชิญชวนให้มาทำพิธีแต่งงานที่นี่อยู่เสมอ


..ดูจากรูปจะเห็นเจ้าบ่าวหนวดเฟิ้ม ตอนแรกฉันคิดว่าเป็นพ่อเจ้าสาวเสียอีก



พิธีแต่งงานกลางจัตุรัส Old Town Square


หลังคู่บ่าวสาวเข้าไปในสถานีตำรวจ (คงเข้าไปจดทะเบียน) ฉันเริ่มมองหามื้อกลางวัน มีร้านรวงให้เลือกค่อนข้างมากค่ะ สุดท้ายก็ตัดสินใจแวะที่ Hospoda Hotel ซึ่งเป็นร้านอาหารแบบมีห้องพักให้บริการด้วย แล้วก็เลือกเมนูที่อยากลองตั้งแต่เมื่อวานแล้ว คือ เมนูคอหมูอบซอส ที่เสิร์ฟมากับผักกะหล่ำปลีดองเปรี้ยวหวานและแป้งมันบดนึ่งสุกคล้ายๆ หมั่นโถวหั่นเป็นชิ้นบางๆ



...ส่วนของคอหมูเนี่ยถูกใจมากเพราะนุ่มจริงๆ ไม่ค่อยมีมันด้วย ราคาเพียงแค่ 69CZK เบียร์แก้วเล็ก 1/3 ลิตร 15CZK ถูกมากเมื่อเทียบกับเมนูรูมเซอร์วิสของโรงแรมที่อยู่ในราคา 350CZK ..เสียดายที่ยังไม่มีโอกาสได้ลิ้มลองเบียร์บัดไวเซอร์ซึ่งที่นี่เป็นต้นตำรับ แล้วอเมริกามาขอซื้อสิทธิ์ไปผลิตจำหน่ายทั่วโลกเลยค่ะ




คอหมูอบแสนนุ่มและอร่อยกับกะหล่ำปลีดองเปรี้ยวหวาน



สีสันบาดใจ ติดกับร้าน Piazza Cafe' คือ Hospoda Hotel ที่เข้าไปใช้บริการคอหมูอบ


อิ่มมื้อกลางวันแล้วฉันก็ย้อนกลับไปที่โรงแรม ถามพนักงานเคาน์เตอร์ว่าสถานีรถบัสอยู่ที่ไหน เขาบอกว่าเดินประมาณ 10 นาที ถ้าใช้บริการแท็กซี่โรงแรมก็ราคา 100CZK ฉันยังไม่ตกลงใจบอกว่าจะมาบอกอีกทีถ้าต้องการใช้บริการ



พื้นหินขนาดย่อม


เดินสำรวจเมืองไปเรื่อยๆ ตั้งใจจะเดินไปดูสถานีรถบัสด้วย ตามเส้นทางในแผนที่ซึ่งถ้าเป็น 10 นาทีจริง ก็เดินไม่ไกลเท่าไหร่ ไม่น่ามีปัญหา ...แต่ที่เป็นอุปสรรคเห็นจะเป็นเรื่องทางเดินซึ่งถูกเรียงด้วยหินก้อนใหญ่ๆ ขนาดเดินอย่างเดียวยังเจ็บเท้า พื้นไม่เพียงแต่เป็นหินก้อนใหญ่อย่างเดียวเท่านั้น การจัดเรียงก็ไม่สม่ำเสมอ จะสูงต่ำกันไป ฉันเดินจนถึงสถานีรถบัส คำนวณว่าหากลากกระเป๋าด้วยน่าจะใช้เวลาประมาณ 20 นาที คิดว่าคงจะเลือกใช้บริการแท็กซี่ของโรงแรมดีกว่า เพราะดูแล้วน่าจะไม่คุ้มกับการประหยัดค่าแท็กซี่ 200 บาท แต่อาจต้องเสียค่าซ่อมล้อกระเป๋าเป็นพัน หรืออาจจะใช้ไม่ได้อีกเลย




ชอบลวดลายงานศิลป์



Oberbank มีให้เห็นทั่วยุโรป



ห้องน้ำอยู่ใจกลางเมือง ติดตู้โทรศัพท์อย่างนี้ จะมีใครใช้บริการบ้างไหมหนอ




ติดกับ The Old Inn Hotel เป็นภัตตาคารจีน และศาลาว่าการเมือง



เป็นที่น่าสังเกตอยู่อย่างหนึ่งว่า มีทัวร์นักท่องเที่ยวชาวจีนมาเที่ยวที่นี่มาก ส่วนใหญ่ค่อนข้างสูงวัย ฉันเคยอ่านพบว่าเขากำลังทำโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีน จึงไม่น่าแปลกใจที่ภัตตาคารจีนจะมีคนเข้าออกอยู่ตลอดเวลา



....ก็ไม่รู้ว่าต่อไปคนจีนจะเที่ยวบ้านฉันน้อยลงเพราะถูกประเทศอื่นดึงดูดไปหมดรึเปล่านะคะ




ตอนเดินสำรวจบ้านเรือน จะเห็นว่ามีร้าน BATA หรือรองเท้าบาจาของบ้านฉันไปเปิดอยู่ด้วยค่ะ



..อ้อ!! ฉันใช้คำว่าของบ้านฉันคงจะไม่ถูกนัก เพราะเท่าที่สอบถามมา ประเทศเช็กก็บอกว่ายี่ห้อนี้มีในบ้านเขามานมนานกาเลแล้ว มีคนเล่าประวัติให้ฟังว่าเดิมเป็นของเยอรมัน แต่มาตั้งกิจการในประเทศเช็กแล้วเกิดเปลี่ยนมือ จริงเท็จอย่างไรก็ไม่รู้ แต่จากที่ฉันเห็นในประเทศเช็ก มีร้านบาจานี่อยู่ทุกเมืองที่ไป การออกแบบและสไตล์ของรองเท้า จัดว่าสวยและทันสมัยมาก มีทั้งแบบเน้นแฟชั่น รองเท้าวัยรุ่น รองเท้าคนทำงานและเด็ก ผิดกับในบ้านฉัน ถ้าหากพูดถึงรองเท้าบาจา ฉันคงนึกถึงรองเท้านักเรียน หรือรองเท้าผู้ใหญ่ที่แบบค่อนข้างเชย



บาเอ๋ยบาจา



หลังสีส้มคือ Wax Museum พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง



Pension
"พังสิโอน"
รือที่พัก แต่งลวดลายสวยงาม



Music Bar สีหวานชวนเข้า







หลากมุมมองของปราสาท



บนสะพาน Lazebnicky (Barber Bridge) เป็นสะพานเล็กๆ ที่ข้ามลำน้ำวัลตาวา เชื่อมระหว่างจัตรัสเมืองกับปราสาทครุมลอฟ มีรูปปั้นนักบุญจอห์น เนโปมุก ประดับราวสะพาน นักท่องเที่ยวนิยมมาดื่มด่ำบรรยากาศ ณ สะพานนี้


...ที่จริงก็เกือบทุกสะพานที่มีบรรยากาศให้ดื่มด่ำ อาจจะเพราะมองเห็นตัวปราสาท และเห็นบรรยากาศริมฝั่งน้ำวัลตาวาทั้งสองข้าง เห็นหนุ่มสาวมายืนกุมมือจู๋จี๋กันอยู่หลายคู่ โรแมนติกจริงๆ ค่ะ



นักบุญจอห์น เนโปมุก



ร้านอาหารริมน้ำมีให้เห็นตลอดเส้นทาง



งดงามเมื่อเห็นโบสถ์ยอดแหลมอยู่เบื้องหลัง



อยากมีบ้านหลังน้อยริมน้ำแบบนี้สักหลังจัง




มุมหนึ่งของปราสาท



...และอีกมุม


เพื่อกลับเข้าเมืองรอบใน เดินรอบนอกวนกลับมาที่ประตูนี้


ระหว่างทางเดินกลับผ่านร้านช็อกโกแลต เห็นแล้วอดใจเปิดเข้าไปดูไม่ได้ มีมากมายหลายสิบชนิด ขีดละประมาณ 79 คราวน์ สำหรับคนรักช็อกโกแลตแล้ว รับรองว่าไม่ผิดหวัง ฉันเลือกซื้อติดตัวไว้กินเล่นหรือรองท้อง



รวมพลคนรักช็อกโกแลต


มื้อเย็นคืนที่สองที่ครุมลอฟ ฉันก็ยังใช้บริการที่ร้านอาหารของโรงแรม พนักงานนำเมนูมาให้ กวาดสายตาดูก็ไม่ลืมสั่งซุปหัวหอมที่ติดใจตั้งแต่คืนแรก จานหลักยังคงสั่ง Czech Cruisine เห็นชื่อ Roast Pork Knee with Horseradish and Vegetable ไม่รู้ว่าคนอื่นเห็นแล้วคิดอย่างไรนะคะ ส่วนฉันเองนึกถึงขาหมูชิ้นประมาณจานสเต็ก ...พอสาวเสิร์ฟมาส่งเท่านั้นแหละค่ะ ฉันตกใจแทบตกเก้าอี้เลยจริงๆ



Roast Pork Knee with Horseradish and Vegetable


ขาหมูย่างมาแบบทั้งขา นึกถึงขาหมูเยอรมันเวลาไปสั่งตามโรงเบียร์บ้านฉัน... สีส้มนั่นเป็นแอปเปิ้ลผ่าครึ่งนะคะ คงจะพอนึกออกว่าขานี้ขนาดใหญ่โตเพียงไหน พนักงานเสิร์ฟเห็นฉันตกใจพร้อมกับหัวฉันะลั่น เลยไม่แน่ใจว่ายังสติดีอยู่รึเปล่า เข้ามาถามฉันว่า "โอเคมั้ยคะ"



ฉันตอบว่าก็โอเคนะคะ แต่มันใหญ่เกินไปค่ะ ..คำนวณดูแล้วขาขนาดนี้น่าจะเป็นเมนูสำหรับ 4 คน สาวเสิร์ฟผู้แต่งตัวสวยแบบสาวโบฮีเมียนแท้ก็เดินวนเวียนคอยดูคอยถามและยิ้มให้กำลังใจฉันตลอดเวลา จนอดไม่ได้ที่จะพูดเล่นไปว่า ขอกลับไปนอนเล่นที่ห้องก่อนแล้วค่อยกลับมากินต่อได้มั้ย



..แหม! นี่ขนาดฉันใช้ความสามารถเฉพาะตัวเท่าที่มีทั้งหมดแล้ว หมดไปแค่ครึ่งขาเอง เสียเงินแล้วยังต้องมานั่งจุกซะอีก



อาการอย่างนี้ต้องเดินย่อยอาหารอย่างเดียวค่ะ สองทุ่มเป็นเวลาที่กำลังดี ท้องฟ้ามืดพอเหมาะที่จะถ่ายภาพปราสาทในยามค่ำคืน ตามแนวรอบปราสาทจะเปิดไฟสว่างไสว ได้อีกบรรยากาศหนึ่งของครุมลอฟ







เปิดหน้ากล้องไม่เท่ากัน ได้ภาพคนละอารมณ์



ไม่ใช้แฟลช ไม่ใช้ขาตั้งกล้อง ISO 1000 มือนิ่งได้แค่นี้เอง



บอกแล้วว่าโรแมนติก



หน้าโรงแรมยามค่ำคืน


สำรวจครุมลอฟยามค่ำคืนแล้วก็กลับมาแพ็คกระเป๋าและพักผ่อน เพื่อเตรียมอำลาเมืองไข่มุกงามแห่งโบฮีเมียในวันรุ่งขึ้นค่ะ







Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2554
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2554 23:10:04 น. 0 comments
Counter : 1395 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แฮปปี้มีนา
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]









ทำงานในองค์กรภาครัฐ ใช้เวลาพักร้อนในแต่ละปีออกไปเปิดรับและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ในโลกใบนี้ตามลำพัง ...การออกไปเผชิญโลกภายนอกที่กว้างใหญ่ไม่จำเป็นต้องเก่งภาษามากมายขอแค่มีใจที่พร้อมจะเปิดรับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในระหว่างเดินทาง ทั้งสุข สนุก ตื่นเต้น การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้น จะทำให้เรามีโอกาสสัมผัสประสบการณ์ที่ไม่มีในหนังสือท่องเที่ยวเล่มไหนสอนไว้


New Comments
Group Blog
 
 
กุมภาพันธ์ 2554
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728 
 
2 กุมภาพันธ์ 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แฮปปี้มีนา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.